คนทั้งสองอยู่ใกล้กันมาก ท่าทีดูสนิทชิดเชื้อเสียจนเยว่เฟิงเกอไม่กล้าหายใจ
“คือว่าท่านอ๋อง แต่ละวันท่านไม่มีอะไรให้ทำเลยหรือเพคะ? ” เยว่เฟิงเกอเอนกายออกห่าง แต่กลับถูกม่อหลิงหานจับไว้ด้วยมือเดียว
ม่อหลิงหานไม่กล่าววาจา ลมหายใจเขาเปลี่ยนเป็เร่งร้อนขึ้น
เยว่เฟิงเกอเองก็ได้ยินเสียงหัวใจตัวเองที่กำลังเต้นโครมครามรัวเร็วมากขึ้นเรื่อยๆ
นางอยากจะผลักม่อหลิงหานออกไป แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไร ริมฝีปากของนางก็ถูกทาบทับด้วยริมฝีปากบางของม่อหลิงหานแล้ว
ม่อหลิงหานจุมพิตริมฝีปากเยว่เฟิงเกอ คลึงเคล้าอย่างแ่เบา
เยว่เฟิงเกอรับรู้ได้ว่าหัวใจตนเต้นเร็วขึ้น ทั้งยังรู้สึกยุบยิบที่ริมฝีปากจนสมองนางคล้ายจะอื้ออึงไป คิดอะไรไม่ออก
หลังจากจุมพิตอยู่เป็นาน ในที่สุดม่อหลิงหานก็ผละออกจากริมฝีปากของเยว่เฟิงเกออย่างอ้อยอิ่ง
เยว่เฟิงเกอมองม่อหลิงหานด้วยความมึนงง รู้สึกเหมือนใบหน้าเขาในยามนี้จะหล่อเหลากว่ายามปกติมากนัก
ม่อหลิงหานยกมือขึ้นม้วนจอนผมที่ข้างหูของเยว่เฟิงเกอเล่น ก่อนจะเก็บปอยผมนั้นไปไว้ที่หลังหูนาง
การกระทำที่ใกล้ชิดเช่นนี้ของม่อหลิงหาน ทำให้เยว่เฟิงเกอรู้สึกไหววูบ
เขายังเป็ชายที่วันๆ เอาแต่ทำหน้าบอกบุญไม่รับ เอะอะก็จะบีบคอนางให้ตายคนนั้นหรือไม่?
“ท่านอ๋อง” เยว่เฟิงเกออดเรียกขานออกมาคำหนึ่งไม่ได้
ม่อหลิงหานรับด้วยเสียงแหบแห้ง “อืม” ออกมาคำหนึ่งเช่นกัน เขามองสตรีตัวน้อยตรงหน้าตาไม่กะพริบ ท่าทางอ่อนโยนราวกับสายน้ำของนางทำให้เขาอดใจไม่ไหว จุมพิตลงไปอีกครั้ง
จุมพิตนี้ยาวนานมากจนเมื่อคนทั้งสองหายใจติดขัดแล้ว ถึงได้ถอยห่างจากอีกฝ่าย
“อีกเดี๋ยวข้าต้องไปประชุมเช้า มีเข้าเฝ้าฮ่องเต้ เ้าอยู่ที่จวนเป็เด็กดีรอข้ากลับมา” ครั้งนี้ม่อหลิงหานไม่แทนตัวเองว่าเปิ่นหวางอีกแล้ว แต่แทนตัวเองว่าข้า
เยว่เฟิงเกอพยักหน้าเบาๆ ตอนนี้นางยังคงมึนงงสับสนอยู่บ้าง รู้สึกว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกตนจะพัฒนากันเร็วเกินไปหน่อย
หลังจากม่อหลิงยกมือขึ้นมาลูบใบหน้าน้อยๆ ของเยว่เฟิงเบาๆ เขาก็ลุกยืนแล้วออกไปจากเรือนเยว่เหยา
เมื่อม่อหลิงหานจากไปแล้ว เยว่เฟิงเกอถึงได้นอนลงบนเตียงอย่างไร้เรี่ยวแรงพลางนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ระหว่างคนทั้งสอง ฉับพลันนั้นใบหน้านางก็แดงลามไปถึงใบหู
เป็นานในที่สุดเยว่เฟิงเกอก็ดึงสติกลับมาได้ ยามนี้นางยังมีเื่สำคัญที่ยังไม่ได้ทำอยู่อีก
เมื่อนึกถึงพิษในร่างของฮองเฮา เยว่เฟิงเกอก็ไม่รอช้า รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดเถาเป่า และได้พบว่า ไม่ได้เหนือความคาดหมายของนาง ในเถาเป่ายามนี้มีมูลค่าการซื้อเพิ่มขึ้นมาอีกสิบห้ามูลค่าการซื้อ
ตอนนี้นางมีมูลค่าการซื้อทั้งสิ้นเจ็ดสิบมูลค่าการซื้อแล้ว เพียงพอให้ซื้อเตาหลอมใบนั้น
เยว่เฟิงเกอหาเตาหลอมยาที่ใส่ไว้ในตะกร้าเจออย่างรวดเร็ว นางกดสั่งซื้อทันที
ภายในพริบตาระบบเถาเป่าได้หักไปห้าสิบมูลค่าการซื้อพร้อมๆ กับเตาหลอมสีทองแดงที่มาปรากฏตรงหน้าเยว่เฟิงเกอ
ตอนนี้เยว่เฟิงเกอมีเตาหลอมแล้วก็ต้องเริ่มทำยาได้แล้ว
นางลงจากเตียงทันทีแล้วมุ่งหน้าไปยังโรงหมอประจำจวน
ยามนี้ที่โรงหมอมีกู้เฟิงอยู่คนเดียว ส่วนหมอประจำจวนนั้นถูกฉินหว่านเรียกตัวไปเปลี่ยนยาที่าแบนใบหน้า
กู้เฟิงเห็นว่าเยว่เฟิงเกอมาก็รีบร้อนเข้ามาต้อนรับ “เหตุใดวันนี้พระชายาจึงมีเวลามาที่นี่ได้พ่ะย่ะค่ะ? ”
เยว่เฟิงเกอเห็นหมอประจำจวนไม่อยู่ ตอนที่นางกำลังจะเอ่ยปากถาม ก็ได้ยินกู้เฟิงพูดต่อ “ทรงมาหาอาจารย์กระหม่อมกระมัง เขาถูกชายารองฉินเรียกตัวไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
เยว่เฟิงเกอพยักหน้า ในเมื่อหมอประจำจวนไม่อยู่ นางสามารถถามหาของกับกู้เฟิงก็ได้เช่นกัน
“กู้เฟิง ในโรงหมอของเ้ามีสมุนไพรเหล่านี้หรือไม่? ” เยว่เฟิงเกอพูดชื่อสมุนไพรที่นาง้าออกมา
ตอนแรกที่กู้เฟิงได้ยินก็ยังไม่รู้สึกอะไร แต่พอยิ่งฟังไปเรื่อยๆ กลับเริ่มรู้สึกว่า นี่ไม่ธรรมดาแล้ว
“พระชายา ทรง้าสมุนไพรเหล่านี้ไปทำอันใดหรือพ่ะย่ะค่ะ สมุนไพรที่รับสั่งหาล้วนมีไว้ทำยาพิษ”
กู้เฟิงพูดถูกต้อง ที่จริงสมุนไพรไม่กี่ชนิดนี้ หากใช้แยกกันจะมีฤทธิ์ช่วยรักษาโรค แต่หากนำไปใช้ร่วมกัน ผลที่ได้จะเป็พิษชนิดร้ายแรง
เยว่เฟิงเกอไม่อาจพูดเื่ที่ฮองเฮาถูกพิษร้ายแรงออกมาได้ ทำได้แค่ตอบไปส่งๆ “อ้อ พอดีข้าจะใช้สมุนไพรไม่กี่ชนิดนี้ทำผงพิษ ฆ่าหนู”
กู้เฟิงมองเยว่เฟิงเกอด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ หากจะฆ่าหนู ไม่จำเป็ต้องใช้พิษร้ายแรงเพียงนี้ก็ได้กระมัง
เมื่อเยว่เฟิงเกอเห็นว่าอีกฝ่ายมีสีหน้าอึ้งงัน ถึงได้อธิบายต่อ “ตอนนี้ข้าเลี้ยงแมว เขาเกลียดหนูที่อยู่ในจวนเราเป็ที่สุด ข้าจึง้านำสมุนไพรเหล่านี้ไปฆ่าหนูพวกนั้นให้ตายให้หมด”
กู้เฟิงยิ่งฟังยิ่งสับสน แต่เขาจะไปสงสัยในตัวเยว่เฟิงเกอก็ไม่ได้ ทำได้แค่หัวเราะแห้งๆ สองเสียง ก่อนจะไปนำสมุนไพรมาให้เยว่เฟิงเกอ
เพียงไม่นาน กู้เฟิงก็ห่อสมุนไพรไม่กี่ชนิดนั้นอย่างดีแล้วส่งให้เยว่เฟิงเกอไป
“ขอบใจนะ ไว้มีโอกาส ข้าจะเลี้ยงเหล้าเ้า” เยว่เฟิงเกอพูดพลาง ถือสมุนไพรเ่าั้ไปจากโรงหมอ
กู้เฟิงมองเงาหลังที่จากไปของเยว่เฟิงเกอ เขาเริ่มรู้สึกหวาดกลัวในใจ
พระชายาคิดจะทำยาพิษร้ายแรงนี้เพื่อฆ่าหนูจริงๆ น่ะหรือ?
เ่าั้ล้วนเป็สมุนไพรสำหรับทำพิษร้ายแรง หากคนกินเข้าไปโดยไม่รู้ตัว เืในร่างย่อมจะไหลออกจากทวารทั้งเจ็ดแล้วตายจากไปในทันที
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงตัดสินใจจะรอจนอาจารย์กลับมาแล้วเล่าเื่นี้ให้ฟัง
เยว่เฟิงเกอนำสมุนไพรทั้งหมดกลับมาที่เรือนเยว่เหยา นางให้ชิงจื่อไปเฝ้าหน้าประตูไว้ ถ้ามีคนมา ให้ะโเสียงดังๆ
ชิงจื่อเห็นเยว่เฟิงเกอจัดแจงสมุนไพรตรงหน้า ถึงแม้จะไม่รู้ว่าคนกำลังทำอะไร แต่ก็ปฏิบัติตามอย่างเชื่อฟัง
เยว่เฟิงเกอนำเตาหลอมออกมา แบ่งสมุนไพรเ่าั้เป็สามชุดใส่ลงในเตา ก่อนจะหยิบพับไฟออกมา เมื่อจุดไฟที่เตาหลอมเรียบร้อยแล้วถึงได้นั่งรออยู่ข้างๆ
ถึงแม้เตาหลอมนี้จะต้องจ่ายแพงถึงห้าสิบมูลค่าการซื้อ แต่มันก็ดีกว่าเตาทั่วไปจริงๆ ไม่เพียงควบคุมไฟได้เอง ยังสามารถใช้หลอมยาได้หลายประเภทอีกด้วย
ดังเช่นตอนนี้ที่เยว่เฟิงเกออยากจะหลอมพิษชนิดที่เป็ของเหลว นางก็แค่ทำตามวิธีการหลอมยาพิษประเภทของเหลว แบ่งใส่สมุนไพรทั้งหมดสามครั้ง เตาหลอมนี้ย่อมจะสามารถหลอมยาที่นาง้าออกมาได้เอง
เพียงไม่นานเตาหลอมก็มีควันสีเขียวพวยพุ่ง เยว่เฟิงเกอรีบร้อนยกแขนเสื้อขึ้นปิดปากปิดจมูก ทั้งยังถอยออกไปยืนในบริเวณที่ไกลจากเตาหลอมพอสมควร
เพราะยาพิษร้ายแรงที่นางทำออกมานี้ อย่าว่าแต่เผลอกินลงไปเลย แค่พลาดท่าสูดควันพิษเข้าไปก็อาจตายได้ในทันที
ผ่านไปสักครู่ควันเขียวจากเตาหลอมก็ค่อยๆ จางลง
ใบหน้าของเยว่เฟิงเกอค่อยๆ ปรากฏรอยยิ้ม
นางรู้ว่ายากำลังจะหลอมสำเร็จแล้ว
ตอนนี้เองชิงจื่อที่เฝ้าอยู่หน้าประตูก็ส่งเสียงดัง “องครักษ์ถาน ท่านมาหาพระชายาด้วยเหตุอันใด? ”
เยว่เฟิงเกอได้ยินเสียงชิงจื่อก็รีบไปดูที่ประตู และได้เห็นว่ายามนี้ถานอี้ยืนอยู่หน้าประตูด้วยสีหน้าเคอะเขิน
เยว่เฟิงเกอรู้ ถานอี้คงจะมาเพื่อเปลี่ยนยา เพียงแต่ตอนนี้นางต้มยาอยู่ในเรือน จะให้ถานอี้เห็นไม่ได้
ยิ่งกว่านั้น ยามนี้ยายังหลอมไม่เสร็จดี นางจะนำไปซ่อนก็ไม่ได้
คิดได้เช่นนี้ เยว่เฟิงเกอก็รีบเดินไปหาถานอี้โดยให้ชิงจื่อยืนเฝ้าต่อไป ส่วนตัวนางดึงชายเสื้อถานอี้ลากไปอีกทาง
ถานอี้ถูกเยว่เฟิงเกอลากไปเช่นนี้ ใบหน้าก็แดงขึ้นมาทันที
ในที่สุดเยว่เฟิงเกอก็หยุดฝีเท้า นางหันไปบอกให้ถานอี้ดึงขากางเกงขึ้น
ยามนี้ขาของถานอี้เกือบจะหายสนิทแล้ว แค่ใส่ยาอีกรอบ เขาก็จะกลับมาเดินเหินได้อิสระเฉกเช่นเมื่อก่อน
ถานอี้นั่งลงบนพื้น ส่วนเยว่เฟิงเกอนั่งยองๆ หยิบยามาทาให้ใหม่
หลังจากทายาที่เหลืออยู่น้อยนิดทั้งหมดลงบนขาของถานอี้แล้ว เยว่เฟิงเกอถึงได้เงยหน้าขึ้น “ขาขององครักษ์ถาน คาดว่าวันพรุ่งก็จะหายเป็ปลิดทิ้ง หากเ้าอยากจะฝึกยุทธ์เหาะเหินไปมาเหมือนก่อน ยามนี้สามารถทำได้อย่างไม่มีปัญหาแล้ว”
“ขอบพระทัยพระชายา” ถานอี้ก้มหน้าลงไปกล่าวขอบคุณด้วยสีหน้าเขินอาย
เยว่เฟิงเกอยืนขึ้นตบไหล่ถานอี้ “วันหน้าองครักษ์ถานก็อย่าได้ไปยั่วโมโหท่านอ๋องอีกเลย ครั้งนี้ขาหัก ซี่โครงหัก ครั้งหน้าไม่รู้จะาเ็ที่ใดอีก”
เยว่เฟิงเกอพูดจบ ก็มุ่งหน้ากลับเข้าเรือนเยว่เหยา
ขณะนั้นถานอี้ยังคงนั่งอยู่บนพื้น ใช้สายตาส่งเยว่เฟิงเกอจากไป
เขาอยากจะบอกเยว่เฟิงเกอเหลือเกิน ไม่ใช่เขาที่ไปยั่วโมโหท่านอ๋อง แต่เป็พระชายาต่างหากที่ไปยั่วโมโหท่านอ๋องจนเกิดเื่นี้ขึ้น