ในตอนที่หานอวิ๋นซีกำลังตั้งสมาธิ เสียงของหานฉงอันก็ดังมาจากนอกประตู เขากำลังอ้อนวอนฮ่องเต้เทียนฮุยเสียงดัง
บ้าจริง!
กู้เป่ยเยวี่ยแอบสาปแช่งเบาๆ แต่ไม่กล้าเปิดประตูออกไปหยุดเขา ด้วยกลัวว่าคนจากภายนอกจะปรี่เข้ามาทันทีที่เปิดประตู ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อหานอวิ๋นซีมากขึ้น
นอกห้อง หานฉงอันที่ตั้งหน้าตั้งตารอการตรวจสอบหลังการรักษาั้แ่เริ่มต้น แต่ยิ่งคิดเกี่ยวกับเื่นี้มากเท่าไร ก็ยิ่งรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ และยิ่งคิดถึงเื่นี้มากเท่าไร ก็ยิ่งประหม่ามากขึ้นเท่านั้น เขาไม่สามารถนั่งนิ่งๆ ได้ จะเป็อย่างไรถ้าหานอวิ๋นซีติดสินบนกู้เป่ยเยวี่ยแล้วใช้เล่ห์เหลี่ยมจริงๆ? เช่นนั้นเขาคงจบสิ้นไม่ใช่หรือ
ไม่ว่าอย่างไร แม้ว่าจะมีความเป็ไปได้เพียงเล็กน้อย แต่เขาก็จะไม่มีวันยอมให้มันเกิดขึ้น
เขาต้องเข้าไปดูทุกความเคลื่อนไหวของหานอวิ๋นซีด้วยตาของเขาเอง
“ฝ่าา ให้กระหม่อมเข้าไปดูเถิดพ่ะย่ะค่ะ! อย่างไรแล้ว กระหม่อมก็รับใช้ไท่จื่อมานานหลายปี และทราบอาการป่วยของไท่จื่อดีกว่าหมอหลวงกู้”
ฮ่องเต้เทียนฮุยมองเขาอย่างเ็าและลังเลใจ
“ฝ่าา ให้กระหม่อมเข้าไปข้างใน อย่างน้อยก็จะได้ดูแลพวกเขา และดูให้ชัดเจนว่าฉินหวังเฟยทำการรักษาอย่างไรและใช้ยาอย่างไร ด้วยวิธีนี้จะปลอดภัยกว่าการตรวจสอบทีหลัง ไม่ใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ?”
คำพูดของหานฉงอันนั้นชัดเจนเพียงพอ จนกระทั่งถึงตอนนี้ ฮ่องเต้เทียนฮุยยังคงสงสัยในตัวของหานอวิ๋นซี เมื่อได้ยินเช่นนี้ เขาจึงพยักหน้า “เ้าเข้าไปข้างในเถอะ”
หานฉงอันดีใจยิ่งนัก “ขอบพระทัยฝ่าาพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะจับตาดูไม่ให้คลาดสายตาเลยพ่ะย่ะค่ะ”
หานฉงอันที่มีความสุขมาก เสียงของเขาก็ดังขึ้นไม่น้อยเช่นกัน กู้เป่ยเยวี่ยได้ยินได้อย่างชัดเจน แต่หานอวิ๋นซียังคงนิ่งอยู่ จึงไม่ทราบว่านางได้ยินหรือไม่
เมื่อเห็นหานฉงอันเดินมา กู้เป่ยเยวี่ยก็เต็มไปด้วยความกังวลอย่างมาก กลืนไม่เข้าคายไม่ออกและไม่รู้จะทำอย่างไร
จะปล่อยให้หานฉงอันเคาะประตู แล้วเขาค่อยปฏิเสธ หรือจะออกไปเพื่อหยุดเขา อย่างไรทั้งสองวิธีก็ส่งผลกระทบอย่างมากต่อหานอวิ๋นซีอยู่ดี!
คิ้วที่สงบของกู้เป่ยเยวี่ยขมวดแน่นขึ้น และในเวลานี้ จริงๆ แล้วหานอวิ๋นซีเองก็ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวข้างนอก เพียงแต่ความตั้งใจของนางนั้นมีมาก ดังนั้นจึงเพิกเฉยต่อมันได้
อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครรับประกันได้ว่า หากหานฉงอันมาเคาะประตู หานอวิ๋นซีจะสามารถควบคุมสมาธิของตนเองได้หรือไม่
ใน่เวลาที่สำคัญ หานฉงอันก็มาถึงหน้าประตู
กู้เป่ยเยวี่ยตัดสินใจที่จะออกไป เขาวางมือข้างหนึ่งไว้ที่ประตู เตรียมที่จะเปิดออกไป หานอวิ๋นซีที่ดูเหมือนจะสังเกตเห็นการกระทำของเขา เพียงพริบตาสมาธิก็หลุดลอยไปในทันที นางพยายามเรียกสติกลับคืนมาอย่างรวดเร็ว เหงื่อขนาดเท่าเมล็ดถั่วไหลลงมาจากหน้าผาก ส่วนแผ่นหลังของนางก็เปียกโชกไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม หากไม่สามารถตั้งสมาธิได้ และหากเป็เช่นนี้ต่อไป ก็อาจจะเกิดข้อผิดพลาดได้ และมันจะเป็ความผิดพลาดครั้งใหญ่!
ทำอย่างไรดีล่ะ?
โดยไม่คาดคิด ใน่เวลาที่ร้อนรนอย่างยิ่งนี้ มีเสียงเ็าเสียงหนึ่งดังขึ้น “ฝ่าา เมื่อครู่ท่านเพิ่งรับปากว่าจะไม่ให้ใครรบกวนนางไม่ใช่หรือ?”
เสียงนี้คือ...ฉินอ๋อง!
ฉินอ๋องก็คือฉินอ๋อง ทันทีที่พูดออกมา หานฉงอันก็หยุดฝีเท้าลงทันที
เมื่อได้ยินเสียงนี้ หัวใจของกู้เป่ยเยวี่ยที่ราวกับห้อยแขวนอยู่บนสูงก็กลับเข้าสู่ที่เดิมในที่สุด พร้อมกับเก็บมือที่ที่วางไว้ที่ประตูกลับมา หานอวิ๋นซีเองก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเช่นกัน
เช่นเดียวกับตอนที่นางกำลังรักษาแม่ทัพใหญ่ นางรู้สึกกระวนกระวายใจมากจนมือที่ถือเข็มสั่น อย่างไรก็ตาม เมื่อได้ยินเสียงของเขา กลับรู้สึกสบายใจในทันทีและรู้สึกว่าโลกทั้งใบปลอดภัย
นางตั้งสติและเข้าสู่การรักษาทันที โดยลืมทุกสิ่งรอบตัวทั้งหมด
ไม่รู้ว่าหลงเฟยเยี่ยกำลังทำอะไรข้างนอก ทว่าหลังจากประโยคนั้น แม้แต่กู้เป่ยเยวี่ยที่อยู่ข้างประตูก็ไม่ได้ยินเสียงใดๆ อีกเลยแม้แต่น้อย
ด้านนอกประตู หานฉงอันถูกปิดปาก หลงเฟยเยี่ยก็นั่งอยู่บนขั้นบันไดของประตู แม้ว่าเขาจะนั่งต่ำมาก แต่กลิ่นอายอันสูงส่งที่แผ่ออกมาจากร่างกายของเขาก็ยากที่จะเพิกเฉยได้ ทั้งยังมีท่าทางที่สง่างามโดยธรรมชาติ
ท้ายที่สุดก็ยังมีคำสัญญารออยู่ข้างหน้า ฮ่องเต้เทียนฮุยจึงไม่ได้พูดอะไรมาก แววตาฉายแววซับซ้อนเล็กน้อย เขาเอาแต่ครุ่นคิดมาตลอดว่าหลงเฟยเยี่ยมีทัศนคติต่อชายาผู้นี้อย่างไรกันแน่?
เขาที่มักจะไม่ข้องเกี่ยวกับเื่ใดๆ มาตลอด แต่ครั้งนี้เขาทำเพื่อความปลอดภัยของไท่จื่อ หรือเพื่อไม่ให้หานอวิ๋นซีทำผิดพลาดแล้วต้องโดนลงโทษกันแน่?
ภายในห้อง ยังคงเต็มไปด้วยความเงียบสงัด
เวลาที่ค่อยๆ เดินไปในระหว่างการรอคอย จากนั้นก็ค่อยๆ ได้ยินเสียงอึกๆ ในท้องของหลงเทียนโม่ และมันคือยาพิษที่กำลังละลายสิ่งที่อยู่ในท้อง
เสียงดังขึ้นแล้วค่อยๆ เบาลงและค่อยๆ หายไป เมื่อเสียงหายไปบรรยากาศในห้องก็ตึงเครียดอย่างมาก
ทันใดนั้น แววตาของหานอวิ๋นซีก็เป็ประกายขึ้นมา และพูดว่า “เตรียมยาเซิงเสวี่ยตาน!”
ได้แล้ว!
กู้เป่ยเยวี่ยยิ้มและรีบเตรียมยาเซิงเสวี่ยตานทันที เพื่อให้หานอวิ๋นซีได้ใช้กับหลงเทียนโม่อย่างทันท่วงที
หานอวิ๋นซีรออยู่ครู่หนึ่ง เมื่อได้ยินเสียง “ติ้ง” จากระบบสแกน เส้นประสาทที่ตึงเครียดของนางก็ผ่อนคลายลงทันที
ถึงเวลาแล้ว!
มือทั้งสองขยับ หานอวิ๋นซีเริ่มขยับมีดในทันที การเคลื่อนไหวนั้นดูเชี่ยวชาญและสวยงามมาก
ใบมีดคมกรีดเป็แผลยาวสองชุ่นบนหน้าท้องของหลงเทียนโม่ ในตอนแรกมีเืสีแดงสดไหลออกมา แต่เมื่อหานอวิ๋นซีเริ่มใช้เข็ม เืที่ไหลออกมาก็กลายเป็สีดำ
ในขณะที่หานอวิ๋นซีค้นหาจุดฝังเข็ม นางก็สังเกตปริมาณเืที่ไหลออกมา และในไม่ช้า เตียงทั้งหลังก็กลายเป็สีแดง
นางก้มศีรษะลง สีหน้าจริงจังและเต็มไปด้วยความเป็มืออาชีพ แม้ว่ามันจะเป็ทักษะที่ดีที่สุดของนาง แต่นางก็ไม่เคยทำมันอย่างสบายๆ ได้เลย “หมอหลวงกู้ ใช้ยา!”
กู้เป่ยเยวี่ยให้ความร่วมมือเป็อย่างดี ยาเซิงเสวี่ยตานเป็ของวิเศษจริงๆ ใบหน้าที่ซีดของหลงเทียนโม่ค่อยๆ เปลี่ยนไป และกลายเป็สีแดงก่ำขึ้นมา
หานอวิ๋นซีเงยหน้าขึ้น จับชีพจรอีกครั้ง นางพึงพอใจอย่างมาก จากนั้นก็ค้นหาจุดฝังเข็มและฝังเข็มต่อไป
แม้ว่ากระบวนการนี้จะใช้เวลานานมาก แต่ปัจจัยเสี่ยงก็มีน้อยที่สุด
ในที่สุดหลังจากครึ่งชั่วยาม สารพิษทั้งหมดในร่างกายของหลงเทียนโม่ก็ถูกกำจัดออกไป และไม่จำเป็ต้องกินยาอีก
หานอวิ๋นซีใช้ยาบางอย่างเพื่อลดการอักเสบ จากนั้นก็พันผ้าพันแผลอย่างระมัดระวัง และสุดท้ายก็ค่อยๆ จัดเสื้อผ้าของหลงเทียนโม่อย่างระมัดระวัง ถือว่าเสร็จเรียบร้อย
ทันทีที่หานอวิ๋นซีหันหน้าไป นางก็ส่งเสียง “ฮู่ว..” ออกมา ทันทีที่ผ่อนคลายลง ร่างกายก็หมดแรง ความเหนื่อยล้าที่สะสมใน่สองสามวันที่ผ่านมา รวมไปถึงความเหนื่อยล้าเมื่อครู่ ก็ะเิออกมาทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม นางยังคง้าความแน่ใจ จึงจับชีพจร ตรวจสอบสีหน้าและหลังจากที่ยืนยันว่าทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว จึงนั่งลงข้างๆ พร้อมกับพูดอย่างใจเย็นว่า “หมอหลวงกู้ ไปเปิดประตูเถอะ”
แววตาของกู้เป่ยเยวี่ยเต็มไปด้วยความเป็ห่วง เขาไม่ได้ไปเปิดประตูทันที กลับเทน้ำอุ่นหนึ่งแก้วให้หานอวิ๋นซีดื่ม จากนั้นก็หยิบโสมสองสามชิ้นจากกล่องยาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “อมไว้ในปาก ท่านพักผ่อนสักครู่ก่อนเถิด ไม่ต้องรีบร้อน”
ทันทีที่หานอวิ๋นซีหยิบโสมใส่ปาก นางก็รู้ว่ามันมีค่าอย่างมาก มันต้องใช้เวลาห้าร้อยปีหรือไม่ก็พันปี ชิ้นเล็กๆ ชิ้นหนึ่งมีค่าหนึ่งพันทองคำ แต่เขากลับให้นางถึงสามชิ้นในคราเดียว
ไม่รู้ว่าเป็เพราะนางเหนื่อยเกินไปจึงมีอาการภาพหลอนหรือไม่ แต่เมื่อนางมองไปที่กู้เป่ยเยวี่ย กลับรู้สึกถึงแสงสีทองจางๆ รอบตัวเขาเหมือนเทวดาผู้อ่อนโยน
เมื่อเห็นว่าสีหน้าของหานอวิ๋นซีดีขึ้น กู้เป่ยเยวี่ยจึงจะเดินไปเปิดประตู
ฮ่องเต้เทียนฮุยและคนอื่นๆ ที่กำลังรออย่างกระวนกระวายอยู่ในลานบ้าน เมื่อประตูเปิดออก ฮองเฮาเป็คนแรกที่เข้ามา “ไท่จื่อเป็อย่างไรบ้าง?”
กู้เป่ยเยวี่ยตอบด้วยรอยยิ้ม “ยินดีกับฝ่าา ไท่เฮาและฮองเฮาด้วยพ่ะย่ะค่ะ การรักษาประสบความสำเร็จ ไท่จื่อทรงมีอาการดีขึ้นแล้ว!”
“จริงหรือ?” จู่ๆ ฮ่องเต้เทียนฮุยที่ลุกขึ้นจากที่นั่งอย่างรวดเร็ว จนเกือบจะเซล้มลง ท่าทางเช่นนี้เผยความกังวลใจของเขาอย่างออกมาอย่างสมบูรณ์
ไท่เฮาเองก็ยืนขึ้นด้วยความดีใจและเหลือเชื่อ “จริงหรือ? มันจริงใช่หรือไม่?”
“การรักษาเป็ไปด้วยดี เนื้องอกในช่องท้องของไท่จื่อหายดีแล้ว และพิษทั้งหมดก็ได้รับการล้างหมดแล้วพ่ะย่ะค่ะ!” กู้เป่ยเยวี่ยตอบตามความเป็จริง
“เร็ว...เร็วเข้า รีบเข้าไปดูสิ!”
ฮองเฮาที่มีความสุขอย่างมาก นางเป็คนแรกที่เข้าไปข้างใน เมื่อเห็นท่าทางรีบร้อนเช่นนั้นของนาง กู้เป่ยเยวี่ยจึงรีบพูดว่า “ฮองเฮา ค่อยๆ เดิน ระวังลื่นล้มพ่ะย่ะค่ะ”
“ข้าช้าไม่ได้แล้ว ผ่านมาหลายปี นี่คือวันที่ข้าใฝ่ฝันมาตลอด! ข้ารู้อยู่แล้วว่าเทียนโม่จะไม่เป็อะไร!”
“ฮ่องเต้ ข้าว่านั่นต้องเป็ผลการวินิจฉัยที่ผิดพลาดของหานฉงอันอย่างแน่นอน เทียนโม่จะไปเป็โรคประหลาดนั้นได้อย่างไร?” ไท่เฮาเองก็พูดด้วยความตื่นเต้นเช่นกัน
สตรีสองคนที่มีความสุขมากจนลืมตัวตนของตนเอง พวกนางพูดไปพลางและรีบเดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว ฮ่องเต้เทียนฮุยที่ไม่สนใจมากนัก ก็เดินเข้าไปในห้อง
มีเพียงหานฉงอันเท่านั้นที่อ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง และทรุดลงบนพื้น บางทีอาจเป็เพราะเขาใเกินไป เลยอ้าปากกว้างเกินไป และถึงกับน้ำลายไหลลงมา
มีเพียงคนเดียวที่สงบคือหลงเฟยเยี่ย เขามองไปที่กู้เป่ยเยวี่ยซึ่งยังคงอยู่ที่ประตู หันหลังกลับและเดินไป
ภายในห้อง เต็มไปด้วยกลิ่นฉุนของเืและกลิ่นเหม็นเหมือนน้ำเน่า สิ่งของของหานอวิ๋นซีได้จัดการจัดเก็บไปเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงหม้อยาสำหรับต้มและเืสกปรกบนผ้าปูที่นอน
หลงเทียนโม่นอนนิ่งอยู่บนเตียง หน้าท้องที่ปูดโปนของเขาหายไป เหลือเพียงรอยแผลวงกลมที่เกิดจากิัที่ยุบลงไปจากการที่ท้องป่องเท่านั้น แต่เมื่อมีผ้าพันแผลไว้รอบๆ ก็ดูไม่ค่อยออกสักเท่าไร
ต้องบอกว่ากลิ่นเืในห้องนี้รุนแรงเสียเหลือเกิน แต่ทุกคนต่างมีความสุขกัน จึงไม่มีใครสนใจเื่นี้
ท้ายที่สุดแล้ว ผู้เป็แม่ ฮองเฮาที่ไม่สนใจเืบนเตียง ก็นั่งลงบนเตียงและััใบหน้าของบุตรชายด้วยความตื่นเต้น “หายแล้วจริงๆ ใช่หรือไม่? เื่จริงใช่หรือไม่?”
ไท่เฮาจ้องมองที่ท้องของเขาด้วยสีหน้าไม่เชื่อ “ดีมาก ดีเหลือเกิน ดีจริงๆ”
ตรงกันข้าม ฮ่องเต้เทียนฮุยยังคงสงบนิ่ง “หานอวิ๋นซี ไท่จื่อไม่เป็อะไรแล้วใช่หรือไม่?”
“ทูลฝ่าา อย่างที่หมอหลวงกู้พูด ก้อนเนื้องอกในช่องท้องของไท่จื่อได้รับการรักษาแล้ว เมื่อยาสลบหมดลง ไท่จื่อก็จะฟื้น ข้าจะตั้งยาทั้งสามไว้ เปลี่ยนมันทุกคืน และแผลจะหายดี” หานอวิ๋นซีตอบกลับไปด้วยความจริงจัง
“อีกนานหรือไม่กว่าจะฟื้น?” ฮ่องเต้เทียนฮุยถามอีกครั้ง
ตอนนี้ ไท่เฮาและฮองเฮาที่กำลังจมอยู่ในความสุขต่างหันมามอง แน่นอนว่าหานอวิ๋นซีรู้ว่าฮ่องเต้เทียนฮุยหมายถึงอะไร นางไม่สามารถออกไปได้จนกว่าไท่จื่อจะฟื้น
“ประมาณหนึ่งชั่วยามเพคะ” นางตอบตามความเป็จริง
“ฉินหวังเฟย เช่นนั้นเ้าไปพักผ่อนที่เรือนข้างก่อนเถอะ จะได้ไม่มีเื่วุ่นวายใดๆ” ฮ่องเต้เทียนฮุยพูดด้วยน้ำสียงราบเรียบ โดยไม่ได้ถามความคิดเห็นของหานอวิ๋นซี และมันคือคำสั่ง
เพียงแต่ เขาไม่ได้เรียกนางตรงๆ และการเรียก “ฉินหวังเฟย” แสดงให้เห็นว่าทัศนคติของเขาที่มีต่อนางเปลี่ยนไป
หานอวิ๋นซีที่้าจะพักผ่อนสักหน่อยจริงๆ ก็มองไปที่กู้เป่ยเยวี่ยอย่างมีความหมาย เมื่อกำลังจะออกไปกับนางกำนัล กลับมีเสียงของหานฉงอันดังขึ้นมาจากข้างนอก “ฉินหวังเฟย รอสักครู่!”
ในไม่ช้า หานฉงอันก็เข้ามาจากข้างนอกพร้อมกับเคราแพะที่ยกขึ้นและใบหน้าที่จริงจัง ก้มศีรษะลงและพูดว่า “ฝ่าา ตามคำกล่าวของกระหม่อม ยังเร็วเกินไปที่จะสรุปเกี่ยวกับอาการของไท่จื่อในเวลานี้พ่ะย่ะค่ะ”
เป็ความจริงที่ท้องใหญ่ของไท่จื่อหายไปแล้ว แค่เพียงไท่จื่อฟื้นขึ้นมา ก็ไม่มีความจำเป็ที่ต้องค้นหาว่ามีอะไรอยู่ในท้องของไท่จื่อ!
และถึงแม้ว่ามันจะเป็เด็กจริงๆ ฮ่องเต้เทียนฮุยคงไม่มีทางปล่อยให้เื่นี้แพร่กระจายไปอย่างแน่นอน!
อย่างไรก็ตาม สำหรับหานฉงอันแล้ว การตรวจสอบก็เป็สิ่งจำเป็ ด้วยเพราะมันเกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของเขาและเกี่ยวข้องกับชีวิตของเขาเช่นกัน
แน่นอนว่า หากไม่มีคนนอกอยู่ในที่แห่งนี้ ฮ่องเต้เทียนฮุยเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าความจริงคืออะไร
ฮ่องเต้เทียนฮุยโบกมือ ส่งสัญญาณให้นางกำนัลออกไปก่อน