จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยกับเฉิงอี้เฟยพูดคุยเจรจาพลางเดินตรงเข้ามา
่เวลานี้เฉิงอี้เฟยน่าจะเพิ่งออกจากท้องพระโรง ทว่าโดยปกติแล้วจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยจะไม่เข้าร่วมว่าราชกิจในท้องพระโรง กูเฟยเยี่ยนจึงนึกไม่ถึงเลยว่าทั้งสองคนจะพบกันในเวลานี้ เป็ไปได้หรือไม่ว่าเมื่อค่ำคืนนี้จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยทรงประทับอยู่ในพระราชวังและเสด็จออกมาในเช้าวันนี้?
กูเฟยเยี่ยนมีความอยากรู้จึงถอยไปยืนด้านข้างพลางโน้มตัวหลีกทาง
ครั้นนึกถึงคำพูดของถังจิ้ง ในใจของกูเฟยเยี่ยนจึงเกิดความซาบซึ้ง นางอยากจะก้าวขึ้นไปด้านหน้าเพื่อกล่าวขอบคุณทว่าสุดท้ายก็อดทนเอาไว้ เพราะนางมิอาจหักหลังถังจิ้งได้
เฉิงอี้เฟยสังเกตเห็นกูเฟยเยี่ยนอย่างรวดเร็ว ถึงแม้ว่าเขาจะถูกปฏิเสธหลายต่อหลายครั้ง ทว่าเขาก็ยังคงไร้ซึ่งความอึดอัดและไม่รู้สึกผิดหวังราวกับเพียงแค่ได้พบนาง ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะหลงลืมไปหมด
เขาสาวเท้าตรงไปยังด้านหน้าด้วยความดีอกดีใจ “แพทย์หญิงน้อย บังเอิญจัง! ”
กูเฟยเยี่ยนเหลือบมองเขาพลันจงใจโค้งคำนับ “ท่านแม่ทัพเฉิง”
การกระทำของนางคือการบอกกล่าวเฉิงอี้เฟยว่านางไม่ได้เป็เพียงศาสตราจารย์แพทย์แห่งห้องยาสำนักหมอหลวง แต่ยังดำรงตำแหน่งข้าราชการระดับหนึ่ง ซึ่งอยู่ในระดับเดียวกันกับเขา เขาไม่สามารถเรียกขานนางว่าแพทย์หญิงน้อยได้อีกต่อไป
เฉิงอี้เฟยเข้าใจความหมายของกูเฟยเยี่ยนได้อย่างรวดเร็วเพราะเขาไม่ได้โง่ เขาเลียนแบบการโค้งคำนับจากกูเฟยเยี่ยนพลางจงใจเอ่ยว่า “แพทย์หญิงน้อย”
ในที่สุดกูเฟยเยี่ยนก็ตระหนักได้ว่าการต่อกรกับชายหนุ่มผู้นี้โดยมารยาทถือเป็เื่ที่เหนื่อยเปล่า วิธีการที่ดีที่สุดคือมองข้ามและไม่สนใจ!
กูเฟยเยี่ยนหันไปมองด้านข้างจึงพบว่าจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยยืนอยู่ในระยะที่ห่างไกลราวกับกำลังรอเฉิงอี้เฟยโดยไม่ได้้าเดินเข้ามา นางทราบว่าเขากำลังหลีกเลี่ยงจึงไม่ได้ก้าวเดินไป นางเพียงแค่โน้มกายแสดงความเคารพจากระยะไกล
ทว่าสิ่งที่อยู่เหนือความคาดหมายคือทันทีที่นางโน้มตัวลง จวินจิ่วเฉินก็เดินเข้ามา “ศาสตราจารย์แพทย์กู ลุกขึ้นเถอะ”
กูเฟยเยี่ยนลุกขึ้นมองเขาด้วยความซาบซึ้งใจทว่าไม่กล้ามองมากนัก
จวินจิ่วเฉินไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาอีกทว่าก็ไม่ได้เดินออกไป ไม่มีใครทราบว่าเขาเจตนาไม่เดินออกไปหรือกำลังรอเฉิงอี้เฟย
แม้ว่าจะอยู่หน้าทางเข้าพระราชวัง เฉิงอี้เฟยก็ไม่เลี่ยงการกระทำเลยแม้แต่น้อย เขาโน้มตัวเข้าไปใกล้ใบหูของกูเฟยเยี่ยน “แพทย์หญิงน้อย เปิ่นเจียงจวินมีข่าวดีมาบอก อยากฟังหรือไม่? ”
กูเฟยเยี่ยนก้าวถอยหลังอย่างรวดเร็วเพื่อเว้นระยะห่างจากเขา “เ้าจะไปมีข่าวดีอะไรกัน ข้าไม่ฟัง! ”
ที่จริงแล้วกูเฟยเยี่ยนอยากจะปลีกตัวออกไป ทว่าเมื่อเห็นจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยยืนอยู่ นางจึงทำใจเดินออกไปไม่ได้
เฉิงอี้เฟยอารมณ์ดีมากจึงไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติของนาง รอยยิ้มของเขาเต็มไปด้วยความลึกลับ “ข่าวดีนี้มีความเกี่ยวข้องกับเ้า เ้าอยากจะฟังหรือไม่? ”
กูเฟยเยี่ยนรู้สึกประหลาดใจจึงรีบร้อนเอ่ยออกมา “เช่นนั้นเ้าก็รีบพูดออกมา! ”
เฉิงอี้เฟยเจตนาทำให้อยากรู้แล้วกวักมือเรียกหญิงสาวให้เขยิบเข้ามาใกล้ กูเฟยเยี่ยนกำลังจะเดินเข้าไป จวินจิ่วเฉินที่นิ่งเงียบมาโดยตลอดกลับเอ่ยออกมา “ศาสตราจารย์แพทย์กู ไป๋หลี่ิชวนถูกขับไล่ออกจากราชวงศ์แห่งอาณาจักรว่านจิ้น และถูกลดขั้นไปเป็สามัญชน เื่นี้อาจจะไม่ใช่เื่ดีสำหรับเ้า! ”
กูเฟยเยี่ยนตกตะลึง “เตี้ยนเซี่ย นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ”
ทันทีที่จวินจิ่วเฉินอธิบาย กูเฟยเยี่ยนถึงได้รับรู้ว่าฉีอวี้ไปถึงชายแดนตะวันออกแล้ว อีกทั้งเขายังส่งกองทัพรบชนะถึงสองครั้งจนทำให้อาณาจักรว่านจิ้นเกิดความร้อนรน
ราชวงศ์ไป๋หลี่แห่งอาณาจักรว่านจิ้นเพียงแค่ขอโทษถึงเื่ราวการขโมยยาสมุนไพรในหุบเขาเสินหนง และขับไล่ไป๋หลี่ิชวนออกจากราชวงศ์เพื่อแสดงออกถึงความจริงใจ ทว่าสำหรับเื่ของการกระทำที่ไป๋หลี่ิชวนแฝงตัวเข้ามาในเทียนเหยียนนั้น อาณาจักรว่านจิ้นปฏิเสธการขอโทษโดยอ้างเหตุผลว่าฉีอวี้ส่งกองทัพมาสังหารประชาชนและแย่งชิงเสบียงอาหาร อีกทั้งยังจิกกัดกลับมาว่าอาณาจักรเทียนเหยียนพูดเกินความจริง และทำเื่เล็กให้เป็เื่ใหญ่เพื่อฉวยโอกาสในการก่อา
กูเฟยเยี่ยนคาดคิดไม่ถึง!
นึกไม่ถึงเลยว่าองค์ชายที่เป็ที่โปรดปรานอย่างไป๋หลี่ิชวนจะถูกขับไล่ออกมา?
กูเฟยเยี่ยนรีบถามออกมา “เตี้ยนเซี่ย เื่นี้เกรงว่าจะมีการหลอกลวงใช่หรือไม่เพคะ? ”
จวินจิ่วเฉินเพิ่งจะทราบข่าวเมื่อคืนนี้ ดังนั้นความคาดไม่ถึงของเขาจึงไม่น้อยไปกว่ากูเฟยเยี่ยน
จากการประเมินสถานการณ์ของเขา วิธีการที่ดีที่สุดของราชวงศ์ไป๋หลี่แห่งอาณาจักรว่านจิ้นคือขอโทษทั้งหุบเขาเสินหนงและอาณาจักรเทียนเหยียน อีกทั้งส่งไป๋หลี่ิชวนมาที่เมืองจิ้นหยางเพื่อเป็ตัวประกันในการยุติา
ด้วยวิธีการเช่นนี้ ไป๋หลี่ิชวนที่อยู่ในฐานะของตัวประกันในการยุติาจะถูกกักบริเวณไว้ในเมืองจิ้นหยางเท่านั้น เขาจะไม่มีภัยอันตรายถึงชีวิต ทางด้านของหุบเขาเสินหนงก็ไม่อาจแย่งชิงตัวประกันจากราชวงศ์แห่งอาณาจักรเทียนเหยียนได้
สิ่งที่จวินจิ่วเฉินคิดไม่ถึงคือฉีอวี้จะรบชนะสองครั้งได้รวดเร็วถึงเพียงนี้ สิ่งนี้ทำให้อาณาจักรว่านจิ้นมีข้ออ้างในการประณามศึกต่ออาณาจักรเทียนเหยียน ยิ่งไปกว่านั้นคือเขาไม่นึกว่าฮ่องเต้แห่งอาณาจักรว่านจิ้นจะขับไล่ทายาทที่ตนเองโปรดปรานที่สุดอย่างไป๋หลี่ิชวนออกจากราชวงศ์!
บัดนี้อาณาจักรเทียนเหยียนกับอาณาจักรว่านจิ้นยังคงอยู่ในสถานการณ์แห่งา และไป๋หลี่ิชวนก็ยังเป็บุคคลที่หุบเขาเสินหนงกับเทียนเหยียนออกหมายจับ ทว่าอาณาจักรว่านจิ้นให้คำอธิบายแก่หุบเขาเสินหนงเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นข้อวิพากษ์วิจารณ์ของประชาชนจึงไม่เป็ผลดีต่ออาณาจักรเทียนเหยียนนัก
จวินจิ่วเฉินไม่มั่นใจว่าทางด้านของราชวงศ์แห่งอาณาจักรว่านจิ้นแสร้งขับไล่ไป๋หลี่ิชวน หรือว่าคิดที่จะขับไล่ไป๋หลี่ิชวนออกไปจริงๆ บัดนี้ไป๋หลี่ิชวนตกอยู่ในกำมือของหัวหน้าาุโแทนที่จะอยู่ในกำมือเขา ดังนั้นนี่จึงไม่ใช่ข่าวดีสำหรับกูเฟยเยี่ยน จากอุปนิสัยของไป๋หลี่ิชวนแล้ว เขาจะต้องแก้แค้นอย่างแน่นอน
กูเฟยเยี่ยนเข้าใจความกังวลของจวินจิ่วเฉินได้อย่างรวดเร็ว นางจึงโน้มกายอีกครั้งหนึ่ง “ขอบพระทัยเตี้ยนเซี่ยที่เตือนสติ! ”
เดิมทีเฉิงอี้เฟยคิดว่าจุดจบของไป๋หลี่ิชวนกับเื่ที่ฉีอวี้ตกอยู่ในหลุมลึกของวังวนวิพากษ์วิจารณ์จะเป็ข่าวดีสำหรับกูเฟยเยี่ยน แต่เมื่อเห็นถึงปฏิกิริยาตอบสนองของนาง เขาจึงตระหนักได้ว่าเื่นี้ไม่ใช่เื่ดี ดังนั้นเขาจึงยกฝ่ามือขึ้นมาแตะจมูกด้วยความเขินอายเล็กน้อย
จวินจิ่วเฉินเอ่ยออกมาด้วยสีหน้าที่ไร้ความรู้สึก “ไป๋หลี่ิชวนยังคงเป็นักโทษสำคัญที่เทียนเหยียนออกหมายจับ ฟู่หวงแต่งตั้งให้เปิ่นหวางดำเนินการเื่นี้ ภายหลังเปิ่นหวางจะส่งคนไปรักษาการณ์ที่ตระกูลกู ศาสตราจารย์แพทย์กูระมัดระวังตัวเพิ่มก็พอ”
“เพคะ! ขอบพระทัยเตี้ยนเซี่ย” กูเฟยเยี่ยนโน้มกายเป็ครั้งที่สาม
ดูเหมือนว่าจวินจิ่วเฉินจะไม่มีคำพูดที่้าเอ่ยออกมา กูเฟยเยี่ยนมีคำพูดมากมาย ทว่าไม่สามารถพูดต่อหน้าเฉิงอี้เฟยได้ ด้วยเหตุนี้นางกับจวินจิ่วเฉินจึงเผชิญหน้ากันด้วยความเงียบโดยที่ไม่ได้ปลีกตัวออกไป
กูเฟยเยี่ยนแอบชำเลืองตามอง บังเอิญพอดีที่จวินจิ่วเฉินหันมาสบตา กูเฟยเยี่ยนรีบขยิบตาเป็นัย จวินจิ่วเฉินขมวดคิ้วเล็กน้อยทว่าก็หลีกเลี่ยงสายตาของนางอย่างรวดเร็ว
ทั้งสองคนยักคิ้วหลิ่วตาต่อกัน น่าเสียดายที่เฉิงอี้เฟยไม่ได้สังเกตเห็น
เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยด้วยความจริงจัง “แพทย์หญิงน้อย เ้าวางใจได้ เปิ่นเจียงจวินจะคัดเลือกคนไปลอบจับตามองตระกูลกูเช่นกัน ถ้าไป๋หลี่ิชวนกล้ามา พวกเราก็จับตะพาบน้ำในไห [1] ! ”
กูเฟยเยี่ยนรีบเอ่ยด้วยความกังวล “ท่านแม่ทัพเฉิงไม่จำเป็ต้องกังวลเพราะเตี้ยนเซี่ยจะจัดส่งคนมาให้! ”
นางจะใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างไรถ้ามีคนของเฉิงอี้เฟยมาจับตามอง?
เฉิงอี้เฟยเอ่ยน้ำเสียงจริงจังโดยไม่สนใจกูเฟยเยี่ยน “เตี้ยนเซี่ย กระหม่อมมีทหารชั้นยอดภายในค่ายทหาร คนเ่าั้เป็ยอดฝีมือในการเฝ้าระวัง กระหม่อมจะไปโยกย้ายมาเดี๋ยวนี้เพื่อที่จะให้เตี้ยนเซี่ยเรียกใช้งาน! ”
กูเฟยเยี่ยนกำลังจะปฏิเสธ ทว่าจวินจิ่วเฉินแย่งตำหนิเสียก่อน “เลอะเทอะไปใหญ่แล้ว! ทหารของกองทัพจะสามารถโยกย้ายโดยพลการได้อย่างไร? ”
“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเลอะเลือนแล้ว”
เฉิงอี้เฟยแตะจมูกด้วยความเศร้าและไม่เอ่ยวาจาใดๆ ออกมาอีก
“เกรงว่าชายแดนตะวันตกจะสงบสุขได้ไม่นาน ฉีอวี้มุทะลุ ไม่เหมาะสม”
จวินจิ่วเฉินกล่าวโดยเจตนาลดเสียงลง “เฉิงอี้เฟย ในคราวนี้เปิ่นหวางเดิมพันไว้ที่เ้า”
ั์ตาของเฉิงอี้เฟยเป็ประกายทันทีที่ได้ยินเช่นนี้ เขาตื่นเต้นเหลือเกิน “เตี้ยนเซี่ย กระหม่อมจะต้อง…”
จวินจิ่วเฉินส่งสายตาขัดจังหวะ “กลับเถอะ”
เฉิงอี้เฟยจึงนึกขึ้นได้ว่าพวกเขาอยู่หน้าประตูทางเข้าพระราชวัง เขาแสดงความเคารพต่อจวินจิ่วเฉินพลางหันไปส่งยิ้มแก่กูเฟยเยี่ยน ก่อนจะหันหลังก้าวเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
ทันทีที่เขาออกไป จวินจิ่วเฉินก็ไม่ได้อยู่ต่อแม้แต่วินาทีเดียว เขาหันเดินไปทางด้านรถม้า
กูเฟยเยี่ยนลอบดีใจแทนเฉิงอี้เฟย จิ้งหวางเตี้ยช่วยเหลือตระกูลเฉิงอย่างชัดเจนถึงเพียงนี้ คาดว่าตระกูลฉีจะได้พบปัญหาในเร็ววันแน่นอน นางมองเห็นสถานการณ์ของเทียนเหยียนได้ค่อนข้างชัดเจน เพียงแต่ไม่มีความสนใจเลยแม้แต่นิด นับั้แ่วันนี้เป็ต้นไป นางจะตั้งใจเป็ศาสตราจารย์แพทย์และมุ่งมั่นตามหาความลับของปิงไห่!
ครั้นเห็นว่าจวินจิ่วเฉินขึ้นไปบนรถม้าแล้ว กูเฟยเยี่ยนจึงตั้งใจโน้มกายแสดงออกถึงความซาบซึ้งใจเฉกเช่นก่อนหน้านี้ จากนั้นจึงจัดเครื่องแต่งกายให้เข้าที่พลางก้าวเดินเข้าไปในพระราชวัง…
——————
เชิงอรรถ
[1] จับตะพาบน้ำในไห หมายถึง สามารถจับกุมศัตรูได้อย่างง่ายดาย เนื่องจากศัตรูมาอยู่ในกำมือแล้ว