5 โมงเย็น ฉินหลางกับเถารั่วเซียงมาถึงร้านอาหารหน้ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีเซี่ยหยาง ผ่านไปหลายนาที หวางเยี้ยจึงปรากฏตัวต่อหน้าฉินหลางและเถารั่วเซียง
ทั้งสามเลือกนั่งโต๊ะที่อยู่ตรงมุม หวางเยี้ยพูดขึ้นกับฉินหลาง “คิดไม่ถึงว่าวันนี้นายจะเป็คนนัดฉันออกมา—ว่าแต่ เธอเป็ใคร? ไม่ใช่ตำรวจใช่ไหม?”
หวางเยี้ยคนนี้ เป็คนคนเดียวกับเบอร์ 30 ที่เขาเคยเจอที่บิวตี้คลับ แต่ทว่า ตอนนี้เธอไม่ได้ใส่กระโปรงสั้น และไม่ได้แต่งหน้า เธอสวมเสื้อเชิ้ตลายสก๊อตแขนยาว พับแขนเสื้อขึ้น และกางเกงยีนสีน้ำเงิน กับแว่นตากันแดดสีดำ ดูไปแล้วเหมือนนักศึกษาสาวที่สงบ เรียบร้อย ทำให้คนรู้สึกดี
“ตำรวจ?” ฉินหลางส่ายหน้า ก่อนจะยิ้มจางๆ พลางพูดขึ้น “ไม่มีตำรวจที่สวยขนาดนี้หรอก ฉันจะแนะนำให้รู้จัก เธอเป็อาจารย์ของโจวหลิงหลิง เธอรู้จักโจวหลิงหลิงใช่ไหม?”
“หย่าหลิน เป็เพื่อนสนิทของฉัน ฉันรู้ชื่อจริงของเธอ” หวางเยี้ยพยักหน้า
“โจวหลิงหลิง เธอ—เธอเกิดเื่แล้ว” ฉินหลางอธิบาย เธอกับเถารั่วเซียงตกลงกันแล้วว่าจะปิดบังเื่ที่เธอยังมีชีวิตอยู่
“เธอทำไมเหรอ?” เห็นได้ชัดว่าหวางเยี้ยตื่นตระหนก แสดงว่าเธอมองโจวหลิงหลิงเป็เพื่อนสนิทจริงๆ
“เธอ—ฆ่าตัวตายแล้ว!” ฉินหลางพูดด้วยท่าทีที่เ็ป
“อะไรนะ!” ใบหน้าหวางเยี้ยแสดงอาการใสุดขีด ผ่านไปสักพักเธอจึงสงบลงได้ เธอควานหาบุหรี่ในกระเป๋าออกมาคาบไว้หนึ่งม้วน จากนั้นฉินหลางก็หันไปพูดกับและเถารั่วเซียง “ฉันจะสูบบุหรี่ ไม่ถือใช่ไหม?”
หวางเยี้ยจุดบุหรี่ สูบเข้าไปเต็มปลอดอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงถอนหายใจยาวๆ “เธอไม่ฟังคำเตือนของฉัน”
“เธอเตือนอะไรเขา?” ฉินหลางถามขึ้น
“ฉันบอกเธอว่า ในเมื่อเราเดินบนทางสายนี้แล้ว ก็ทำใจยอมรับเถอะ จะได้ไม่ต้องทุกข์มากขึ้น เพราะฉันก็เป็ตัวอย่างที่ดีที่สุด”
หวางเยี้ยดูดบุหรี่ไปด้วย พูดไปด้วย “ฉันบอกกับเธอว่า ต่อให้เธอไม่ได้เดินทางสายนี้ สอบเข้ามหาลัยได้แล้วไงเหรอ? เป็นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมดาๆ มันไม่มีอนาคตอะไรนักหรอก แล้วเมื่อเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว เธอก็คงจะเป็สาวแก่ที่ยังบริสุทธิ์ไม่ได้อยู่ดี สุดท้ายก็ต้องเสียความบริสุทธิ์ให้ผู้ชายสารเลวบางคน แลกกับช็อกโกแลตไม่กี่ชิ้น ดอกกุหลาบไม่กี่ดอกกับความเ็ป เสียใจเท่านั้น! ผู้ชายสารเลวพวกนั้นบอกรักเราเต็มปากเต็มคำ แต่ขอเพียงมีผู้หญิงไปนอนแก้ผ้าบนเตียงเขา เขาก็ไม่สนใจความรักแล้ว ถ้าต้องปล่อยให้เป็อย่างนั้น สู้ใช้ความสาวความสวยตอนนี้ที่ยังมีอยู่หาเงินยังดีกว่าอีก ทำงานหาเงินให้ได้เยอะๆ หลังจากเรียนจบแล้ว คลับยังสามารถหางานดีๆ ให้เราทำได้”
“ฟังไปแล้วเหมือนคลับของพวกเธอจะมีสวัสดิการดีไม่น้อยเลย” ฉินหลางยิ้มจางๆ “แล้วติดยาเสพติดจะทำยังไง? ติดยาเสพติดก็ยังดี อย่างน้อยยังมีโอกาสเลิกได้ แต่ถ้าติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ล่ะ? เธอก็รู้ว่าถ้าติดโรคพวกนี้ คงไม่คิดถึงอนาคตพวกนั้นหรอก สติยังไม่เหลือเลย อีกอย่าง ถึงตอนนั้นพวกเธอจะเป็หรือตายคลับยังจะสนใจอยู่อีกเหรอ?”
“นายจะบอกว่า ที่โจวหลิงหลิงทำไปเพราะเธอเป็โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์งั้นเหรอ? บัดซบเอ๊ย เชี่ย!” หวางเยี้ยด่าออกมาอย่างเหลืออด ก่อนจะจิ้มบุหรี่ลงไปบนที่เขี่ยบุหรี่แรงๆๆๆ ก่อนจะพูดขึ้น “ฉันไม่รู้ว่าทำไมพวกคุณถึงได้สืบเื่นี้ แต่พวกคุณจะต้องระวังตัวมากๆ เพราะฉันอยู่ที่นั่นมาสองปีกว่าแล้ว รู้ว่าคนที่ไปหาความสุขที่นั่น มีแต่ผู้มีอิทธิพลในเมืองเซี่ยหยางทั้งนั้นเลย”
“ขอบคุณสำหรับคำเตือน” ฉินหลางพูดอย่างนิ่งเรียบ “ฉันตามสืบเื่นี้ เพราะ้าเรียกร้องความยุติธรรมให้โจวหลิงหลิง”
“ความยุติธรรม?” หวางเยี้ยสบถอย่างไม่สบอารมณ์ “ยุคนี้ยังมีความยุติธรรมเหลืออีกเหรอ! เมื่อสองปีก่อน ตอนนั้นเพิ่งสอบเข้ามหาวิทยาลัย ฉันไปร้องคาราโอเกะเพื่อฉลองกับเพื่อน แต่กลับถูกมอมยา เช้าอีกวันตอนฉันตื่นนอน ฉันเห็นมีตาลุงแก่ๆ ที่ใกล้จะลงโลงนอนอยู่ข้างๆ ฉันไปแจ้งความที่โรงพัก แต่ผลออกมาตรงกันข้าม ตำรวจกล่าวหาว่าฉันเป็ผู้หญิงที่ออกมา ‘ขายบริการ’ กลับมาเรียกเงินค่าปรับกับฉันอีก! เชี่ย! ั้แ่ตอนนั้น ฉันก็ไม่เชื่อความยุติธรรมบ้าบออะไรอีกละ!”
“ขอโทษนะ คุณหว…หวางเยี้ย ที่ทำให้เธอนึกถึงความทรงจำที่เ็ปอีก” ตอนแรกเถารั่วเซียงอยากเรียกหวางเยี้ยว่า “คุณหวาง” ก่อนตระหนักขึ้นได้ว่าการเรียกเธอแบบนี้ เธอจะต้องรู้สึกไม่ดีแน่เลย ดังนั้นจึงเปลี่ยนชื่อเรียก แล้วพูดต่อ “ในเมื่อเธอก็เคยเป็ผู้เสียหายมาก่อน ช่วยพวกเราสักครั้งได้มั้ย พวกเราจะได้เรียกร้องความยุติธรรมคืนให้พวกเธอได้หรือเปล่า?”
เหมือนหวางเยี้ยกำลังลังเล เพราะเธอยังไม่ค่อยเชื่อฉินหลางกับเถารั่วเซียง
“โจวหลิงหลิงเธอตายอย่างอนาถมาก!” ฉินหลางตัดสินใจอย่างกะทันหัน ว่าเขาจะโกหกเพื่อให้หวางเยี้ยใจอ่อน “เธอมุ่งมั่นที่จะตายอยู่แล้ว ตอนเธอะโลงไป ทันทีที่หัวกระแทกพื้น เธอก็…เฮ้อ ไม่รู้จะต้องใช้คำไหนมาบรรยาย และวันที่เธอะโตึก เธอสวมชุดนักเรียน ชุดนักเรียนถูกย้อมด้วยเืจนกลายเป็สีแดงไปทั่วทั้งชุด เธอส่งข้อความสั่งให้กับอาจารย์เถา เขียนว่า ลาก่อน โลกที่สวยงามใบนี้ ลาก่อน พ่อแม่ที่เคารพรัก ลาก่อน อาจารย์และเพื่อนๆ ของฉัน…ให้มันจบลงไปแบบนี้เถอะ อย่างน้อยจิติญญาของฉันก็ยังบริสุทธิ์อยู่!”
เถารั่วเซียงอึ้งจนพูดไม่ออก เมื่อได้ยินคำโกหกนี้ของฉินหลาง พูดในใจ เ้านี่แต่งเื่เก่งเกินไปแล้ว แต่เถารั่วเซียงก็รู้ว่าคำพูดพวกนี้ของฉินหลางมีแรงจูงใจมาก จึงรีบแกล้งซึมเศร้า ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบกระดาษชำระบนโต๊ะ แต่คิดไม่ถึงว่ามือเธอจะชนกับมือของหวางเยี้ยพอดี หวางเยี้ยตาแดงไปหมดแล้ว เธอรีบหยิบกระดาษชำระมาเช็ดน้ำตา รวบรวมความกล้าในใจกล่าวขึ้น “เพื่อโจวหลิงหลิง ฉันจะลองเชื่อความยุติธรรมดูสักครั้ง! คนพวกนี้ เป็องค์กรที่มีความเข้มงวด และมีกระบวนการที่ครบถ้วน ‘วิธีการ’ ของพวกเขา…อืม…ความจริงแล้วมันก็คล้ายๆ กับไซด์ไลน์ ธุรกิจแบบ ‘พีระมิด’—นั่นแหละ”
“ตัวอย่างเช่น เมื่อพวกเขาควบคุมฉันได้อย่างสมบูรณ์แล้ว ก็จะยุยงให้ฉันขยายไปรอบตัว เอาเพื่อนที่หน้าตาดีๆ มาร่วมคลับ แล้วถ้าทำสำเร็จ ฉันก็จะได้รับเงินจำนวนไม่น้อย มันเคยทำเื่แบบนี้มาก่อน เป็แค่ตัวอย่างนะ เพราะฉันไม่เคยทำเื่แบบนี้ แต่โจวหลิงหลิงเข้ามาด้วยวิธีแบบนี้ เธอโดนเพื่อนของเธอหลอกมาขาย โดยรวมแล้วก็เป็แบบนี้แหละ นอกจากนี้พวกเขาจะใช้พวกนักเรียนอันธพาลในโรงเรียน ล่อลวงผู้หญิงส่วนหนึ่งให้หลงผิด แล้วทำให้พวกเธอติดยาเสพติด สุดท้ายก็โดนพวกมันควบคุม”
หวางเยี้ยเล่าเื่ราวการกระทำความผิดของบิวตี้คลับ ฉินหลางกับเถารั่วเซียงฟังจบ ก็โมโหมากแล้ว เพียงแต่ทั้งคู่รู้ว่าตอนนี้พวกเขา้าหลักฐานมากที่สุด ฉินหลางจึงถามหวางเยี้ยขึ้นว่า “แล้วตอนนี้พวกเรา จะไปหาพวกแพศยาที่วางแผนทำร้ายเพื่อนตัวเองกับนักเรียนอันธพาล สารเลวพวกนั้นได้ที่ไหน?”
“อันนี้ ด้านนอกโรงเรียนหลายแห่งในเมืองเซี่ยหยางล้วนมีทั้งนั้น ขนาดนอกวิทยาลัย หรือมหาวิทยาลัยก็ยังมีเลย เท่าที่ฉันรู้ ไม่ได้มีฉันคนเดียวที่ ‘ขาย’ อยู่ที่บิวตี้คลับ แต่ดูเหมือนว่า คนจากวิทยาลัยสุขภาพ กับคนจากวิทยาลัยศิลปะจะมีเยอะที่สุด โดยเฉพาะนอกวิทยาลัยศิลปะ ถ้าพวกคุณไปที่นั่น น่าจะได้เบาะแส เสร็จแล้ว ฉันก็ควรไปแล้ว หวังว่าพวกคุณจะเรียกร้องความยุติธรรมให้โจวหลิงหลิงได้สำเร็จนะ แต่พวกคุณก็ต้องระวังตัวด้วยนะ!”
เห็นได้ชัดเจนว่าหวางเยี้ยกลัวเ้าของบิวตี้คลับมาก ดังนั้นทันทีที่พูดจบ เธอก็รีบเดินออกไปเลย
ฉินหลางกับเถารั่วเซียงก็ไม่อยากเสียเวลา ตัดสินใจจะไปวิทยาลัยศิลปะกันเลย
“นี่ พวกเธอคิดว่าจะแบบนี้จริงๆ เหรอ?” ฉินหลางกับเถารั่วเซียงเพิ่งจะเดินมาถึงหน้าประตู ก็ถูกเจ๊เ้าของร้านขวางแล้ว “ทั้งสองท่าน คิดจะไปแบบนี้เลยเหรอคะ”
“พวกเรายังไม่ได้กินอะไรเลย?” เถารั่วเซียงพูดด้วยความนิ่งเรียบ “อย่าบอกนะว่าคุณจะยังเก็บเงินเราอีก”
“พวกเธอใช้กระดาษชำระของมารดา ดื่มน้ำชาที่มารดาชง ยังนั่งเก้าอี้ของมารดาแล้วด้วย นี่ยังไม่ทันสั่งอาหาร ยังไม่ได้จ่ายเงิน พวกเธอก็คิดว่าหนีแล้วเหรอ? พวกเธอเห็นว่าที่นี่มารดาเปิดขึ้นมาเพื่อทำบุญทำทานหรือไง!” เจ๊เ้าของร้านพูดด้วยความโมโห
“แม่ม! ซุนซานเหนียง แกจะขูดรีดก็ไม่ดูคน!” ในเวลานี้เองมีผู้ชายร่างกายกำยำเดินเข้ามาในร้านอาหาร จ้องเจ๊เ้าของร้านด้วยสายตาเกรี้ยวกราด จากนั้นเรียกอย่างสุภาพว่า “พี่ฉิน” ทำเอาเจ๊เ้าของร้านหน้าถอดสี รีบขอโทษฉินหลางกับเถารั่วเซียงเป็การใหญ่