“ ท่านแม่ ” ฉือหางดึงโจวซื่อออกไปด้านข้าง กระซิบเบาๆ ว่า “ ท่านกำลังพูดอะไรหรือ ? สิ่งเหล่านี้พวกเราจะรับมันไว้ได้อย่างไร ?”
"ทำไมจะไม่ได้?" โจวซื่อมองไปที่ฉือหางด้วยความสงสัย พูดอย่างเ็า "สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็ของดีมีราคาทั้งหมด พวกเราคนจนอาจไม่ได้มีโอกาสเห็นของพวกนี้ทั้งชีวิตด้วยซ้ำ หากเราปล่อยผ่านโอกาสดีๆ เช่นนี้ พวกเราก็ไม่มีโอกาสนั้นอีกต่อไปแล้ว"
หลินกู๋หยู่เดินไปหาพ่อบ้านด้วยรอยยิ้มสดใส "ขอบคุณทุกท่านสำหรับความกรุณา เพียงแต่สามีของข้าเป็คนที่ชอบที่จะช่วยเหลือผู้คนเสมอ เป็เื่เล็กน้อยไม่ลำบากอะไร ความกรุณาและความหวังดีของคุณหนูของพวกท่าน พวกเรารับไว้แล้ว สิ่งเหล่านี้ไม่จำเป็สำหรับพวกเราแล้ว"
เมื่อได้ยินสิ่งที่หลินกู๋หยู่พูด พ่อบ้านยิ้มสดใสยิ่งขึ้น สายตามองที่โจวซื่อข้างๆ พูดอย่างกังขาว่า "นี่?"
“แม่สามีของข้าแค่พูดเล่น ดังนั้นเ้าอย่าได้คิดมากเกินไป” หลินกู๋หยู่พูดถ้อยคำดีๆ อีกครั้งก่อนรีบส่งคนเ่าั้ออกไป
โจวซื่อมองดูคนเ่าั้จากไปด้วยสายตาเบิกกว้าง นาง้าตามพวกเขาให้ทัน แต่นางถูกฉือหางขัดขวาง
“เ้าโง่หรือไร?” โจวซื่อกัดฟันสีเงินเต็มปากด้วยความโกรธ “ถ้าพวกเรามีสิ่งเหล่านี้ ถ้าพวกเราขายผ้าไหมและผ้าแพรในกล่องไม้นั่น พวกเราจะสามารถหาเงินได้มากมาย”
เมื่อพูดถึงเื่นี้ ใบหน้าของโจวซื่อยิ่งดูทุกข์ใจ นางยกนิ้วชี้ไปที่หน้าผากของฉือหางด้วยความคับแค้นใจ รู้สึกว่าลูกชายของตนไม่เอาไหน "ทำไมเ้าถึงไม่้าจำนวนเงินมากพวกนั้น"
เมื่อเห็นคนเ่าั้ห่างออกไปเรื่อยๆ โจวซื่อก็ผลักฉือหางด้วยความไม่พอใจ
เดิมาแบนหน้าอกของเขาไม่ได้รู้สึกเ็ปมาก แต่เมื่อถูกโจวซื่อััเข้าอย่างจัง ใบหน้าของฉือหางก็น่าเกลียดทันที เสียงอุทานอันเ็ปหลุดออกมาจากปากของเขาอย่างไม่อาจควบคุม
หลินกู๋หยู่รีบเดินไปหาฉือหาง พยุงฉือหางและเอ่ยถามอย่างเป็ห่วงว่า "เป็เพราะาแเปิดหรือไม่?"
เหงื่อเย็นๆ ซึมบนใบหน้าของฉือหาง ในขณะกัดริมฝีปากแน่น
โจวซื่อก้าวไปข้างหน้าเพื่อพยุงฉือหางด้วยสีหน้าไม่สบายใจ "เ้าเป็อะไรไปหรือ?"
"ถูกสัตว์ป่าข่วนที่หน้าอก" หลินกู๋หยู่มองไปที่ฉือหางอย่างเป็กังวล เดินเข้าไปด้านในพร้อมกับจับแขนของเขาไว้ “เข้าไปในบ้าน ข้าจะช่วยดูให้”
โจวซื่อพยุงฉือหางและเดินเข้าไปข้างในด้วยใบหน้าตึงเครียด
ในห้องมีตะเกียงน้ำมัน แสงสว่างกว่าข้างนอกมาก
สายตาของโจวซื่อมองไปที่เสื้อผ้าของฉือหาง ผ้าบริเวณหน้าอกของเขาเป็สีเข้ม ดูสภาพแล้วน่าจะาเ็สาหัสมาก
“ข้าจำได้ว่าข้ายังมีสิ่งที่จะต้องทำ ข้าขอตัวออกไปก่อนแล้ว” โจวซื่อไม่กล้ามองเสื้อผ้าของฉือหาง รีบเดินหนีออกไปข้างนอก
โต้ซาเขย่ากลองป๋องแป๋งในมือพลางเดินไปที่เตียง เงยหน้าขึ้นมองไปทางโจวซื่อ แล้วเอ่ยถามด้วยความสับสนว่า "ท่านพ่อ ท่านเป็อะไรไปหรือ?"
“ข้าไม่เป็ไร” ฉือหางอยากจะยิ้มให้โต้ซา มุมปากกระตุกด้วยความยากลำบาก
"โต้ซา เด็กดี เ้าไปเล่นตรงนั้นเถอะ พ่อป่วยแล้ว แม่ต้องดูอาการให้พ่อ" หลินกู๋หยู่เอื้อมมือไปลูบศีรษะของโต้ซา แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม
"อ้อ"
เมื่อโต้ซาออกไป หลินกู๋หยู่ก็ถอนหายใจเบาๆ “ถอดเสื้อออก ถ้าเ้าไม่ทำ ข้าจะทำเอง”
“ไม่ต้อง ข้าจะทำเอง”
ฉือหางไม่คิดว่าการถอดเสื้อจะทำให้เขาอาย แต่เมื่อสายตาของหลินกู๋หยู่จับจ้องมา ความปรารถนาอันกระสับกระส่ายในใจของเขาก็มักจะปะทุขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้
หลังจากถอดเสื้อ หลินกู๋หยู่ก็เห็นชัดเจนว่าหน้าอกของฉือหางมีรอยเื คิ้วของนางขมวดแน่น จากนั้นเดินไปด้านข้างและหยิบยาจินฉวงออกมา
“เ้านี่ก็จริงๆ เลย” ในระหว่างที่หลินกู๋หยู่กำลังทายา นางก็อดไม่ได้ที่จะบ่นพึมพำว่า “วันข้างหน้าเ้าก็ระมัดระวังตัวด้วย”
"อืม"
“ข้าบอกแล้วว่า่นี้เ้าจะต้องพักผ่อนให้เพียงพอ อย่าออกไปไหนอีก” หลินกู๋หยู่วุ่นอยู่กับงานในมือ รอให้ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วก็วางมือ “เสร็จแล้ว ในหลายวันนี้เ้าก็พักผ่อนอยู่บ้านเถอะ"
“ฟืนเหลือไม่มากแล้ว พรุ่งนี้ข้าจะไปเก็บฟืน?” ฉือหางลังเลอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองหลินกู๋หยู่อย่างระมัดระวัง
หลินกู๋หยู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย มองไปที่ฉือหางด้วยความไม่พอใจ
ฉือหางมองดูสายตาที่เคร่งขรึมเช่นนั้น เขาก็ก้มศีรษะลงโดยไม่รู้ตัว “งั้นข้าไม่ไปแล้ว”
อุ้มโต้ซาไปอาบน้ำ หลังจากอาบน้ำให้โต้ซาเสร็จแล้ว หลินกู๋หยู่ก็อาบน้ำต่อ
“เ้าแค่เช็ดตัวก็พอ อย่าให้แผลโดนน้ำละ” หลินกู๋หยู่เตือนอย่างเป็ห่วง “ถ้าโดนน้ำ แผลจะยิ่งหายช้ากว่าปกติ”
เมื่อหลินกู๋หยู่ตื่นขึ้น ฉือหางไม่ได้อยู่บนเตียงแล้ว เมื่อหันศีรษะมอง ก็เห็นว่าฉือหางกำลังทำอาหารเช้าอยู่
ชายคนนั้นยุ่งอยู่กับงานในครัว และเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าจากข้างหลัง เขาก็รีบหันไปมอง
“ทำไมเ้าไม่นอนให้มากกว่านี้?” หลินกู๋หยู่หยิบช้อนจากมือของฉือหางอย่างแเีพลางเทข้าวลงในหม้อ “ร่างกายของเ้าาเ็ยังไม่หายดีเลย เ้าควรพักผ่อนให้มาก”
“ข้าชินแล้ว” ในขณะที่ฉือหางพูด เขาก็ไปยืนอยู่ข้างๆ มองไปที่หลินกู๋หยู่ด้วยสายตาที่หลุบต่ำ “เ้ายุ่งมากทุกวัน ข้าทำอาหารบ้างเป็ครั้งคราวก็เป็สิ่งที่สมควรทำแล้วนี่”
หากเป็ในยุคปัจจุบัน หลินกู๋หยู่คิดว่าคงจะดีมากหากหาผู้ชายทำอาหารได้และสามารถดูแลผู้หญิงไว้ในอุ้งมืออย่างดี
แต่ที่นี่ จะมีผู้ชายสักกี่คนที่ยอมทำอาหารให้ผู้หญิงทาน?
เพียงแต่
หลินกู๋หยู่หรี่ตาลงช้าๆ ถ้าฉือหางทำอาหารได้อร่อย นางจะมีความสุขมากที่ได้ช่วยเขาทำอาหารทุกวัน
หลังจากทานอาหารเช้า หลินกู๋หยู่ดูแลสมุนไพรในสวน โต้ซาดูเหมือนจะสนใจสิ่งเหล่านี้มาก เขาเดินตามหลังหลินกู๋หยู่ ขณะชี้ไปที่สมุนไพรบนพื้นพลางถามไม่หยุด
ฉือหางนั่งอยู่ด้านข้าง ถือไม้ด้วยมือซ้ายและมีดสั้นในมือขวา คอยลับไม้ให้คม ลูกธนูที่ลับเสร็จแล้วสองสามดอกวางอยู่ข้างๆ เขา
“ทุกคนรีบไปรวมตัวกันที่วัดทางทิศตะวันตกของหมู่บ้าน ผู้ใหญ่บ้านมีเื่จะแจ้งให้ทราบ!”
“รีบไปรวมตัวที่นั่นเร็วเข้า หยุดงานในมือ แล้วรีบไปให้เร็ว”
จ้าวยู่เถียนวิ่งไปที่ประตูบ้านสกุลฉือ มองหลินกู๋หยู่และฉือหางพลางะโเรียก "พี่ฉืออู่ พี่รีบไปเร็วเข้า ท่านปู่ของข้าบอกว่ามีคำสั่งเบื้องบนจะแจ้งให้ทราบ"
"อื้ม!" ฉือหางกล่าวตอบห้วนๆ จ้าวยู่เถียนเดินไปบ้านหลังถัดไปเพื่อแจ้งให้คนอื่นๆ ในหมู่บ้านทราบ
ฉือหางวางลูกศรในมือลงบนพื้น ลุกขึ้นและเดินไปด้านหน้าหลินกู๋หยู่ "เราไปกันเถอะ"
หลินกู๋หยู่ดึงวัชพืชออก รดน้ำ จากนั้นยืดตัวขึ้น "รอข้าล้างมือเสร็จก่อน แล้วไปด้วยกัน!"
ฉือหางและหลินกู๋หยู่เดินไปทางฝั่งตะวันตกของหมู่บ้าน ผู้คนในละแวกจำนวนมากก็เดินตามพวกเขาไปทางฝั่งนั้นเช่นเดียวกัน
หลินกู๋หยู่อุ้มโต้ซา ตอนแรกฉือหางอยากจะอุ้มเด็กน้อย แต่ร่างกายของเขายังไม่หายดี ดังนั้นนางจึงไม่เห็นด้วย
เมื่อเดินไปถึงประตูวัดทางทิศตะวันตกของหมู่บ้าน รอบข้างก็จอแจเต็มไปด้วยผู้คน
โจวซื่อเดินนำสมาชิกในครอบครัวฉืออย่างเอื่อยเฉื่อย ใบหน้ามองบน เดินไปหาฉือหางด้วยใบหน้าภาคภูมิ
“ดีขึ้นแล้วหรือ?” ดวงตาของโจวซื่อพินิจมองฉือหางตรงหน้า เม้มริมฝีปากเล็กน้อยและเอ่ยถามอย่างทำตัวไม่ถูกหลายส่วน
ั้แ่แยกครอบครัว โจวซื่อรู้สึกว่าลูกชายคนนี้ยิ่งห่างไกลจากนางมากขึ้นเรื่อยๆ
ฉือหางชำเลืองมองโจวซื่อด้วยใบหน้าประหลาดใจกับการแสดงออกว่าเป็ห่วงของโจวซื่อ จากนั้นก้มศีรษะลง "ตอนนี้ไม่เป็ไรแล้ว"
จ้าวเฮยจื่อเป็ผู้ใหญ่บ้านของพวกเขา ซึ่งยืนอยู่บนก้อนหินขนาดใหญ่ และะโบอกทุกคนว่า "ทุกท่านเงียบ ข้ามีเื่จะแจ้งให้ทุกท่านทราบ"
คนส่วนใหญ่ในหมู่บ้านค่อนข้างเชื่อฟัง และเมื่อได้ยินคำพูดของผู้ใหญ่บ้าน พวกเขาก็เงียบ แต่ก็ยังมีสองสามคนกระซิบกับอยู่
จ้าวเฮยจื่อพยายามอย่างเต็มที่ที่จะลืมตามองไปที่ผู้คนด้านล่างอย่างใจจดใจจ่อ และถอนหายใจ "ทุกท่าน ในปีนี้หมู่บ้านของเราต้องทนทุกข์ทรมานจากไข้ทรพิษ ถ้าไม่ใช่เพราะภรรยาของฉืออู่ พวกเราก็ไม่รู้ว่าเราจะรอดมาถึงตอนนี้ได้หรือไม่"
ประโยคนี้ตอกย้ำถึงเื่ราวความเศร้าของหลายคน
หากรักษาไข้ทรพิษไม่สำเร็จ คนในหมู่บ้านของพวกเขาจะต้องไม่รอดชีวิตอย่างแน่นอน
ทุกคนหันสายตามองไปที่ฉือหางและหลินกู๋หยู่
โต้ซากอดลำคอของหลินกู๋หยู่แน่นด้วยความกลัว ซบหน้าลงบนไหล่แล้วร้องเรียกเบาๆ ว่า "ท่านแม่"
“ไม่เป็ไร ไม่ต้องกลัว” หลินกู๋หยู่เอื้อมมือไปตบแผ่นหลังของโต้ซา ปลอบโยนเบาๆ จากนั้นมองไปที่ฝูงชน พูดด้วยน้ำเสียงที่จริงใจ “พวกเราเป็ญาติ เป็คนบ้านเกิดเดียวกัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกันก็เป็สิ่งที่สมควรทำอยู่แล้ว”
ผู้ใหญ่บ้านจ้าวเดินลงมาจาก้า โดยตรงไปที่หลินกู๋หยู่ พูดอย่างจริงใจว่า "ภรรยาฉืออู่ สิ่งที่เ้าทำเพื่อคนในหมู่บ้าน ทุกคนในหมู่บ้านจะจดจำไว้ให้ขึ้นใจ"
"ใช่ แม่ของโต้ซา เ้าทำงานหนักเพื่อพวกเรา นอกจากนี้ยังไม่คิดเงินพวกเราสักแดงเดียว แน่นอนว่าพวกเราจะจดจำเ้าไว้ให้ขึ้นใจ"
“แม่ของโต้ซา ถ้าไม่ใช่เพราะเ้า พวกเราคงไม่รอด”
"ใช่ เ้าเป็คนช่วยชีวิตคนในหมู่บ้านของเรา..."
.......
หลินกู๋หยู่รู้สึกวิงเวียน เมื่อได้ยินสิ่งที่คนเ่าั้หลายคนพูดจอแจพร้อมกันในเวลาเดียวกัน นางขยับตัวไปหาฉือหางโดยไม่รู้ตัวว่า "อย่าคิดมากเลย มันเป็แค่เื่เล็กน้อยไม่ลำบากอะไร"
ฉือหางโบกมือเช่นกัน "ทุกท่าน อย่าได้คิดมากนัก ภรรยาของข้าเป็คนจิตใจดี ทุกคนก็คุ้นเคยกันดี ดังนั้นอย่าคิดมากเลย"
คนเ่าั้พูดคุยจอแจไม่หยุด
ผู้ใหญ่บ้านจ้าวเฮยจื่อยกมือทั้งสองข้างขึ้น โบกมือบอกเป็นัยว่าให้ทุกคนสงบลง รอให้ความเงียบแล้ว ผู้ใหญ่บ้านจึงพูดว่า "ถึงเ้าจะพูดเช่นนั้น แต่พวกเราก็ยังต้องให้พวกเ้ารู้ใจของเราให้ชัดแจ้ง"
"ถูกต้อง"
"อย่างไรเสีย พวกเราก็ต้องทำอะไรบางอย่าง"
.......
ด้วยเหตุผลบางอย่าง หลินกู๋หยู่จำได้ว่ามีคนบอกว่าพวกเขา้าสร้างศาลเ้าให้นางหรืออะไรสักอย่าง สิ่งนี้อย่าได้ทำเลย
ผู้ใหญ่บ้านจ้าวเฮยจื่อขมวดคิ้ว หันศีรษะไปมองฝูงชน "ด้วยสำนึกในมหากรุณาธิคุณของฮ่องเต้อย่างหาที่สุดมิได้ ประกาศให้ลดภาษีบางส่วน ใน่สองสามปีที่ผ่านมา หมู่บ้านของพวกเราลมฝนตกตามฤดูกาล ชีวิตของทุกครัวเรือนก็ดีมากขึ้นเรื่อยๆ เพียงแต่เมื่อสองสามวันก่อน เ้าเมืองเรียกข้าเข้าไป โดยแจ้งว่าระดับสูงจะเก็บภาษีส่วนบุคคล”
ภาษีส่วนบุคคลนั้นคือการจ่ายภาษีตามจำนวนคนในแต่ละครัวเรือน โดยไม่คำนึงถึงผู้ใหญ่หรือเด็ก
“จากการนับรายหัว ทุกคนจ่ายภาษีห้าร้อยเฉียนต่อหนึ่งหัว” ผู้ใหญ่บ้านไอแห้งๆ ด้วยใบหน้าที่ค่อนข้างลำบากใจอยู่หลายส่วน
ทันทีที่เขาพูดเช่นนี้ คนด้านล่างก็แตกฮือ บางคนถึงกับบ่น บางคนถึงกับไม่อยากจะเชื่อหูของตัวเอง
ห้าร้อยเฉียน บ้านใครบ้างที่มีเงินมากมายถึงเพียงนั้น?
บางครอบครัวมีลูกมาก เมื่อได้ยินตัวเลขนี้ก็เริ่มนับนิ้วเพื่อคิดคำนวณ
หลังจากคำนวณผลลัพธ์ สีหน้าของทุกคนก็กลายเป็ไม่น่ามอง เสียงพร่ำบ่นด้วยความไม่พอใจเพิ่มความรุนแรงขึ้น
เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ ผู้ใหญ่บ้านจ้าวก็ขมวดคิ้วแน่น พูดอย่างลำบากใจว่า "ถ้าไม่จ่ายเงินก็ส่งคน หนึ่งคนนับเป็เงินหนึ่งพันเฉียน เท่ากับจ่ายภาษีให้คนสองคน พวกเรายังมีทางเลือก ทุกคนสามารถกลับไปคิดพิจารณาได้"
ทันทีที่ได้ฟังคำพูดเหล่านี้ ทุกคนก็เริ่มไม่พอใจ
