“เกิดอะไรขึ้น?!”
“นี่มันอะไรกัน?”
คนในตระกูลหลินต่างประหลาดใจ ขณะได้ยินเสียงดังไปทั่วบริเวณอย่างต่อเนื่อง ราวกับผืนดินกำลังจะถล่ม
“ตูม!!!”
“ตูม!!! ตูม!!! ตูม!!!”
ตอนนี้เองที่เสียงะเิยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ ราวกับสิ่งก่อสร้างกำลังพังทลายลง
ใครบางคนกำลังบุกโจมตีกำแพงของตำหนักตระกูลหลิน
ผู้คนต่างตัวสั่นเทา ขณะที่เสียงดังกล่าวยิ่งดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเมื่อฟังดีๆ เสียงนี้ฟังดูคล้ายกับเสียงกีบเท้าม้านับหมื่นตัวที่ดังจากทั่วทุกมุมของตระกูลหลิน ก่อนจะทะลุกำแพงของตระกูลหลินเข้ามาโดยตรง
“ท่านผู้าุโสูงสุด!”
ฝูงชนต่างเงยหน้ามองผู้าุโสูงสุด พวกเขากำลังตื่นตระหนกราวกับว่าแรงกดดันได้พุ่งมาทางพวกเขาอย่างต่อเนื่อง ทำให้พวกเขารู้สึกถึงแรงกดดันที่ทรงพลังนี้ได้ มันช่างน่าอึดอัดจนหายใจได้ลำบาก
ในตอนนี้ดวงตาของผู้าุโสูงสุดหลินหลุ่ยฉายประกายดุร้าย เขารู้สึกได้ถึงแรงกดดันอันร้ายกาจที่กำลังตรงเข้ามา นอกจากนี้ยังมีทหารม้าจำนวนมากได้บุกเข้ามาที่นี่จากทุกสารทิศ
ทำไมจู่ๆ พวกทหารม้าถึงได้บุกมาที่ตระกูลหลินมากมายถึงขนาดนี้?
“ดูนั่น!” มีเสียงประหลาดใจดังขึ้นเสียงหนึ่ง ฝูงชนต่างมองไปยังเวทีประลอง จากนั้นพวกเขาก็เห็นร่างเงาสีแดงปรากฏตัวเหนือเวทีประลองนั่น
ทั้งม้าศึกและเสื้อเกราะสีแดง ช่างน่าเกรงขามอะไรอย่างนี้ พวกเขาคือกองทหารม้าโลหิตที่กำลังมุ่งหน้ามาทางนี้
คนในตระกูลหลินต่างตกตะลึงอย่างมาก มันเป็เช่นนี้ได้อย่างไร? ทำไมกองกำลังทหารที่ทรงพลังเช่นนี้ถึงได้มายังตระกูลหลินของพวกเขา?
“ทางนั้นก็ด้วย!!!”
เสียงที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวดังขึ้น ตอนนี้ทางทิศใต้เองก็มีกองกำลังทหารแบบเดียวกันกำลังบุกเข้ามา
“ทางนั้นด้วย!”
ทิศตะวันออก ทิศตะวันตก จนกระทั่งทุกสารทิศในตอนนี้ต่างมีทหารม้าปรากฏตัวขึ้น ขณะนี้ตระกูลหลินทั้งหมดถูกล้อมรอบไว้ด้วยกองทหารม้าโลหิต
กลุ่มคนที่สวมเกราะสีแดงราวกับมีจำนวนไม่สิ้นสุด มองไปแล้วช่างสวยงดงามและเจิดจรัส!
“ตึกตัก... ตึกตัก...!”
หัวใจของผู้คนต่างสั่นสะท้านรุนแรงอย่างไม่อาจสงบลงได้โดยง่าย มีเพียงเสียงกีบเท้าม้าเท่านั้นที่ยังดังกึกก้อง
ทุกคนต่างกวาดสายตามองทหารม้าที่ล้อมรอบทุกสารทิศ ในหัวสมองพลันว่างเปล่าไม่อาจคิดอะไรได้ นี่คือกองกำลังทหาร… กองกำลังทหารที่แข็งแกร่ง!
กองกำลังทหารนี้มีทหารประมาณหมื่นนาย ทุกๆ นายต่างมีดวงตาส่องประกายและมีกลิ่นอายอันทรงพลัง
“กองกำลังทหารนี้คือกองกำลังที่เปื้อนเื... เปื้อนเืของศัตรูมานับไม่ถ้วน!”
ผู้คนเริ่มััได้ถึงแรงกดดันอันแข็งแกร่งที่เข้ามาใกล้เรื่อยๆ กองกำลังทหารที่เปื้อนเืเหล่านี้ บุกเข้ามาในงานชุมนุมประจำปีของตระกูลหลินและล้อมรอบพวกเขาเอาไว้
หากกองกำลังเหล่านี้้าทำลายตระกูลหลินล่ะก็ พวกเขาก็สามารถทำมันได้อย่างง่ายดาย
“พวกเขาเป็ใคร? ทำไมกองกำลังที่ทรงพลังเช่นนี้ถึงมาปรากฏตัวที่นี่?”
ทุกคนต่างประหลาดใจ ไม่มีใครคิดว่าชายหนุ่มที่ยืนอยู่บนเวทีประลองจะมีความสัมพันธ์กับกองกำลังที่แข็งแกร่งเช่นนี้ หากเป็เื่จริงล่ะก็ พวกเขาก็ไม่กล้าคิดถึงผลลัพธ์อันเลวร้ายที่จะตามมา แม้หลินเฟิงจะเพิ่งะโออกไปว่า ‘จงฟัง’ แต่พวกเขาก็ได้ลืมเลือนไปในทันที เพราะพวกเขามีเื่ให้ต้องกังวลและจดจ่ออยู่กับกองกำลังตรงหน้าแทน
ตอนนี้สมาชิกตระกูลหลินกำลังถูกล้อมไปด้วยกองกำลังที่น่าเกรงขาม ตอนนี้เองได้มีทหารม้านายหนึ่งก้าวออกมาข้างหน้า ดูแล้วน่าจะเป็หัวหน้าของกองกำลังนี้ ทันใดนั้นคนในตระกูลหลินต่างถอยหลังออกไปโดยไม่กล้ามองหน้าทหารเหล่านี้ ซึ่งตอนนี้พวกเขาถูกรายล้อมไปด้วยกองกำลัง แต่ชั่วพริบตาทหารเหล่านี้ต่างมองไปในทิศทางเดียวกันทั้งหมด
มีเพียงหลินเฟิงคนเดียวที่ยืนอยู่บนเวทีประลอง และกำลังยกมือเป็สัญญาให้เหล่าทหารม้าเข้ามาหาเขา
“หรือ… เ้าหมอนี่เบื่อที่จะมีชีวิตอยู่จริงๆ?”
ฝูงชนต่างดูแคลนหลินเฟิงอยู่ในใจ พวกเขาไม่คิดว่าหลินเฟิงจะยังกล้ายืนอยู่ตรงนั้น และหวังว่าหลินเฟิงจะไม่ทำให้พวกเขาต้องเดือดร้อนไปด้วย
ในตอนนี้เหล่าทหารม้าโลหิตได้หยุดอยู่รอบเวทีประลองและเหลือบมองไปยังฝูงชน ทันใดนั้นหัวใจของพวกเขาก็เริ่มสั่นระรัวอีกครั้ง ทหารเหล่านี้ทั้งเยือกเย็นและมีดวงตาที่แหลมคม
พวกเขาต่างเป็ยอดฝีมือ อย่างน้อยก็อยู่ระดับเดียวกับผู้าุโของตระกูลหลิน หรือไม่ก็อาจแข็งแกร่งกว่า
หลินหลุ่ยเองก็มองกองกำลังทหารเ่าั้เช่นกัน ซึ่งทหารเหล่านี้แข็งแกร่งอย่างแท้จริง อย่างน้อยสองหรือสามคนก็อาจอยู่ระดับเดียวกับเขา หากเกิดการต่อสู้ขึ้นมา คงมีเพียงคนเดียวที่สามารถต่อกรกับกองกำลังนี้ได้ คนผู้นั้นคือหลินหลุ่ย
อีกฝ่ายปลดปล่อยแรงกดดันที่รุนแรงออกมา และมือของพวกเขายังเปื้อนเืศัตรูมานับไม่ถ้วน ไม่น่าแปลกใจว่าทักษะยุทธ์ของคนเหล่านี้ต้องแข็งแกร่งกว่าคนทั่วไป เนื่องจากประสบการณ์ของพวกเขา รวมไปถึงความทรหดนั้นไม่มีอะไรสามารถเทียบได้
“ข้าไม่รู้ว่าพวกท่าน้าอะไรจากตระกูลหลินถึงได้บุกมาเช่นนี้ หากเป็สิ่งที่ข้าทำได้ หลินหลุ่ยผู้นี้ก็จะช่วยพวกท่านเท่าที่จะทำได้”
หลินหลุ่ยกล่าวขณะกวาดสายตามองทหารเหล่านี้ เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้ที่สามารถทำลายพวกเขาได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ ท่าทางของหลินหลุ่ยก็กลับกลายเป็นบนอบกว่าปกติ
ในตอนนี้หลินหลุ่ยโค้งคำนับลงอย่างสุภาพ ซึ่งเมื่อเทียบกับผู้าุโที่น่าเกรงขามเมื่อครู่นั้น ตอนนี้เขาดูเหมือนเปลี่ยนไปเป็คนละคน
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนเหล่าทหารจะไม่ได้สนใจหรือเหลือบมองเขา พวกเขาลงจากหลังม้าและพาดมือไว้ที่อกพร้อมกับโค้งคำนับ “ท่านผู้บัญชาการ!”
“ผู้บัญชาการ? ผู้บัญชาการอยู่ที่ไหน?”
ฝูงชนต่างตกตะลึงขณะหันไปรอบๆ หัวหน้าของกองกำลังนี้... ผู้บัญชาการคนนั้น หรือว่าเป็คนที่แข็งแกร่งยิ่งกว่า?
ทหารนับหมื่นนายที่นี่ต่างคุกเข่าลงแสดงความเคารพออกมา
“ท่านผู้บัญชาการ!”
เสียงทุ้มต่ำดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ จนพื้นดินต้องสั่นะเืเล็กน้อย กองกำลังทหารทั้งหมดต่างคุกเข่าลงและะโเรียกผู้บัญชาการอย่างพร้อมเพรียง
ในอาณาจักรเสวี่ยเยว่ ผู้คนต้องคุกเข่าเพื่อแสดงความเคารพต่อคนในราชวงศ์ สำหรับบุคคลสำคัญอื่นๆ ก็แค่โค้งคำนับทำความเคารพเท่านั้น แต่กองกำลังทหารตรงหน้ากลับคุกเข่าลงเพื่อแสดงความเคารพต่อผู้บัญชาการของตนอย่างเต็มใจ ซึ่งการแสดงความเคารพเช่นนี้ถือเป็เกียรติอันสูงสุดสำหรับผู้บัญชาการ
ตอนนี้เหล่าทหารต่างคุกเข่าและหันไปในทิศทางเดียวกัน นั่นก็คือเวทีประลอง!
ทหารม้าโลหิตนับหมื่นนายต่างะโออกมา จนแก้วหูของผู้คนต้องสั่นไหวไปตามๆ กัน แต่หัวใจของพวกเขากำลังสั่นระรัวมากกว่า เพราะคาดไม่ถึงว่าจะมีใครบางคน สามารถทำให้ทหารที่แข็งแกร่งเช่นนี้ต้องคุกเข่าลงได้
พวกเขาต่างมองไปรอบๆ แต่ก็ยังไร้วี่แววใดๆ ในที่สุดพวกเขาก็พบว่าทิศทางที่เหล่าทหารมองไปคือเวทีประลองของตระกูลหลิน
ฉากนี้ทำให้ม่านตาของฝูงชนล้วนหดแคบลง
“เป็ไปไม่ได้… ไม่มีทางเป็ไปได้!” ฝูงชนต่างจ้องมองไปที่ชายหนุ่มที่ยืนบนเวทีประลอง แม้ว่าพวกเขาจะพอคาดเดาได้ แต่กลับไม่มีใครกล้ายอมรับความจริงเื่นี้
สายลมที่พัดผ่านไป ทำให้ชายเสื้อคลุมของหลินเฟิงต้องพลิ้วไปตามแรงลม ตอนนี้เองที่หลินเฟิงโบกมือให้สัญญาณและกล่าวว่า “ลุกขึ้นเถิด”
“ขอรับ ท่านผู้บัญชาการ!”
ทหารทั้งหมดส่งเสียงตอบรับ จากนั้นทหารนับหมื่นนายก็ลุกขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียงกัน
“ตูม!”
ฝูงชนทั้งหมดรู้สึกราวกับกำลังถูกมีดที่แหลมคมบาดลึกในหัวใจ
หลินเฟิง… เป็หลินเฟิง... คาดไม่ถึงว่าจะเป็หลินเฟิง!!!
ผู้คนต่างอุทานอยู่ในใจ เพราะไม่อาจทำใจเชื่อในสิ่งที่เห็นได้... เขาทำให้ทหารนับหมื่นต้องคุกเข่าคำนับและะโเรียกผู้บัญชาการ… แล้วผู้บัญชาการคนนั้นก็คือชายหนุ่มที่ยืนอยู่บนเวทีประลองนั่น
ชายหนุ่มหวนกลับมายังตระกูลหลิน ชายหนุ่มที่ทุกคนเคยเรียกว่าเป็เศษขยะ และถูกขับไล่ออกจากตระกูล
ผู้คนไม่อยากจะเชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้านั้นเป็ความจริง
หลินหลุ่ยเองก็ตกตะลึงอย่างมากจนแทบจะกระอักเืออกมา ขณะจ้องเขม็งไปที่หลินเฟิงอย่างเอาเป็เอาตาย
“ผู้บัญชาการ? มันเป็แบบนี้ไปได้ยังไง!!!”
ภายในใจของหลินหลุ่ยสับสนไปหมด ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้น ทางด้านหลินป้าต้าวก็เช่นกันที่ไม่อาจทำใจเชื่อในสิ่งที่เห็น มันจะเป็ไปได้อย่างไรกัน ที่ว่าผู้บัญชาการกองกำลังทหารนี้... คือหลินเฟิง!
ในยามนี้ฝูงชนต่างตระหนักได้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นและกำลังจะเกิดขึ้นหลังจากนี้
การกลับมาของหลินเฟิงในครานี้ นับว่าเป็เื่น่าประหลาดใจมากสำหรับตระกูลหลิน
“แค่ก แค่ก!”
หลินป้าต้าวสำลักอย่างรุนแรง จนใบหน้าเริ่มซีดขาวมากยิ่งขึ้น จบแล้ว… มันจบสิ้นแล้ว!