ลักยิ้มของนางปรากฏออกมา “ขอบคุณท่านพี่ที่ชม เพียงแต่ความงามของสตรี...จะมีค่ามากเท่าใดกันเชียว!”
ประโยคนี้ทำเฉินเนี้ยนหรานที่ฟังอยู่ชะงักค้าง แล้วมองไปยังสตรีผู้นั้นอีกครั้ง กลับพบว่าระหว่างคิ้วของนางมีความเศร้าหมองอยู่ คนคนนี้งดงามเพียงนี้ แต่กลับดูไม่มีความสุขเลยสักนิด!
“ความงามของสตรีไม่ใช่สิ่งที่วัดค่าจากเงินได้นะเ้าคะ หากสตรีปรารถนาได้เงินต้องไปหาเงินมาเอง หากใช้เพียงความงามแลกเงิน เช่นนั้นความงามมักจะร่วงโรยไปตามกาลเวลาเ้าค่ะ”
หนิงเซียงได้ยินพลันชะงักไป เงยหน้าขึ้นพิจารณาสตรีท้องโตตรงหน้าอย่างจริงจัง เพราะอยู่ในร้านทุกคนต่างเปิดที่บังหน้าออก ดังนั้นนางจึงเห็นสตรีตรงหน้าที่แม้จะตั้งครรภ์อยู่ แต่ดวงตางดงามทั้งสองข้างกลับเย้ายวนมาก ใบหน้าเรียวแดงเรื่ออย่างเป็ธรรมชาติ ทั้งเรือนร่างเปี่ยมล้นไปด้วยความมั่นใจ
นางผู้นี้ เป็สตรีที่ไม่พึ่งพาบุรุษ!
“พี่สาวกล้าหาญมากนักเ้าค่ะ!” ดวงตาของหนิงเซียงเปล่งประกาย นานแล้วที่ไม่เจอสตรีแข็งแกร่งพึ่งพาตนเองเช่นนี้
ในตอนนั้นเอง เ้าของร้านที่เข้าไปหาเครื่องเงินกลับมาพอดี
“มาแล้วเ้าค่ะ มาแล้ว ยังดีที่ร้านของพวกเรามีสองชุด”
“อา มีแค่สองชุดเองหรือ!” หนิงเซียงขมวดคิ้ว นางเพียงออกมาซื้อของตามใจชอบเท่านั้น พอดีกับที่หลานของสาวใช้ข้างกายอายุครบเดือนพอดี จึง้าซื้อสักชุดให้กับสาวใช้ติดตามเป็ของรางวัล
“ไม่เป็ไรเ้าค่ะ ข้าเลือกชุดอื่นได้” เฉินเนี้ยนหรานใจกว้างแบ่งอีกชุดให้ ได้เจอกับสตรีนางนี้ถือว่ามีชะตาต้องกัน อีกทั้งน้ำเสียงของสตรีผู้นี้ยามพูดจาล้วนอ่อนโยน หน้าตางดงาม สำหรับความงามของสตรีนางมักจะต้านทานไม่ไหว
“ขอบคุณพี่สาวมากนะเ้าคะ พี่สาวยอมยกเครื่องประดับให้ข้าชุดหนึ่ง เช่นนั้นให้น้องสาวเลี้ยงสุราขวดเล็กสักขวดดีหรือไม่เ้าคะ?” หนิงเซียงอยากจะผูกมิตรกับสตรีนางนี้
สำหรับคำแนะนำของนาง หนิวซื่ออยากจะห้าม แต่เฉินเนี้ยนหรานกลับพยักหน้าอย่างใจกว้าง “ดีเ้าค่ะ”
เมื่อเข้าไปในโรงเตี๊ยม เฉินเนี้ยนหรานกับหนิงเซียงเปิดห้องนั่งทานกันลำพัง หนิวซื่อกับสาวใช้สองคนของหนิงเซียงนั่งดื่มสุราทานข้าวด้วยกันในห้องโถง
หลังจากข้ามมิติมา เฉินเนี้ยนหรานมีเพื่อนน้อยมาก นอกจากสาวใช้ในจวนสกุลโจวที่มาจากหมู่บ้านเดียวกันแล้ว นางรู้จักเพียงเหล่าสตรีที่อยู่ในหมู่บ้านเท่านั้น
ทว่าวันนี้ นางกับหนิงเซียงเพียงแค่เจอกันกลับคล้ายรู้จักกันมานาน ทั้งสองคนพูดคุยกันได้หลายเื่
ไม่ว่าจะเื่การค้า หรือการทำไร่ปลูกพืช แม้แต่ความคิดที่มีต่อคนหรือเื่ต่างๆ ความคิดของทั้งสองคนใกล้เคียงกันมาก
โดยเฉพาะความคิดที่มีต่อบุรุษ!
“คำพูดของบุรุษน่ะ เชื่อไม่ได้” หนิงเซียงเอ่ยออกมาด้วยท่าทางเกือบเมา
“ใช่ บุรุษทำสิ่งใดล้วนพึ่งไม่ได้” เฉินเนี้ยนหรานเข้าอกเข้าใจอย่างดี
“ชาตินี้ ข้าไม่หาบุรุษ ข้าจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุข หาก้าบุรุษค่อยเลือกมาสักคน ฮ่าๆ” หนิงเซียงที่เมาแล้วเจ็ดส่วน ตอนนี้จึงพูดไปเรื่อยเปื่อย
เฉินเนี้ยนหรานแม้จะดื่มสุราผลไม้ไปเพียงเล็กน้อยเพราะตั้งครรภ์อยู่ แต่กลับเมาแล้วเล็กน้อย “ใช่ ข้าเองก็ไม่คิดจะหาบุรุษ ชาตินี้ของข้าอยู่กับเด็กคนนี้จึงจะดีที่สุด มา มาดื่มหมดจอกเพื่อพวกเราที่ไม่คิดหาบุรุษ!”
หนิงเซียงสะบัดหัว เบิกตากว้างมองนางด้วยความใ “อ๊าาา เมื่อครู่ท่านพูดว่าอะไรนะเ้าคะ? ท่านว่าอะไรนะ?”
เมื่อถูกถามเช่นนี้ เฉินเนี้ยนหรานจึงได้สติกลับมา นางเอาความลับของตนเองเผยให้สตรีแปลกหน้าโดยไม่รู้ตัว
นางยิ้มอย่างขลาดเขิน “เื่นั้น ข้าไม่ได้พูดอะไรเลย”
แต่หนิงเซียงหรือจะเป็คนที่หลอกง่ายเช่นนั้น นางจ้องไปยังท้องของเฉินเนี้ยนหราน “ไม่ ท่านพูดว่า ชาตินี้ท่านจะใช้ชีวิตอยู่กับเด็กคนนี้ หรือก็คือยามนี้ท่านยังไม่ได้ออกเรือน!”
เฉินเนี้ยนหรานเหงื่อแตกพลั่ก นางประมาทไปจริงๆ ยังดีที่ทั้งสองคนเปิดห้องเล็กๆ ในโรงเตี๊ยม ไม่เช่นนั้นหนิงเซียงะโออกมาเช่นนี้ เื่นี้คงรู้กันทั้งโรงเป็แน่
เมื่อรู้ว่าปิดไม่ได้แล้ว เฉินเนี้ยนหรานจึงยักไหล่ “อ้อ เ้าพูดเื่นี้หรือ ใช่...ข้าไม่ได้ออกเรือน เหตุใดจะต้องออกเรือนเล่า? ข้ามีลูกแล้วหนึ่งคน และจะอยู่กับเขาไปจนแก่ เช่นนั้นดีมากนัก”
หนิงเซียงจ้องนาง ดวงตาตรึงิญญาทั้งสองข้างค่อยๆ แดง สุดท้ายนางส่ายหน้า “ท่านพี่ ท่านทำเช่นนี้ลำบากมากนัก เด็กมีบิดากับไม่มีบิดานั้นไม่เหมือนกัน ช่างเถิด เื่รำคาญใจเช่นนี้ พวกเราไม่พูดถึงดีกว่า มาดื่มสุรากัน ดื่มกัน”
ทั้งสองคนไม่พูดถึงเื่รำคาญใจอีก ทำเพียงแค่ดื่มสุรา ก่อนจะแยกจากกันเฉินเนี้ยนหรานกลับพูดความคิดตนเองออกมา
“วันหลัง ข้าจะต้องไปเยี่ยมท่านแน่ บนโลกใบนี้ข้าน่ะ มีสหายน้อยมากจริงๆ ข้าหวังว่าลูกของข้าจะรีบออกมาไวๆ ถึงตอนนั้นข้าจะกลายเป็แม่บุญธรรมของเขา ฮี่ๆ...”
หนิงเซียงถูกสาวใช้ทั้งสองพยุงกลับไป หลังจากมองส่งรถม้าจากไปไกลแล้ว เฉินเนี้ยนหรานจึงรีบปิดที่บังหน้า โดยจูงมือหนิวซื่อกลับเรือนไปด้วยกัน
“พี่สะใภ้ วันนี้ข้าดีใจมากจริงๆ คุณหนูหนิงเซียงผู้นี้นิสัยกล้าหาญมาก หน้าตานางงดงามมากเช่นกัน ฮี่ๆ ข้าชอบหญิงงามเช่นนี้ที่สุดเลย”
หนิวซื่อใช้มือข้างหนึ่งอุ้มลูก อีกข้างหนึ่งจูงมือนาง “ไม่ใช่ข้าอยากว่าอะไรท่านนะนายหญิง ท่านท้องโตเพียงนี้แล้ว ยังดื่มสุราผลไม้อีก! เฮ้อ คนตั้งครรภ์ดื่มสุราไม่ได้นะเ้าคะ”
เฉินเนี้ยนหรานแลบลิ้น “ข้าเพียงดื่มสุราผลไม้ไม่เท่าใดเอง ของพวกนี้ดื่มเล็กน้อยถือเป็การบำรุงร่างกายนะ ฮี่ๆ ไม่แล้วๆ ข้าน่ะนะ ร่างกายแข็งแรงมาก แต่พี่สะใภ้ ท้องของข้าเหมือนจะใหญ่ไปสักหน่อยนะ และข้ารู้สึกว่าเด็กคนนี้ดิ้นอยู่ในท้องทุกวันเลย เดี๋ยวก็ซ้ายเดี๋ยวก็ขวา”
หนิวซื่อเห็นมือของนางวางอยู่บนท้องแล้วลูบเบาๆ ก็รู้ว่าลูกของนางดิ้นอีกแล้ว
“ตอนที่เด็กอายุเจ็ดแปดเดือนล้วนดิ้นบ่อยแบบนี้แหละ แต่พอผ่านไปอีกสักพักเด็กจะออกมาแล้ว จะว่าไปแล้วท้องของท่านโตเกินไปหรือเปล่าเ้าคะ?” หนิวซื่อมองท้องของนางอีกครั้ง “ท่านไม่ได้ทานเยอะเหมือนตอนที่ข้าตั้งครรภ์หนิวหนิว เหตุใดท้องจึงได้ใหญ่กว่าข้าเพียงนี้เ้าคะ? หรือจะเป็ฝาแฝด?”
คนที่คลอดฝาแฝดมีน้อยมาก ปกติแล้วจะสืบทอดทางพันธุกรรมทั้งอัตราในการเกิดฝาแฝดนั้นมีไม่มาก ดังนั้นทั้งสองจึงไม่เคยคิดว่าจะเป็ลูกแฝดเลย
เมื่อถูกหนิวซื่อพูดขึ้นมาตอนนี้ เฉินเนี้ยนหรานถึงกับสับสน “อา? ฝาแฝด? ไม่เอานะ คลอดแฝดทรมานมากเลยนะ!” นางมาอยู่ในสถานที่ที่การแพทย์ล้าหลังเช่นนี้ แค่คลอดคนเดียวก็เสี่ยงชีวิตแล้ว หากคลอดสองคนเล่า!
นางใ หัวใจเต้นรัวเร็วมาก!
แต่หนิวซื่อกลับมีความสุข “หากคลอดฝาแฝดคู่หนึ่งจริงๆ เช่นนั้นถือเป็เื่ดีนะเ้าคะ ไอ๊หยา หลายคนต่างตั้งตารอที่จะคลอดฝาแฝดนะเ้าคะ ท่านไม่รู้หรือว่าคลอดฝาแฝดมาคู่หนึ่งนั้นเป็โชคจากชาติปางก่อน”
เมื่อเห็นหนิวซื่อดูมีความสุข เฉินเนี้ยนหรานก็พบเื่น่าหงุดหงิดว่าอีกฝ่ายคิดว่านางเป็เครื่องผลิตลูก
“ไปเถิด ตอนนี้พวกเราต้องไปหาท่านหมอมาตรวจดู พอดีเลย ที่นี่คือโถงจือชุน วันนี้ท่านหมอท่านนั้นคงจะอยู่ที่โถง ท่านตามข้ามาก็พอ พวกเราจะให้เขาช่วยตรวจชีพจรให้”
ไม่ไกลออกไปเป็โรงหมอแห่งหนึ่ง ซึ่งหนิวซื่อได้จูงมือนางเดินเข้าไปด้วยความตื่นเต้น
เฉินเนี้ยนหรานที่อยากรู้มาก เท้าจึงก้าวตามไปโดยไม่รู้ตัว
ยามนี้เป็บ่ายโมงโดยประมาณ คนไข้ในโรงหมอจึงมีไม่กี่คน
หลังจากต่อแถวได้สักพัก ถึงคราวของเฉินเนี้ยนหราน
“ท่านหมอหลัวเ้าคะ ท่านช่วยดูสักหน่อยว่าท้องของนางใหญ่เพียงนี้ อีกทั้งเด็กยังดิ้นบ่อย พวกเรากลัวจะเป็ฝาแฝดเ้าค่ะ หากเป็ฝาแฝดจะต้องเตรียมสิ่งของให้มากกว่านี้”
ท่านหมอหลัวทำท่าทางบอกให้เฉินเนี้ยนหรานเอามือมาวางไว้ตรงหน้า หลังจากเอาผ้ามาวางทับ เขาจึงเริ่มตรวจชีพจร
เพราะต้องพิจารณาว่าเป็ฝาแฝดหรือไม่ ดังนั้นจึงตรวจนานเสียหน่อย เกือบประมาณห้านาที ท่านหมอหลัวถึงได้ยิ้มตาหยีมองไปทางเฉินเนี้ยนหราน “ยินดีด้วย ยินดีด้วย เป็ฝาแฝด ชาตินี้ ฮูหยินถือเป็คนที่มาให้ตรวจลูกแฝดคนที่สิบพอดี ไม่เลวๆ ดีมากๆ ไม่มีสิ่งใดแย่เลย ครรภ์นี้ดีๆ”
หนิวซื่อจ่ายค่าตรวจชีพจรด้วยความตื่นเต้น ลากเฉินเนี้ยนหรานออกมาด้านนอก “ไอ๊หยา มารดาเอ๊ย นายหญิงสุดยอดจริงๆ นะเ้าคะ ทำการค้าล้วนดีหมด ตั้งครรภ์ยังเก่งกว่าพวกเราหนึ่งเท่า ไม่คิดเลยว่าเพิ่งจะครรภ์แรกก็ตั้งครรภ์ฝาแฝดเสียแล้ว ฮ่าๆ ไปกันเถิด ตอนนี้พวกเราไปเตรียมตัวซื้อเสื้อผ้าให้เด็กกันเถิด”
เฉินเนี้ยนหรานที่ตะลึงไปเพราะเื่ลูกแฝด จึงเดินตามแรงจูงของหนิวซื่อไปอย่างมึนงง ผ่านไปครู่หนึ่งจึงได้สติกลับมา “ฝา ฝาแฝด เื่นี้ มันน่าประหลาดเกินไปหรือไม่ พี่สะใภ้ เ้ารีบไปถามเถิดว่า หากข้าคลอดจะมีอันตรายหรือไม่? เื่นี้สำคัญมากนะ” เมื่อครู่ตื่นเต้นจึงลืมถามเื่สำคัญไปเสียได้
ท่านหมอหลัวเห็นหนิวซื่อกลับมา กลับไม่รู้สึกแปลกใจ หลังจากตอบคำถามของนางพร้อมกำชับเื่ควรระวัง หนิวซื่อถึงได้รีบวิ่งกลับมา
“นายหญิง นายหญิงเ้าคะ ท่านวางใจได้เลยเ้าค่ะ โรงหมอของพวกเขามีหมอหญิงเป็หมอตำแยเ้าค่ะ เขายังพูดอีกว่านั่นคือศิษย์น้องของเขา เพราะท่านตั้งครรภ์ฝาแฝด ถึงตอนนั้นเขาสามารถส่งศิษย์น้องของเขามาทำคลอดให้ จากที่ได้ยินมาหมอท่านนี้ทำคลอดลูกเก่งและเชี่ยวชาญการใช้มือเดียวช่วยชีวิต”
“มือเดียวช่วยชีวิต?” เฉินเนี้ยนหรานถามอย่างไม่เข้าใจ
“มือเดียวช่วยชีวิตหรือก็คือเด็กที่จะถูกยมบาลพาไป นางสามารถยื้อชีวิตกลับมาได้ ข้าเคยได้ยินท่านป้าคนหนึ่งในหมู่บ้านของเราพูดมาตอนที่พี่สะใภ้ของนางจะคลอด ตำแหน่งลูกไม่กลับหัว ต่อมาคนคลอดหมดแรง จากนั้นหมอคนนี้ใช้แค่มือข้างเดียวทำให้เด็กกลับหัวตรง และคลอดออกมาอย่างราบรื่น”
เื่มหัศจรรย์เช่นนี้ เฉินเนี้ยนหรานไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่จากเื่นี้สามารถอธิบายได้ว่า หมอทำคลอดคนนี้คงเป็คนที่ถนัดด้านการทำคลอดมาก
จะต้องรู้ว่าในยุคโบราณเช่นนี้ไม่มีแผนกสูตินารีแบบยุคปัจจุบัน จะเป็คนทำคลอด แน่นอนว่าต้องมีความสามารถบ้างจึงจะได้ หากแค่ทำคลอดเด็กแต่ไม่สามารถทำให้เด็กกลับหัวตรงได้ ไม่สามารถดันให้อยู่ในท่าที่คลอดได้สะดวก เช่นนั้นไม่ถือว่าเป็คนที่ทำคลอดเก่ง
การคลอดนั้นเป็สิ่งที่อันตรายที่สุด เด็กบางคนสายสะดือจะไปพันเข้าที่หัว หากเป็เช่นนี้ ตอนคลอดจะเป็สิ่งที่เรียกว่าอันตราย หากเกิดสถานการณ์เช่นนี้ต้องคิดหาวิธีให้ได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว ไม่พูดไม่ได้เลยว่า ในยุคที่ไม่สามารถพึ่งพาเครื่องมือการแพทย์ได้ บางครั้งคนก็ถูกบังคับให้เรียนรู้ว่าต้องทำอย่างไรให้ได้และต้องทำความเข้าใจให้ดี...
ได้คำรับปากจากท่านหมอหลัว เฉินเนี้ยนหรานจึงเบาใจลงมาเล็กน้อย
