ในโลกเทวะ ไม่ว่าจะเป็เ้าสำนักวิถีเซียนหรือประมุขแดนปีศาจมักมีผู้หญิงปรนนิบัติมากกว่าหนึ่งคน ไม่ใช่เพียงการแสดงอำนาจหรือตอบสนองความใคร่ แต่ยังมีเหตุผลมากกว่านั้น เพราะในโลกเทวะมีร่างกายแบบพิเศษซึ่งมีประโยชน์ต่อผู้ฝึกวิถีเซียนมาก ทั้งยังเป็ร่างที่หาได้ยากมาก
ตัวอย่างเช่นร่างชีพจรเซียน มันถือเป็หนึ่งในร่างกายชั้นยอด ไม่เพียงเ้าของร่างสามารถฝึกพลังลมปราณได้รวดเร็วและก้าวไกลยิ่งกว่าคนอื่น แต่คู่ชีวิตก็พลอยได้รับผลประโยชน์ไปด้วยจนสามารถฝึกพลังลมปราณได้อย่างก้าวะโ
หญิงสาวผู้เป็เ้าของร่างชีพจรเซียนจะมีเส้นลมปราณที่ยืดหยุ่นสูงซึ่งเป็ข้อดีสำหรับการฝึก อีกทั้งมีจุดชีพจรซุกซ่อนอยู่มากกว่าคนปกติอีกหลายจุด มันเป็จุดที่ช่วยกักเก็บพลังให้เ้าของร่างได้ตามธรรมชาตินับั้แ่เ้าของร่างถือกำเนิด เมื่อเริ่มฝึกพลังลมปราณ จุดชีพจรก็จะเปิดออกพร้อมปลดปล่อยพลังไปยังจุดตันเถียนจนยกระดับพลังลมปราณให้พุ่งสูงขึ้นได้ถึงสิบปี! กระบวนการนี้มีชื่อเรียกว่า ‘การเปิดจุดชีพจร’
ในโลกเทวะต้องเป็ชายที่แข็งแกร่งเหนือผู้คนเท่านั้นจึงจะสามารถคว้าหญิงสาวเ้าของร่างชีพจรเซียนมาเป็ภรรยาได้ ไม่อย่างนั้นก็ต้องถูกผู้แข็งแกร่งกว่าใช้กำลังแย่งชิงไป อย่างน้อยที่สุดก็อาจถูกสังหาร มากกว่านั้นอาจถูกฆ่าล้างตระกูลจนไปถึงสังหารเก้าชั่วโคตร! นอกจากนี้หญิงสาวเ้าของร่างชีพจรเซียนยังมีพลังที่แข็งแกร่งและยิ่งใหญ่จนเปรียบได้ว่าเป็ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกเทวะ จึงไม่มีผู้ชายหน้าไหนพิชิตเธอได้
“หนึ่ง สอง สาม... นึกไม่ถึงเลยว่าเธอจะมีจุดชีพจรอยู่ถึงเจ็ดจุด เธอมีร่างชีพจรเซียนระดับเจ็ดต่างจากระดับเก้าที่สูงสุดเพียงนิดเดียว!” เมื่อเย่เฟิงนับอย่างละเอียดสักพักก็ยินดีมากกับเื่ไม่คาดฝัน
การมีจุดชีพจรถึงเจ็ดจุดหมายความว่าหากเธอฝึกพลังลมปราณตามวิถีเซียน ความเร็วในการฝึกของเธอจะก้าวะโ ทั้งยังมากกว่าการฝึกขั้นพื้นฐานถึงเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ และกลายเป็ประมุขของโลกเทวะ! นี่เป็ข้อได้เปรียบอย่างมากหากเทียบกับคนปกติ
น่าเสียดายที่บนโลกนี้ไม่มีการพูดถึงร่างชีพจรเซียน หลงหว่านเอ๋อร์จึงยังไม่มีประสบการณ์เปิดจุดชีพจร ทำให้จุดชีพจรของเธออยู่ในสภาวะปิดผนึก ร่างกายที่ยอดเยี่ยมอย่างร่างชีพจรเซียนกลายเป็สูญเปล่า
ตอนนี้ในใจเย่เฟิงยุ่งเหยิงมาก เขารู้สึกได้ว่าภายในร่างของหลงหว่านเอ๋อร์มีจุดชีพจรหลายจุด และทุกจุดล้วนกักเก็บพลังจำนวนมาก ถ้าตอนนี้เธออายุยี่สิบปี พลังที่กักเก็บในจุดชีพจรทั้งเจ็ดก็เพียงพอที่จะทำให้ระดับพลังลมปราณของเธอเพิ่มขึ้นสิบสี่ปี นับเป็ตัวเลขที่น่ากลัวมาก!
หากวันหนึ่งหลงหว่านเอ๋อร์เริ่มฝึกแบบบวิถีเซียนก็จะสามารถดูดซับพลังที่กักเก็บไว้เ่าั้และระดับพลังก็จะสูงขึ้นภายในระยะเวลาอันสั้น
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างเย่เฟิงและหลงหว่านเอ๋อร์ เอื้อประโยชน์ให้เย่เฟิงสามารถดูดซับพลังเ่าั้ได้เช่นกัน ซึ่งจะทำให้ระดับพลังลมปราณของเขาพุ่งทะยานอย่างมหาศาลจนพลังลมปราณอยู่ในระดับสิบแปปีเลยทีเดียว! เพราะตอนนี้พวกเขากำลังมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งและแแ่ที่สุด...
เขาจะดูดซับพลังทั้งหมดจากเธอแล้วค่อยจากไปดีไหมนะ? ความคิดของเย่เฟิงตีกันยุ่งเหยิง ถ้าเขาดูดซับพลังจากเธอมาทั้งหมดในคราวเดียว อีกฝ่ายคงไร้ทางรอดและต้องตายในที่สุด หากดูดซับพลังจากเธอสามถึงห้าปีก็เป็การทำลายเส้นลมปราณของเธอให้เสียหายหนักซึ่งในชีวิตนีจะไม่สามารถฝึกพลังลมปราณได้อีก
การเพิ่มระดับพลังลมปราณอย่างก้าวะโเป็สิ่งดึงดูดใจชายหนุ่มมาก ทว่าเวลานี้เยังอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ยังตัดสินใจเลือกไม่ได้เลย
เย่เฟิงไม่ใช่คนดี ทว่าไม่ใช่คนเลวร้ายเช่นกัน แม้หลงหว่านเอ๋อร์จะทำตัวเป็ปรปักษ์กับเขา แต่หากมองในมุมของเธอก็ไม่นับว่าเป็ความผิดมากมาย ส่วนใหญ่เกิดขึ้นเพราะความเข้าใจผิดด้วยซ้ำ
เพื่อให้ตัวเองแข็งแกร่ง เขาถึงกับต้องให้เธอตายเลยหรือ? อีกทั้งด้วยความสัมพันธ์ของทั้งสองคนในตอนนี้ เย่เฟิงไม่อาจลงมือกำจัดเธอได้ หรืออีกอย่างหนึ่งก็คือตอนนี้เธอเป็ผู้หญิงของเขาแล้ว
“เมื่อเป็อย่างนี้ฉันก็ควรรับผิดชอบให้ถึงที่สุด ร่างชีพจรเซียนเป็ผู้หญิงของฉันแล้ว ไม่ว่าทางไหนฉันก็ได้กำไร ทำไมต้องกังวลว่าจะขาดทุนล่ะ?” ความจริงเย่เฟิงตัดสินใจไว้ั้แ่ต้น ในเมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นแล้ว เขาก็จะถือว่าหลงหว่านเอ๋อร์เป็ผู้หญิงของตน ไม่อย่างนั้นจากนิสัยของเขาแล้ว ยังจะมัวครุ่นคิดนึกถนอมเธอจนต้องเสียโอกาสทองในการทะลวงระดับพลังของตัวเองหรือ?
แน่นอนว่าเมื่อเป็ผู้หญิงของเขาแล้ว เขาย่อมไม่ทำร้ายอีกฝ่าย เธอถูกกำหนดมาให้เป็ของเขา อนาคตยังอีกยาวไกล แค่แก้ไขความเข้าใจผิดได้ เย่เฟิงก็จะมีเวลาดูดซับพลังเหล่านี้อีกมาก เพียงแต่ตอนนี้เย่เฟิงไม่สามารถให้อีกฝ่ายรู้ตัวตนที่แท้จริงได้
ความสัมพันธ์ระหว่างตะกูลเย่กับตระกูลหลงแท้จริงแล้วเป็อย่างไร? มันต้องเป็ความสัมพันธ์ที่เลวร้ายมากแน่ กระทั่งตระกูลเย่ยังถูกทำลายโดยฝีมือผู้นำตระกูลหลง ไม่อย่างนั้นเย่เวิ่นเทียนคงไม่เตือนเื่นี้กับเขาอย่างจริงจัง ชายหนุ่มทำได้เพียงรอโอกาสที่เหมาะสม จึงให้หลงหว่านเอ๋อร์รู้ข้อเท็จจริงนี้
หลังจากเย่เฟิงไตร่ตรองทุกอย่างถี่ถ้วนแล้วก็ไม่กังวอีก เขาลูบไล้ผิวเนียนซึ่งขาวราวหิมะของเธอ ก่อนพลิกตัวกดเธอไว้ใต้ร่าง ขณะเดียวกันก็ดูดซับพลังจากจุดชีพจรในร่างเธออย่างเชื่องช้า
หากไม่ได้พบกับเย่เฟิง พลังเหล่านี้ก็จะไม่ถูกค้นพบไปชั่วชีวิต ชายหนุ่มดูดซับพลังลมปราณหนึ่งปีเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้ตัวเอง ไม่ใช่เื่ใหญ่หากเขาดูดซับพลังจากเธอเพียงเล็กน้อย มันไม่ก่อให้เกิดอันตรายใดๆ ต่อร่างกายของเธอ
‘คงจะดีมากถ้าไม่มีความขัดแย้งระหว่างตระกูลเรา...’ เย่เฟิงลอบถอนใจ ถ้าพวกเขาได้อยู่ด้วยกันทั้งวันทั้งคืนสักครึ่งเดือน ชายหนุ่มก็จะดูดซับพลังเหล่านี้ได้อย่างปลอดภัยและเพิ่มระดับพลังลมปราณจนถึงสิบแปดปี
เขาไม่รู้ว่าเป็ไปได้ไหมหากให้หลงหว่านเอ๋อร์ฝึกแบบวิถีเซียน เพราะภายในจุดตันเถียนของคนโลกนี้ล้วนไม่มีจุดก่อกำเนิด
แหวนกระบี่ัโบราณจะมอบจุดก่อกำเนิดให้คนอื่นได้หรือไม่? เย่เฟิงยังไม่เคยทดลองมาก่อน ทั้งยังไม่กล้าผลีผลามทดลองกับร่างของหลงหว่านเอ๋อร์
ชั่วขณะนั้นหลงหว่านเอ๋อร์ราวกับเสือดาวงดงามตัวน้อย เธอดูสดใสมีชีวิตชีวาทั้งยังสง่างาม ร่างบางพลิ้วกายใต้ร่างชายหนุ่มสอดประสานการเคลื่อนไหวของเขาอย่างเป็ธรรมชาติ
ระหว่างโอบกอดเรือนร่างสวยและผิวเนียนละเอียดของเธอ เย่เฟิงไม่กล้ารุนแรงมากนักเพราะกลัวว่าจะทำให้อีกฝ่ายเจ็บ แต่หลงหว่านเอ๋อร์กลับมีแรงปรารถนามากกว่าเขาเสียอีก ไม่รู้ว่าคนจากสำนักหมัดเทวาไปหาพิษมาจากไหน ฤทธิ์ของมันถึงรุนแรงเช่นนี้
แรงปรารถนาของเธอส่งผลให้อารมณ์ของเย่เฟิงพุ่งสูงขึ้นในเวลาไม่นาน หยาดน้ำตาไหลจากหางตาของอีกฝ่าย เย่เฟิงรู้สึกผิดเล็กน้อยเมื่อรู้ว่าจิตใต้สำนึกของเธอพยายามต่อต้านทว่าไม่สามารถสู้ฤทธิ์ยาได้
สี่ปีหกเดือน...
สี่ปีเก้าเดือน...
ร่างกายเปลือยเปล่าของทั้งคู่ยังคงเกี่ยวกระหวัด เย่เฟิงดูดซับพลังจากจุดชีพจรในร่างอีกฝ่ายอย่างต่อเนื่อง ระดับพลังของเขาค่อยๆ เพิ่มขึ้น
สักพักเสียงครางกระเส่าของหญิงสาวก็เบาลง ในที่สุดความเร่าร้อนริมทะเลสาบก็ยุติ แปรเปลี่ยนเป็ความเงียบเข้ามาปกคลุม
ในที่สุดระดับพลังลมปราณของเย่เฟิงก็ถึงห้าปีแล้ว! ตอนนี้ไม่ว่าการอำพรางตา ย่างก้าวไร้เงา หรือการสะกดจิต แม้แต่การใช้พลังจากกระบี่ที่อยู่ในแหวนกระบี่ัโบราณล้วนทำได้อย่างใจนึก ทั้งยังมีศักยภาพมากพอที่จะต่อสู้กับผู้ฝึกวรยุทธ์ที่มีระดับพลังสิบปีได้อย่างไม่คณามือ!
จากความรู้สึกของเขา หากต้องเผชิญหน้ากับสองคนจากวิหารดาบ์ แม้อาจจะตึงมือไปบ้าง ทว่ายังพอรับมือไหว สำหรับตาเฒ่าหวงหรือหลงโม่หรานที่ระดับต่างกันเกินไป เย่เฟิงยอมรับว่ายังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา คนแรกมีระดับพลังมากถึงสามสิบปี ส่วนอีกคนเป็ถึงผู้นำตระกูลหลง ไหนเลยจะต่อกรพวกเขาได้โดยง่าย? ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเย่เวิ่นเทียน ตาเฒ่าประหลาดคนนั้นอยู่ในระดับที่ไม่สามารถหยั่งถึงด้วยซ้ำ ไม่ต้องเสียเวลาคิด
หลงหว่านเอ๋อร์เข้าสู่ห้วงนิทรา ใบหน้ารูปไข่เปื้อนหยาดน้ำตาดูน่าสงสารอย่างยิ่ง หลังจากถูกดูดซับพลังไปถึงหนึ่งปีเต็ม แม้จะไม่ทำให้เธอได้รับาเ็ แต่ก็ทำให้อ่อนเพลียอย่างเลี่ยงไม่ได้ เย่เฟิงหาเสื้อผ้ามาสวมให้เธออย่างเงอะงะ เพียงััผิวเนียนละเอียดราวกับหยกของเธอก็ทำให้ใจของเขาร้อนรุ่มยากระงับ
“ถ้าเธอตื่นขึ้นมาคงไม่คิดฆ่าตัวตายหรอกนะ? หรือจะฆ่าฉันทิ้งก่อนแล้วค่อยฆ่าตัวตาย?” ยิ่งคิดก็ยิ่งเห็นว่ามีโอกาสเป็ไปได้ ชายหนุ่มคงต้องหาวิธีทำให้หลงหว่านเอ๋อร์ยอมรับเขาให้ได้เสียก่อน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้