แม่เจิ้งรู้สึกกระอักกระอ่วนอย่างบอกไม่ถูกกับคำขอของลูกชาย เธอมีทั้งลูกชายลูกสาวแล้ว จะให้รับลูกบุญธรรมอีกคนก็ดูจะไม่เหมาะ แต่พอเจอคำขออ้อนวอนแบบนั้น ใจเ้ากรรมก็ว้าวุ่นสับสน ตัดสินใจไม่ถูกเสียจริงๆ
ตามหลักแล้ว การรับลูกบุญธรรมไม่ควรเกิดขึ้น แต่ลูกชายปรารถนาอย่างแรงกล้า เธอไม่อยากทำให้เขาผิดหวัง การรับลูกบุญธรรมอย่างเป็ทางการ หมายความว่า หมี่หลันเยว่ก็เหมือนลูกในไส้คนหนึ่งของบ้าน จะไม่ใช่แค่เื่ที่เธออยากจะเข้าไปยุ่งตอนไหนก็ได้ หรือปล่อยวางเมื่อไม่อยากยุ่ง
"ลูกรัก แม่เข้าใจสิ่งที่ลูกคิดนะ แต่ขอให้แม่ได้คิดดูก่อน เื่นี้ไม่ใช่แค่แม่คนเดียวที่ตัดสินใจได้ แม่ต้องปรึกษาพ่อของลูกก่อน แล้วคุณปู่ก็ต้องเห็นด้วยด้วยนะ เพราะนี่แทบจะเหมือนกับการเพิ่มสมาชิกใหม่ให้สกุลเจิ้งเลยนะลูก"
ตอนที่แม่เจิ้งพูดคำว่า ‘เพิ่มสมาชิกใหม่’ ออกมา เห็นได้ชัดว่าลูกชายฉีกยิ้มกว้างออกมา แสดงว่าเขาเอาจริงเอาจังกับเื่นี้ แต่การรั้งคนไว้ด้วยวิธีนี้มันดีจริงหรือ แม่เจิ้งรู้ว่าถ้าเธอตกลงรับหมี่หลันเยว่เป็ลูกบุญธรรม ก็จะเป็เหมือนคนอื่นที่ทำตามกระแส แต่เธอจะถือว่าหมี่หลันเยว่เป็ลูกสาวจริงๆ
"แม่ครับ แค่แม่พูดแบบนี้ผมก็ดีใจแล้ว ผมรู้ว่าเื่นี้มันลำบากใจแม่ แต่ก็ไม่ได้เกินความสามารถ แม่ช่วยแก้ปัญหาเื่นี้ให้ผมหน่อยนะครับ ส่วนเื่แต่งงาน ผมแล้วแต่แม่เลย แม่ชอบใคร ผมแต่งคนนั้นแน่นอน"
คำพูดนี้ทำให้แม่เจิ้งรู้สึกปวดใจ ลูกชายไม่เคยมีความรักเลยตลอดยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา แต่กลับต้องผิดหวังเพราะเหตุผลต่างๆ แม่เจิ้งรู้สึกเสียใจและเศร้าใจไปด้วย แต่หมี่หลันเยว่ไม่เหมาะสมกับลูกชายจริงๆ แค่ลูกชายคลั่งไคล้ฝ่ายเดียว สุดท้ายอาจจะจบลงด้วยความเศร้า
บางที การรับเป็ลูกบุญธรรมอาจจะเป็ทางออกที่ดีก็ได้ แม่เจิ้งเริ่มหวั่นไหวในใจ
"ลูกรัก แม่ก็ไม่ได้บอกว่าเื่นี้จะจบลงแบบนี้นะ ให้แม่มีเวลาเตรียมตัว ลองคิดดูก่อนนะลูก ดีไหม?"
เมื่อแม่พูดมาถึงขั้นนี้ เจิ้งซวี่เหยาก็ไม่รู้จะว่าอะไรแล้ว ก็สุดแต่ฟ้าลิขิต เขาพยายามอย่างมากแล้ว ถ้าแม้แต่ความปรารถนาที่เขาถอยจนถึงขั้นนี้ยังไม่เป็จริง เขาไม่รู้ว่าสุดท้ายจะทำเื่โง่ๆ หรือเปล่า แต่เขาจะทำร้ายสาวน้อยที่ฉลาดและน่ารักคนนั้นได้ยังไง
หัวใจที่อายุยี่สิบแปดปีเต้นเพราะผู้หญิงคนหนึ่งเป็ครั้งแรก ถ้าเด็กผู้หญิงคนนั้นจะเรียกว่าผู้หญิงได้นะ ความรู้สึกนี้มันช่างน่าหลงใหล โชคดีที่หัวใจดวงนี้อายุยี่สิบแปดปีแล้ว มันมีความสามารถมากพอที่จะรับมือกับความรู้สึกหวั่นไหวครั้งนี้ แล้วซ่อนมันไว้ แล้วยืนดูอยู่ห่างๆ
ความเงียบของลูกชาย ทำให้แม่เจิ้งพูดอะไรไม่ออก ได้แต่กอดลูกชายแล้วลูบหลังเขาเบาๆ
"ลูกชาย เข้มแข็งไว้นะ เื่ทุกอย่างจะผ่านไป"
ใช่แล้ว เื่ทุกอย่างจะผ่านไป คนเราเจอปัญหามากมายในชีวิต สิ่งที่ช่วยไม่ได้คือสิ่งที่ทำให้เศร้าที่สุด
"หลันหยาง มาเล่นหมากรุกกับปู่หน่อย แล้วค่อยกินข้าวนะ"
เสียงของคุณปู่เจิ้งดังมาจากข้างนอก ทำลายความเงียบในห้อง และทำให้ความอึดอัดของเจิ้งซวี่เหยาหายไปอย่างไร้ร่องรอย เมื่อได้สติ เขาก็พบว่าตัวเองซบอยู่ในอ้อมกอดของแม่ รู้สึกอายขึ้นมานิดหน่อย
"แม่ครับ ขอบคุณครับ ไม่ว่าผลจะเป็ยังไง ขอบคุณสำหรับการสนับสนุนและให้กำลังใจของแม่นะครับ"
ครั้งนี้ เจิ้งซวี่เหยากอดแม่ไว้ในอ้อมแขน เขาเป็ผู้ใหญ่แล้ว จากนี้ไป เขาจะต้องให้การปกป้องและปลอบโยนแม่ นี่คือความอ่อนแอครั้งสุดท้าย จากนี้ไปต้องเผชิญหน้าอย่างเข้มแข็ง
"นี่สิลูกชายของแม่ ลูกชายของแม่ต้องเข้มแข็งแบบนี้สิ ความผิดหวังอะไรก็ผ่านไปได้ทั้งนั้น รอให้ลูกโตกว่านี้แล้วหันกลับมามอง จะรู้ว่าเื่ที่เคยทำให้ลูกลำบากใจ มันไม่ได้ร้ายแรงอะไรเลย วันเวลาจะมอบบททดสอบให้ลูกเสมอ เมื่อลูกกำลังจะก้าวไปสู่จุดสูงสุด ขอแค่ข้ามผ่านมันไปได้ ลูกก็จะเข้มแข็งและแน่วแน่มากขึ้น"
"ลูกชายของแม่เก่งที่สุด ไม่มีอะไรมาขวางได้ทั้งนั้น ซวี่เหยา สู้ๆ นะ แม่จะอยู่ข้างๆ ลูกเสมอ คอยสนับสนุนและให้กำลังใจลูก"
สองแม่ลูกกอดกันอีกครั้ง แล้วผละออกจากกัน เจิ้งซวี่เหยาถอนหายใจยาวๆ แล้วเชิดหน้าขึ้น เดินออกจากห้องไป แม่เจิ้งรู้สึกจุกในอกเล็กน้อย แต่เธอภูมิใจ นี่คือความภาคภูมิใจของลูกชาย
"เล่นหมากรุกทำไมไม่ชวนผมด้วย น้อยใจฝีมือผมเหรอ ผมแค่นานๆ เล่นทีก็เท่านั้นเอง รอให้ผมคุ้นเคย ผมจะจัดการทุกคนให้หมดเลย"
เสียงของเจิ้งซวี่เหยาดังมาจากข้างนอก แม่เจิ้งฟังลูกชายด้วยความรู้สึกหลากหลาย คนเราจะเติบโตอย่างรวดเร็วได้ก็ต่อเมื่อเจอกับความยากลำบากต่างๆ นานา
"อาจารย์เจิ้ง มาครับ อาจารย์มาเล่นกับคุณปู่ก่อน ผมขอนั่งดู"
"ไม่เอาดีกว่า ฉันยังอยู่ใน่พักฟื้น"
แม่เจิ้งหัวเราะ
"ตอนเย็นเพิ่มกับข้าวหน่อยดีกว่า แม่ดูว่าจะเพิ่มอะไรบ้างนะ?"
แม่เจิ้งรีบเดินไปที่ห้องครัว เพื่อปรึกษากับแม่บ้านว่าจะทำอะไรอร่อยๆ ให้ลูกชาย เพื่อเยียวยาจิตใจที่บอบช้ำของเขา
วันรุ่งขึ้น คุณปู่เจิ้งแค่ฝากคนรู้จักให้พาหมี่หลันเยว่กับพวกเข้าไปในการสัมภาษณ์ผู้สมัครเท่านั้น ส่วนคุณปู่เจิ้งก็ไปทำงาน เพราะแค่การสัมภาษณ์พนักงานโรงแรม ไม่จำเป็ต้องให้คุณปู่เจิ้งมาเหนื่อย ดังนั้น ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับหมี่หลันเยว่กับพวกแล้ว
"พี่คะ พวกพี่ต้องตั้งใจสังเกตลักษณะท่าทาง อารมณ์ และความสามารถในการสื่อสารของแต่ละคนในระหว่างการสัมภาษณ์ ถ้าคิดว่าคนไหนดี ก็จดชื่อกับเบอร์โทรศัพท์ของเขาไว้ เราจะได้ให้คุณปู่เจิ้งช่วยขอเบอร์ติดต่อของพวกเขามาให้"
หมี่หลันหยางกับพวกพยักหน้าอย่างตั้งใจ ทุกคนมีสมุดเล่มเล็กอยู่ในมือ ซึ่งเขียนลำดับไว้เรียบร้อยแล้ว ถ้ามีคนที่ถูกใจ ก็เขียนชื่อไว้ข้างหลังลำดับนั้น จะได้ไม่ผิดพลาด
เมื่อเข้าไปในห้องประชุม บรรยากาศข้างในก็เคร่งขรึมมาก หมี่หลันเยว่ไม่คิดว่าแค่การสมัครงานในโรงแรมจะเคร่งเครียดขนาดนี้ แสดงว่าการรับสมัครงานของรัฐบาลครั้งนี้ก็ทุ่มเทกำลังมาก หมี่หลันเยว่คิดว่าครั้งนี้อาจจะได้เจอคนดีๆ ก็ได้
หมี่หลันเยว่นั่งลงที่ด้านหลังสุด เลือกที่ที่ไม่เด่น แต่สามารถมองเห็นผู้สมัครได้ชัดเจน การสัมภาษณ์เริ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ปรากฏว่าแต่ละคนก็รูปร่างเพรียว สูง ใบหน้าสวยงาม การตอบคำถามก็ชัดเจนและคล่องแคล่ว แสดงว่าผ่านการคัดเลือกมาอย่างดี
หมี่หลันเยว่ก็ค้นพบว่าตัวเองชอบไปหมดเสียแล้ว เหมือนว่าทุกคนมีศักยภาพ และไม่อยากปล่อยมือจากใครเลย แต่วันนี้ผู้สมัครที่ผ่านเข้ารอบคัดเลือกมาสัมภาษณ์มีถึงยี่สิบหกคน โรงแรมรับไว้แค่หกคน นั่นหมายความว่ายังมีตัวเลือกอีกยี่สิบคนให้หมี่หลันเยว่เลือก
หมี่หลันเยว่จึงสังเกตอย่างละเอียดมากขึ้น แม้แต่ท่าเดิน ท่ายืน หรือแม้แต่ท่าทางเล็กๆ น้อยๆ ในระหว่างการสัมภาษณ์ เธอก็จดบันทึกลงในสมุดอย่างชัดเจน เพื่อเป็หลักฐานในการคัดเลือกอย่างละเอียดเมื่อกลับถึงบ้าน
หลังจากจบงานพบปะผู้สมัคร หลายคนก็กลับบ้าน เอาสมุดออกมาวางไว้ที่เดียวกัน ทุกคนเปรียบเทียบกัน คนที่ถูกเลือกโดยทั้งสี่คน ก็เกือบจะแน่นอนแล้วว่าจะสามารถติดต่อได้ แต่เมื่อทุกคนเอาสมุดออกมา พบว่าจดเต็มไปหมด ทุกคนมีการวิเคราะห์อย่างละเอียดของตัวเอง
"ทำได้ดีมาก ฉันไม่คิดเลยว่าพวกพี่จะทำได้ละเอียดขนาดนี้ แบบนี้การเลือกของเราก็จะละเอียดมากขึ้น"
หมี่หลันเยว่ก็เอาสมุดออกมา ซึ่งจดไว้แน่นขนัดเหมือนกัน เจิ้งซวี่เหยามองดูหนุ่มสาวทั้งห้าคนตรงหน้า ก็รู้สึกกดดันขึ้นมา
คนรุ่นหลังเหล่านี้เก่งกาจเกินไป เขาอยู่มานานกว่าพวกเขาถึงสิบปี จู่ๆ ก็พบว่าถ้าเขาต้องทำเื่พวกนี้เอง เขาอาจจะทำได้ไม่ดีเท่าพวกเขา การมีประสบการณ์ชีวิตมากกว่าสิบปี ไม่ได้ทำให้เขายืนอยู่เหนือใครเสมอไป ดูเหมือนว่าเขาจะต้องพยายามให้มากขึ้น
ไม่ต้องพูดถึงเื่อื่น เขากับหมี่หลันเยว่ขึ้นมาเหยียบแผ่นดินปักกิ่งพร้อมกัน แถมเขายังได้เปรียบทั้งสภาพแวดล้อม เวลา และผู้คน แต่เธอทำเป้าหมายที่วางไว้สำเร็จไปมากมายแล้ว แล้วดูตัวเขาเองสิ ตัวเขาแบบนี้อายที่จะเผชิญหน้าเสียจริง
"เรามาเรียงลำดับผู้สมัครที่เราชอบตามลำดับก่อนหลังกันดีกว่า นั่นก็คือ พวกเราห้าคนจะลองเป็กรรมการตัดสินดู ถ้าเราเป็กรรมการสัมภาษณ์ เราจะตัดสินผู้สมัครวันนี้ยังไง จะเรียงลำดับพวกเขาแบบไหน"
หนุ่มๆ สาวๆ มีความกระตือรือร้นอย่างมาก ในระหว่างนี้ เจิ้งซวี่เหยาไม่ได้แทรกแซง เพราะเขาไม่มีสิทธิ์ออกเสียง ในระหว่างการสัมภาษณ์ทั้งหมด เขาได้ดูอย่างละเอียดจริงๆ และเลือกหมายเลขในใจ แต่ตอนนี้ให้เขาบอกลักษณะเด่นของเด็กผู้หญิงเ่าั้ เขาก็ไม่มีหลักฐานอะไรเลย อาศัยความรู้สึกในตอนนั้นล้วนๆ
ตอนนี้เมื่อเห็นหมี่หลันเยว่กับพวกถือข้อมูลที่จดบันทึกไว้อย่างแน่นขนัด เขาก็พูดอะไรไม่ออก แต่เขาก็ได้รับประโยชน์จากเื่นี้ เพราะเขาเห็นข้อบกพร่องของตัวเอง เขาทำงานด้านการเงิน อาจจะไม่คุ้นเคยกับการจัดการบุคลากร แต่เขาก็ทำงานบริการ การติดต่อกับผู้คนเป็สิ่งสำคัญที่สุด
จากพวกเด็กๆ เหล่านี้ เขาก็ได้เรียนรู้ความรอบคอบและวิธีการที่จำเป็ เหมือนกับข้อมูลเหล่านี้ เมื่อวานเขาได้ยินหมี่หลันเยว่สั่ง แต่ไม่ได้บอกให้จดละเอียดขนาดนี้ แต่พวกเขากลับทำสิ่งเดียวกันโดยไม่ได้นัดหมาย
นั่นหมายความว่ามีอะไรบางอย่างในสถานที่นั้นที่ทำให้พวกเขาเปลี่ยนกลยุทธ์ แม้แต่หมี่หลันเยว่ก็ตัดสินใจทำข้อมูลเหล่านี้ชั่วคราว แต่พวกเขาทุกคนก็ทำการเปลี่ยนแปลงนี้ มันทำให้เจิ้งซวี่เหยาอดไม่ได้ที่จะทึ่ง ไม่รู้ว่าหมี่หลันเยว่ฝึกมาดี หรือทั้งสี่คนนี้ก็เป็อัจฉริยะที่หาได้ยากเหมือนหมี่หลันเยว่
เมื่อคิดถึงคนหนุ่มสาวที่มีความสามารถทั้งห้าคนอยู่ด้วยกัน เจิ้งซวี่เหยาก็รู้สึกฮึกเหิมขึ้นมา ถ้าขุมกำลังแบบนี้ไม่เติบโตขึ้นในอนาคต ก็คงไม่มีเหตุผลแล้ว ดูเหมือนว่าการพัฒนาในอนาคตของหมี่หลันเยว่ เขาจะต้องจับตาดูให้ดีเสียแล้ว
"เอาล่ะ ความเห็นของพวกเราตอนนี้เกือบจะตรงกันแล้ว ลำดับขึ้นลงเล็กน้อย ไม่ได้มีผลต่อการตัดสินใจครั้งสุดท้ายของเรา แบบนี้ เราก็รอผลสุดท้ายจากทางรัฐบาลก่อน แล้วค่อยตัดคนที่พวกเขาเลือกออกไป ส่วนที่เหลือ ก็จะเรียงตามลำดับที่เราจัดไว้"
เมื่อหมี่หลันเยว่ตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว ทุกคนก็สรุปแผนงานเสร็จเรียบร้อย ตอนนี้ก็แค่รอผลจากทางภาครัฐเท่านั้นเอง เธอมองดูรายชื่อในมือตัวเองด้วยความตื่นเต้น อยากจะเก็บทุกคนไว้หมดเลย คนเก่งๆ ทั้งนั้น น่าเสียดายที่ร้านของเธอยังเล็กเกินไป ดูเหมือนว่าจะต้องรีบขยายให้ใหญ่ขึ้นเสียแล้ว
