วันรุ่งขึ้น ก่อนที่มู่ชิงอู่จะมา พ่อบ้านเซี่ยก็ได้ส่งชามาจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่เป็ชาฤดูใบไม้ผลิ แต่ก็มีชาฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวอีกสองสามชนิดเช่นกัน และทั้งหมดเก็บรักษาไว้อย่างสดใหม่
ใครว่าในสมัยโบราณมีข้อจำกัดในการเก็บรักษาความสดใหม่กัน? เมื่อเห็นสิ่งต่างๆ ตรงหน้าแล้ว หานอวิ๋นซีได้แต่ถอนหายใจด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย ั้แ่อดีตจนถึงปัจจุบัน ไม่มีอะไรที่เงินทำไม่ได้
เมื่อมองไปที่กระป๋องชาแต่ละกระป๋อง นางก็ไม่ได้สนใจที่จะทานอาหารอีกต่อไป เข้าห้องตำราและตั้งหน้าตั้งตาทำการทดลอง
นางยังคงทำเหมือนเดิม โดยแยกส่วนของน้ำชาและใบชาออกจากกัน ลองชิมชาเขียวอีกสองสามครั้ง แต่น่าเสียดายที่ผลลัพธ์ที่ได้นั้นน่าเสียใจมาก
ทั้งหมดล้มเหลวอีกครั้ง แต่ก็ไม่ใช่เื่น่าประหลาดใจอะไร
นางลองแบ่งประเภทตามวิธีการอบ ตามสายพันธุ์และตามฤดูกาลการเก็บ ทั้งฤดูใบไม้ผลิ ฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว แต่น่าเสียดายที่ไม่ประสบความสำเร็จเช่นกัน
หานอวิ๋นซีเดินออกจากห้องตำรา ก้มหน้าลงด้วยความเศร้าใจเล็กน้อย
นางสงสัยผิดคนหรือมีอย่างอื่นที่นางมองข้ามไปกันนะ?
แหล่งกำเนิด?
จะเป็แหล่งกำเนิดหรือไม่นะ?
การแบ่งประเภทของชา นอกจากวิธีการอบและฤดูกาลการเก็บแล้ว ก็คงเหลือเพียงแหล่งกำเนิดเท่านั้น
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ หานอวิ๋นซีก็ร่าเริงขึ้นอีกครั้ง บางทีการไปโรงน้ำชาเทียนเซียงในวันนี้อาจจะคุ้มค่าก็ได้!
“หวังเฟย ได้เวลาทานอาหารแล้วเพคะ” แม่นมจ้าวพูดเตือน
เช่นนั้นหานอวิ๋นซีจึงจะได้สติคืนมา ในขณะที่นั่งลง แม่นมจ้าวก็พูดอีกครั้งว่า “ท่านอ๋องทรงตื่นแต่เช้าและกำลังชงชาอยู่ที่ลานบ้านเพคะ”
ตะเกียบในมือของหานอวิ๋นซีหยุดชั่วขณะ ทว่าเพียงพริบตาเท่านั้นและไม่ได้มีปฏิกิริยาใดๆ
แม่นมจ้าวมองนางอยู่เป็เวลานานและพูดอย่างสบายๆ ว่า “ท่านอ๋องทรงชอบชาจากโรงน้ำชาเทียนเซียงมากที่สุดเพคะ”
หานอวิ๋นซียังคงเงียบ กินเงียบๆ ราวกับว่าไม่ได้ยินอะไร
หลังจากที่กินอิ่มแล้ว เมื่อเห็นแม่นมจ้าวไม่อยู่ หานอวิ๋นซีจึงเดินออกมาจากตำหนัก ดวงตาของนางล่องลอยไปในสวนขนาดใหญ่โดยไม่รู้ตัว แต่น่าเสียดายที่ไม่เห็นแม้แต่เงา
จู่ๆ แม่นมจ้าวก็ปรากฏตัวขึ้นจากด้านหลังและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “หวังเฟย...”
หานอวิ๋นซีใสะดุ้งโหยง รู้สึกผิดราวกับตนเป็ขโมย ทันทีที่หันกลับมา ก็พูดอย่างดุร้ายว่า “เ้ากำลังทำอะไร?”
แม่นมจ้าวรู้สึกผิดมาก พูดอย่างเศร้าสร้อยว่า “คนรับใช้ที่อยู่ด้านนอกรายงานว่า แม่ทัพใหญ่กำลังรอท่านอยู่ที่ประตูหลัง”
จากนั้นความโกรธของหานอวิ๋นซีก็สงบลง และนางก็รีบร้อนออกไป...
เมื่อมู่ชิงอู่เห็นหานอวิ๋นซีเดินกะโผลกกะเผลก จึงจะรู้ว่าเท้าของนางได้รับาเ็
“หวังเฟย เท้าของท่านเป็อะไรไป?”
ความจริงหานอวิ๋นซีสามารถเดินได้ตามปกติแล้ว เพียงแต่กลัวว่าจะมีผลที่ตามมา จึงไม่กล้าใช้แรงมากเกินไปและเดินกะโผลกกะเผลก
นางะโเข้าไปในรถม้า “พลิกนิดหน่อย ไม่เป็ไร”
“หวังเฟย เช่นนั้นเปลี่ยนเป็วันอื่นดีหรือไม่ เท้าของท่าน...”
แม้ว่าร่างกายที่บอบบางจะไม่เหมาะกับสตรีผู้นี้ แต่มู่ชิงอู่ก็ยังลังเล
“ไม่เป็ไร รีบไปกันเถอะ เหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว ข้าไม่อยากแพ้” หานอวิ๋นซีเตือนด้วยรอยยิ้ม นับถึงวันนี้ การเดิมพันของนางกับมู่หลิวเยวี่ยเหลือเวลาอีกเพียงสิบสองวัน
มู่ชิงอู่ไม่รู้จะตอบอย่างไร ทำได้เพียงขึ้นไปในรถม้า ทว่าเขาไม่กล้าที่จะนั่งรถม้าคันเดียวกับหวังเฟย จึงไปนั่งข้างๆ คนขับรถม้า
เดิมทีหานอวิ๋นซี้าให้เขานั่งด้วย แต่เมื่อนึกถึงคำเตือนของหลงเฟยเยี่ยเมื่อวานนี้ นางจึงลังเลอยู่พักหนึ่งและยอมแพ้ไป
หลงเฟยเยี่ยค่อนข้างเป็คนหัวโบราณ อย่างไรก็ตาม ในโลกนี้ไม่ว่าจะเป็สาวน้อยหรือสตรีที่แต่งงานแล้ว ตราบใดที่เป็สตรีก็ต้อง “มีระเบียบวินัย” หากนางไม่ยับยั้งตนเอง ก็จะเป็ขี้ปากของผู้อื่นและเป็ปัญหาอีกครั้ง
ในตอนที่มาถึงโรงน้ำชาเทียนเซียง ยังเป็เวลาเช้าอยู่และมีแขกไม่มากในสวนชา
โรงน้ำชาเทียนเซียงแห่งนี้ล้อมรอบด้วยูเาชาสามลูก มีลำธารอยู่ด้านหน้า สภาพแวดล้อมสวยงามและเงียบสงบ สวนด้านในมีพื้นที่ขนาดใหญ่มาก มีลานขนาดใหญ่และขนาดเล็กมากกว่าสามสิบลานในสวน และทางตะวันตกเฉียงใต้ก็ยังมีบ่อน้ำพุร้อนบ่อหนึ่งที่อยู่ภายใต้โรงน้ำชาเทียนเซียงเช่นกัน
ไม่ต้องพูดถึงกำลังคนและทรัพยากรวัสดุที่ใช้ในการสร้างสวนชาแห่งนี้เลย แค่ที่ดินในเขตชานเมืองของเมืองหลวงเพียงอย่างเดียวก็ประเมินค่าไม่ได้แล้ว
ว่ากันว่าเ้าของโรงน้ำชาเทียนเซียงนั้นเป็คนธรรมดาทั่วไป และที่อยู่ของเขาก็ลึกลับมาก เขาเป็คนร่ำรวยมั่งคั่ง ผู้ที่มาดื่มชาไม่มีใครเคยเห็นเขา จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าเป็ใคร
มู่ชิงอู่ได้นัดหมายไว้ก่อนแล้ว เมื่อเห็นรถม้าของจวนแม่ทัพ คนรับใช้ที่ประตูก็ไม่กล้าที่จะหยุดไว้ และไม่กล้าที่จะเพิกเฉย รีบนำรถม้าไปที่ลานบ้านส่วนตัวทันที
ลานบ้านนี้เรียกว่าลานจั้วซินหยู่ และเป็ลานที่มู่หลิวเยวี่ยมาบ่อยๆ ซึ่งบังเอิญว่าวันนี้นางไม่ได้มาที่นี่
ทันทีที่หานอวิ๋นซีลงจากรถม้า นางก็ถูกดึงดูดโดยทุกสิ่งรอบตัว ลานส่วนตัวแห่งนี้มีความเป็ส่วนตัวอย่างมาก ล้อมรอบด้วยกำแพงสูง ในสวนก็เต็มไปด้วยดอกไม้และโรงน้ำชาแห่งหนึ่งซ่อนอยู่ท่ามกลางดอกไม้
“หวังเฟย ระวังตัวด้วย”
มู่ชิงอู่ขยิบตาให้นาง สาวน้ำชารีบก้าวมาข้างหน้าเพื่อช่วยนางในทันที แต่หานอวิ๋นซีกลับบอกว่าไม่ต้อง
นางเดินกะโผลกกะเผลกไปตามทางเดินหินเข้าไปในดงดอกไม้และนั่งไขว่ห้างในโรงน้ำชา หากนางไม่มีเื่อะไรต้องจัดการ นางคงอยากอยู่ที่นี่สักสองสามวันเพื่อพักผ่อนเสียเหลือเกิน!
หากสถานที่นี้อยู่ในยุคปัจจุบัน มันคงเป็คลับระดับไฮเอนด์ชั้นสูงสุด เหมาะสำหรับการพบปะแบบลับๆ และเหมาะสำหรับการนัดพบกับคนรัก
“ดูเหมือนว่าหวังเฟยจะชอบที่นี่มาก” มู่ชิงอู่เองก็นั่งลงเช่นกัน
“มันคงจะดีกว่านี้ถ้าได้ดื่มชาดีๆ สักกา” หานอวิ๋นซีพูดติดตลก
วันนี้มาที่นี่เพื่อดูโรงน้ำชา และมาเพื่อสอบถามเกี่ยวกับการซื้อของมู่หลิวเยวี่ยและบันทึกการเป็สมาชิก
หานอวิ๋นซีเชื่ออย่างยิ่งว่า มู่หลิวเยวี่ยไม่มีทางฆ่าพี่ชายตัวเอง หากมีคนยืมมือนางวางยาพิษ พิษงูหมื่นตัวก็อาจจะมาจากโรงน้ำชาเทียนเซียงหรือชาที่สหายของนางมอบให้
กระป๋องชาของโรงน้ำชาเทียนเซียงล้วนมีฉลาก หากถูกวางยาพิษโดยโรงน้ำชาเทียนเซียงก็คงจะชัดเจนเกินไปและฆาตกรคงไม่โง่ขนาดนั้น
หานอวิ๋นซีคิดว่าสหายของมู่หลิวเยวี่ยมีแนวโน้มที่จะวางยาพิษ หากชาที่สหายของนางให้มาเป็พิษ ก็จะต้องเป็คนที่ให้ชาบ่อยๆ
การให้ของขวัญเป็เื่ปกติมาโดยตลอด อย่างไรก็ตาม การให้ของขวัญนี้ไม่ได้ให้แบบสุ่มและไม่ได้รับแบบสุ่มๆ เช่นกัน
มู่หลิวเยวี่ยเป็หญิงสาวที่ฟุ่มเฟือยกับอาหารและเสื้อผ้าเป็จำนวนมาก นางไม่โลภและไม่มีทางขาดชาสักกระป๋องอย่างแน่นอน
เช่นนั้นแล้วต้องมีเหตุผลในการรับชาเป็ของขวัญจากผู้อื่นบ่อยๆ
ถ้าไม่ใช่เพราะชานั้นเป็ชาที่ดีเป็พิเศษและถูกปากมู่หลิวเยวี่ย ก็คงเป็เพราะผู้ที่มอบชาให้มีความสัมพันธ์ที่ดีกับที่มู่หลิวเยวี่ยในพิธีชงชา
มู่หลิวเยวี่ยไม่ได้มาที่โรงน้ำชาเทียนเซียงเพื่อซื้อชาเท่านั้น ทว่ายังมาดื่มชากับสหายด้วย แน่นอนว่าหานอวิ๋นซีต้องตรวจสอบโรงน้ำชาเทียนเซียงเป็ที่แรกก่อน
มู่ชิงอู่สั่งชาเขียว ระดับศิลปะการชงชาของสาวชงชานั้นเป็มืออาชีพอย่างมาก กระบวนการทั้งแปดของการล้าง การหยิบ การชง การเสิร์ฟ การดื่ม การริน และทำความสะอาดล้วนพิถีพิถันมาก
หานอวิ๋นซีดื่มไปสองสามถ้วยก่อนจะถามว่า “ชานี้ โรงน้ำชาปลูกเองทั้งหมดเลยหรือไม่?”
“ทูลหวังเฟย ชาที่ชงโดยโรงน้ำชาล้วนมาจากูเาชาสามลูกด้านหลังและอบโดยโรงน้ำชา อย่างไรก็ตาม แขกสามารถนำชามาเองได้เช่นกันเพคะ” สาวชงชาตอบตามความเป็จริง
หานอวิ๋นซีพยักหน้าอย่างครุ่นคิด จากนั้นก็ถามว่า “คุณหนูมู่นำชามาเองด้วยบ่อยๆ หรือไม่?”
ทันทีที่ถามออกไป สาวชงชาก็ไม่ได้ตอบทันที และมีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความลำบากใจ
สาวชงชาในลานส่วนตัวแต่ละแห่งในโรงน้ำชาเทียนเซียง แขกที่มาใช้บริการลานส่วนตัวไม่น้อยจองลานส่วนตัวตลอดทั้งปี สาวชงชาเหล่านี้กลายเป็สาวชงชาส่วนตัวและให้บริการเฉพาะคนเดิมๆ เท่านั้น
ถ้าไม่ใช่เพราะมู่ชิงอู่ในวันนี้ หานอวิ๋นซีคงต้องเข้าไปที่ลานซินหยู่ ไม่สามารถเข้ามาที่นี่ได้
สาวชงชาคอยรับใช้ใกล้ชิด เห็นและได้ยินสิ่งต่างๆ มากที่สุด และสิ่งสำคัญอันดับแรกของพวกเขาคือการรักษาความลับของแขก
“หวังเฟยถาม ก็แค่ตอบมา ข้าทักทายหัวหน้าของพวกเ้าแล้ว” มู่ชิงอู่พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
หากต้องสอบสวนมู่หลิวเยวี่ย ความจริงแค่ไปถามนางก็ได้คำตอบแล้ว อย่างไรก็ตาม มู่ชิงอู่รู้จักนิสัยใจคอของน้องสาวตนเองดีที่สุด การไม่ไปถามจึงจะดีที่สุด หากไปถาม แทนที่นางจะตอบตามความเป็จริง ก็จะสร้างเื่โกหกมากมายมาขัดขวางการสอบสวน
ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงพาหวังเฟยไปที่โรงน้ำชาเทียนเซียงเพื่อตรวจสอบ
ท้ายที่สุดมู่ชิงอู่ก็เป็พี่ชายของมู่หลิวเยวี่ย ด้วยคำพูดของเขา สาวชงชาก็รู้สึกสบายใจมากขึ้นและตอบกลับทันทีว่า “ทูลหวังเฟย คุณหนูมู่ไม่ได้นำชามาเองทุกครั้งเพคะ ในตอนที่มาด้วยตัวเองจะดื่มชาจากโรงน้ำชา แต่เวลาที่มากับสหาย ส่วนใหญ่จะเป็สหายที่นำชามาเพคะ”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา หานอวิ๋นซีและมู่ชิงอู่ก็ตื่นตัวทันที โดยไม่ต้องสงสัย สถานการณ์นี้เป็ไปตามการคาดเดาของพวกเขา
“คุณหนูมู่มาดื่มชากับใครบ่อยๆ?” มู่ชิงอู่ถามอย่างรวดเร็ว
สาวชงชาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบว่า “มีหลายคนมาที่นี่บ่อยๆ องค์หญิงฉางผิง คุณหนูสามของตระกูลเสนาบดี คุณหนูใหญ่ของซ่างซูกรมทหาร คุณหนูเจ็ดของตระกูลหลิน และคุณหนูรองแห่งตระกูลหาน...”
สาวชงชาพูดมาจำนวนหนึ่ง แม้แต่มู่ชิงอู่ก็ยังประหลาดใจ เขาไม่คิดว่าน้องสาวของตนจะมีสหายมากมายขนาดนี้
สาวชงชาที่พูดมาจนถึงตอนท้าย ก็พูดเสริมขึ้นมาอีกว่า “ครั้งล่าสุดคุณหนูใหญ่มาที่นี่พร้อมกับคุณหนูรองตระกูลหานเพคะ”
“ตระกูลหานไหน?” หานอวิ๋นซีอดไม่ได้ที่จะถาม แม้ว่าจะตระกูลหานของนางเพียงหนึ่งเดียวที่เกี่ยวข้องกับราชวงศ์และมู่หลิวเยวี่ย แต่นางก็ยัง้าถามให้แน่ใจ
“เป็ตระกูลหานของตระกูลแพทย์ ตระกูลของหวังเฟยอย่างไรล่ะเพคะ” สาวชงชาตอบเสียงเบา
คุณหนูรองตระกูลหาน หานรั่วเสวี่ย บุตรสาวของหลี่ซื่ออย่างนั้นหรือ?
ความลังเลฉายแววในดวงตาของหานอวิ๋นซี แม้ว่าตอนนี้นางจะมั่นใจในความสงสัยที่มีต่อหลี่ซื่อมากขึ้น แต่นางก็ยังสงบนิ่งอย่างมาก อย่างไรก็ตาม สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็การคาดเดาและไม่มีหลักฐานที่แท้จริง
หากนางล็อกเป้าหมายไปที่หลี่ซื่อในตอนนี้ อาจจะพลาดเบาะแสอื่นๆ และพลาดคนที่เป็ผู้ร้ายตัวจริงไปได้
หานอวิ๋นซีไม่เคยสืบสวนคดีมาก่อน อย่างไรก็ตาม นางคิดว่าการสอบสวนคดีและการวินิจฉัยควรเป็สิ่งเดียวกันที่ไม่สามารถตั้งสมมติฐานส่วนตัวได้ โรคที่คล้ายคลึงกันมีมากมาย จำเป็ต้องแยกแยะทีละโรคและต้องมีอาการที่ชัดเจนมารองรับการวินิจฉัย มิฉะนั้นสุดท้ายจะเป็การรักษาผิดและทำร้ายคน
หานอวิ๋นซีไม่พูดอะไรอีก มู่ชิงอู่ที่ไม่รู้เกี่ยวกับความน่าสงสัยของหลี่ซื่อ เขาเลยถามอย่างจริงจังว่า ในบรรดาคนเหล่านี้ ใครดื่มชากับนางบ่อยที่สุด?”
สาวชงชาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วส่ายหัว “หม่อมฉันไม่สามารถนับได้จริงๆ เพคะ คุณหนูหลายท่านมาที่นี่บ่อย หม่อมฉันเองก็ไม่ได้จดจำอะไรเป็พิเศษ”
“เช่นนั้นคนไหนที่นำชามาบ่อยๆ?” มู่ชิงอู่ถามอีกครั้ง
คราวนี้สาวชงชาไม่แม้แต่จะคิดและตอบโดยไม่ลังเลว่า “คุณหนูรองแห่งตระกูลหานเพคะ”
ทันทีที่ได้ยินคำพูดนี้ หัวใจของหานอวิ๋นซีก็เต้นไม่เป็จังหวะ จู่ๆ นางก็มีลางสังหรณ์ที่เลวร้ายมากเกิดขึ้น
มู่ชิงอู่ไม่ได้ถามคำถามเพิ่มเติมในทันที เขามองไปที่หานอวิ๋นซีด้วยแววตาที่ซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ
คุณหนูรองตระกูลหาน เป็คนของตระกูลหวังเฟย ซึ่งเป็น้องสาวต่างมารดาของหวังเฟย
หากหานรั่วเสวี่ยเป็ฆาตกรละก็ ตระกูลหานคงต้องถึงจุดจบเป็แน่!
“เ้าลองคิดดูดีๆ ว่ายังมีใครอื่นอีกหรือไม่?” มู่ชิงอู่ถามอย่างจริงจัง
“คุณหนูจากตระกูลเสนาบดีและตระกูลซ่างซู่กรมทหารมักจะส่งชาให้คุณหนูใหญ่ เพียงแต่ไม่บ่อยเท่าคุณหนูรองของตระกูลหานที่ดูเหมือนจะให้ทุกครั้ง คุณหนูมู่ชอบชาจากคุณหนูรองของตระกูลหานมากเพคะ”
สาวชงชาตอบ คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ใน่สองหรือสามปีที่ผ่านมา คุณหนูรองของตระกูลหานส่งให้เป็ของขวัญมากที่สุด โดยเฉพาะปีที่แล้ว นางจะให้ทุกๆ หนึ่งหรือสองเดือน”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา แม้แต่มู่ชิงอู่ก็เงียบและไม่ถามต่อ
ความสงสัยตกไปอยู่ที่หานรั่วเสวี่ยมากที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย!
