หนานหัวไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง
เวลานั้น ลูกผู้ดีอาภรณ์ขาวราวกับเทพนักรบเสด็จจาก์ชั้นฟ้า ทลายบานหน้าต่างข้างกายนางเข้ามา อักขระเพิ่มความแกร่งของหน้าต่างแห่งหอลมฝนปรอยที่ไม่เคยมีผู้ใดทำลายได้ พออยู่ต่อหน้าเด็กหนุ่มผู้นี้กลับเปราะบางเหมือนกับเต้าหู้ให้หั่นเล่น
ด้านนอกนั้น มีเส้นแสงแสบตาสาดเทเข้ามา
ร่างของลูกผู้ดีอาภรณ์ขาวประหนึ่งกำแพงเมืองสูงชันมิอาจหักหาญทำลาย ขวางอยู่ตรงหน้าปีศาจกิ้งก่าขาว หนานหัวมองแผ่นหลังขาวนั้นอย่างตกตะลึง ความรู้สึกปลอดภัยอย่างไม่เคยเป็มาก่อนทำให้นางลืมความหวาดกลัวไปหมดสิ้น
“เขาเป็ยอดฝีมือจริงๆ”
หนานหัวล่วงรู้แล้ว
ผู้ที่ตาสว่างพร้อมๆ กันก็ได้แก่อาจารย์อาวัยกลางคนเคราดำยาวผู้นั้น รวมทั้งกระบี่ตัดเวหาเหว่ยเทียนิ สาวกพรรคจื่อเวย รวมทั้งชาวยุทธทุกชีวิตในชั้นสี่ของหอลมฝนปรอย
ดวงตาทุกคู่จับจ้องอยู่ที่ตำแหน่งเดียวกัน คือร่างในชุดขาวของบุรุษผู้ดี
แล้วก็มีบางผู้ที่สายตามองบานหน้าต่างที่ถูกฝ่าเข้ามา ั์ตาเป็ประกาย เหมือนคนจมน้ำมองเห็นฟางข้าวช่วยชีวิตอย่างไรอย่างนั้น พวกเขาพลันไม่สนใจอะไรอื่นอีก ราวกับหมาถูกทิ้งที่วิ่งเข้าหาบานหน้าต่าง หลบหนีออกไปข้างนอก...
เมื่อมีผู้นำ ผู้ตามย่อมตามมา
คนพวกนี้ไม่สนใจว่าบุรุษผู้ดีจะเอาชนะแม่ทัพปีศาจได้หรือไม่ ความหวังเดียวที่หลงเหลือคือ้าออกจากคุกดั่งคุกซิวหลัวเทพสังหารนี้ไปเสีย รีบรักษาชีวิตดวงนี้ไว้ให้เร็วที่สุด
“อย่าหนี ทุกคนร่วมมือกัน ช่วยพี่น้องคนนี้เร็ว” อาจารย์อาที่ตัดแขนตัวเองไปแล้วะโ อยากจะควบคุมสถานการณ์ให้มั่นคง การปรากฏตัวของลูกผู้ดีชุดขาวทำให้เขามองเห็นโอกาส หากทุกคนสามารถร่วมแรงร่วมใจกันได้แล้วไซร้ ต้องสามารถสังหารแม่ทัพปีศาจสองตนนี้ราบคาบได้แน่
แต่น้อยคนที่จะฟังเขา
เหล่าคนที่เรียกตัวเองว่าชายชาญชาวยุทธ พุ่งปรี่ออกไปทางหน้าต่างที่ถูกทำลาย กระทั่งลงไม้ลงมือกันแย่งชิงสิทธิ์ในการได้ออกไปก่อน
ทันใดนั้นเอง
ซิ่ว!
ลำแสงไอปีศาจแวบวาบผ่านบานหน้าต่างเข้ามาจากด้านนอก
“อ๊าก”
“ไม่”
“ช่วยด้วย ช่วยข้า...”
เสียงโอดร้องแหลมยาวอย่างสิ้นหวังดังมาจากภายนอก เหล่าคนที่มาจากพรรคซึ่งปรี่ออกไปด้านนอกยังไม่ทันได้ดีใจ ก็ถูกลำแสงไอปีศาจเหล่านี้ห่อหุ้มเอาไว้ ล่องลอยออกไปอย่างศิโรราบ มองเห็นได้เพียงไกลๆ เมื่อถูกบีบคั้นกลายเป็สายฝนโลหิต
“ข้างนอกมีพวกปีศาจ!”
“ข้างนอกอันตราย”
บางคนร่ำร้องเหมือนหมูถูกเชือด
ไม่มีใครกล้าดันทุรังออกไปข้างนอกจะเป็จะตายอีกแล้ว
...
พลังปราณน้ำพุิญญาทั้งยี่สิบของเ่ิูกระตุ้นถึงขีดสุด กระบี่ฉ่าวชางนอนแน่นิ่งในฝ่ามือ เขาสำรวจพลังของแม่ทัพปีศาจสองตนนี้อย่างละเอียด แล้วเดินเข้าหาอย่างเชื่องช้า
“ระดับแม่ทัพปีศาจ!”
เ่ิูเองยังไม่อาจเลินเล่อได้
ระดับแม่ทัพปีศาจแต่งตั้งของปีศาจนั้น ใกล้เคียงกับอาณาน้ำพุิญญาของมนุษย์ การฝึกฝนของทั้งสองอย่างนี้ใกล้เคียงกันนัก หากมีการทดสอบกัน เผ่ามนุษย์ที่ปลุกิญญาหลังได้น้ำพุิญญาครบยี่สิบตา และเผ่าปีศาจที่ฝึกฝนถึงระดับแม่ทัพปีศาจสี่ดาวแล้วแต่งตั้ง ทั้งสองฝั่งนี้ล้วนคือเนินเขาและแม่น้ำเคียงคู่กันในเส้นทางแห่งการฝึกยุทธ์ของทั้งสองเผ่าพันธุ์
แม่ทัพปีศาจที่ได้แต่งตั้งแล้ว พลังใกล้เคียงกับผู้แข็งแกร่งอาณาน้ำพุิญญาสี่สิบตา
หากสองตนนี้มีกระบวนยุทธ์ตามพร์ของเผ่าปีศาจเสริมอีกล่ะก็ พลังที่แท้จริงของพวกมันย่อมต้องมากกว่าน้ำพุิญญาสี่สิบตาเสียอีก
เสียงครวญแห่งัแผ่ออกมาจากร่างกายของเ่ิูมิได้ขาด
หลังรับเอากลิ่นอายัหิมะมาแล้ว พลังภายในของเ่ิูจึงมีอำนาจกดดันของเผ่าัอ่อนจาง ในจุดนี้นั้นผู้แข็งแกร่งของเผ่ามนุษย์ยากจะจับทางได้ แต่สำหรับเผ่าปีศาจที่มีไหวพริบต่อชีพจรและเผ่าพันธุ์เดียวกับตนเองเป็อย่างยิ่งนั้น กลับเห็นความจริงนั้นชัดเจนยิ่ง
ดังนั้น เมื่อเ่ิูปรากฏกาย แม่ทัพปีศาจแต่งตั้งทั้งสองก็มองเ่ิูเป็ตาเดียวเรียบร้อยแล้ว
พวกเขารู้สึกถึงอันตรายหายใจรดอยู่ต้นคอ
“มนุษย์หรือ?” ปีศาจหมีอัคคีโลหิตที่มีเพลิงโลหิตแผดเผาทั้งตัว ราวกับเทพมารจ้องเ่ิูเขม็ง
ดวงตาแดงฉานของปีศาจกิ้งก่าขาวปลดปล่อยแววตาน่าขนลุกออกมา มันเองก็มองเ่ิูนิ่ง ปากเอ่ยถ้อยคำภาษามนุษย์ “คิกๆๆ หนุ่มน้อยหล่อเหลาหมดจดเพียงนี้ เนืุ้์สมบูรณ์แบบ เอามาให้ข้า ให้ข้าเร็ว ข้าอยากได้...”
เ่ิูมีจิติญญาัหิมะราวกับัเทพยี่สิบตนเริงระบำพันคด
“ไม่รู้จักคำว่าตายเสียแล้ว แม่ทัพปีศาจเล็กๆ สองตนเท่านั้น ยังกล้ามาโผล่ที่ด่านโยวเยี่ยนอีก?” เ่ิูในอาภรณ์ขาวดุจหยก กระบี่ยาวราวกับน้ำค้างแข็ง สายตาเยียบเย็นประหนึ่งดาบ เขาเอ่ยต่อ “ทำไม ถูกต้อนจนร้อนใจหรือ มาให้ข้าส่งไปตายเลยไหม?”
“เ้ามนุษย์ ตายซะ!”
ปีศาจหมีพุ่งตึงตังๆ เข้ามาหาเหมือนภูผาขนาดย่อม
“กรร!”
มันอ้าปากพ่นลำแสงเพลิงโลหิตใส่เ่ิูอย่างบ้าคลั่ง
ขณะเดียวกัน ส่วนหัวของปีศาจกิ้งก่าขาวก็สั่นไหวเล็กน้อย มีลิ้นขาวสองแฉกยืดยาวออกมาราวกับสายฟ้า กำบังลำแสงเพลิงโลหิตนั่นไว้ พ่นเข้าใส่เ่ิูอย่างไร้เสียง
แม่ทัพปีศาจตอนนี้เข้าขากันดีพร้อมยิ่งกว่าอะไรดี
เ่ิูเลิกคิ้วบางๆ
ตอนแรกเขาว่าจะพึ่งสมรรถภาพทางกายตัวเองหลบหลีกการจู่โจมนี้ไปเสีย...แต่หากทำเช่นนั้นแล้ว เหล่าคนจากพรรคที่อยู่ด้านหลังเขา น่ากลัวว่าจะตายอนาถจนหมด
ความคิดแล่นนัก เ่ิูคำรามเสียงต่ำ เขาตอบโต้
เขากระตุ้นเพลิงน้ำแข็งยอดยุทธ์ มันปรากฏขึ้นบนฝ่ามือเด็กหนุ่ม กลับกลายเป็ชั้นบางยิ่งกว่ากระดาษ เหมือนกับว่าแค่กดนิ้วลงไปทีเดียวก็อาจแตกสลายได้ มันตลบฟุ้งอยู่เบื้องหน้า ปกป้องร่างเขาไว้ และกำบังจากลำแสงอัคคีโลหิตและลิ้นพิษขาวที่กำลังพุ่งเข้ามาหา...
“อุกอาจเกินไป...”
“หาเื่ตายหรือ?”
“ทำไมไม่ใช่กระบี่กันไว้เล่า?”
เหล่าชาวยุทธสาวกพรรคเห็นภาพนั้นแล้วล้วนอุทานกันระงม ไม่มีใครคาดคิดเลยว่ากำแพงบางแสนบางที่น่าจะประกอบขึ้นจากพลังปราณภายในนั้นจะสามารถทัดทานการบุกของแม่ทัพปีศาจแต่งตั้งทั้งสองตนได้ คุณชายชุดขาวนั่นหาที่ตายเรอะ?
ชั่ววินาทีต่อมา
ตูมๆๆ!
เสียงแตกร้าวน่ากลัวกัมปนาท
ทั้งหอสั่นะเือย่างรุนแรง เหมือนว่าพร้อมจะถล่มลงมาทุกเมื่อ อักขระบนผนังทั้งสี่ด้าน เสาหิน ประตูหน้าต่าง ส่องแสงสว่างยามทำงานกันอย่างขะมักเขม้น กระทั่งอาจได้ยินแม้แต่เสียงกู่ร้องเศร้าสร้อยดังแซ่ดๆ ของพวกมัน เหมือนโครงสร้างหลักกำลังแตกออก...
ใจของชาวยุทธทั้งมวลแทบจะหลุดออกมาจากกระดอง
ไฟโลหิตะเิแหลกเข้าจ่อมจมร่างเ่ิู
บัดนั้นที่คนมากมายคิดว่า ยังไงเ่ิูก็ต้องตาย
แต่แวบต่อมา อัคคีโลหิตกลับหายไป ตามมาด้วยเสียงคำรามโกรธเกรี้ยวอย่างสิ้นหวังและเกรงกลัวของปีศาจหมี แล้วยังเสียงกรีดร้องแสบแก้วหูของปีศาจกิ้งก่าขาว แม่ทัพปีศาจแต่งตั้งสองตนนี้เหมือนพบเจอเื่น่ากลัวที่น่าตระหนกที่สุด จนร้องโหยหวนด้วยโทสะและครั่นคร้าม
“กันได้หรือ?”
คนมากมายตกตะลึง
ม่านแสงที่บางเหมือนกระดาษนั่น กันการโจมตีของแม่ทัพปีศาจสองตนได้จริงๆ?
อัคคีโลหิตจางหาย
ดวงตานับคู่ไม่ถ้วนมองเ่ิูเหมือนมองเทพสังหารชุดขาว
เขาเดินออกมาจากวงล้อมของอัคคีโลหิตซึ่งะเิออกอย่างไร้ความเสียหาย กระบี่ฉ่าวชางในมือขวาสั่นไหวด้วยความเร็ว ด้ามกระบี่และข้อมือมีแสงสว่างราวกับเงินน้ำเอกไหลเวียนและสาดกระจาย เห็นได้ชัดว่าเป็อารัมภบทก่อนเริ่มเพลงกระบี่เหนือชั้นบางอย่าง...
ซิ่ว!
เ่ิูเร่งความเร็ว
สามก้าวหลังกายเลือนราง กลายเป็ดั่งแสงนำพาอากาศธาตุะเิ โผล่ตรงหน้าปีศาจหมีราวภูตผี กระบี่ทรงอานุภาพฟาดฟันใส่หัว!
“จะฆ่าข้าหรือ?” ปีศาจหมีอัคคีโลหิตคำรามอย่างโกรธจัด
หัวและไหล่ของมันมีเปลวเพลิงสีเงินขนาดเท่าฝ่ามือกลุ่มหนึ่งวิบวับและแผดเผาอยู่ เผาเนื้อหนังขนาดใหญ่ของมันจนเห็นกระดูก ความเ็ปแสนสาหัสกระตุ้นนิสัยดุร้ายของมัน อุ้งมือหมีเหมือนทองปริศนายกขึ้นรับกระบี่ฉ่าวชาง
มันรู้ว่านี่คืออาวุธิญญา
แล้วอย่างไรเล่า?
อาวุธิญญาของมนุษย์ ไม่มีทางทำลายอาวุธปีศาจที่ฟ้าประทานให้ได้หรอก?
อุ้งมือทองของมันคู่นี้ได้หล่อหลอมถึงขีดสุดแล้ว เป็อาวุธปีศาจฟ้าประทานมาให้ ไม่รู้ว่าหักหรือฉีกอาวุธิญญาของมนุษย์ในาที่ทุ่งน้ำแข็งทลายหิมะมากี่ชิ้นแล้ว...
เคร้งๆๆ!
อุ้งมือหมีและกระบี่ฉ่าวชางปะทะกัน สาดประกายไฟแสบั์ตา
ปีศาจหมีอัคคีโลหิตกำลังจะเคลื่อนปราณปีศาจ หักกระบี่ฉ่าวชางให้เป็ชิ้นๆ แต่กลับรู้สึกอย่างฉับพลันถึงพลังงานประหลาดแทรกซึมเข้ามาจากกระบี่ฉ่าวชาง ทำให้ปราณปีศาจที่เคยมีมากและะเิตูมตามของมันเงียบงันลงไป ไม่อาจกระตุ้นให้ทำงานได้ ปราณปีศาจในร่างหยุดนิ่งลงเสียดื้อๆ
“อะไรกัน...” มันในัก เบิกตากว้าง
แต่เ่ิูไม่ปล่อยโอกาสไป
กระบี่ฉ่าวชางกลับสู่มือขวา ร่างของเขากระโจนอยู่กลางอากาศ มือซ้ายจับหัวอันใหญ่โตของปีศาจหมีอัคคีโลหิตเอาไว้ มือขวาแกว่งไกว ตวัดมือเหมือนฟ้าแลบ ฟันลงไปอย่างไร้อุปสรรค
พริบตานั้น เสมือนเวลาหยุดนิ่ง
กระบี่ตะลึงโลกครานั้นทำให้ใจคนหยุดเต้น
เ่ิูยังอยู่บนเวหา เขารู้สึกถึงบางอย่าง เด็กหนุ่มหยุดชะงัก เอียงหน้าหลบ ยามเอียงกายไปนั้น ลิ้นสีเงินของปีศาจกิ้งก่าขาวก็ได้ถูกไหล่เขาดั่งสายฟ้าไปแล้ว
เขาออกแรงที่แขนซ้าย ยกตัวเองขึ้นทันใด
หัวั์ใหญ่ของปีศาจหมีถูกเขาดึงทึ้งมาอยู่ในมือ
ยืมเอาแรงโจมตีของลิ้นพิษนั่นเหาะมาด้านหลังอย่างแ่เบา
ร่างกายโรยตัวสู่พื้นดิน
กระบี่ยาวในมือขวาเสมือนน้ำค้างแข็ง มือซ้ายกำหัวของศัตรูตัวฉกาจ
อาภรณ์ขาวของเ่ิูเจิดจรัส หยัดยืนตรงตระหง่าน
ข้างกายของเขานั้น ร่างของปีศาจหมีั์หาได้ล้มลงไม่ เืปีศาจะเิทะลักออกมาจากอก สาดกระจายไปหลายสิบเมตร ดั่งน้ำตกเือาบโชกลงมา
เ่ิูยืนอยู่เดียวดายกับกระบี่เพียงหนึ่ง ร่างกายชุ่มโลหิตปีศาจ
ไกลออกไป
เหล่าชาวยุทธมองนิ่ง อึ้งจนจำกัดความใดมิได้
ไม่มีใครอธิบายความะเืใจในใจของตนยามนี้ได้
ไม่มีใครจับความเพริศแพร้วน่าสะพรึงของกระบี่นั้นได้
ไม่มีใครรู้ว่ากระบี่นั้นเกิดอะไร ถึงได้ทำให้ปีศาจหมีอัคคีโลหิตหัวหลุดจากบ่าโดยไม่ได้ขยับ
และยิ่งไม่มีใคร กล้าสบตากับร่างอาภรณ์ขาวชุ่มเืนั่นเลย
ภาพลักษณ์เช่นลูกผู้ดีชุดขาว พังทลายลงเอาวินาทีนี้เอง
แทนที่ด้วยกายดั่งเทพเ้า วินาทีนี้ เหล่าคนแห่งยุทธภพเพิ่งรู้ซึ้งถึงความผิดพลาดของตนเอง เพิ่งรู้ว่าตนทำวางก้ามใหญ่โตน่าขำขนาดไหน เหล่าชาวยุทธ์ที่ไม่ยุ่งเกี่ยวกับโลกปุถุชน ร่อนไปร่อนมาอย่างสูงส่ง แสนสงบเสมือนเทพเซียน บัดนี้พออยู่ต่อหน้าเด็กหนุ่มอาภรณ์ขาวชุ่มโลหิตกับกระบี่ราวกับหยกนี้ เป็ได้แค่เื่ตลกไร้สาระสิ้นดี
แกร่งกล้า!
เฉียบแหลม!
กล้าหาญชาญชัย!
นี่คือรูปแบบการต่อสู้ของกองทัพอย่างนั้นหรือ?
เหล่าชาวยุทธ์เมื่อได้เห็นภาพตรงหน้านี้แล้ว ก็ก้มหัวลงต่ำ
บางทีมุมมองที่พวกเขามีต่อทหาร อาจผิดพลาดไป
เพียงแต่...
หนุ่มชุดขาวคนนี้ เป็ใครกันแน่นะ?
คนมากมายถามคำถามนี้ในใจตัวเองอีกครา