สายน้ำใสไหลล้นจากต้นน้ำลงสู่ลำธาราผ่านป่าเขา แสงแดดสาดส่องกระทบผืนน้ำ ทำให้ปลาเล็กๆ สองสามตัวที่ด้านล่างหวาดหวั่นขวัญแขวน
จูชิงยืนอยู่ข้างลำธาร มองดูร่างเงาใหญ่ั์กำลังเคลื่อนไหวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
ยิ่งเข้าใกล้ซากโบราณ จำนวนสัตว์อสูรดึกดำบรรพ์ก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น มีปักษาทรงพลังหลายตัวโบยบินอยู่บนท้องฟ้า ปลดปล่อยคลื่นพลังน่าพรั่นพรึงเหนือพรรณนา
ที่นี่คือโลกของสัตว์อสูรดึกดำบรรพ์ แม้เป็มนุษย์จะเป็เ้าแห่งทวีปเฉียนหยวน ทว่าเมื่ออยู่บนเกาะหลัวโหวก็เป็ได้เพียงผู้สัญจรเท่านั้น
“ข้าไม่คิดมาก่อนเลยว่าบนเกาะหลัวโหวจักมีสัตว์อสูรดึกดำบรรพ์มากมายขนาดนี้” ซั่งกวานจือหนิงมองเงาร่างแน่นขนัดอยู่เบื้องหน้า รอยยิ้มขมขื่นปรากฏบนใบหน้าโฉมสะคราญ
“มิใช่แค่พวกเราหรอก เกรงว่าพวกท่านผู้าุโเองก็คงไม่คิดว่าจักมีสัตว์อสูรดึกดำบรรพ์มากขนาดนี้อยู่บนเกาะหลัวโหว” จินขวางถอนหายใจ
เกาะหลัวโหวเป็ดินแดนลึกลับ ขุนเขากระบี่เทียนหยวนเข้าออกเกาะแห่งนี้มานานหลายหมื่นปีแล้วก็จริง เดิมทีพวกเขานึกว่าพวกเขารู้จักเกาะนี้แล้ว แต่พอได้เห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ทำให้พวกเขาตระหนักได้ว่าแท้จริงแล้วพวกเขามิได้รู้อะไรเกี่ยวกับเกาะนี้เลย!
ถ้าพวกเขาเข้าใกล้ซากโบราณ สัตว์อสูรดึกดำบรรพ์พวกนั้นจักต้องฉีกร่างของพวกเขาแหลกเป็เสี่ยงอย่างมิต้องสงสัย
สัตว์อสูรดึกดำบรรพ์พวกนี้สามารถฆ่าพวกเขาสี่คนได้อย่างง่ายดาย อย่าว่าแต่พวกเขาเลย ถึงจะเป็ผู้าุโขุนเขากระบี่เทียนหยวนก็มิอาจหาญกล้าล่วงเกินสัตว์อสูรดึกดำบรรพ์
“จะทำยังไงต่อดี?” เย่หยางหันไปถามจูชิง
จูชิงยิ้มแล้วหยิบสมุนไพรทมิฬสี่ต้นออกมาจากถุงเอกภพ แบ่งให้กับพวกเขาสามคน
“หญ้าซากศพ!” จินขวางมองสมุนไพริญญาที่อยู่ในมือ ขมวดคิ้วนิ่วหน้าด้วยความสะอิดสะเอียน
หญ้าซากศพมิได้เป็สมุนไพรล้ำค่าอันใด มันเป็หญ้าที่พบเจอได้ง่ายๆ บนทวีปเฉียนหยวน นอกจากใช้เป็วัตถุดิบเพื่อทำโอสถบางชนิดแล้ว สรรพคุณของมันมีเพียงส่งกลิ่นเหม็นเน่าเหมือนกับซากศพเท่านั้น
ทว่าหญ้าซากศพนี้เป็หญ้าที่เติบโตบนเกาะหลัวโหว แน่นอนว่าย่อมแตกต่างกับหญ้าซากศพข้างนอกอย่างสิ้นเชิง กลิ่นเหม็นของมันนั้นเลวร้ายยิ่งกว่าหญ้าซากศพทั่วไปเป็ร้อยเป็พันเท่า
นี่เป็ครั้งแรกเลยที่จินขวางรู้สึกว่าสมุนไพรอายุมากก็มิใช่สิ่งที่ดี กลิ่นชวนคลื่นเหียนเกินทานทน ลำพังแค่กลิ่นของหญ้าซากศพสามัญก็จวนจะเป็ลมแล้ว
จูชิงตัดรากหญ้าซากศพทิ้ง แล้วนำของเหลวสีเหลืองทาบนร่างกาย!
“แหวะ!” ถึงจักเตรียมตัวเตรียมใจมาก่อนหน้านี้แล้ว หากซั่งกวานจือหนิงก็ทนกลิ่นไม่ไหวจนอาเจียนออกมา
หญ้าซากศพมีกลิ่นเหม็นเน่าเป็ทุนเดิมอยู่แล้ว แต่เมื่อเทียบกับของเหลวที่อยู่ในรากของมัน ซั่งกวานจือหนิงรู้สึกว่าหญ้าซากศพที่อยู่ในมือดูน่ารักน่าเอ็นดูขึ้นทันตา
“เ้าจะใช้กลิ่นศพนี่หลบพวกสัตว์อสูรดึกดำบรรพ์งั้นรึ?” จินขวางขมวดคิ้วถาม
จูชิงพยักหน้า “ข้าเคยลองมาแล้ว สัตว์อสูรดึกดำบรรพ์เกลียดกลิ่นของหญ้าซากศพยิ่งกว่ากระไรดี ขอแค่ไม่ไปยั่วยุสัตว์อสูรดึกดำบรรพ์ สัตว์อสูรดึกดำบรรพ์ย่อมไม่มารังควานพวกเราอย่างแน่นอน”
จูชิงกับซั่งกวานจือหนิงใช้เวลานานกว่าครึ่งเดือนเพื่อตามหาหญ้าซากศพบนเกาะหลัวโหว หลังจากข้ามอาณาเขตของสัตว์อสูรดึกดำบรรพ์หลายหนแห่ง ในที่สุดก็หาหญ้าซากศพได้ทั้งหมดสี่ต้น
“เป็ความคิดที่ชาญฉลาดมาก” แม้ว่าจินขวางจะหน้าบิดหน้าเบี้ยว แต่ก็ยอมตัดรากหญ้าซากศพแล้วเอาน้ำเหลวสีเหลืองข้นป้ายลงบนตัว
“ขออภัย คนที่ออกความคิดนั้นเป็ข้าเอง” จูชิงยิ้ม
“ข้าถึงได้บอกไงว่าฉลาด” จินขวางแค่นเสียงหึ
ซั่งกวานจือหนิงมองจูชิงสลับกับจินขวาง ก่อนที่จะก้มหน้ามองหญ้าซากศพในมือ นางเป็คนรักความสะอาด ไม่ยอมแม้แต่ให้ดินโคลนหรือเืเปรอะเปื้อนร่างกาย ทว่าเพลานี้นางจักต้องเอาน้ำจากหญ้าซากศพเหลวข้นป้ายตัวเอง สู้ฆ่านางให้ตายเสียยังดีกว่า
ครั้นเห็นใบหน้าของซั่งกวานจือหนิงกลายเป็สีขาวซีด จูชิงก็ส่ายศีรษะ “หากไม่ไหวก็ไม่ต้องฝืน เ้ารออยู่ที่นี่ก็ได้”
ซั่งกวานจือหนิงมองจูชิงด้วยความประหลาดใจ เ้าหัวขโมยนี่เป็คนจิตใจดีเฉกเช่นนี้ั้แ่เมื่อไหร่
ทว่าประโยคต่อมาของจูชิงทำให้ความคิดอันดีงามในหัวของซั่งกวานจือหนิงสลายหายไป อยากเอาหญ้าซากศพยัดปากจูชิงเสียให้เข็ด
“จักมีหรือไม่มีเ้าก็ไม่ต่างกัน สตรีที่บอบบางอย่างเ้า มีแต่จะถ่วงแข้งถ่วงขาพวกข้าเปล่าๆ” จูชิงหัวเราะ
“หุบปากซะ คนไม่กลัวฟ้าไม่กลัวฝนอย่างข้า จักกลัวหญ้าซากศพกระจอกๆ นี่งั้นรึ แค่มีกลิ่นเหม็นนิดหน่อยไม่เห็นเป็ไร ข้าทนได้อยู่แล้ว!”ซั่งกวานจือหนิงแค่นเสียงหึ ตัดรากหญ้าซากศพ เอาน้ำเหม็นเน่าป้ายลงบนร่างขาวนวลดุจดั่งหิมะ
“แหวะ!” กลิ่นเหม็นฉุนแตะจมูกของซั่งกวานจือหนิง ชวนให้คลื่นเหียนสุดแสนราวกับมีก้อนตะกั่วติดอยู่ในคออย่างไรอย่างนั้น
ส่วนเย่หยางไม่มีความเห็นอื่นใด หลังจากเอาน้ำหญ้าซากศพถูตัว เขาก็ออกเดินทางไปยังซากโบราณพร้อมกับพวกจูชิง
“เฒ่าปีศาจอย่าหลอกข้านะ ไม่อย่างนั้นถ้าถูกสัตว์อสูรดึกดำบรรพ์ล้อม ข้าได้ตายอีกรอบแน่” จูชิงเดินไปพลางภาวนาในใจพลาง
ด้วยความรู้ของเขา แน่นอนว่าไม่มีทางรู้ว่าหญ้าซากศพที่ดูไร้ประโยชน์จะทำอะไรเช่นนี้ได้ แม้แต่ซั่งกวานจือหนิงกับจินขวาง อัจฉริยะในหมู่อนุชนยังไม่รู้ว่ากลิ่นของหญ้าซากศพสามารถขับไล่พวกสัตว์อสูรดึกดำบรรพ์ได้
“ปกติแล้วหญ้าซากศพสามัญทำอะไรอย่างนั้นมิได้ ทว่านี่ที่คือเกาะหลัวโหว ทุกอย่างที่นี่แตกต่างกับข้างนอก” เฒ่าปีศาจพูดด้วยความภาคภูมิใจกับความรู้เล็กๆ น้อยๆ ของตัวเอง
“ก็แค่เอากลิ่นเน่ากลบหลอกสัตว์อสูรดึกดำบรรพ์มิใช่รึ น่าภาคภูมิใจตรงไหน?” จูชิงเบ้หน้า
“ก็แค่? เ้ารู้หรือไม่ว่าสัตว์อสูรที่มีกลิ่นเฉกเช่นหญ้าซากศพน่าสะพรึงปานใด พลานุภาพทัดเทียมเท่ากับไอ้ตัวที่กำลังสำแดงพลานุภาพอยู่นอกเกาะหลัวโหวเชียว” เฒ่าปีศาจแค่นเสียงหึ
“ัสมุทรอัษฎาเนตร?” จูชิงตะลึงงัน วันนั้นัสมุทรอัษฎาเนตรเปรียบดั่งปีศาจวินาศโลกันตร์ ผู้าุโนับสิบของขุนเขากระบี่เทียนหยวนผนึกกำลังเป็หนึ่งก็ยังทำอะไรัสมุทรอัษฎาเนตรไม่ได้
ความแข็งแกร่งของัสมุทรอัษฎาเนตรอยู่นอกเหนือจากขอบเขตความรู้ของจูชิงไปมาก จักเรียกว่าัสมุทรอัษฎาเนตรเป็ผู้ไร้เทียมทานในใต้หล้าฟ้านี้ก็ไม่เกินไปแต่อย่างไร
ทว่าเฒ่าปีศาจกลับบอกว่าสัตว์อสูรดึกดำบรรพ์ที่ตายบริเวณที่จูชิงเก็บหญ้ามานั้นอยู่ในระดับเดียวกันกับัสมุทรอัษฎาเนตร แท้จริงแล้วสัตว์อสูรดึกดำบรรพ์นั่นแกร่งกล้าขนาดไหนกัน?
“ไม่อย่างนั้นกลิ่นของหญ้าซากศพจักทำให้พวกสัตว์อสูรดึกดำบรรพ์บนเกาะหวาดผวาได้อย่างนั้นรึ” เฒ่าปีศาจหัวเราะฮ่าๆ
“มีอะไรอยู่ในซากโบราณ?” จูชิงถามอย่างอดไม่ได้ ซึ่งเขาถามคำถามนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่หลายครั้ง
“สิ่งที่อยู่ในซากโบราณก็คือสิ่งที่ควรมีอยู่ในซากโบราณ” เฒ่าปีศาจยังตอบคำถามแบบเดิม ไม่ยอมบอกว่าสิ่งที่อยู่ในซากโบราณคืออะไร
“เ้ารู้จักซากโบราณนั่นรึ?”
เฒ่าปีศาจหัวเราะและไม่พูดอะไรต่อ!
“ถ้าเ้าไม่บอก แล้วจะมาพูดให้ข้าสงสัยทำไม” จูชิงหงุดหงิด
“เ้าจักได้รู้ในสิ่งที่ควรรู้ ส่วนสิ่งที่เ้าไม่ควรรู้ รู้ไปก็ไม่มีประโยชน์” เฒ่าปีศาจส่ายศีรษะ
จูชิงกลอกตา “พูดตรงๆ ออกมามันจะตายรึ จะพูดอ้อมให้มากความเพื่ออะไร”
พอได้กลิ่นหญ้าซากศพที่ลอยออกมาจากพวกจูชิง พวกสัตว์อสูรดึกดำบรรพ์ตัวสั่นสะท้านคล้ายกับหวาดกลัวบางสิ่ง!
“ดูเหมือนพวกมันจะไม่กล้าเข้ามาหาพวกเราจริงๆ ด้วย” พอเห็นว่าสัตว์อสูรดึกดำบรรพ์ที่แข็งแกร่งกว่าพวกเขาหลายเท่าเดินถอยห่าง ซั่งกวานจือหนิงพลันเบิกตาทั้งสองกว้างด้วยความใ
“พวกมันกลัวกลิ่นของหญ้าซากศพ แต่ถ้าพวกเราไปยั่วยุพวกมัน พวกเราต้องถูกฆ่าตายในหนึ่งลมหายใจเป็แน่” จูชิงตักเตือนซั่งกวานจือหนิง หวังว่าพวกเขาจะไม่ผลีผลามทำอะไรตามใจเพียงเพราะสัตว์อสูรกลัวกลิ่นหญ้าซากศพ
พวกเขาใช้กลิ่นของสัตว์อสูรดึกดำบรรพ์ที่ตายไปแล้ว แม้ว่าจะสร้างความหวาดหวั่นให้กับสัตว์อสูรดึกดำบรรพ์ ทว่าก็ทำได้เพียงแค่นั้น หากพวกสัตว์อสูรดึกดำบรรพ์พบว่ามีความผิดปกติบางอย่าง นั่นจักเป็คราวตายของพวกเขาอย่างมิต้องสงสัย
สุนัขจิ้งจอกแอบอ้างบารมีเสือ ทางที่ดีอย่าลำพองใจจะดีกว่า ถ้าพวกมันรู้ว่าพวกเขามิใช่เสือหากเป็แค่สุนัขจิ้งจอก ผลที่ตามมาย่อมเลวร้ายเกินจินตนาการ
“ใกล้ถึงแล้ว!” ครั้นเห็นซากโบราณ จูชิงก็ใจสั่นไม่เป็จังหวะ
กำแพงแตกระแหงปกคลุมไปด้วยตะไคร่น้ำ พวกเขาััได้ถึงกลิ่นอายดึกดำบรรพ์จากซากโบราณ!
“มันเป็ซากโบราณจากสมัยดึกดำบรรพ์อย่างนั้นรึ?” จินขวางจับจ้องมองซากโบราณที่โผล่ออกมาส่วนหนึ่ง
ยุคสมัยดึกดำบรรพ์นั้นลึกลับแสนทวี ส่วนใหญ่บันทึกเกี่ยวกับยุคดึกดำบรรพ์หายสาบสูญไปแล้ว มีสำนักเพียงไม่กี่สำนักที่มีข้อมูลของยุคดึกดำบรรพ์อยู่ และถึงจะเป็เพียงเื่ที่เขียนเอาไว้ ทว่าอย่างไรก็ตาม จากข้อมูลเ่าั้สามารถทราบได้ว่าอารยธรรมศิลปะการต่อสู้ในสมัยโบราณรุ่งโรจน์เพียงใด ซึ่งแตกต่างกับทวีปเฉียนหยวนในปัจจุบันอย่างสิ้นเชิง
มีบางครั้งที่พวกเขาพบหลุมศพของผู้แข็งแกร่งสมัยดึกดำบรรพ์บนทวีปเฉียนหยวน และสิ่งที่ค้นพบได้จากหลุมศพนั้นก็เพียงพอที่จักเปลี่ยนชะตากรรมของสำนัก!
เกาะหลัวโหวเป็ดั่งปริศนา ยุคสมัยดึกดำบรรพ์ล่มสลายไปแล้ว ทว่าเกาะแห่งนี้กลับยังคงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน
เพลานี้พวกเขาได้พบกับซากโบราณสมัยดึกดำบรรพ์ที่ซ่อนอยู่ใต้พิภพของเกาะหลัวโหว การค้นพบนี้น่าพรั่นพรึงพอที่จักทำให้ทั้งทวีปต้องสั่นะเื เมื่อใดที่ข่าวนี้แพร่งพราย ขุมพลังอำนาจต่างๆ ในทวีปจักต้องมารวมตัวกันจนถึงขั้นสามารถพินาศขุนเขากระบี่เทียนหยวนได้เป็สิบครั้ง!
“ซากโบราณสมัยดึกดำบรรพ์...” ซั่งกวานจือหนิงตาเป็ประกาย บางทีพวกเขาอาจต้องเผชิญกับสิ่งที่คาดไม่ถึงในซากโบราณ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้