นางต้องกลับไปด้วยความสิ้นหวัง ตัดสินใจว่าพรุ่งนี้ค่อยมาใหม่
หลังจากนั้นสามวันติดกัน ผลลัพธ์ยังคงเหมือนเดิมคือไม่ได้อะไรสักอย่าง ในที่สุดิเป่าจูก็ยอมแพ้
แต่่หลายวันมานี้ นางเก็บสมุนไพรอย่างอื่นได้ไม่น้อย
ในนั้นมีของล้ำค่าหายากอยู่เยอะมาก แต่ที่ทำให้นางเบิกบานใจที่สุดก็คือ สมุนไพรที่เถ้าแก่หวัง้าหาได้ครบทั้งหมด ไม่ขาดแม้แต่อย่างเดียว นับได้ว่าไม่ผิดต่อความไว้วางใจของเถ้าแก่หวังแล้ว
่หลายวันที่ผ่านมานอกจากขึ้นเขาไปหาสมุนไพร เมื่อมีเวลาว่าง ิเป่าจูก็จะไปบ้านของท่านป้าผู้นั้นเพื่อดูอาการาเ็ให้นาง
าแยังบวมอยู่บ้าง แต่ไม่มีผลกระทบอะไรแล้ว ความสามารถในการขยับร่างกายก็ฟื้นกลับมาเป็ปกติทั้งหมดแล้ว
ิเป่าจูมาทุกวัน สองสามีภรรยาก็เบิกบานใจยิ่ง โดยเฉพาะท่านลุงที่ให้การต้อนรับอย่างกระตือรือร้นยิ่งกว่าท่านป้าเสียอีก
เขารู้ว่านางคือผู้มีพระคุณช่วยชีวิตภรรยาของตนเอง ประกอบกับไม่มีบุตรสาวอยู่ข้างกาย เห็นิเป่าจูที่ยังอ่อนเยาว์และอาภัพอับโชคก็อดเวทนาสงสารไม่ได้ มักคะยั้นคะยอให้นางอยู่กินข้าวเสมอ
จนิเป่าอวี้กับหลี่ไหวฺอวี้ต้องออกมาตามหาหลายครั้งหลายหน คนสูงวัยชอบความครึกครื้น จึงรั้งพวกเขาให้อยู่กินข้าวทั้งสองคน
แค่มื้อสองมื้อยังพอไหว แต่นี่สามวันเต็มๆ แล้วที่ไปฝากท้องบ้านของท่านป้าแทบจะทุกมื้อ
ิเป่าจูรู้สึกกระดากใจอย่างยิ่ง อย่างไรเสียครอบครัวของท่านป้าก็ไม่ใช่เศรษฐี นับประสาอะไรกับการมีปากท้องมาเพิ่มถึงสามคน
หลี่ไหวฺอวี้เป็คนไม่รู้จักเกรงใจมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เมื่อท้องหิวก็สามารถกินอะไรก็ได้โดยไม่สงวนท่าที
ิเป่าอวี้อยู่ในวัยเติบโต ความสามารถในการควบคุมการกินก็ยิ่งน้อยลง ถังข้าวสารในบ้านของท่านป้าจึงหมดไปอย่างรวดเร็ว
จนกระทั่งท่านป้ามาตามให้ไปกินข้าวอีก ิเป่าจูจึงยืนกรานหนักแน่น ให้ตายก็ไม่ไปแล้ว
“เด็กคนนี้ พวกเ้ามากันเป็กลุ่มทำให้ครอบครัวเราสนุกสนานครึกครื้น ป้าเองก็มีความสุข ไฉนอยู่ดีๆ ก็ไม่มาเสียแล้วเล่า”
เวลาอาหารเย็น
ท่านป้ามาเคาะประตูเรียกพวกิเป่าจูสามคนให้ไปกินข้าว แม้จะถูกิเป่าจูปฏิเสธก็ยังพยายามโน้มน้าว
“ท่านป้า ท่านกับท่านลุงก็ลำบาก...”
นางไม่มีทางเลือกแล้วจริงๆ เมื่อท่านป้ายังยืนกรานความคิด นางจึงต้องบอกความรู้สึกที่แท้จริงออกไป
“ที่แท้เ้าก็ห่วงเื่นี้นี่เอง จะกลัวอะไรกันเล่า บ้านข้ายังมีที่ดิน”
แม้จะไม่ร่ำรวย แต่โชคดีมีที่นาสองผืน ปลูกข้าวและพืชพรรณธัญญาหาร ดังนั้นจึงไม่มีปัญหาในการพึ่งพาตนเอง
บัดนี้เป็ปลายฤดูร้อน อีกครึ่งเดือนก็เข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง เมื่อถึง่เก็บเกี่ยว ในบ้านก็จะมีข้าวสารเพียงพออย่างแน่นอน
แต่ไม่ว่านางจะพูดอย่างไร ิเป่าจูก็ไม่รับปากที่จะไปกินข้าว ท่านป้าจึงต้องกลับไป
“พี่หญิง เหตุใดไปกินข้าวบ้านท่านป้าไม่ได้แล้วเล่า”
ิเป่าอวี้ไม่เข้าใจ
ครอบครัวของท่านป้ามีข้าวปลาอาหารพรั่งพร้อม ฝีมือการทำอาหารก็ดียิ่ง มีรสชาติอร่อยเป็พิเศษ ทำให้เขากินข้าวเพิ่มได้อีกครึ่งถ้วยแทบทุกมื้อ
“เ้าว่าเพราะเหตุใดเล่า เมื่อกลางวันข้าเห็นบ้านของท่านป้าข้าวเกลี้ยงถังแล้วน่ะสิ”
สิ้นคำกล่าว แม้แต่หลี่ไหวฺอวี้ที่พูดมากเป็กิจวัตรก็ยังเงียบไป
ิเป่าจูไม่พูดอะไรอีก หมุนตัวเข้าไปในครัว
ต้องโทษนาง ก่อนหน้านี้รู้จักแต่ซื้อสุรากับเนื้อ ลืมสิ้นว่าต้องเตรียมข้าวสารไว้ในบ้าน
เนื้อกับสุราเ่าั้พอกินแค่สองมื้อ หลายวันมานี้ถ้าไม่มีท่านป้า พวกนางก็ไม่รู้จะแก้ปัญหาอย่างไร
ค้นจนทั่วห้อง พบว่ามีแป้งในถุงเหลือแค่หยิบมือเดียวเท่านั้น
นางเทออกมาอย่างระมัดระวัง ราวกับกลัวว่าจะหก
จากนั้นผสมกับน้ำเล็กน้อย นวดจนเป็แป้งเปียก หลังจากต้มน้ำเดือดแล้ว ก็ใช้ตะเกียบรวนให้แป้งพันรอบตะเกียบเล็กน้อย ก่อนจะจุ่มลงไปต้มในน้ำ ทำเป็เมี่ยนเกอตา [1]
ทำซ้ำไปเรื่อยๆ จนกระทั่งใส่แป้งลงไปในหม้อจนหมดแล้ว ถึงปิดฝา
เมื่อต้มจนได้ที่แล้ว นางก็นำผักจี้ไช่ [2] ที่เด็ดจากในสวนมาล้างให้สะอาดก่อนเทลงหม้อ คนกลับไปกลับมาสองสามครั้งก็ดับไฟ
เมี่ยนเกอตาชิ้นเล็กจ้อย แต่มีน้ำเยอะ ผักจี้ไข่ก็เหลือเฟือ ตักขึ้นมาสามชามแล้วยังมีเศษเหลืออยู่ในหม้อ
แต่ฝีมือทำครัวของท่านป้าทำให้พวกเขาเสียนิสัย ระหว่างกินข้าว ิเป่าอวี้กับหลี่ไหวฺอวี้จึงมีสีหน้าพะอืดพะอมราวกับลำไส้มีปัญหาอย่างไรอย่างนั้น
หากรู้ว่าจะเป็อย่างนี้ นางน่าจะโรยปาโต้ว [3] ใส่แทนผักจี้ไช่เสียมากกว่า
คืนนั้นิเป่าจูหลับสนิทอย่างที่ไม่เคยเป็มาก่อน เพราะวันรุ่งขึ้นนางต้องเข้าเมือง
ถึงเวลานัดหมายกับเถ้าแก่หวังแล้ว ิเป่าจูตื่นแต่เช้ามาขุดสมุนไพรที่จะเอาไปขาย เตรียมจะออกจากบ้าน
“ท่านจะไปด้วยหรือ”
ิเป่าจูสะพายกระบุงขึ้นหลัง ยังไม่ทันเคลื่อนไหว ก็ถูกหลี่ไหวฺอวี้ถ่วงขาหลัง ก่อนจะเอ่ยออกมาหนึ่งคำอย่างคาดไม่ถึงว่า ‘ข้าจะไปด้วย’
น้ำเสียงเอ้อระเหยไม่อินังขังขอบ ประหนึ่งกำลังเอ่ยว่าวันนี้อากาศไม่เลวเลยนะ
“จะไปทำไม” ก่อนหน้านี้ิเป่าจูเคยถามแล้ว ตอนนั้นเขาปฏิเสธที่จะออกจากบ้านชัดๆ แต่ไยครั้งนี้กลับเป็ฝ่ายเอ่ยปากขอไปด้วย
“เดินเล่น” เขาตอบง่ายๆ เพียงสองคำ
“...”
ิเป่าจู่อับจนถ้อยคำ ได้แต่สนองตามความ้าของเขาอยู่เงียบๆ นางไม่มีเหตุผลที่จะบังคับผู้อื่นให้อยู่แต่ในบ้าน
พอหมุนตัวกลับ ก็เห็นิเป่าอวี้ยืนน้ำตารื้นอยู่ด้านข้างราวกับสุนัขน่าเวทนาสงสาร
“พี่หญิง...”
ดูท่าจะอยากไปด้วยเหมือนกัน
ิเป่าจูกุมหน้าผาก แต่นางก็ไม่วางใจให้เขาอยู่บ้านเพียงลำพัง จึงพยักหน้าตกลง
ในความทรงจำ ิเป่าอวี้โตมาขนาดนี้ยังไม่เคยออกจากหมู่บ้านสักครั้ง นางควรพาเขาออกไปเปิดหูเปิดตาเสียหน่อย
ทั้งสามร่วมเดินทางไปพร้อมกัน
ระหว่างทางิเป่าอวี้ก็ราวกับได้เปิดกล่องปริศนา เจออะไรที่แปลกใหม่ก็จะถามไม่หยุด
ิเป่าจูอธิบายให้เขาฟังทีละข้ออย่างอดทน สิ่งที่ทำให้นางฉงนสนเท่ห์ที่สุดก็คือ สิ่งของในทุ่งนาที่เห็นได้ดาษดื่นทั่วไปหลี่ไหวฺอวี้กลับไม่รู้จัก
“ท่านมิได้เกิดมาในครอบครัวยากจน แม้แต่บ้านของบรรพบุรุษยังต้องขายทิ้งหรอกหรือ เหตุใดแค่คันไถที่ใช้ไถนาก็ยังไม่รู้จัก”
ิเป่าจูเลิกคิ้ว นี่ค่อนข้างจะไม่สมเหตุผลกระมัง
หลังจากได้ยินคำกล่าวนี้ หลี่ไหวฺอวี้ก็ส่ายหน้า วางท่าเหมือนอาจารย์ พูดอย่างมีหลักการ
“มิใช่ มิใช่ ความจำของเ้าน่าจะไม่ค่อยดี แต่ไม่เป็ไร ข้าเป็คนจิตใจดี พูดให้ฟังอีกรอบได้”
“ข้ามาจากครอบครัวตกอับ แต่ไม่ได้เกิดมายากจน เคยเป็นายน้อยที่ไม่ต้องทำการทำงาน ธัญพืชห้าอย่างยังแยกไม่ออก ไปที่ไหนก็มีคนคอยปรนนิบัติรับใช้ ไหนเลยจะต้องออกไปทำไร่ไถนา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะรู้จักเครื่องใช้ไม้สอยหยาบๆ เหล่านี้”
“ที่แท้เมื่อก่อนพี่ไหวฺอวี้ก็เป็เศรษฐีนี่เอง”
ใบหน้าของิเป่าอวี้เต็มไปด้วยความไร้เดียงสา เชื่อสนิทใจว่าเป็ความจริง
แต่ิเป่าจูกลับกลอกตาขึ้นฟ้า ใครเชื่อก็บ้าแล้ว ฟังดูก็รู้ว่าไม่ใช่เื่จริง
เมื่อผู้อื่นไม่ยอมพูด นางก็จะไม่คาดคั้น
พวกเขาพูดกันไปหยอกกันไป เพียงพริบตาเดียวก็ถึงที่หมาย ิเป่าจูรู้สึกเหมือนว่าการเดินทางสั้นลงกว่าปกติอยู่มาก
นางเคยไปจี้ซั่นถังมาแล้วสองครั้ง ย่อมจะคุ้นทางเป็อย่างดี
“เถ้าแก่หวัง”
พอเข้าประตูไปก็ร้องทักทายเสียงดังกังวาน
“อ้าว แม่หนู มาแล้วรึ” เถ้าแก่หวังยิ้มด้วยความดีอกดีใจเมื่อเห็นิเป่าจู “สมุนไพรได้มาครบแล้วหรือ รีบเอามาให้ข้าดูเร็ว”
ิเป่าจูก็ไม่โอ้เอ้ ถอดกระบุงสะพายหลังแล้ววางบนตู้
เถ้าแก่หวังตรวจดูสักครู่ ก็เผยรอยยิ้มเล็กน้อยอย่างพึงพอใจ แล้วก้มหน้าดีดลูกคิดสองสามที
“ให้เท่านี้”
หลังจากเข้าไปดูแล้ว ิเป่าจูก็พยักหน้ายอมรับ
เถ้าแก่หวังหยิบเงินและกระดาษสองสามแผ่นมาจากลิ้นชัก
“ทั้งหมดสิบห้าตำลึง เ้ารับไว้ ส่วนอันนี้ เป็สมุนไพรหายากคงต้องรบกวนให้เ้าช่วยหาแล้ว”
“ไม่มีปัญหาเ้าค่ะ”
บนกระดาษสองสามใบนั้นเขียนชื่อสมุนไพรเอาไว้ ิเป่าจูอ่านรายละเอียดแล้วรับมา
มีแต่สมุนไพรหายากและต้นไม้ประหลาด แม้ว่ามูลค่าจะไม่สูงเท่าต้นเกล็ดั แต่ข้อดีคือมีปริมาณมาก หากสามารถรวบรวมทั้งหมดได้ครบ คาดว่าราคาน่าจะสูงกว่าขายต้นเกล็ดัคราก่อน
สมุนไพรขายได้อย่างราบรื่น กระเป๋าที่เอวก็ตุงขึ้นไม่น้อย
ตอนเห็นเงิน กรามล่างของิเป่าอวี้ก็แทบจะร่วงลงพื้นด้วยความตะลึงพรึงเพริด เขารู้ว่าพี่สาวหาเงินด้วยการขายสมุนไพร แต่ไม่นึกว่าจะขายได้มากมายถึงเพียงนี้
แม้แต่หลี่ไหวฺอวี้ก็ยังตะลึงงันไปชั่วขณะ แต่ก็รีบปรับสีหน้ากลับมาเป็ปกติอย่างรวดเร็ว
เห็นเงินทองมากมายยังสามารถทำสีหน้าเฉยเมยได้ จนิเป่าจูต้องหันไปมองหลายครา
หรือว่าเขาจะเป็นายน้อยตกอับอะไรนั่นจริงๆ
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้คือการใช้ชีวิตของตนเองอย่างดี และดูแลิเป่าอวี้ให้ดีๆ
ส่วนผู้อื่น ไม่ใช่เื่ที่นางต้องเป็กังวล
เมื่อทั้งสองเข้าเมืองมาพร้อมกันทั้งที ก็ไม่ต้องรีบร้อนกลับบ้าน ิเป่าจูวางแผนว่าจะพาพวกเขาสองคนไปเดินเล่น
หลังออกมาจากจี้ซั่นถัง ทั้งสามก็เดินไปบนถนนที่มีคนพลุกพล่าน โดยมิได้สังเกตว่ามีคนสองคนออกมาจากตรอกด้านข้างจี้ซั่นถัง คุยซุบซิบอยู่ด้านหลังพวกเขาสามคน ก่อนจะหมุนตัวจากไป
…
“ในเมืองช่างคึกคักจริงๆ”
ั้แ่เข้ามาในเมือง ดวงตาของิเป่าอวี้ก็เป็ประกายสดใสตลอดเวลา ตื่นตาตื่นใจไปกับทุกสิ่ง
เห็นตุ๊กตาดินปั้นก็หยุดดู เห็นถังหูลู่ [4] ก็หยุดมอง เมื่อพบกับการแสดงกายกรรมก็ยังยืนชมอยู่เป็เวลานาน
แต่ถึงอย่างนั้น เขากลับไม่เอ่ยปากขอเงินิเป่าจูแม้แต่แดงเดียว
เชิงอรรถ
[1] เมี่ยนเกอตา เป็อาหารพื้นเมืองทางเหนือของจีน เป็การนำแป้งที่ใช้ทำบะหมี่มาฉีกเป็ชิ้นพอดีคำใส่ในซุปมะเขือกับไข่ วิธีการทำแป้งเกอตาคือใช้แป้งผสมน้ำอุ่น เอาตะเกียบรวนให้จับตัวเป็ก้อนแล้วนำไปต้มได้เลย
[2] จี้ไช่ เป็ผักป่าชนิดหนึ่ง ลำต้นและใบอ่อนรับประทานได้ รสชาติอร่อย มีกรดอะมิโนหลายชนิด และมีกรดกลูตามิกที่มีหน้าที่เหมือนผงชูรส รับประทานได้หลายวิธี เช่นปรุงเข้ากับเนื้อสัตว์ ทำน้ำซุป
[3] ปาโต้ว ชื่อไทยคือสลอด เป็ผลสุกของพืชที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Croton tiglium L. ผลเป็รูปไข่สีเหลืองอมเทา มีเส้นตามแนวยาว 6 เส้นเมื่อผลแตกจะมีสามพู แต่ละพูจะมีเมล็ดรูปรีแบนอยู่หนึ่งเมล็ด เนื้อในเมล็ดสีขาวอมเหลือ มีน้ำมัน รสเผ็ด ใช้บดทาภายนอกรักษาแผลช่วยให้หายเร็ว แต่ถ้ากินเข้าไปจะทำให้ท้องเสีย เป็ยาถ่ายที่มีฤทธิ์แรง
[4] ถังหูลู่คือขนมหวานชนิดหนึ่ง ใช้ผลไม้สดเช่น ผลซานจา (พุทราจีน) มาเสียบไม้ไผ่แล้วชุบเคลือบด้วยน้ำเชื่อม
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้