ตูมมมม!
เส้นิญญาประหลาดแผ่ออกมาจากร่างของศิษย์ทั้งเจ็ดในทันที มันเคลื่อนไหววนเวียนรอบร่างของพวกเขา ก่อนจะเริ่มดูดกลืนพลังงานจากอากาศโดยรอบเข้ามาอย่างรวดเร็ว เส้นิญญาแต่ละเส้นพัวพันและเกี่ยวพันเข้าไปรอบกายพวกเขา ก่อนจะไหลกลับเข้าสู่ร่าง เปลี่ยนสภาพกลายเป็ ทารกิญญา ขนาดเล็กที่ลอยตัวอยู่ด้านในของตันเทียนแต่ละคน
การบ่มเพาะของทั้งเจ็ดคนพุ่งทะยานขึ้นไปในทันที
ิญญาแรกเริ่ม ขั้นที่ 1
...
ิญญาแรกเริ่ม ขั้นที่ 3
...
ิญญาแรกเริ่ม ขั้นที่ 5
...
ิญญาแรกเริ่ม ขั้นที่ 7
...
ิญญาแรกเริ่ม ขั้นที่ 9
ผ่านไปไม่นาน พวกเขาก็สามารถรวบรวมรากฐานได้อย่างมั่นคง พลังิญญาในร่างสงบนิ่ง ก่อนที่พวกเขาจะลืมตาขึ้นพร้อมกันโดยไม่มีใครพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว
กวนจื่อซวนมองดู ทารกิญญา ที่ลอยอยู่ด้านหน้าด้วยดวงตาสั่นไหว เ้าทารกิญญานั้นมีรูปร่างเหมือนเขาทุกประการ สีหน้าของมันนิ่งสงบเหมือนภาพสะท้อนของตัวเขาเองในกระจกใส
“นี่คือพลังของข้าในตอนนี้งั้นหรือ...” เขาคิดในใจพลางกำหมัดเบาๆ ความรู้สึกแข็งแกร่งที่ไหลเวียนอยู่ทั่วร่างทำให้เขาแทบไม่อยากเชื่อว่า นี่คือตัวตนของตนเองจริงๆ ั้แ่วันที่ได้มาเป็ศิษย์ของหานิ ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
ในอดีตเขาเคยคิดว่าตนเองเข้าใจการบ่มเพาะดีพอแล้ว ทว่าเมื่อมาอยู่ใต้คำสอนของอาจารย์ เขาจึงได้รู้ว่า ที่ผ่านมาเขาแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับโลกใบนี้เลย
ขณะเดียวกัน เสียงของหานิก็ดังขึ้น
“ตอนนี้รากฐานของพวกเ้ามั่นคงแล้ว ดังนั้น... เริ่มกินโอสถที่สลักเลข 5 ได้เลย”
คำพูดของเขาชัดเจนและเด็ดขาด ทุกคนกลับมามีสมาธิอีกครั้งอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหยิบโอสถหมายเลข 5 ออกมา
โอสถเม็ดนั้นส่องแสงสลัวจางๆ แต่พลังของมันไม่ธรรมดา เพราะเป็โอสถที่บรรจุพลังธาตุศักดิ์สิทธิ์ทั้งห้าเอาไว้อย่างสมดุล และมันไม่ใช่โอสถระดับจักรพรรดิธรรมดา แต่เป็โอสถที่ถูกหานิปรับแต่งใหม่ด้วยมือตนเอง จนคุณสมบัติของตัวโอสถนั้นครอบคลุมแทบจะทุกธาตุ
ศิษย์ทั้งเจ็ดไม่ลังเล พวกเขากลืนโอสถเข้าปากไปในพริบตาเดียว
ตูมมมมมม!!
พลังของโอสถปะทุขึ้นทั่วร่างของพวกเขาทันที ธาตุทั้งห้าแตกตัวแผ่ขยายออกมาอย่างรุนแรง ก่อนจะควบแน่นเข้ากับเส้นชีพจริญญาของแต่ละคน พลังที่พวยพุ่งออกมารุนแรง ก่อนที่การบ่มเพาะของพวกเขาจะพุ่งขึ้นอีกระลอก!
ก่อตั้งจิติญญา ขั้นที่ 1
.....
ก่อตั้งจิติญญา ขั้นที่ 5
.....
ก่อตั้งจิติญญา ขั้นที่ 7
.....
ก่อตั้งจิติญญา ขั้นที่ 9
แสงจากพลังธาตุยังคงส่องสว่างอยู่ทั่วตัวของพวกเขา หานิมองศิษย์ของตนทั้งเจ็ดอย่างเงียบๆ
ก่อนที่พลังการบ่มเพาะของทั้ง 7 คนจะสงบนิ่งลง พลังของธาตุศักดิ์สิทธิ์ทั้งห้าที่กำลังหมุนเวียนอยู่รอบตัวพวกเขายังคงพลุ่งพล่านไม่หยุด หานิพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งเมื่อตรวจดูรากฐานของทุกคนแล้ว
“กินโอสถหมายเลข 6 ได้เลย”
ศิษย์ทั้งเจ็ดคนต่างพยักหน้ารับพร้อมกันด้วยความเคารพ ก่อนจะหยิบโอสถที่หานิเตรียมไว้ให้ขึ้นมากลืนเข้าปากทันทีโดยไม่ลังเล
ฟิ่วววว...
ทันทีที่โอสถถูกร่างกายดูดซึม วงแหวนหนึ่งวงก็ปรากฏขึ้นที่กลางหลังของพวกเขาทุกคน มันเรืองแสงเบาบางแล้วค่อยๆ เพิ่มจำนวนขึ้นเป็สอง สาม สี่.… จนถึงสิบวง
แสงของวงแหวนเ่าั้เริ่มเปลี่ยนสีอย่างต่อเนื่อง สีขาวบริสุทธิ์กลายเป็สีเหลืองทอง ต่อด้วยฟ้าอ่อน แล้วกลายเป็เขียวเข้ม กลายเป็สีม่วงอมดำ ก่อนจะกลายเป็สีแดงสด และปิดท้ายด้วยสีทองสว่างจ้า
พลังในร่างของพวกเขากำลังเปลี่ยนแปลงไปในระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ไม่นาน วงแหวนของแต่ละคนก็เริ่มเปล่งแสงเฉพาะตัวแตกต่างกันออกไป
วงแหวนของ เล่ยเฉิน เปล่งแสงสีรุ้งงดงามราวกับสายรุ้งที่รวมอำนาจแห่งธาตุไว้ทุกสาย
หรงหลี่เซียน วงแหวนของนางเปล่งแสงทองอร่ามเจิดจ้าเหมือนกับแสงแห่งสรวง์
ซูไป๋หนิง วงแหวนของนางกลายเป็สีฟ้าขาวที่เปล่งออร่าแห่งความหนาวเย็นออกมา
ฮ่าวหยาง วงแหวนของเขาเต็มไปด้วยสีแดงและส้มสลับกันราวกับเปลวเพลิงที่ไม่มีวันดับ
เฟิ่งหวงจุน วงแหวนเป็สีดำปนม่วงเข้มแฝงด้วยออร่าแห่งความว่างเปล่า
กวนจื่อซวน วงแหวนทั้งสิบวงของเขามีสีแตกต่างกันไปหมด ไม่มีวงใดมีสีซ้ำกันเลย
เย่ลี่อิน วงแหวนของนางกลับกลายเป็สีดำสนิท มืดดำจนไม่สามารถมองทะลุผ่านได้
แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทั้งเจ็ดคนมีร่วมกัน วงแหวน 1 วงของพวกเขามีสีดำม่วงเหมือนกันทุกคน มันคือวงแหวนที่มีพลังแห่งความว่างเปล่าอยู่
วงแหวนเหล่านี้ไม่ใช่เพียงเครื่องประดับ พวกมันคือ วงแหวนที่สามารถเก็บพลังธาตุต่างๆ ไว้ได้ในตัว เมื่อผู้ใช้้า พวกเขาสามารถดึงพลังจากวงแหวนเหล่านี้มาใช้ได้ทันทีโดยไม่จำเป็ต้องผ่านร่างกายพิเศษหรือฝึกเคล็ดวิชาใดๆ หรือว่าต้องรอไปถึงระดับการบ่มเพาะของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่เพื่อสามารถใช้พลังแห่งความว่างเปล่าได้ พวกเขาสามารถใช่ได้ั้แ่การบ่มเพาะขั้นนี้เลยและที่สำคัญ วงแหวนเหล่านี้จะเติบโตไปพร้อมกับผู้ใช้ ตราบเท่าที่พวกเขายังมีชีวิตอยู่
ทันใดนั้น การบ่มเพาะของศิษย์ทั้งเจ็ดก็พุ่งทะยานขึ้นไปอีกครั้ง
การรวมร่าง ขั้นที่ 1
...
การรวมร่าง ขั้นที่ 3
...
การรวมร่าง ขั้นที่ 6
...
การรวมร่าง ขั้นที่ 9
หานิมองศิษย์ทั้งเจ็ดคนที่นั่งสงบนิ่งอยู่ต่อหน้าเขา เพื่อสำรวจรากฐานของแต่ละคนอย่างละเอียดถี่ถ้วน หลังจากพิจารณาเสร็จพร้อมกับศิษย์ทั้ง 7 คนที่ลืมตาขึ้นมา เขาจึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"กินโอสถลำดับถัดไปได้เลย แต่ครั้งนี้จงตั้งสติให้ดี ห้าคนแรกข้าไม่ห่วงเท่าไหร่ แต่กวนจื่อซวนกับเย่ลี่อิน พวกเ้าต้องมีสติให้มั่น เพราะว่าขั้นต่อไปมันจะเ็ปมาก เข้าใจไหม?"
“ศิษย์จะไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังขอรับ!” เสียงของกวนจื่อซวนกับเย่ลี่อินดังขึ้นพร้อมกันอย่างหนักแน่น ดวงตาของพวกเขาไม่มีการสั่นไหวแม้แต่น้อย
ทั้งสองเข้าใจดีถึงวิธีที่หานิสอนพวกเขา และพวกเขาก็รู้ตัวว่าแม้จะเพิ่งผ่านการบ่มเพาะจนถึงขั้นการรวมร่าง แต่พลังที่ได้มานั้นมหาศาลจนน่าใ โดยเฉพาะกวนจื่อซวนกับเย่ลี่อิน สองคนนี้เคยเป็ถึงระดับาานักบุญ และนักบุญมาก่อน แต่ด้วยโชคชะตาอันโหดร้ายและการกระทำที่ผิดพลาดของพวกเขาเมื่อไม่กี่ปีก่อน ทำให้พวกเขาต้องตกต่ำกลายเป็เพียงคนพิการไร้พลัง
ความทรงจำที่เคยรุ่งโรจน์และความพ่ายแพ้อย่างน่าอดสู… ทั้งหมดหลอมรวมกันจนกลายไปเป็ความมุ่งมั่นในใจ พวกเขาไม่ลังเลอีกต่อไป มือทั้งสองหยิบโอสถหมายเลข 7 ขึ้นมาก่อนจะกลืนลงคอในคราเดียว
ตูมมมม!
ไม่ถึงลมหายใจ พลังของโอสถก็ปะทุออกมาจากภายในร่าง
“อ๊ากกกก!!!”
เสียงกรีดร้องของเย่ลี่อินและกวนจื่อซวนดังขึ้นพร้อมกัน ความเ็ปอันไร้ขอบเขตแล่นไปทั่วร่างพวกเขาอย่างบ้าคลั่ง พวกเขาแทบจะะเิเป็ชิ้นเนื้อในทันที
ในขณะที่ศิษย์อีกห้าคน แม้ใบหน้าจะเหงื่อชุ่มและกัดฟันแน่น แต่ก็ยังสามารถควบคุมสติได้ดี พวกเขาผ่านกระท่อมแห่งการต่อสู้มาแล้ว… ที่นั่น ถึงตอนตายจะไม่สร้างาแจริงๆ ให้พวกเขาแต่ความรู้สึกตอนจำลองการต่อสู้นั้นเป็ความเ็ปจริงๆ ไม่ว่าแขนขาขาด ร่างกายหายไปบางส่วน กระดูกแตก ล้วนเป็ความเ็ปจริงๆ เพราะหานิ้าให้ทุกคนคุ้นชินกับความเ็ป และฝึกจิตให้มั่นคง พร้อมกับมีสติใน่เวลาแห่งความเป็ความตายเสมอ
หานิยกมือขึ้นแตะเบาๆ กลางอากาศ พลังิญญาแผ่ออกมาห่อหุ้มร่างของศิษย์ใหม่ทั้งสองไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้พวกเขาเผลอกัดลิ้นของพวกเขาจนขาด
เสียงบดกระดูกของทั้งเจ็ดคนเริ่มดังขึ้น... กึก กึก กึก… มันดังเหมือนหินถูกทุบด้วยค้อนเหล็ก เส้นประสาททุกเส้นทุกส่วนของร่างสั่นระรัวจากแรงสั่นะเืภายในร่างที่กระดูกของพวกเขากำลังเปลี่ยนแปลงไป
กวนจื่อซวนกัดฟันจนเืไหลจากมุมปาก เขาเคยโดนตัดมือและถูกทำลายการบ่มเพาะ แต่ยังไม่เคยรู้สึกเจ็บได้ขนาดนี้มาก่อน… เขารู้สึกว่ากระดูกในร่างของเขากำลังถูกบดจนแหลกละเอียดเป็ผง ก่อนจะสร้างขึ้นใหม่ทีละชิ้น ทีละข้อ
เย่ลี่อินเองก็ไม่ต่างกัน สีหน้าของนางบิดเบี้ยวเต็มไปด้วยความเ็ป ร่างทั้งร่างสั่นระริก เหงื่อไหลพรากไม่หยุด ความเ็ปนี้รุนแรงยิ่งกว่าตอนที่นางโดนดึงต้นกำเนิดร่างกายออกไปด้วยซ้ำ มันรุนแรงจนสติเริ่มพร่าเลือนไป
แต่ก่อนที่สติจะหลุดหาย เสียงของอาจารย์ก็ดังขึ้นมาอย่างชัดเจนในหูของพวกเขาเพื่อดึงสติ
“ใจเย็นๆ มีสติ อย่าทิ้งตัวเองไปกับความเจ็บ”
สองคนนั้นกัดฟันแน่นอีกครั้ง แม้ร่างกายจะทรมานเหมือนตกนรกซ้ำๆ แต่จิตใจของพวกเขากลับแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ
ไม่นานนัก กระดูกใหม่ก็เริ่มก่อรูปขึ้นจากพลังของโอสถ กระดูกของทั้งเจ็ดคนเริ่มเปลี่ยนสีจากขาวซีดเป็เขียวเข้ม ต่อด้วยน้ำเงินเข้ม ก่อนจะกลายเป็สีทองเจิดจ้า และในที่สุดก็กลายเป็สีแดงดำสนิท พร้อมพลังงานที่แผ่ออกมาจากกระดูกเ่าั้ราวกับเป็กระดูกของศักดิ์สิทธิ์สมัยโบราณ
และในขณะนั้นเอง การบ่มเพาะของพวกเขาก็พุ่งทะยานขึ้นอีกครั้ง!
นิพพาน ขั้นที่ 1
...
นิพพาน ขั้นที่ 5
...
นิพพาน ขั้นที่ 9!