“ไปสักครั้งหรือ?” จวินอู๋เสียครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงเอ่ยว่า “ไปได้ และยังออกหน้าคุยกับซ่งอี้หานแทนท่านได้อีกด้วย”
เหยียนอู๋อวี้ส่ายศีรษะ “ท่านเองไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับเื่นี้ ท่านไม่ควรเข้ามาร่วมในการแย่งชิงอำนาจในราชสำนักต้าเซวียน ในอนาคตท่านกลับราชวงศ์ใต้ หากท่านเป็ศัตรูกับผู้ใดก็ตามที่แคว้นนี้ เกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อการขึ้นครองบัลลังก์ของท่าน ข้าเพียง้าความช่วยเหลือเล็กน้อยเท่านั้น”
จวินอู๋เสียนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงแย้มยิ้มเล็กน้อยพลางเอ่ยว่า “ข้าช่วยเหลือท่านได้แน่นอน ทว่าจะมีประโยชน์อันใดกับข้า?”
ไม่คาดคิดว่าจวินอู๋เสียจะหาผลประโยชน์ให้ตนเองจริงๆ เหยียนอู๋อวี้รู้สึกประหลาดใจนักเพราะหลังจากออกจากคุกนาง้าขอให้เขาไปจัดการเื่ราวบางอย่างให้นาง ส่วนรายละเอียดเกี่ยวกับผลประโยชน์ยังไม่ตกลง เมื่อได้ยินคำพูดเมื่อครู่ เหยียนอู๋อวี้จึงแย้มยิ้มกล่าวว่า “หลังทำเื่นี้สำเร็จ ข้าจะขอให้ฝ่าาประทานงานสมรสให้ท่าน หาสตรีเพียบพร้อมให้ท่านสักคน เป็ภรรยาที่ดีของท่าน?”
เมื่อจวินอู๋เสียได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าเขาพลันนิ่งขรึมแล้วเดินจากไป
เหยียนอู๋อวี้พบว่าคล้ายนางจะกล่าวกระทบกระเทือนสิ่งที่ห้ามเอ่ย เมื่อคิดดูแล้วตอนนี้เขาอายุยี่สิบสองปี ตามปกติคนทั่วไปควรถึงเวลาแต่งงานมีลูก เด็กเล็กวิ่งเล่นเต็มเรือน ทว่าเขากลับโดดเดี่ยวอ้างว้าง......
เมื่อคิดไปคงเป็เพราะสถานะตัวประกันต่างแคว้นของเขาจึงไม่มีผู้ใดสนใจเื่นี้ อย่างไรก็ตามบุรุษที่ถึงวัยนี้ต้องมีสตรีในใจบ้าง ไม่รู้ว่าเขาจะเป็เช่นนี้หรือไม่ หากเป็เช่นนี้จริงนางได้พูดผิดไปแล้ว
เหยียนอู๋อวี้เป็คนปรับตัวได้รวดเร็ว นางจึงเอ่ยเสียงเบาและกล่าวขอโทษเขา “เมื่อครู่ข้าเพียงแค่พูดเล่น เป็ความผิดของข้าเอง เอาเช่นนี้ หากเ้าช่วยเหลือข้าครั้งนี้ ข้าจะรับปากเ้าเื่หนึ่ง”
จวินอู๋เสียหยุดเดินพลางหันกลับมามองนาง “เื่หนึ่งหรือ?”
“ใช่ ขอเพียงเ้าเอ่ยปากมาเท่านั้น แม้จะฝ่าดงดาบข้ามทะเลเพลิง ขึ้น์ลงนรก ข้าก็จะทำให้เ้า”
จวินอู๋เสียมองเข้าไปในดวงตาของนาง ท้ายที่สุดจึงแย้มยิ้มออกมา “ตกลง ข้าจะช่วยท่านสักครั้ง เพียงแต่ท่านจะต้องจำข้อตกลงของเราไว้ให้ดี”
ข้อตกลง? ฟังดูคุ้นหูยิ่งนัก เมื่อนึกถึงวิธีที่นางทำข้อตกลงกับเขายามที่นางเป็อวิ๋นอู๋เหยียน เหยียนอู๋อวี้อดยิ้มมิได้ เด็กหนุ่มผู้นี้ชอบทำข้อตกลงกับผู้อื่นจริงๆ นางจึงพยักหน้าโดยไม่ลังเลและเอ่ยว่า “ข้าจะจำไว้”
“ตบมือเป็คำสาบาน!” จวินอู๋เสียยกมือขึ้นพร้อมเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง
เหยียนอู๋อวี้อดขบขันกับลักษณะท่าทางที่เหมือนเด็กของเขาไม่ได้ โชคดีที่สีหน้าอยู่ภายใต้ผ้าคลุม ทำให้เขาไม่สังเกตเห็น นางยกมือขึ้น ทั้งสองสบสายตากันภายใต้แสงจันทร์สาดส่องช่วยให้มองเห็นใบหน้าของกันและกันอย่างชัดเจน พวกเขาวางฝ่ามือประกบกัน ตบเบาๆ สามครั้ง ตกลงทำสัญญากันเรียบร้อย
จวินอู๋เสียปล่อยมือลง เขาลอบกำหมัดแน่นแล้วซ่อนมันเข้าไปในแขนเสื้อ จากนั้นจึงเอ่ยว่า “ท่านรีบกลับตำหนักเถิด สถานที่แห่งนี้อยู่นานไม่ได้”
เหยียนอู๋อวี้พยักหน้าและกำลังจะไป ทว่าเขากลับจับมือของนางไว้อีกครั้ง นางเงยหน้าขึ้นมองเขาพลางเอ่ยถามด้วยความสงสัยว่า “มีอันใดหรือ?”
จวินอู๋เสียหยิบขลุ่ยสั้นออกจากแขนเสื้อวางไว้ในมือนางพลางเอ่ยเสียงเบา “ท่านรับขลุ่ยนี้ไว้ หาก้าพบข้าเมื่อใดให้เป่าขลุ่ยนี้ แล้วข้าจะปรากฏตัวทันที”
ขลุ่ยมีขนาดประมาณปล้องนิ้วมือ ไม่เด่นสะดุดตา เมื่ออยู่ในฝ่ามือของนางแล้วคล้ายยังคงมีความอบอุ่นในตัวเขาหลงเหลืออยู่ เหยียนอู๋อวี้หยิบมันขึ้นมาพร้อมกับยกยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ “ท่านกับข้าอยู่ห่างกันมากเกินไป ต่อให้เป่าออกไปแล้ว ท่านอาจจะไม่ได้ยิน และอาจจะไม่รู้ว่าเป็ข้า กลับกันหากผู้อื่นเป่า ท่านจะจัดการอย่างไร?”
จวินอู๋เสียส่ายศีรษะพลางเอ่ยว่า “ไม่ต้องกังวล ขลุ่ยนี้ข้าได้รับมาจากยอดฝีมือท่านหนึ่ง เป่าแล้วไม่มีเสียง มีเพียงข้าที่ได้ยิน ส่วนข้าจะได้ยินอย่างไรนั้น ท่านไม่ต้องกังวลเื่นี้!”
จวินอู๋เสียเอ่ยตัดบทคำพูดถัดไปของนาง เหยียนอู๋อวี้ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมแพ้ นางกล่าวลาเขาก่อนจะใช้วิชาตัวเบาเหินกายกลับไปทางพระราชวัง
จวินอู๋เสียรอจนกระทั่งเหยียนอู๋อวี้ลับสายตาไปจึงค่อยหันกลับมา เขาค่อยๆ คลายมือพลางแย้มยิ้มบนใบหน้า แม้กระทั่งแสงจันทร์ยังสูญเสียความงามไปถนัดตา
......
ทางตำหนักเฟิ่งชัย ป้าโฉ่วกำลังรออย่างใจจดใจจ่อ นางหันหลังกลับพลางเหลือบมองซวงสี่บนเก้าอี้ก่อนจะเดินออกจากห้อง
ซูอิ่งที่รออยู่ด้านนอกเห็นแววตาเป็กังวลของนางจึงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแ่เบา “ท่านป้า ท่านเป็อันใดหรือ”
เมื่อป้าโฉ่วถูกถามคำถามนี้ นางพลันสงบลงพลางส่ายศีรษะแล้วกล่าวว่า “ไม่มีอันใด”
ซูอิ่งพยักหน้า ในขณะที่นางกำลังจะเอ่ยออกมา ขันทีหนุ่มผู้หนึ่งพลันวิ่งเข้ามาหาด้วยท่าทีรีบร้อน เมื่อมองอย่างชัดเจนจึงเห็นว่าเป็หยางหลิน
ซูอิ่งถามทันที “เกิดเื่อันใดขึ้น?”
ขันทีหนุ่มเอ่ยอย่างเร่งรีบ “มั่วหนงจากตำหนักซูเฟยกำลังมาที่นี่ขอรับ กล่าวว่าซูเฟย้าเชิญเหยียนฉายเหรินไปที่ตำหนักขอรับ”
ซูอิ่งถามกลับ “กล่าวว่ามีเื่อันใดหรือ?”
ขณะที่ขันทีหนุ่มส่ายศีรษะตอบไม่รู้ เสียงมั่วหนงพลันดังมาจากระยะไกล “พระสนมข้าอยากพบเหยียนฉายเหรินสักหน่อย ไม่ทราบว่านายหญิงของเ้าสะดวกหรือไม่?”
“พี่มั่วหนงเกรงใจไปแล้ว” ซูอิ่งแย้มยิ้มและคำนับให้นาง “ค่ำมืดเช่นนี้ ไม่ทราบว่าซูเฟยมีเื่อันใดหรือ พี่มั่วหนงช่วยบอกได้หรือไม่ นายหญิงเราจะได้เตรียมตัว”
มั่วหนงแย้มยิ้มเอ่ยว่า “ไม่มีเื่อันใดมาก พระสนมเราได้ยินว่าวันนี้เหยียนฉายเหรินไปเฝ้าฝ่าา นางกังวลใจมากเช่นกัน นางอยากรู้ว่าตอนนี้อาการของฝ่าาเป็อย่างไรบ้าง”
ป้าโฉ่วที่ยืนด้านข้างเอ่ยว่า “เป็เช่นนี้เอง เพียงแต่นายหญิงเราไปที่ห้องบรรทมฝ่าา และมอบตะกร้าดอกไม้ที่เตรียมไว้ให้เว่ยกงกงอยู่ด้านนอกเท่านั้น”
มั่วหนงมองสีหน้าพวกเขาแล้วมองดูเงาคนในห้อง นางรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย ซูอิ่งยังพอทำเนา ทว่าป้าโฉ่วกลับดูตกประหม่า เื่นี้แปลกนัก
ยิ่งไปกว่านั้น นางเดินมาถึงตำหนักเป็เวลานานแล้ว ทว่าเหยียนอู๋อวี้กลับไม่ปรากฏตัวหรือส่งเสียงตอบใดๆ เพียงแค่นั่งนิ่งอยู่เช่นนั้น
แม้มั่วหนงจะไม่รู้ว่าผิดปกติที่จุดใด หากแต่ประสบการณ์ในวังหลวงของนางหลายปีบอกว่าต้องมีเื่ไม่ดีอย่างแน่นอน
นางแย้มยิ้มด้วยสีหน้าเรียบเฉยพลางกล่าวว่า “นี่ก็เื่หนึ่ง อีกเื่คือใกล้ถึงวันประสูติของฝ่าา พระสนมกล่าวว่า ในวันประสูติไทเฮาครั้งก่อน พระสนมกับฉายเหรินบังเอิญเลือกแผ่นภาพอายุยืนเหมือนกันโดยมิได้ตั้งใจ วันนี้้าสอบถามดูก่อน เพื่อดูว่าเหยียนฉายเหรินคิดเห็นอย่างไร เพื่อที่จะไม่ให้ทั้งสองมอบขวัญชิ้นเดียวกันอีก ฝ่าาเองก็คงไม่อยากเอาไปใช้ หากพระองค์ไม่โปรดปราน ทุกคนจะวางตัวลำบากเ้าค่ะ”
ซูอิ่งพยักหน้าพลางแย้มยิ้มตอบรับ นางเหลือบมองป้าโฉ่ว แอบคาดเดาในใจว่าเมื่อครู่ป้าโฉ่วเดินออกมาจากห้อง นางรู้สึกว่าป้าโฉ่วมีท่าทีผิดปกติ หลังจากเห็นมั่วหนง ป้าโฉ่วยังมีท่าทางกังวลใจอย่างยิ่ง คำพูดของป้าโฉ่วชัดเจนว่านางไม่้าให้มั่วหนงเข้าพบนายหญิง เพียงแต่นางไม่รู้ว่าเกิดเื่อันใดขึ้น
ซูอิ่งรู้ดีว่ายามนี้เหยียนฉายเหรินยังไม่ไว้วางใจนาง ทว่าในฐานะที่เป็นายหญิงของนาง ไม่ว่านายหญิงจะไว้วางใจนางหรือไม่ก็ตาม สิ่งเดียวที่นางต้องทำคือปกป้องนายหญิงของนาง ในเมื่อมีบางอย่างผิดปกติ ไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้น นางต้องหาหนทางหยุดมั่วหนงให้ได้
คิดได้ดังนั้นซูอิ่งพลันแย้มยิ้มและเอ่ยว่า “พี่มั่วหนงไม่ต้องกังวลใจ นายหญิงเราเพิ่งดื่มยาและกำลังพักฟื้น รอให้นายหญิงพักอีกสักครู่จะรีบไปพบซูเฟยทันที พี่มั่วหนงอย่าเพิ่งรีบกลับ ข้ามีงานปักสวยงามเพิ่งได้มาใหม่ อยากจะให้ท่านชมสักหน่อย”
ซูอิ่งเอ่ยรั้งมั่วหนง ป้าโฉ่วเห็นซูอิ่งส่งสัญญาณให้จึงรีบกลับเข้าไปในห้องทันที เมื่อเห็นซวงสี่ที่อยู่เบื้องหน้า นางรู้สึกร้อนใจเป็อย่างยิ่ง และพยายามคิดหาวิธีแก้ไขปัญหา
ด้านนอก ซูอิ่งดึงมั่วหนงไปทางห้องพักของนางกำนัลที่อยู่อีกด้านหนึ่งของตำหนักพร้อมแย้มยิ้มพลางเอ่ยว่า “พี่มั่วหนงไม่ค่อยมีเวลาส่วนตัว ไม่ต้องรีบร้อน”
มั่วหนงยังคิดสงสัยสถานการณ์ภายในห้องของฉายเหริน นางจับมือซูอิ่งเดินไปได้ไม่กี่ก้าวพลันกล่าวว่า “ยังไม่ได้ ซูเฟยมีกฎเข้มงวด ข้าไม่กล้าอยู่นาน เช่นนั้นเ้าก็เร่งรัดนายหญิงของเ้าให้ข้าเข้าพบ เพียงตอบรับคำด้วยตนเองก็พอแล้ว”