เยื้องย่างไปได้ราวสิบกว่าจั้ง [1] บนพื้นดินปรากฏรอยเืรำไร เมิ่งอู่ปัดใบข้าวฟ่างที่ร่วงเกลื่อนพื้นออก จึงพบร่างของบุรุษผู้หนึ่งนอนจมกองเือยู่ตรงนั้น
ที่แท้นางล่วงรู้ถึงการมีอยู่ของเขาั้แ่แรกแล้ว
ยากมากที่เขาจะขยับเขยื้อนตัว ด้วยเหมือนมนุษย์เื มีเพียงดวงตากลมโตคู่นั้นที่ยังสามารถขยับไหวเล็กน้อย เขาค่อยๆ เหลือบตามองเมิ่งอู่
เมิ่งอู่กับเขามองหน้ากันครู่หนึ่ง นางค่อยปัดใบข้าวฟ่างกลับไปปกปิดร่างของเขาเงียบๆ ดังเดิมราวกับไม่เห็นสิ่งใด จากนั้นหมุนกายจากไป
ด้านหลังพลันมีเสียงไอแห้งๆ สองครั้ง อินเหิงเอ่ย "เ้าเห็นข้ากระจ่างชัดแล้วนี่"
เมิ่งอู่กล่าว "ข้าไม่เห็นสักหน่อย"
"ข้าใกล้สิ้นใจแล้ว"
เมิ่งอู่กล่าวต่อ "ไม่ใช่กงการของข้า"
อินเหิงนิ่งเงียบครู่หนึ่ง ค่อยกล่าว "เ้าไม่อยากเห็นบ้างหรือว่าข้ามีรูปโฉมเช่นไร?"
เมิ่งอู่ได้ยินอย่างนี้ก็ชะงักเท้า
ต้องบอกว่าประโยคนี้กระตุ้นความสนใจของเมิ่งอู่ได้สำเร็จจริงๆ… ท้ายที่สุดแล้วชีวิตของนาง ก็ยึดมั่นในหลักการ –– มองคนต้องมองหน้าตาก่อน
อินเหิงกล่าวเสริม "บางทีข้าอาจมีรูปร่างหน้าตามิเลว"
เมิ่งอู่หันกลับมาสำรวจมนุษย์เืใต้ใบไม้สีเขียวขจี ใบหน้าเขาเปรอะเปื้อนเื ไร้ซึ่งเค้าความงามแม้เพียงนิด
เมิ่งอู่เอ่ยถาม "เ้าไปเอาความมั่นใจมาจากที่ใด"
เอาเถิด นางยอมรับว่าตนใคร่รู้อยู่บ้าง
อินเหิงค่อยๆ เกลี้ยกล่อมนางทีละขั้นๆ "เ้าสามารถพิสูจน์ได้ด้วยตนเอง"
ยามที่นางจัดการหวังสี่ซุ่น เขานอนฟังอยู่ตรงนี้ตลอด คำพูดไม่กี่คำของเมิ่งอู่มักกล่าวถึงความงาม และความอัปลักษณ์อยู่เนืองๆ จึงน่าจะเป็สตรีที่ให้ความสำคัญกับรูปลักษณ์ภายนอกของคน
ดังนั้นเพียงสองประโยค เขาก็จับจุดสำคัญของอีกฝ่ายได้แล้ว
เมิ่งอู่ก็มองออกเช่นกัน เขาได้รับาเ็สาหัส หากปล่อยทิ้งไว้ที่นี่เช่นนี้โดยไร้ผู้เหลียวแล คงอยู่ได้ไม่ถึงสองวัน
แม้ยามนี้นางยังเห็นใบหน้าของเขาไม่ชัด ทว่าเขามีดวงตาสีอ่อนคู่หนึ่ง มันทั้งเ็าและไร้ความรู้สึกนิดหน่อย แต่กลับงดงามจับใจ
เมิ่งอู่จึงเดินเข้าไปหาเขาอีกครั้ง เอ่ยว่า "เห็นแก่ดวงตางดงามไม่เลวคู่นี้ของเ้า ข้าจะพาเ้าไปล้างหน้าก่อนก็แล้วกัน"
ความหมายของนางชัดเจนยิ่ง หากล้างหน้าแล้วพบว่าเขามีรูปโฉมงดงามจริง นางอาจจะเหลียวแลเขา แต่หากไม่เป็ดั่งคาด นางจะไม่ดูแลเขาอย่างเด็ดขาด
อินเหิงถึงกับหมดคำพูด นี่เป็ครั้งแรกในชีวิตที่เขาต้องใช้ใบหน้าเพื่อเอาชีวิตรอด
แต่บัดนี้นอกจากจะต้องทำตามที่นางกล่าวแล้ว ก็ไม่มีหนทางอื่นที่จะหลุดพ้นจากสถานการณ์เช่นนี้ได้
ทว่าหลังจากที่เมิ่งอู่เข้าไปใกล้เขา แล้วค่อยพบว่าเขาได้รับาเ็สาหัสยิ่งกว่าที่จินตนาการไว้มาก
ทั่วร่างชุ่มโชกไปด้วยเื ครั้นเมิ่งอู่ตรวจดูความแข็งแกร่งของเขาเบื้องต้น ก็พบว่าทั่วตัวเขามีแต่าแ แม้แต่ขาทั้งสองข้างก็ยังหัก
นางลองคลำชีพจรของเขาที่ข้อมือปรากฏว่าเบาบางยิ่ง จึงเอ่ยด้วยความประหลาดใจ "เ้าช่างโชคดีนัก ถูกทำร้ายสาหัสปานนี้แล้วยังไม่ตาย"
หากนางทิ้งเขาไว้ที่นี่ตามลำพัง ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันของเขา อย่าว่าแต่อยู่ได้อีกสองวันเลย คืนนี้อาจจะไม่รอดด้วยซ้ำ
ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดทั่วร่างของเขาจึงขยับได้เพียงั์ตา
ไม่มีผู้ใดรู้ว่าก้อนดินที่ดีดออกจากหลังใบข้าวฟ่างใส่หวังสี่ซุ่นเมื่อครู่ เขาแทบใช้เรี่ยวแรงที่เหลือเพียงน้อยนิดจนหมดสิ้น
ทว่าอินเหิงกลับเอ่ยเสียงแ่ "บางทีอาจเป็เพราะข้ายื้อลมหายใจไว้เพื่อรอเ้า"
เมิ่งอู่ก่อนและหลังจัดการหวังสี่ซุ่นช่างแตกต่างราวกับเป็คนละคน ไม่ธรรมดาเลย ยามนี้อาจมีเพียงนางคนเดียวเท่านั้นที่ช่วยเขาได้
เขาได้รับาเ็สาหัสเช่นนี้ มิอาจเคลื่อนย้ายได้ตามใจชอบ แต่เมิ่งอู่ยังไม่ลืมความคิดที่อยากจะล้างหน้าให้เขา นางจึงทิ้งเขาไว้ตรงนี้สักพักก่อน แล้วตนเองออกไปหาน้ำ
จากความทรงจำของเ้าของร่างเดิม ในทุ่งข้าวฟ่างกว้างใหญ่ไพศาลเช่นนี้ ระหว่างทุ่งแห้งไม่กี่ผืนมักมีบ่อน้ำเล็กๆ เพื่อกักเก็บน้ำไว้รดพืชผล
เมิ่งอู่รีบไปที่บ่อน้ำที่อยู่ใกล้ๆ
รอบๆ บ่อน้ำมีหญ้าสีเขียวจางๆ ขึ้นอยู่ แสงอาทิตย์ส่องกระทบผืนน้ำใสดูสวยงามดุจภาพความฝัน
นางฉีกชายเสื้อของตนออกมาหนึ่งชิ้น ตักน้ำแล้วเดินกลับไปหาอินเหิง ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดใบหน้าให้เขา
ประหนึ่งกำลังทำความสะอาดงานศิลปะที่ถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่นหนา และหวังว่างานศิลปะชิ้นนี้จะงดงาม
เริ่มจากหน้าผาก ตามด้วยคิ้ว ตา สันจมูก ไล่ลงมาเรื่อยๆ
สีผิวเดิมที่วงหน้าของเขาค่อยๆ ปรากฏ แต่กลับซีดเซียวมาก คิ้วตาคู่นั้นราวกับถูกวาดด้วยหมึกดำ ลูกตาเป็สีเหลืองอำพันอ่อนๆ จมูกโด่งเป็สันตรงดุจภูผา ริมฝีปากบางไร้สีเืแต่ยังคงมีเสน่ห์...
โอ้์! ช่างเป็บุรุษที่หล่อเหลานัก!
ก่อนหน้านี้นางเผลอมองคู่ต่อสู้มากไปหน่อย จึงต้องตายโดยไม่ตั้งใจ ยามนี้นี่คือการชดเชยให้นางกระมัง?
เมิ่งอู่เดาะลิ้นด้วยความตื่นเต้นดีใจ และคาดหวัง เอ่ยว่า "คนที่ทำร้ายเ้าช่างโเี้นัก พวกเขากล้าลงมืออย่างหนักกับบุรุษรูปงามเช่นนี้ได้ลงคอ"
อินเหิงหลับตาลง แล้วเอ่ยอย่างอ่อนแรง "คงอิจฉาข้ากระมัง"
เพียงประโยคง่ายๆ ว่า "อิจฉาข้า" กลับลดความสำคัญของเหตุการณ์ลอบสังหารเขาที่ชวนใจหายใจคว่ำครั้งนี้ลงได้
เพราะใบหน้าของเขา ทำให้ท่าทีของเมิ่งอู่เปลี่ยนไปมาก นางเอ่ยถาม "เ้านอนอยู่ที่นี่นานเพียงใดแล้ว? หิวหรือไม่?"
"นอนอยู่วันครึ่งแล้ว"
"เช่นนั้นเ้าคงจะหิวมาก เติมพลังให้ร่างกายก่อนเถิด"
เมิ่งอู่กล่าวจบก็เด็ดก้านข้าวฟ่างหนึ่งก้าน ใช้ฟันกัดเปลือกแข็งๆ ออก จากนั้นส่งแกนกลางที่ชุ่มน้ำด้านในให้เขา พร้อมกล่าว "เคี้ยวเลย หวานดี"
อินเหิงไม่ขยับ เขาไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะขยับ
เมิ่งอู่ค่อยมีปฏิกิริยาตอบสนอง นางหัวเราะออกมาสั้นๆ อย่างแฝงนัยคลุมเครือ ก่อนฉวยโอกาสเสนอ "ให้ข้าจูบเ้าทีหนึ่งสิ แล้วข้าจะช่วยเ้าเอง"
……….
[1] จั้ง (丈) เป็หน่วยวัดความยาวของจีน หนึ่งจั้งเท่ากับสิบเชียะ หรือประมาณ 3.3 เมตร
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้