“จะไปที่ใดหรือ?” เมื่อเห็นนางพยักหน้า จ้าวต้านก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย ในดวงตาของเขามีร่างของนางสะท้อนอยู่
ยามนี้ผู้คนข้างนอกต่างบ้าคลั่ง ทั้งปล้นฆ่า ละเลยบทบัญญัติกันในตอนกลางวันแสกๆ แม้ว่านางจะมีทักษะการต่อสู้ แต่เขาก็ยังไม่วางใจให้นางออกไปข้างนอกคนเดียว
“ไปตระกูลเวินเ้าค่ะ” เวินซีตอบเสียงนิ่ง
“ตระกูลเวินหรือ?” สีหน้าของจ้าวต้านเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
“ข้าหาสาเหตุของโรคระบาดนี้ได้แล้ว เป็การถูกวางยาพิษ ชื่อของพิษนี้คือต้วนหุนเซียง ยาแก้พิษอยู่ในมือของเวินเยียน” เวินซีอธิบายสถานการณ์คร่าวๆ ให้ฟัง
จ้าวต้านพยักหน้าอย่างครุ่นคิด
“มีทหารลับอยู่รอบๆ ท่านอยู่ดูต้วนเย่จิงเถิด ข้าจะรีบไปรีบกลับ”
เวินซีพูดจบก็ก้าวออกไป แต่ยังไม่ทันจะก้าวพ้นก็ถูกดึงแขนไว้
“ทหารลับออกไปหมดแล้วตอนที่ข้าพาต้วนจิงเย่มาถึงที่ร้าน ในระยะเวลาสั้นๆ พวกเขากลับมาไม่ทันหรอก ข้าจะไปเป็เพื่อนเ้า”
“ก็ได้เ้าค่ะ” เมื่อเห็นเขายืนกราน เวินซีก็พยักหน้าตกลง
นางเดินไปที่ประตู ชะโงกหน้าออกไปมองดูรอบๆ เมื่อแน่ใจว่าไม่มีเื่ผิดปกติใดๆ ก็รีบออกมาและตรงไปที่จวนตระกูลเวิน
ขณะนั้นท้องฟ้ามืดลงแล้ว ถนนถูกทิ้งร้างไม่มีผู้คน แสงสลัวจากตะเกียงไม่กี่ดวงส่องอยู่ข้างทางให้ความรู้สึกเหงาหงอย ลมเย็นพัดมายิ่งทำให้ค่ำคืนนี้มีแต่ความวังเวง
หลังจากที่เดินผ่านเรือนหลายสิบเรือนไปแล้ว เวินซีและจ้าวต้านก็หยุดลงช้าๆ ที่หลังคาจวนตระกูลเวิน ทั้งสองเดินหาห้องของเวินเยียนโดยที่จำได้อย่างแม่นยำ
ห้องของเวินเยียนยังคงเปิดไฟอยู่ บนกระดาษหน้าต่างเห็นได้ชัดว่ามีเงาอยู่สองร่างภายในห้อง
เวินซีมองหน้าต่างด้วยสายตาเ็า นางค่อยๆ ปีนขึ้นไปบนหลังคาและหยิบชิ้นส่วนหลังคาแผ่นหนึ่งออก ก่อนที่สายตาจะสอดส่องเข้าไปข้างในห้อง
ภายในห้อง เวินเยียนนั่งอยู่บนโต๊ะ นางกำลังมองดูสืออีที่เดินไปมาด้วยสีหน้าที่น่าเกลียดอย่างเป็กังวล
“ตอนนี้เวินซีรู้แล้วว่าประชาชนถูกวางยาพิษ นางยังสงสัยข้าอีกด้วย ข้าจะทำเช่นไรดี?” เสียงของเวินเยียนดังขึ้น น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความรำคาญใจ
“รอคำสั่งของนายท่านก่อนเถิดขอรับ” สืออีตอบอย่างเ็า
เขาไม่คิดเลยว่าเวินซีจะรู้ความจริงเร็วถึงเพียงนี้ ทำให้เขาเองก็ทำอันใดไม่ถูก
ยามนี้เขาถูกนางจับได้แล้ว จะให้กลับไปที่ร้านเครื่องหอมก็ไม่ได้ ทำได้เพียงรอให้หลานเยว่เฉิงติดต่อเขามาเอง
“เมื่อใดข้าจะได้เจอคุณชายซู?”
“คุณหนูเวิน เมื่อถึงตอนนั้นนายท่านจะมาหาคุณหนูเองขอรับ”
“ตอนนั้น? ตอนนั้นมันเมื่อใด อีกไม่นานเื่ที่ข้าตั้งครรภ์ก็จะปิดไว้มิได้แล้ว” เวินเยียนพูดด้วยความไม่พอใจ
นางลุกขึ้น มือของนางบีบแขนของสืออีแน่น
สืออีชะงักไป เขาสะบัดมือของนางออก “คุณหนูเวิน เื่นี้นายท่านย่อมจัดการได้ขอรับ”
“แต่ว่า...”
“ไม่มีแต่ขอรับ คุณหนูทำได้เพียงต้องรอ คุณหนูเป็คนเทยากันมีครรภ์ทิ้งเอง เด็กคนนี้เขาจะเอาไว้หรือไม่ก็ยังเป็อีกเื่นะขอรับ คุณหนูคิดคำอธิบายกับนายท่านไว้เถิด” สืออีเอ่ยขัดเวินเยียน
เวินเยียนตกตะลึง มือที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อกำแน่นขึ้น ก่อนจะนั่งลงด้วยสีหน้าไม่พอใจ
ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ เมื่อไม่มีหลานเยว่เฉิง เวลานี้ทั้งสองจึงไม่รู้ว่าจะเดินต่อไปอย่างไร
บนหลังคา เวินซีวางชิ้นส่วนของหลังคาปิดกลับลงไป แล้วย้ายตำแหน่งไปที่หน้าต่างพร้อมกับจ้าวต้าน พลันะโลงมา
“ผู้ใดน่ะ?”
แม้ว่าเสียงรองเท้าที่กระทบกับพื้นจะแ่เบา แต่สืออีก็ได้ยิน เขาจับดาบที่แขวนอยู่ข้างเอวด้วยท่าทีตั้งรับ แล้วมองไปที่หน้าต่าง
เมื่อเขารู้ตัว เวินซีก็ยิ้ม จากนั้นพังหน้าต่างเข้าไปทันที
“เ้าเองหรือ? เวินซี! เ้าคิดจะทำอันใด?” เมื่อเวินเยียนเห็นนาง สีหน้าก็เคร่งขรึมขึ้นมาทันที
นางลุกขึ้นยืนอย่างตื่นตัว แล้วถอยไปหลบด้านหลังสืออีอย่างระมัดระวัง
มือของนางลูบไปที่ท้องน้อยของตนด้วยสัญชาตญาณ
เมื่อสืออีเห็นว่าเป็เวินซีก็ตกตะลึงเช่นกัน
ขณะที่ทั้งสองสบตากันอยู่ จ้าวต้านก็เข้ามาในห้องและยืนอยู่ข้างหลังเวินซี
“คุณหนูเวินซี...” สืออีกลับมาตั้งสติ แล้วพูดอย่างอ้ำๆ อึ้งๆ
“สืออี วันนี้ที่ข้ามามีเป้าหมายคือเวินเยียน เ้าหลีกทางไปจะดีกว่า จะได้ไม่ต้องลำบากเ้า” เวินซีพูดเบาๆ สายตาอันเยือกเย็นนั้นมองผ่านเขา และไปหยุดที่เวินเยียน
เมื่อสบตานาง เวินเยียนก็กลัวจนตัวสั่นและกลัวว่าสืออีจะออกไปจริงๆ จึงกำเสื้อผ้าของเขาไว้แน่น
“คุณหนูเวินซี นายท่านมีคำสั่งให้ข้าปกป้องคุณหนูเวิน” สืออีหันไปมองเวินเยียนที่หวาดกลัว พลันหันกลับมามองเวินซี เขาเอ่ยปากอย่างเคร่งขรึม พร้อมกับขยับตัวมาป้องกันเวินเยียนไว้ให้ดีขึ้น
“สืออี เ้าต้องคิดให้ดีนะ กับข้าเ้ายังสู้มิได้ ไม่ต้องพูดถึงแม่ทัพต้านเลย หากเ้าหลีกทางไปตอนนี้ ข้าจะเห็นแก่ความผูกพันของเราเมื่อก่อน ไว้ชีวิตเ้าไป”
นางรู้ว่าสาเหตุที่สืออีทรยศนางนั้นเป็เพราะน้องสาว เขาไร้หนทาง นางจึงไม่คิดจะฆ่า
“ขอบพระคุณในความกรุณาขอรับคุณหนูเวินซี” สืออีเอ่ยปาก แต่ก็ยังมิได้หลีกทางให้
เมื่อเห็นว่าเขายังคงอยู่ที่เดิม เวินซีก็ไม่พูดพร่ำอีก นางหยิบดาบวงพระจันทร์ที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อออกมาด้วยสีหน้าดุร้าย แล้วโจมตีเขาไปตรงๆ
ส่วนจ้าวต้านที่ถือมีดยาวก็ตามเข้าไปติดๆ เช่นกัน
ทั้งสองร่วมมือกันเป็อย่างดี สืออีไม่อาจหลบการโจมตีของพวกเขาได้เลย ผ่านไปไม่กี่กระบวนท่า ร่างกายของเขาก็เต็มไปด้วยาแและเื
ในระหว่างที่พวกเขาต่อสู้กันอยู่นั้น เวินเยียนก็แอบเดินไปที่ประตูช้าๆ นางค่อยๆ เปิดประตูออกเป็ช่องเล็กๆ อย่างกล้าๆ กลัวๆ ในตอนที่กำลังจะหนีไปนั้นเวินซีที่สังเกตเห็นถึงการเคลื่อนไหวของนางก็รีบวิ่งไปสกัด
เวินเยียนยังไม่ทันได้ออกไปจากห้องก็ถูกเวินซีจับกลับมาแล้วโยนลงบนพื้น
เวินเยียนอยากจะลุกขึ้น แต่ดาบวงพระจันทร์ก็ชี้ตรงมาที่คอ นางตัวสั่น ไม่กล้าขยับเขยื้อนใดๆ ทำได้เพียงจ้องมองเวินซีนิ่งๆ
มีดของจ้าวต้านฟันลงที่ขาของสืออีพอดี สืออีาเ็หนัก คุกเข่าอยู่กับพื้นอย่างหมดแรงที่จะต่อต้านใดๆ ได้อีก
“ยาแก้พิษ” เวินซียืนมองเวินเยียนที่นั่งอยู่บนพื้น แล้วแผดเสียงดัง
“ยาแก้พิษอันใด? ข้าไม่รู้ว่าเ้ากำลังพูดอันใด” แม้ในใจของเวินเยียนจะหวาดกลัว แต่ก็ยังคงสีหน้านิ่งเอาไว้ได้
“จะให้ข้าหรือไม่?”
ดาบของเวินซีจิ้มลงที่คอของเวินเยียน เืไหลเป็สายบางๆ ออกมา
“ข้าไม่รู้ว่าเ้ากำลังพูดถึงเื่อันใด” เวินเยียนรู้ดีว่าความผิดของตนในเื่นี้จะเป็เช่นไร นางจึงไม่ยอมรับ
“เ้าจะรู้แน่”
เวินซียิ้มเยาะแล้วเก็บดาบกลับไป นางหยิบขวดยาออกมาจากในอก เทยาเม็ดสีดำออกมาและใช้อีกมือหนึ่งบีบคางของเวินเยียนไว้
เวินเยียนมองฝ่ามือของนางด้วยความกลัว พลันปิดปากแน่น
สีหน้าของเวินซียิ่งเต็มไปด้วยความเหยียดหยามมากขึ้นไปอีก นางสับคอเวินเยียนพลันใส่ยาเข้าไปในปากอย่างง่ายดาย เมื่อเห็นว่ายาละลายในปากของเวินเยียนแล้วก็โยนนางออกไป
“เ้าให้ข้าทานอันใด?” เวินเยียนล้วงคอพยายามจะอาเจียน แต่กลับพบว่าอาเจียนออกมามิได้ จึงขมวดคิ้วถาม
“เดี๋ยวเ้าก็รู้เอง” เวินซีนั่งลงบนเก้าอี้อย่างเกียจคร้าน นางมองเวินเยียนอย่างไม่ละสายตา
เวินเยียนจ้องมองด้วยความกลัว หลุบตาลงที่พื้นด้วยความสิ้นหวัง นางนั่งนิ่งอย่างไร้หนทาง
ทันใดนั้นก็อาเจียนออกมาเป็เืสด โดยไม้ทันได้สติ ที่เบื้องหน้าของนางก็กลายเป็สีดำมืด
“เวินซี เ้าทำอันใดกับข้า?” เวินเยียนคลำมือไปกับพื้น กรีดร้องอย่างโหยหวน
“อย่าเพิ่งรีบสิ ยังมีอีกนะ”
เสียงของเวินซีฟังดูสนุกสนาน แต่ราวกับดังออกมาจากนรก เวินเยียนได้ยินดังนั้นก็ขนลุกซู่
นางเปิดปากจะพูดอันใด แต่เสียงที่เอ่ยออกมานั้นกลับเป็เพียงเสียงอู้อี้
“อ๊า...อ๊า...” เมื่อรู้แล้วว่าตนเองพูดมิได้ นางก็ตัวสั่น แผดเสียงด้วยความโกรธเคือง แต่เสียงนั้นกลับกลายเป็เสียงเบาๆ
“บอกข้ามาว่ายาแก้พิษอยู่ที่ใด หากไม่พูด เ้าจะต้องหูหนวกอีกด้วยนะ พิษนี้ร้ายแรงมาก สุดท้ายมันจะทำให้เ้าเป็ตุ๊กตาไม้ ไม่รับรู้ััใดอีก ถึงตอนนั้นเ้าจะเป็ได้เพียงขยะที่ทำได้เพียงครุ่นคิด”
เวินซียืนขึ้นและเดินไปด้านหน้าเวินเยียน เอ่ยปากพูดช้าๆ