“การเหยียบย่ำผู้อื่น ถ้าหากสามารถพัฒนาตนเองได้ คิดว่าตำแหน่งยอดบุปผาของงานชมดอกฉยงฮวาข้าคงไม่จำเป็ต้องพยายามอีกแล้วเพียงแค่ทำตัวเหมือนหญิงไร้ยางอาย ยืนอยู่กลางถนนปล่อยให้ผู้คนรุมด่าก็พอ สบายซ้ำยังประหยัดแรงประหยัดเวลาอีกด้วย” ถ้าหากเป็ซูฉีฉีในอดีตจะต้องเก็บเอาความิ่หยามนี้ไว้ในใจมิแสดงออกมาเป็แน่ แต่ว่าวันนี้นางคือเซียวซู่ซู่
จะไม่ยอมให้ใครมาดูถูกกลั่นแกล้งนางเช่นนั้นได้อีก
ยิ่งไม่ยอมให้ใครตีโดยไม่สวนกลับถูกด่ายังไม่คิดจะโต้กลับอย่างแน่นอน
เสียงของเซียวซู่ซู่ไม่ดังมากแต่กลับกลบเสียงหัวเราะของหญิงสาวคนอื่นๆ ได้สนิท อีกทั้งทุกๆ คำพูดล้วนเชือดเฉือนมิได้ฟังดูย่ำแย่ไปกว่าคำพูดของพวกนาง แต่กลับแหลมคมมากกว่ามากนัก
ทุกคำเฉียบคมดุจมีดแหลม ทำให้เหล่าคุณหนูต่างก็รู้สึกอับอายขายหน้า
หญิงไร้ยางอายคำนี้ พูดแรงเกินไปอยู่บ้าง
ฮวาเชียนจือเองก็เงยหน้าขึ้นมองไปทางเซียวซู่ซู่การใช้ความอ่อนสยบความแข็งเช่นนี้ทำได้เป็อย่างดี อีกทั้งยังทำให้ฝ่ายตรงข้ามไม่สามารถสวนกลับได้ นี่ทำให้นางนึกถึงซูฉีฉีอีกครั้งแม้ว่าสุดท้ายนางจะได้ชัยชนะ แต่กลับสูญเสียสิ่งที่นางอยากได้ที่สุดคนที่นาง้าที่สุด อีกทั้งเซียวซู่ซู่ยังแข็งแกร่งกว่าซูฉีฉีในตอนแรกมากนัก ซ้ำยังเป็คู่ต่อสู้ของนางเช่นกัน
“เ้า...”หญิงสาวทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนั้นก็ล้วนตวัดสายตามองไปทางเซียวซู่ซู่ตอนนี้ดูเหมือนพวกนางจะลืมไปแล้วว่าเื่นี้พวกนางเป็คนเริ่มก่อน อีกทั้งยังไม่มีคำพูดที่จะต่อว่านางกลับ
หญิงสาวชุดสีม่วงที่เริ่มเื่ขึ้นมาก่อนนั้นมีสีหน้าแดงก่ำจากโทสะที่พุ่งทะยานขึ้นนางจ้องไปที่เซียวซู่ซู่อย่างโกรธแค้น แต่กลับไม่สามารถเอ่ยคำพูดโต้กลับได้
นางอยากจะตบเซียวซู่ซู่สักฉาดหนึ่งเดิมเป็เพียงแค่คนปัญญาอ่อนเท่านั้น ตอนนี้กลับกล้ากำเริบเสิบสานถึงเพียงนี้ อีกทั้งยังมีองค์ชายใหญ่คอยปกป้องอยู่เื้ั
เมื่อครู่นางเพียงแค่ร้อนใจไปบ้างเพียงแค่รั้งปากไว้ไม่อยู่ ความจริงนางดูออกว่าจากท่าทางขององค์ชายใหญ่แล้วเซียวซู่ซู่มีโอกาสสูงสุดที่จะมารับตำแหน่งพระชายา เป็เพราะเหตุนี้นางจึงได้ตั้งใจหาเื่เซียวซู่ซู่
ตอนนี้กลับถูกเซียวซู่ซู่เอ่ยสวนกลับมา นางก็ได้แต่อดกลั้นเอาไว้
“แปะๆๆ!”
มีเสียงหนึ่งดังขึ้น
ไม่ไกลนัก ทางอีกฝั่งหนึ่งของเรือสวี่เว่ยหรานที่สวมใส่ชุดสีขาวบริสุทธิ์กำลังยืนอยู่ตรงตำแหน่งหัวเรือ ท่าทางผ่อนคลายสบายๆ
โครงหน้าแฝงไปด้วยความอ่อนโยนสีหน้าราบเรียบดุจผืนน้ำที่ไร้คลื่น แววตาเองก็ใสกระจ่าง ไร้สิ่งมัวหมอง
ความจริงแล้วสวี่เว่ยหรานเป็แขกที่ไม่ได้รับเชิญ แต่การปรากฏตัวตอนนี้ของเขาก็ทำให้บรรยากาศที่ตึงเครียดผ่อนคลายลงไม่น้อย
เดิมเซียวเอินคิดจะรุดหน้าไปปกป้องเซียวซู่ซู่แต่กลับถูกประโยคที่นางเอ่ยสวนกลับพวกคุณหนูเ่าั้ทำให้นิ่งอึ้งไป นางพูดออกมาได้โหดร้ายและดุเดือดมิเสียแรงที่เป็คนของสกุลเซียว
ฮวาเชียนเย่เองก็ค่อยๆลุกขึ้นยืนพลางมองไปทางสวี่เว่ยหราน “ที่แท้เป็องค์รัชทายาทจากแคว้นโยวเจิ้นบังเอิญเสียจริง”
“บังเอิญจริงๆ”สวี่เว่ยหรานยิ้มออกมาโดยที่สีหน้ายังคงไม่เปลี่ยนแปลงทว่าดวงตากลับจับจ้องไปทางเซียวซู่ซู่ที่ยืนอยู่ท่ามกลางหญิงสาวมากมาย
ความนิ่งสงบและสง่างามเหนือผู้คนเช่นนั้นทำให้สวี่เว่ยหรานชื่นชมออกมาจากใจจริง มิว่าจะมีความกดดันหรือถูกโจมตีแค่ไหนสตรีผู้นี้ก็ล้วนแต่จะสามารถสงบนิ่งได้เสมอ ไม่ธรรมดาจริงๆ
ตัวเขาเองไม่ได้มองผิดไป
สาเหตุที่สวี่เว่ยหรานยังคงอยู่ที่แคว้นป่ายฮวามิได้กลับโยวเจิ้นไปนั้น เพราะว่าหนึ่งแผนการของพวกเขาไม่อาจสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี สอง ก็เพราะว่าเซียวซู่ซู่ นางได้ดึงดูดความสนใจของเขาไว้แล้ว
ในงานชมดอกฉยงฮวาเขาได้เห็นถึงความสามารถและท่าทางสงบนิ่งมิหวั่นต่อสถานการณ์ที่เผชิญของนางแล้ว ตอนนี้มาเห็นนางเป็เช่นนี้อีกยิ่งทำให้ในใจรู้สึกปีติยินดียิ่งนัก
ประโยคเมื่อครู่แม้ว่าเขาจะอยู่ห่างออกไปไกลนักแต่กำลังภายในของเขาเป็เลิศทำให้ได้ยินอย่างชัดเจน
สำหรับคำพูดดูถูกเหยียดหยามเช่นนั้นเซียวซู่ซู่มิเพียงสีหน้าราบเรียบเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแต่นางยังเอ่ยประโยคเช่นนั้นออกมา ทำให้คนยากที่จะโต้กลับได้อีกด้วย
เรือทั้งสองค่อยๆ เข้าใกล้กันเรื่อยๆสวี่เว่ยหรานจึงก้าวเท้าขึ้นมาบนเรือของฮวาเชียนเย่
อย่างไรเสียเขาก็มีฐานะเป็รัชทายาทของแคว้นโยวเจิ้นฮวาเชียนเย่ไม่อาจหักหน้าเขาได้ จึงต้องต้อนรับด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแม้บนใบหน้าของเขาจะไม่เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ทว่าในใจของเขาเต็มไปด้วยความหงุดหงิดไม่สบอารมณ์
เดิมเขาออกมาท่องเที่ยวก็พยายามไม่ให้เอิกเกริกมากแล้วก็เพียงเพื่อจะใช้โอกาสนี้กระชับความสัมพันธ์ระหว่างตนกับเซียวซู่ซู่ให้เขาได้รู้จักสตรีผู้นี้มากขึ้นอีกขั้นหนึ่ง
ฮวาหรูเสวี่ยเคยพูดแล้วว่าสตรีที่สามารถแก้ตารางหมากทั้งสิบได้ทางด้านการทหารจะต้องสร้างความอัศจรรย์ได้อย่างแน่นอน
ยังไม่ต้องไปสนว่าสตรีปัญญาอ่อนถึงสิบห้าปีนั้นฟื้นขึ้นมาภายในคืนเดียวแล้วมีความสามารถเก่งกาจถึงเพียงนี้ได้เช่นไรเพียงแค่ลักษณะและสติปัญญาเช่นนี้ก็ถือว่าล้ำค่ายิ่งนักแล้ว
เพราะฉะนั้น จะต้องคว้าเอามาให้ได้
อีกทั้งความในใจของสวี่เว่ยหรานและป๋ายหลี่ม่อทุกคนล้วนเห็นกันอย่างชัดเจน ตอนนี้ยิ่งมาพบกับสวี่เว่ยหรานที่นี่ แน่นอนที่ฮวาเชียนเย่จะรู้สึกไม่พอใจ เสมือนว่าโอกาสนี้ได้สร้างขึ้นมาให้แก่สวี่เว่ยหรานก็มิปาน
สำหรับการปรากฎตัวของคนผู้นี้หญิงสาวคนอื่นๆ ที่เดิมมีสีหน้าคล้ำเข้มก็ได้กลับมามีสีหน้าสดใสดุจดอกไม้แรกแย้มอย่างรวดเร็วบุรุษรูปงามใครบ้างไม่ชื่นชอบ โดยเฉพาะแคว้นอย่างป่ายฮวาที่เห็นสตรีเป็ใหญ่ พวกนางยิ่งมีจิตใจกล้าหาญและเปิดเผยยิ่งนัก
นอกจากเซียวซู่ซู่และฮวาเชียนจือแล้ว ทุกคนล้วนเร่งรุดไปด้านหน้าห้อมล้อมสวี่เว่ยหรานและฮวาเชียนเย่เอาไว้ จากนั้นก็เริ่มเอ่ยปากถามคำถามมากมายออกมา
แม้ว่าสตรีจะเป็ใหญ่แต่ว่านิสัยเดิมของสตรีที่ชอบโหวกเหวกโวยวายยังคงไม่อาจแก้ไขได้
“องค์รัชทายาทจะอยู่ที่นี่นานเพียงใดหรือเพคะ? ถ้าหากอยากเที่ยวเล่นชมเมือง ข้าสามารถพาท่านเที่ยวชมได้นะ”
“ต้องรู้ว่าจุดชมทิวทัศน์และสถานโบราณของแคว้นป่ายฮวานั้นมีมากนักองค์รัชทายาทมาถูกที่แล้วจริงๆ”
“ทุกคนต่างก็พูดกันว่าองค์รัชทายาทเป็คนอ่อนโยนมีสติปัญญาเฉลียวฉลาด วันนี้เมื่อได้พบ ช่างสมคำล่ำลือจริงๆ...”
“...”
ทิวทัศน์เื้ัคือดอกบัวเบ่งบานอยู่กลางทะเลสาบขณะที่ภาพเบื้องหน้าคือกลุ่มสาวงามมากหน้าหลายตากำลังรวมตัวกันราวกับฝูงผีเสื้อที่กำลังโบยบินกันเป็กลุ่มใหญ่น้ำเสียงอ่อนหวานหยอกล้อของพวกนางดังออกมาไม่หยุดหย่อน
และสวี่เว่ยหรานก็มีท่าทางประหนึ่งบุรุษอารมณ์ดีเขาค่อยๆ เอ่ยตอบคำถามของสาวงามทีละคน ปรากฏเป็ภาพที่งดงามและบรรยากาศที่สนุกสนานร่าเริงขึ้น ทำให้ฮวาเชียนเย่เองก็พอใจกับสถานการณ์ในตอนนี้เป็อย่างมาก เพราะว่าการปรากฎตัวของสวี่เว่ยหราน ทำให้เหล่าสาวงามที่พูดจาหาเื่เซียวซู่ซู่นั้นได้เปลี่ยนเป้าหมายของตนใหม่
กระทั่งเซียวเอินยังได้แต่ยิ้มพลางส่ายหน้าออกมาอย่างจนปัญญา
พอดีกับจังหวะที่เซียวซู่ซู่หันมามองตนทำให้เขารีบลุกขึ้นเดินไปด้านข้างของนาง ด้านข้างของนางตอนนี้ก็มีฮวาเชียนจือด้วยอีกคนทว่าสตรีผู้นี้ เซียวเอินรู้ว่าอย่ายุ่งกับนางให้มากนักจะเป็การดี หลบได้ไกลเท่าใดก็หลบให้ไกลเท่านั้น
“เมื่อครู่...ไม่เป็อันใดใช่หรือไม่” เซียวเอินมองไปทางเซียวซู่ซู่ด้วยแววตาที่สงสารและเ็ปใจ
เื่ที่สลบไม่ได้สติมาเป็เวลาสิบห้าปีนั้นกลายเป็รอยแผลเป็ที่นางลบไม่ออกไปชั่วชีวิตแล้ว
“มิเป็ไร ความจริงก็ไม่ใช่เื่ใหญ่อันใดเป็คนปัญญาอ่อนยังฉลาดยิ่งกว่าต้องคอยคิดแผนการร้ายรับมือผู้คนอย่างใครบ้างคนเสียอีก” เซียวซู่ซู่พูดออกมาประหนึ่งกำลังคิดจะสื่อถึงใครสักคนพลางกวาดสายตาไปมองกลุ่มคนเ่าั้แวบหนึ่ง
เพราะว่าสวี่เว่ยหรานถูกสาวงามโอบล้อมเอาไว้ทำให้เขาเองก็ไม่มีโอกาสไปพูดคุยกับเซียวซู่ซู่มุมปากแม้จะกำลังกระดกขึ้นเป็รอยยิ้ม แต่กลับแฝงด้วยความเบื่อหน่ายอยู่บ้าง
ความเบื่อหน่ายนั้นไม่ได้แสดงออกมาชัดเจนแต่กลับไม่อาจรอดพ้นจากสายตาของเซียวซู่ซู่ไปได้ เมื่อเห็นเซียวซู่ซู่ใจที่เป็กังวลของเซียวเอินถึงจะสงบลงได้ในที่สุด
แน่นอนว่าเขาเองก็รู้ว่าสตรีเ่าั้เพียงแค่อิจฉาริษยาเท่านั้นด้วยท่าทีที่ฮวาเชียนเย่มีต่อเซียวซู่ซู่ พวกนางก็คงไม่กล้าที่ลงมือทำอะไรนางหรอก
อย่างมากที่สุดก็แค่เอ่ยวาจาถากถาง
แต่ที่เห็นได้ชัดก็คือหากพูดถึงการปะทะฝีปากแล้วเซียวซู่ซู่เองก็มิได้ด้อยเช่นกัน
นางเพียงแค่ไม่อยากจะไปคิดเล็กคิดน้อยกับพวกนางก็เท่านั้น
“เ้าสามารถด่าพวกนางกลับได้อย่างไม่ต้องสนใจอันใด” ฮวาเชียนจือกลับเอ่ยออกมาอย่างกะทันหันนางได้สังเกตเซียวซู่ซู่มาเป็เวลานานแล้ว
เซียวซู่ซู่คิดไม่ถึงว่าสตรีผู้นี้จะเอ่ยออกมาในเวลาเช่นนี้นางจึงเพียงแค่พยักหน้าและยิ้มตอบกลับไปอย่างมีมารยาท “ขอบพระทัยองค์หญิง ทว่า ไม่จำเป็หรอกมิต้องกัดสุนัขทุกครั้งที่พวกมันกัดเราทุกครั้งจริงหรือไม่”
ฮวาเชียนจือพยายามควบคุมอารมณ์ของตนเองเอาไว้มิให้ะเิออกมา
แล้วจึงยิ้มออกมาบางๆ “คุณหนูเล็กสกุลเซียว มีบุคลิกดุจแม่ทัพจริงๆมิเสียทีที่เป็ถึงหลานสาวคนเดียวของท่านแม่ทัพเซียว”
“องค์หญิงทรงชมเกินไปแล้ว” ในใจของเซียวซู่ซู่กระตุกขึ้นอย่างแรงครั้งหนึ่งตอนนี้นางรู้ว่าฮวาเชียนจือลดตัวของนางลงถ้าหากนางตั้งใจจะหลบเลี่ยงฮวาเชียนจืออีก เกรงว่าจะต้องทำให้เกิดเื่ขึ้นเป็แน่
ทว่าไม่หลบนางอีกทั้งยังทำท่าทางเปิดรับนาง เกรงว่าจะต้องเกิดเื่มากขึ้นไปอีก
ในใจของนางรู้สึกถึงความไม่สงบเกิดขึ้นฮวาเชียนจือผู้นี้เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวจริงๆ ถึงขั้นคิดวางแผนไปถึงสกุลเซียวแล้ว
เซียวเอินที่อยู่ด้านข้างก็เห็นถึงความผิดปกติบางอย่างคิ้วเข้มของเขาขมวดเข้าหากันเล็กน้อยก่อนจะยกขาขึ้นเตะไปที่ขาของเซียวซู่ซู่ใต้โต๊ะเบาๆ ด้วยสีหน้าราบเรียบไม่เปลี่ยนเป็การเตือนนางให้ระวัง ฮวาเชียนจือผู้นี้ มิใช่คนที่ธรรมดาจริงๆ
ตอนนี้ท่าทีของฮ่องเต้หญิงฮวาหรูเสวี่ยไม่มีผู้ใดรู้อย่างแน่ชัดจึงไม่มีใครกล้าแสดงท่าทีออกมาอย่างชัดเจน