หอกัเงินประกายและปลายหอกผสานเข้าด้วยกัน จนก่อเกิดเป็หอกเล่มใหม่ที่แฝงด้วยพลังมาร
“เย่เฟิง ในเมื่อเ้าบำเพ็ญเสร็จก็ไสหัวออกมาสักที!” พลันเสียงดังมาจากฝั่งตระกูลตู๋กู ผู้พูดคือชายหนุ่มผู้หนึ่ง อายุประมาณ 20 ปี มีลักษณะคล้ายคลึงกับตู๋กูหลงสองสามส่วน แต่กลับดูโตกว่าตู๋กูหลง ส่วนตบะแก่กล้ากว่ามาก อยู่จุดสูงสุดของขั้นรวมชี่ ทั้งยังหยุดอยู่ที่ระดับนี้มานาน แต่ความสามารถทุกด้านล้วนบรรลุถึงขีดสุด
คนผู้นี้มีนามว่าตู๋กูป้า เป็ลูกพี่ลูกน้องของตู๋กูหลง หลังจากตู๋กูหลงตายไป ตู๋กูป้าก็กลายเป็อัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งตระกูลตู๋กู
ตู๋กูป้านั้นโตกว่าตู๋กูหลงสองปี แม้พร์จะด้อยกว่าตู๋กูหลง แต่พลังต่อสู้ของเขากลับแกร่งกว่าตู๋กูหลงมาก ลือกันว่าตู๋กูป้าเคยเอาชนะผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้คนหนึ่ง เื่นี้ทำเมืองหลวงเกิดความผันผวนไม่น้อย
“ทำไม? เ้าอยากสู้กับข้างั้นหรือ?” เย่เฟิงกล่าวขณะเดินลงจากแท่นหิน
“ข้ามาแก้แค้นแทนตู๋กูหลง เ้าที่อยู่ขั้นรวมชี่ที่ 7 จงยอมรับความตายซะเถอะ!” ตู๋กูป้ากล่าวด้วยสีหน้าหยิ่งผยอง จากนั้นเขาพุ่งเข้าหาเย่เฟิงโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ก่อนจะวาดฝ่ามือที่อัดแน่นไปด้วยพลังน่าทึ่งเข้าโจมตี ทว่าเย่เฟิงกลับไม่สนใจแม้แต่นิด เขาเหวี่ยงหมัดที่เรียบง่ายและอัดแน่นไปด้วยพลังมหาศาลโจมตีออกไปทันที
ตอนเย่เฟิงอยู่ขั้นรวมชี่ที่ 5 ก็ฆ่าผู้ฝึกยุทธ์จุดสูงสุดของขั้นรวมชี่ได้ง่ายดาย บัดนี้เขาบรรลุขั้นรวมชี่ที่ 7 แล้วตู๋กูป้าจะใช่คู่ต่อสู้ของเย่เฟิงได้อย่างไร?
“กร๊อบ!” ตอนนั้นเองเสียงกระดูกหักดังขึ้น ต่อมาผู้คนพบว่าตู๋กูป้าถูกเย่เฟิงซัดกระเด็นปลิว กระดูกแขนก็ยังแตกร้าว อวัยวะภายในถูกทำลาย เขาถูกทำลายตบะในหมัดเดียว
“เย่เฟิงแข็งแกร่งเพียงนี้เชียวหรือ? ตู๋กูป้าที่เคยชนะผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ กลับเปราะบางเมื่ออยู่ต่อหน้าเย่เฟิง นี่จะน่ากลัวเกินไปแล้ว!” ผู้คนเห็นฉากนี้ต่างต้องตกตะลึง เหล่าผู้นำสามตระกูลก็ใเช่นกัน แต่ตู๋กูหนานกลับเผยหน้าเขียว และกล่าวต่อว่า “เ้ากล้าดียังไงมาทำร้ายหลานชายข้า?”
“เขาจะฆ่าข้า หรือข้าไม่ควรโต้ตอบ?” เย่เฟิงกล่าวพลางยิ้มหยัน
“พวกเ้าสามตระกูลต่างอยากฆ่าข้า เช่นนั้นผู้ที่อยู่ต่ำกว่าขั้นยุทธ์แท้เข้ามาได้เลย เข้ามาเท่าไรข้าเย่เฟิงก็จะฆ่าเท่านั้น!” เย่เฟิงกล่าวขณะกวาดตามองเหล่าผู้ฝึกยุทธ์สามตระกูล
“เด็กนี่เหิมเกริมมาก!” ผู้คนจำนวนมากได้ยินต่างก็ใจเต้นระรัว แม้เผชิญหน้ากับสามตระกูลใหญ่ แต่ชายผู้นี้ก็ยังคงไม่เกรงกลัว
เหล่าผู้ฝึกยุทธ์สามตระกูลมองหน้ากัน แม้จะโมโหเย่เฟิง แต่กลับไม่มีใครกล้าเสนอหน้าออกไปสู้ ต้องรู้ว่าเย่เฟิงผู้นี้ทำลายตบะตู๋กูป้าได้ในหนึ่งหมัด แล้วผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ของสามตระกูลใครเล่าจะกล้าสู้กับเย่เฟิง?
“ระหว่างเราไม่มีเวลามากพอจะมาเล่นลิ้น ข้าไม่สนว่าเ้าแกร่งแค่ไหน ยังไงวันนี้เ้าก็ต้องถูกกลบฝังอยู่ที่นี่!” ตู๋กูหนานกล่าว ในเมื่อไม่มีใครกล้าออกไปสู้ เช่นนั้นเขาก็ต้องออกโรงเอง
“พรึ่บ!” ตู๋กูหนานเคลื่อนไหวทันทีที่สิ้นเสียง เขาหายตัวไปในพริบตา ทั้งยังไม่มีผู้ใดดูออกว่าเขาจะทำเช่นไร
“นี่มันท่าร่างอะไร? ช้าเหมือนหอยทากก็ไม่ปาน บิดาจะช่วยเ้าจัดการเขาเอง!” วินาทีที่ตู๋กูหนานหายตัวไป เสียงของราชันมารชื่อเทียนก็ดังขึ้นในหัวของเย่เฟิง นาทีต่อมาเย่เฟิงรู้สึกว่ามีพลังจิตอันแกร่งกล้าถ่ายเทเข้ามาในร่างเขา ทำให้ประสาทััของเขาถูกยกระดับขึ้นในพริบตา ทุกอย่างรอบตัวเปลี่ยนไปชัดเจนแจ่มแจ้ง ทุกการเคลื่อนไหวก็เปลี่ยนไปเชื่องช้า ทุกสิ่งทุกอย่างราวกับช้าลงร้อยเท่า แต่ความเร็วของเย่เฟิงกลับไม่เปลี่ยน ตอนนี้เขาสามารถจับทุกรายละเอียดของวิถีเคลื่อนไหวได้หมดแล้ว
เหตุนี้เย่เฟิงจึงเห็นการเคลื่อนไหวของตู๋กูหนานได้อย่างชัดเจน แม้อีกฝ่ายจะว่องไวก็ตาม
“วูบ!” เย่เฟิงพลันแทงหอกมารออกไปด้วยความเร็วปานฟ้าแลบ ซึ่งเล็งเป้าไปที่หน้าอกของตู๋กูหนาน
เมื่อตู๋กูหนานรับรู้ได้ถึงอันตรายที่ใกล้เข้ามาก็ต้องหน้าถอดสีทันที เขาอยากหลบหนี แต่ก็ไม่ทันการแล้ว นาทีต่อมามีเสียงหนึ่งดังขึ้น หอกมารที่อัดแน่นด้วยพลังมารไร้ที่สิ้นสุดทะลุร่างตู๋กูหนาน แต่ตู๋กูหนานเป็ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ระดับสูง จึงสามารถรับมือได้ทุกสถานการณ์ ตอนที่หอกมารแทงทะลุเนื้อหนัง เขาก็เบี่ยงตัวไปทางขวาเพื่อไม่ให้โดนตำแหน่งหัวใจ
ตู๋กูหนานถูกหอกมารแทงเข้าที่อกขวาแทน เขารู้สึกทันทีว่ามีไอมารเข้าปกคลุมร่างตน ทำให้เขาได้รับาเ็สาหัสจนกระอักเื พร้อมกระเด็นออกไป แต่ไอมารนั้นยังคงทำลายอวัยวะภายในร่างเขาอย่างต่อเนื่อง นี่แหละความโหดร้ายของหอกมาร
“หอกมารนี่ทรงพลังมากจริง ๆ!” เมื่อเย่เฟิงเห็นหอกที่ตัวเองแทงทำตู๋กูหนานเจ็บสาหัส ก็รู้สึกปลื้มปริ่ม
“นี่ยังเล็ก ๆ น้อย ๆ ตบะของเ้ายังต่ำไป แม้แต่พลังหนึ่งส่วนของหอกมารก็ยังไม่ได้สำแดง หากสำแดงพลังสักหนึ่งส่วน ชีวิตของเ้าเด็กนั่นคงหาไม่ไปแล้ว!” เสียงของราชันมารชื่อเทียนดังขึ้น คิดว่าเย่เฟิงยังไม่เคยเห็นโลกภายนอก เขาเป็ถึงผู้ฝึกยุทธ์ขั้นราชันมาร หากอยู่ในยุครุ่งเรืองของเขา เขาแค่ร่ายมือก็บดขยี้ทุกคนในที่นี้เป็ผุยผงได้แล้ว บัดนี้หอกมารที่เขาเคยใช้ไปอยู่ในมือของเย่เฟิง แต่กลับฆ่าเด็กน้อยผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ระดับสูงคนหนึ่งไม่ได้ นี่ทำให้เขาไม่ชอบใจเอาเสียเลย
เย่เฟิงได้ยินคำพูดของราชันมารชื่อเทียนก็รู้สึกใ แม้เขาจะรู้ว่าหอกมารไม่ใช่อาวุธธรรมดา แต่ก็ยังคงประเมินมันต่ำไป เขาอยู่ขั้นรวมชี่ที่ 7 แม้จะสำแดงพลังของหอกมารได้เพียงหนึ่งส่วน แต่ก็ทำตู๋กูหนานที่อยู่ขั้นยุทธ์แท้ระดับสูงาเ็สาหัสได้แล้ว
หากบรรลุขั้นยุทธ์แท้หรือสูงกว่า เย่เฟิงคงสำแดงพลังแห่งหอกมารได้มากกว่านี้ จนยากที่จะจินตนาการ
“อะไรน่ะ? ผู้นำตระกูลตู๋กูถูกเย่เฟิงทำร้ายงั้นหรือ? เกิดอะไรขึ้น แล้วเขาทำได้อย่างไร?” แวบแรกที่ผู้คนเห็นฉากนี้ต่างคิดว่าตัวเองตาฝาดไป หรือเห็นภาพหลอน
หนึ่งขั้นรวมชี่ที่ 7 หนึ่งขั้นยุทธ์แท้ระดับสูง ช่องว่างนี้ห่างชั้นกันมากโข แม้ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ระดับสูงจะถูกผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ที่ 7 ทำร้าย แต่ก็ไม่น่าจะโดนถึงขนาดนี้
แต่บัดนี้ตู๋กูหนานที่อยู่ขั้นยุทธ์แท้ระดับสูงกลับถูกเย่เฟิงที่อยู่ขั้นรวมชี่ที่ 7 ทำร้ายจนสาหัสในหนึ่งหอก กระทั่งเกือบคร่าชีวิต แล้วจะไม่ทำให้ผู้คนใได้อย่างไรเล่า
“ผู้นำตระกูลตู๋กู นี่มันอะไรกัน? ไม่นึกว่าจะถูกเด็กทำร้ายได้ ให้ข้าจัดการเด็กนั่นดีกว่า!” เฉินฉี่หัวประหลาดใจเล็กน้อย เขายังคงคิดว่านี่เป็เื่ที่ไม่มีทางเป็ไปได้ แต่เป็ความประมาทของตู๋กูหนานเสียมากกว่า
เฉินฉี่หัวชำเลืองมองตู๋กูหนานด้วยสายตาดูแคลน จากนั้นใช้ย่างก้าวเงาพรายพร้อมกับวาดฝ่ามือโจมตีเย่เฟิง ทันใดนั้นเงาร่างของเฉินฉี่หัวราวกับมีนับพันได้พุ่งเข้าหาเย่เฟิงพร้อมกัน
“เย่เฟิงจบเห่แน่!” ผู้คนเห็นฉากนี้ต่างก็ใจเต้นโครมคราม เฉินฉี่หัวใช้เคล็ดวิชาท่าร่างย่างก้าวเงาพราย แม้จะเป็ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ทั่วไปก็ต้องถูกฆ่าตาย แล้วนับประสาอะไรกับเย่เฟิงที่อยู่เพียงขั้นรวมชี่ ดังนั้นผู้คนจึงคิดว่าเย่เฟิงต้องตายด้วยการโจมตีของเฉินฉี่หัวอย่างแน่นอน
ทว่าเย่เฟิงกลับเห็นท่าร่างนี้เต็มไปด้วยช่องโหว่ เพียงเย่เฟิงมองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าเฉินฉี่หัวตัวจริงอยู่ตรงไหน จากนั้นเขาแทงหอกมารออกไปด้วยความเร็วปานฟ้าแลบ พร้อมกับมีพลังมารรายล้อมตัวหอก
“ฉึก!” ทันใดนั้นรังสีหอกทะลวงฝ่ามือของเฉินฉี่หัว ทำเฉินฉี่หัวกรีดร้องด้วยความเ็ป ก่อนจะรู้สึกว่าไอมารแทรกซึมสู่ร่างกายเขาผ่านาแตรงฝ่ามือ มันทำลายอวัยวะภายในร่างกายของเขาอย่างต่อเนื่อง แต่ถึงอย่างนั้นเฉินฉี่หัวไม่มีเวลาจะสนใจ เพราะหลังจากรังสีหอกนั่นทะลวงฝ่ามือเขาไป พลังของมันไม่ลดน้อยลงแม้แต่นิด เพียงพริบตาก็มาจ่ออยู่ที่ลำคอของเขา
เฉินฉี่หัวต้องหน้าถอดสี เขารีบหลบอย่างรวดเร็ว ก่อนปลายหอกจะกรีดผ่านลำคอของเขาไป แต่ก็ได้ทิ้งาแไว้บนคอเขา ทำให้เืไหลทะลักออกมา ชีวิตของเขาเกือบหาไม่ จากนั้นเขาถอยหลังออกไปโดยไม่กล้าอยู่ต่อ พร้อมกับมองเย่เฟิงด้วยสายตาสั่นระริกที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว เมื่อครู่นี้อีกนิดเดียวเขาก็จะถูกหอกของเย่เฟิงทะลวงลำคอแล้ว
“วูบ!” โจวเถี่ยหลินเห็นเฉินฉี่หัวเสียเปรียบ เขาก็เหวี่ยงหมัดโจมตีเย่เฟิงทันที โดยปลดปล่อยพลังของขั้นยุทธ์แท้ระดับสูงออกมาทั้งหมด
“ไปให้พ้น!” เย่เฟิงตาเผยประกายเย็นเยือก เมื่อเขาแทงหอกมารออกไป รังสีหมัดของโจวเถี่ยหลินก็ถูกทำลายทันที จากนั้นรังสีหอกแทงไปที่ส่วนท้องของเขา หากเขาตอบสนองไม่ทันการณ์ เกรงว่าหอกนี้คงทำร่างเขาขาดเป็สองท่อนไปแล้ว
เพียงเวลาไม่กี่ลมหายใจ ผู้นำสามตระกูลต่างก็าเ็สาหัสด้วยหอกมารของเย่เฟิง กระทั่งชีวิตเกือบหาไม่
สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ผู้คนตาเบิกโพลงด้วยความใ แล้วมองเย่เฟิงด้วยสายตาเหลือเชื่อ
“พวกเ้าอยากฆ่าข้าไม่ใช่หรือ? ทำไมยังไม่ลงมืออีกเล่า?” เย่เฟิงเอ่ยถามด้วยเสียงดูแคลนขณะมองตู๋กูหนาน เฉินฉี่หัว โจวเถี่ยหลิน
“เ้าทำได้ยังไง?” ตู๋กูหนานเอ่ยถามขณะสีหน้าขาวซีด แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่กล้าเชื่อว่าตนจะถูกเด็กรุ่นเยาว์ที่อยู่ขั้นรวมชี่ที่ 7 ทำร้ายได้
“เ้าไม่มีสิทธิ์รู้” เย่เฟิงกล่าวเสียงเย็น
“หอกเล่มนั้นในมือเขาทรงพลังมาก หากไม่มีหอกนั้นเราก็ฆ่าเขาได้โดยไม่ต้องออกกระบวนท่าที่สองด้วยซ้ำ” เฉินฉี่หัวกล่าวด้วยสีหน้าดูไม่ได้
โจวเถี่ยหลินลุกขึ้นจากพื้นแล้วพยักหน้าเห็นด้วยกับเฉินฉี่หัว พวกเขาเป็ถึงผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ระดับสูง จะเปราะบางได้อย่างไรกัน แต่เมื่อพวกเขาพยายามใช้พลังจิตตรวจสอบพลังของหอกมาร กลับตรวจสอบไม่ได้ เห็นได้ชัดว่าหอกมารเล่มนี้ไม่ใช่ของธรรมดา
แม้เย่เฟิงจะมีตบะต่ำต้อย แต่อาศัยพลังของหอกมารก็สามารถฆ่าพวกเขาได้แล้ว
“พล่ามให้มันน้อย ๆ หน่อย วันนี้พวกเ้าฆ่าข้าไม่ได้ หากพวกเ้าคนไหนกล้ามารบกวน ข้าจะฆ่ามันผู้นั้นอย่างไม่ปรานี!” เย่เฟิงกล่าวเสียงเย็น จากนั้นเห็นเขาทะยานฝ่าวงล้อมของผู้นำสามตระกูลออกไปอย่างสง่าผ่าเผย โดยไร้ซึ่งผู้ใดขวางทาง นี่ทำให้พวกตู๋กูหนานเผยสีหน้าย่ำแย่ พวกเขาโมโหจนอยากฆ่าเย่เฟิงเสียตอนนี้ แต่กลับไม่มีใครกล้าทำ แค่มองหอกมารในมือของเย่เฟิงก็ตัวสั่นระริกด้วยความกลัวแล้ว
“ไอ้หนูเร็วหน่อย บิดาจะทนไม่ไหวแล้ว!” เสียงราชันมารชื่อเทียนดังขึ้นในหัวของเย่เฟิง เมื่อครู่นี้ราชันมารชื่อเทียนเป็คนช่วยเหลือเย่เฟิง ไม่อย่างนั้นเย่เฟิงก็ไม่มีทางใช้พลังของหอกมารทำร้ายผู้นำสามตระกูลนั่นได้
หอกมารคืออาวุธของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นราชันมาร มีพลังแกร่งกล้า มิใช่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่จะควบคุมได้ แม้จะเป็ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นาามารก็ไม่แน่ว่าจะทนการกัดกร่อนของพลังมารที่แข็งแกร่งนั่นได้
หากไม่ใช่ว่าราชันมารชื่อเทียนใช้พลังิญญาปิดกั้นพลังมารนั่น แล้วเย่เฟิงใช้ตบะของตนเข้าควบคุมหอกมาร เกรงว่าจะตายคาที่ทันทีโดยไม่หลงเหลือร่องรอยไว้แม้แต่นิด
บัดนี้ราชันมารชื่อเทียนถึงขีดจำกัดที่จะทนได้แล้ว เย่เฟิงจึงฉวยโอกาสที่ราชันมารชื่อเทียนยังทนได้อยู่หนีออกมา หากคนเ่าั้พบเบาะแส ผลลัพธ์คงยากที่จะจินตนาการ
“ไอ้หนู พวกเขาไม่ได้ตามมา รีบเก็บหอกมารเร็ว!”
เมื่อมาถึงที่ซ่อนตัวตรงไหล่เขาของยอดเขาัคชสาร ราชันมารชื่อเทียนก็กล่าวด้วยความร้อนใจแฝงความอ่อนแรงเล็กน้อย
เมื่อหกพันปีก่อน เขาคือผู้ฝึกยุทธ์ขั้นราชันมาร แต่บัดนี้หลงเหลือเพียงร่างิญญา ไม่มีพลังเฉกเช่นในอดีต ดังนั้นด้วยพลังของเขาในเวลานี้จึงไม่เพียงพอจะควบคุมหอกมารได้อย่างเต็มที่
“ตาเฒ่า เมื่อครู่ท่านยังพูดกับข้าว่าให้เชื่อฟังท่าน แล้วท่านจะพาข้าท่องยุทธภพ แล้วตอนนี้เป็อะไรไปเล่า?” เย่เฟิงซักถาม
“บิดาถูกปิดผนึกอยู่ในหอกมารนานหกพันปี มิอาจบำเพ็ญเพียรได้ พลังก็ย่อมถดถอยเป็ธรรมดา บิดาบอกจะพาเ้าท่องยุทธภพ ก็ย่อมพาไปแน่นอน”
แม้เย่เฟิงจะพูดอย่างนั้น แต่ราชันมารชื่อเทียนก็ไม่ได้โกรธ เพียงกล่าวเช่นนั้นพลางถอนใจ
“แล้วข้าจะรอ!” เย่เฟิงกล่าวพลางยิ้ม
“นับจากนี้หากไม่จำเป็จริง ๆ ก็อย่านำหอกมารออกมาใช้เด็ดขาด ด้วยความสามารถของบิดาในตอนนี้ แค่ยับยั้งพลังมารก็ผลาญพลังจิตไปตั้งมาก หากเป็เช่นนี้อีก บิดาคงสลายเป็ผุยผง” ราชันมารชื่อเทียนกำชับเย่เฟิง ด้วยร่างิญญาของเขา เขาจึงอ่อนแอมาก เมื่อครู่นี้เขาถ่ายทอดพลังจิตไปให้เย่เฟิงจึงใช้หอกมารได้ แต่เขาก็ต้องสูญเสียพลังไปมากโข เกรงว่าต้องใช้เวลาฟื้นฟูระยะยาว
“อืม” เย่เฟิงพยักหน้า จากนั้นเห็นว่าไม่ไกลออกไปมีเงาร่างหนึ่งเดินมาทางนี้ ซึ่งก็คือจูเชวี่ยเว่ย
เมื่อครู่นี้เย่เฟิงรีบหนีมา จึงไม่ได้พาจูเชวี่ยเว่ยมาด้วย
“คุณชายเย่”
จูเชวี่ยเว่ยกล่าว ใบหน้านางกลับมามีสีเืสองสามส่วน อาการาเ็เกือบหายดี และยังไม่มีแผลเป็ทิ้งไว้บนผิวขาวเนียนของนาง เห็นชัดว่าเม็ดยาที่ช่วยฟื้นฟูอาการาเ็ในสิบกว่าวันมานี้มีประสิทธิภาพดีมากเพียงใด
