ลุงทั้งสองที่อยู่ด้านหลังใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้ กล่าวว่า “รีบเอาไก่คืนมา! มิเช่นนั้นพวกข้าจะส่งพวกเ้าไปให้หัวหน้าหมู่บ้านให้เป็ผู้ตัดสินความ!”
เมิ่งอู่กดมือนางเซี่ยอย่างปลอบโยน “ท่านแม่อย่าตื่นเต้น”
นางเงยหน้ามองพี่สาวน้องสาวสกุลเมิ่งก่อนกล่าว “แม่ไก่ของบ้านพวกเ้าเพิ่งหายไปหนึ่งตัวหรือ?”
“ถูกต้อง!”
“สีอันใด?”
เมิ่งซวี่ซวีตอบ “แม่ไก่นอกจากจะมีสีน้ำตาลอมเหลืองแล้ว ยังจะมีสีใดอีกเล่า!”
สาเหตุที่เมิ่งซวี่ซวีกล้าพูดอย่างมั่นใจเช่นนี้ เป็เพราะไก่ที่เลี้ยงในเรือนมีสีขนใกล้เคียงกันไม่น้อย ครั้งนี้นางจะต้องทำให้เมิ่งอู่มีปากก็แก้ต่างไม่ได้!
เมิ่งอู่หยักยิ้มมุมปากแล้วถาม “เ้าแน่ใจหรือ?”
เมิ่งเจียนเจียยังไม่ทันคิดให้รอบคอบ เมิ่งซวี่ซวีก็โพล่งออกมา “บ้านข้าเลี้ยงมาปีสองปีแล้ว ย่อมแน่ใจแน่นอน!”
เมิ่งอู่จึงกล่าวกับนางเซี่ย “ท่านแม่ เอาแม่ไก่ตัวนั้นออกมาให้พวกเขาดูเถิดเ้าค่ะ”
นางเซี่ยหันหลังไปอุ้มแม่ไก่ป่านั่นที่ยังคงถูกล่ามเชือกไว้ออกมาให้ทุกคนดูต่อหน้า
เมิ่งซวี่ซวีที่พริบตาก่อนยังโอหังก้าวร้าว เมื่อเห็นแม่ไก่ป่าตัวนี้ก็คล้ายสำลักชั่วครู่ พูดไม่ออกอีกต่อไป
เห็นชัดว่าแม่ไก่นั่นไม่ใช่สีน้ำตาลอมเหลือง แต่เป็สีเทาอมฟ้า ขนของมันงามมาก ท่าทางสง่ากว่าแม่ไก่ทุกตัวในหมู่บ้าน
ครั้นเหล่าชาวบ้านที่มามุงดูเห็น ก็จำได้และเอ่ยขึ้น “นี่ไม่ใช่ไก่ป่าหรอกหรือ เป็ไปได้อย่างไรที่จะเป็ไก่บ้าน?”
ชาวบ้านอีกคนที่เดินผ่านไปมาก็มองเข้าไปข้างในก่อนกล่าว “ข้าจำไก่ตัวนี้ได้ ยามที่เมิ่งอู่กลับมาเย็นวานก็หิ้วไก่ตัวนี้ในมือไม่ใช่หรือ”
ชาวบ้านอดซักไซ้ด้วยความฉงนไม่ได้ “เมิ่งอู่ เ้าจับไก่ป่าตัวนี้มาจากที่ใด?”
พลันนั้นใบหน้าของเมิ่งซวี่ซวีแดงก่ำ เปลี่ยนจากโมโหเป็อับอายสุดขีด
เมิ่งอู่ไม่ตอบ เพียงยิ้มเยาะมองพี่สาวน้องสาวสกุลเมิ่งและลุงทั้งสอง แล้วกล่าว “จงเบิกตาให้กว้างแล้วมองดูให้ชัดๆ ว่านี่เป็ไก่ของบ้านเ้าหรือไม่? เมื่อคืนท่านลุงแอบมาขโมยไก่ไม่สำเร็จ วันนี้ถึงกับให้พวกเ้ามาทวงไก่อย่างหน้าด้านๆ เคยเห็นคนไร้ยางอายมาบ้าง แต่ไร้ยางอายอย่างพวกเ้านี่พบเห็นได้น้อยจริงๆ”
ชาวบ้านพลันเข้าใจแจ่มแจ้ง นี่มันขโมยตัวจริงร้องะโให้จับขโมยชัดๆ!
“เ้า!” เมิ่งซวี่ซวีโกรธเหลือประมาณ
เมิ่งเจียนเจียคว้ามือเมิ่งซวี่ซวีไว้อย่างเห็นอกเห็นใจ เกลี้ยกล่อมว่า "น้องสาวเมิ่งอู่ ซวี่ซวียังไม่รู้ความ หุนหันพลันแล่นไปสักหน่อย ดูเหมือนวันนี้จะเป็เื่เข้าใจผิด เ้าอย่าได้ลดตัวลงไปโต้เถียงกับนางเลย"
คำชี้แนะเช่นนี้ทำให้ผู้คนต่างรู้สึกว่าเมิ่งเจียนเจียช่างอ่อนโยน และจิตใจดีงามจริงๆ
เมิ่งอู่เหลือบมองนาง จุปากกล่าว “ยังเป็พี่สาวเจียนเจียที่ดี ไม่เพียงมีรูปโฉมงดงาม นิสัยใจคอยังอ่อนโยน ซวี่ซวีจะเทียบกับพี่ได้อย่างไร”
เมื่อเมิ่งซวี่ซวีได้ยินดังนั้นก็บันดาลโทสะ ค่อนข้างเคืองแค้น
ขณะหน้าของเมิ่งเจียนเจียพลันเปลี่ยนสีเล็กน้อย กล่าวว่า "เ้าอย่าพูดเช่นนี้ ทุกคนล้วนเป็พี่น้องที่ดี"
เมิ่งอู่กล่าวอย่างไม่เร่งรีบ “พี่น้องที่ดี? อย่าพล่ามไร้สาระ ข้าสงสัยเสียจริงว่าซวี่ซวีถูกเก็บมาเลี้ยง เ้าดูสิ นิสัยใจคอก็ต่างกันมากเพียงนั้น รูปร่างหน้าตาก็ต่างกันมากเพียงนั้น ชาวบ้านต่างชื่นชมแต่เ้า ไม่มีผู้ใดชื่นชมนาง เป็ไปได้ว่าซวี่ซวีอาจเห็นเ้าเป็พี่สาวที่แสนดี แต่เ้ากลับปล่อยให้นางทำตัวโดดเด่น แล้วคอยดูนางอับอายขายหน้า จากนั้นค่อยลุกขึ้นมาช่วยนางพูดเื่ดีๆ ทำตัวเป็ดอกบัวขาว [1] ดีๆ ในใจนางคงซาบซึ้งแทบตาย!”
ใบหน้าของเมิ่งเจียนเจียพลันซีดเผือด ทำเหมือนตนไม่ได้รับความเป็ธรรม “เ้า... ข้าเพียงพูดจาดีๆ เหตุใดเ้าถึงบิดเบือนเจตนาของผู้อื่นเช่นนี้… ซวี่ซวี อย่าไปฟังนางพูดจาเหลวไหล”
เมิ่งซวี่ซวีจ้องเมิ่งเจียนเจียเขม็ง ก่อนโยนกับดักหนูลงบนพื้นอย่างแรง จากนั้นก็เดินจากไปพร้อมโทสะ
ไม่ไปแล้วจะทำอันใดได้อีกเล่า บุกเข้าไปก็ไม่ได้ โต้เถียงด้วยเหตุผลก็สู้เมิ่งอู่ไม่ได้ จะอยู่ที่นี่ต่อให้อับอายขายหน้าหรือ?
เมิ่งเจียนเจียย่อมรู้ว่าอยู่ต่อไปก็ไร้ประโยชน์ จึงหันหลังแล้วถอยกลับก่อนไล่ตามเมิ่งซวี่ซวีไป นางบีบน้ำตาน่าเวทนาสองหยดต่อหน้าชาวบ้านพลางพึมพำด้วยความเสียใจ “ซวี่ซวีเข้าใจข้าผิด...”
พี่สาวน้องสาวทะเลาะกันเล็กน้อยเป็เื่ปกติ พวกชาวบ้านจึงไม่ใส่ใจจริงจัง
ทันทีที่พี่สาวน้องสาวสกุลเมิ่งจากไป สองลุงที่ถูกทิ้งไว้ที่นี่จึงรู้สึกอับอายขายหน้า
เดิมทีตั้งใจมาสนับสนุนพี่สาวน้องสาวสกุลเมิ่ง แต่เวลานี้พวกนางกลับไปแล้ว พวกเขาทั้งคู่ก็รู้สึกเสียหน้าต่อหน้าชาวบ้าน สุดท้ายจึงได้แต่จากไปอย่างอับอาย
เหล่าชาวบ้านที่มาชมเื่สนุกต่างวิจารณ์กันอย่างออกรสออกชาติ จากนั้นก็แยกย้ายกันไปทำไร่ทำนาของตนเอง
เมิ่งอู่เก็บกับดักหนูที่หน้าประตูขึ้นมา เลิกคิ้วแล้วกล่าวกับตนเอง “ดี ยังรู้ว่าจะต้องเอาของมาคืนข้า”
จากนั้นก็เดินเข้าลานเรือนแล้วปิดประตู ความสงบก็กลับคืนสู่ลานเรือน
นางเซี่ยวางแม่ไก่ป่าลง หันกลับมาลูบไล้และกอดเมิ่งอู่ สีหน้ากังวลและห่วงใย “พวกเขารังแกอาอู่หรือไม่ อาอู่ยิงธนูใส่พวกเขาหรือ? อาอู่เป็อย่างไรบ้าง ได้รับาเ็ที่ใดหรือไม่?”
เมิ่งอู่ตอบ “ท่านแม่ ข้าไม่เป็อันใดเ้าค่ะ”
นางรู้ดีว่านางเซี่ยมีนิสัยอ่อนโยน แน่นอนว่าไม่้าให้นางชี้ธนูไปที่ผู้คน แต่ในสถานการณ์ขณะนั้นนางเซี่ยกลับไม่ก้าวขึ้นหน้ามาขัดขวาง ยังคงทำให้เมิ่งอู่ค่อนข้างพึงใจ
เมิ่งอู่กล่าวต่อ “โชคดีที่ท่านแม่ไม่เข้ามาขวางข้า”
นางเซี่ยยังคงหวาดผวาอยู่บ้าง แต่ก็กล่าวว่า “ข้ารู้ว่าอาอู่จะไม่ทำแบบนั้น มิฉะนั้นลูกศรที่ยิงออกไปนั่นคงปักอยู่บนหน้าผากของเมิ่งซวี่ซวีแล้ว”
เมิ่งอู่สามารถยิงได้แม้แต่กระต่ายที่เคลื่อนไหวรวดเร็ว ไฉนเลยจะยิงคนตัวใหญ่ขนาดนี้ไม่โดน
ยังเป็นางเซี่ยที่รู้จักเมิ่งอู่ในจุดนี้ดี เมิ่งอู่ยิงธนูเพียงเพื่อข่มขู่ให้พวกเขากริ่งเกรง
อย่างไรก็ตามนางเซี่ยไม่เข้าใจเมิ่งอู่แม้แต่น้อย หากเมิ่งซวี่ซวียังรนหาที่ตายต่อ ลูกศรดอกที่สองของนางจะไม่ปรานีอีกต่อไป แม้จะไม่ฆ่าเมิ่งซวี่ซวีให้ถึงตาย แต่ก็คงยิงนางทะลุ
ด้านเมิ่งต้า ภรรยา และนางเหอกำลังรอฟังข่าว คิดว่าคราวนี้มีพี่ชายของนางเย่คอยช่วยเหลือ น่าจะทวงธัญพืชกลับมาได้เป็แน่
พี่ชายของนางเย่ทั้งสองคนมีรูปร่างสูงใหญ่ หนำซ้ำเมิ่งซวี่ซวียังนำกับดักหนูไปด้วย มีหลักฐานชัดเจน ดูสิว่านางจะเล่นลิ้นอย่างไรอีก!
นางเหอกับนางเย่เห็นด้วยกับความเคลื่อนไหวเหล่านี้ยิ่งยวด การมีญาติฝ่ายมารดานั้นดีจริงๆ ในเวลาเยี่ยงนี้ก็มีคนช่วยเหลือ
เมิ่งต้าเล่าว่าที่บ้านเมิ่งอู่ยังมีไก่อยู่หนึ่งตัว วันนี้ต้องเอามันกลับมาด้วย นางเหอกับนางเย่จึงฆ่าไก่ตัวหนึ่งที่บ้านของพวกนางแล้วตุ๋นเป็อาหารอย่างมีความสุข รอให้พี่ชายของนางเย่ขนธัญพืชกลับมา แล้วค่อยกินฉลองด้วยกัน
ปกติแล้วพวกเขาไม่ยอมกินไก่ที่ออกไข่ แต่วันนี้แตกต่างออกไป พวกเขากลับไม่รู้สึกปวดใจแม้แต่น้อย
ถือว่าไก่ที่กินเป็ของบ้านเมิ่งอู่ รอจนได้ไก่ของเมิ่งอู่กลับมาแล้ว ค่อยเอาใส่เล้าไก่เลี้ยงทดแทนกัน
ทว่าครึ่งเช้าผ่านไป เมิ่งซวี่ซวีรีบร้อนกลับมาอย่างฉุนเฉียว ส่วนเมิ่งเจียนเจียก็เร่งก้าวตามหลังมาพร้อมกับหอบแฮกๆ นางเย่มองไปหน้าประตูแล้วถาม “ลุงของพวกเ้าเล่า ไฉนไม่มาด้วยกัน?”
เมิ่งซวี่ซวีกล่าวด้วยน้ำเสียงย่ำแย่ “เมิ่งอู่นางคนชั้นต่ำ ใช้ทั้งไม้ใช้ทั้งธนู พวกเราหนีเอาชีวิตรอดกลับมาได้ก็ดีแล้ว!”
เมื่อนางเย่ได้ยินดังนั้นก็ขุ่นเคืองเช่นกัน “เ้าพูดกับใครด้วยน้ำเสียงแบบนี้? ไม่ได้ธัญพืชกลับมา เ้ายังมีหน้ากลับมาอีก!”
ขอบตาของเมิ่งซวี่ซวีแดงก่ำ นางจ้องเมิ่งเจียนเจียอย่างดุร้าย “ดีแต่ด่าข้า ทำไมท่านไม่ด่านางเล่า! นางเอาแต่ยืนชมงิ้วดีๆ เกือบจะฆ่าข้าแล้ว!”
เมิ่งเจียนเจียร้องไห้น้ำตานองหน้าดังหยาดฝน กล่าวว่า “ซวี่ซวี เ้าอย่าไปฟังเมิ่งอู่ เห็นได้ชัดว่านางจงใจยุยงพวกเรา...”
……….
[1] เป็คำสแลง หมายถึง ประพฤติตัวไม่ดี ดัดจริต เสแสร้ง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้