สายฝนโปรยปรายเป็ระยะยามค่ำคืน มารตีและปพนต์เดินฝ่าสายลมฝนไปยังแกลเลอรี่เล็กๆ ริมถนนย่านศิลปะ ที่เ้าของเป็เพื่อนของจิรภา ศิลปินสาวอารมณ์เกินร้อย บรรยากาศภายในอบอวลด้วยกลิ่นสีน้ำมัน และแสงไฟสลัวสะท้อนบนผืนผ้าใบหลากหลายชิ้น
จิรภาปรากฏตัวในชุดแจ็กเก็ตหนังสีดำกับชุดยีนส์สไตล์บอยโชติก เธอเดินข้ามห้องอย่างเร่งรีบมาคว้าแขนมารตีด้วยรอยยิ้มเ้าเล่ห์
“รตี! สวยเป๊ะเหมือนเดิมเลย ฉันดีใจมากมั้ยล่ะ?” เธอมองสำรวจไปทั่วร่างแขกสาวสวยตาเป็ประกายพร้อมยิ้มอย่างมีเลศนัย ก่อนจะลากมารตีไปดูภาพเขียนชุดใหม่ สีสันจัดจ้าน มุมมองบิดเบี้ยว ราวกับกำลังตีแผ่อารมณ์ลึกๆ
เสียงนุ่มของชายหนุ่มดังขึ้นเบาๆ จากมุมห้อง เขาใส่เชิ้ตผ้าลินินสีขาวกับกางเกงสีเทาบางๆ ซึ่งแค่มองผ่านๆ ก็เห็นอย่างชัดเจนว่าเขาสวมแค่กางเกงตัวนอกเท่านั้น โครงหน้าของเขาดูอบอุ่นต่างจากจิรภาชัดเจน
“สวัสดีครับ คุณมารตี คุณปพนต์ ผมดีใจที่ได้เจอทุกคน ผมวรเมธ สามีของจิราภาครับ” เขายิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวใสเรียงแถวชัดเจน
มารตียิ้มรับ...ใจเต้นนิดๆ เมื่อสังเกตเห็นบางสิ่งที่ดันนูนตรงเป้ากางเกงของชายหนุ่ม
ทั้งหมดพากันเดินชมภาพหญิงสาวที่จิรภาวาดไว้ แสงไฟส่องเห็นเงาสองคนเดินเคียงกัน มารตีรู้สึกถึงความอบอุ่นจากฝ่ามือเล็กๆ ที่จิรภาค่อยๆ แตะใต้หลังมือเธอ
วรเมธชวนคุยถึงแรงบันดาลใจของภาพ “ภาพชุดนี้ผมวาดตอนจิรภาไปนอร์เวย์ เธอเขียนจดหมายเล่าเื่แสงเหนือให้ฟัง ผมก็เลยอยากจับอารมณ์นั้นไว้”
มารตีฟังแล้วพลันนึกถึงการเดินทางของตัวเองกับปพนต์ การแลกเปลี่ยนมุมมองทำให้หัวใจเธอเปิดกว้าง
จิรภานำน้ำองุ่นหมักในถังไม้โอ๊กจากสหรัฐฯ มานั่งจิบกันตรงโซฟาหนังวินเทจ “จิบช้าๆ แล้วปล่อยให้สีสันในปากมันพาเราไป”
มารตีเองก็ดื่มแล้วหลับตายามไวน์หวานซ่านคอ รู้สึกว่าศิลปะ คำพูด และกลิ่นไวน์ผนึกเป็ประสบการณ์ใหม่ที่ชวนให้หัวใจเต้นรัว
เสียงฝีเท้าเบาๆ เมื่อแสงแฟลชจากกล้องสลายไป จิรภาจับแขนมารตีเข้าไปใกล้ “คืนนี้ลองปล่อยใจดูนะรตี” ริมฝีปากของจิรภากระซิบใกล้ๆ กับลำคอของเธอ จนมารตีรับรู้แรงสั่นไหวในอก
มารตีแลกสายตากับปพนต์ เขาพยักหน้าช้าๆ รับรู้ว่าเธอพร้อมจะเปิดโลกใบใหม่อีกครั้ง “ฉันพร้อมแล้ว” เธอตอบในใจ ด้วยความรู้สึกที่ตื่นเต้น ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างจริงใจ
ในตอนนี้ มารตีจะได้เริ่มเปิดประตูสู่ “โลกศิลปะ” อย่างเต็มตัว ผ่านทั้งความงดงามและเสน่ห์ลึกลับของคู่ศิลปิน จิรภาและวรเมธ…
วันต่อมา...
แสงแดดยามสายทอดผ่านม่านผ้าบางเบาในสตูดิโอกลางเมืองที่ห้อมล้อมด้วยกลิ่นสี กาแฟ และกลิ่นเนื้อไม้…มารตีก้าวเข้าสู่พื้นที่แปลกใหม่ที่แตกต่างจากโลกของธุรกิจที่เธอคุ้นเคย
จิรภา ศิลปินสาวผู้มีดวงตาคมลึกและรอยยิ้มกวนๆ เดินเข้ามาใกล้ เธอสวมเสื้อเชิ้ตผู้ชายตัวใหญ่หลวมโคร่งแม้จะปลดแค่กระดุมสองเม็ดบนเท่านั้น แต่ก็มองทะลุเห็นสองเต้าอวบขาวผ่องที่ปราศจากสิ่งห่อหุ้มเด้งไปมาราวติดสปริงยามเธอก้าวเดิน ท่อนล่างสวมกางเกงผ้าแสนสบาย ผมเปียข้างเดียวที่ดูไม่ตั้งใจ แต่กลับยิ่งเน้นเสน่ห์ของเธอ ให้น่าค้นหามากขึ้น
“ลองปล่อยให้ตัวเองหายใจแบบไม่ต้องมีกรอบดูสักวันไหมจ๊ะรตี” เสียงของจิรภาดั่งเสียงดนตรีแจ๊สเบาๆ ในคาเฟ่ยามบ่าย ไม่เร่ง ไม่รีบ แต่พาให้รู้สึกอยากอยู่ต่ออีกนิด
วรเมธ คู่ชีวิตของจิรภา ร่างสูงโปร่ง สวมเสื้อยืดสีซีดกับกางเกงเปื้อนสี เขายิ้มอย่างอบอุ่น มือถือพู่กันเปื้อนสีในอากัปกิริยาที่เหมือนทุกอย่างเป็เื่ธรรมดา แต่มองลึกแล้วช่างเต็มไปด้วยจังหวะของชีวิต
“วันนี้เราจะวาดอะไรที่ไม่จำเป็ต้องสวยครับ แค่ให้ คุณ‘รตี’ ได้ปลดปล่อยสิ่งที่อยู่ข้างใน”
มารตีรับพู่กันด้วยมือที่ยังแข็งนิดๆ แต่ภายในกลับกำลังสั่นไหว เธอไม่เคยคิดว่าสีแดงเืนก สีฟ้าน้ำทะเล และสีทองหม่นบนผืนผ้าใบเปล่าๆ จะสามารถปลุกบางอย่างในใจของเธอให้ค่อยๆ ละลายออกมาเป็รูปร่างได้
เสียงเพลงคลอเบาๆ ในห้อง จิรภาเดินวนรอบมารตี เธอไม่จับจ้อง ไม่สอนตรงๆ แต่แค่ “อยู่ด้วย” อย่างเปิดกว้าง และนั่นกลับทำให้มารตีรู้สึกปลอดภัยอย่างน่าประหลาด
วรเมธหยิบผืนผ้าใบเปล่ามาอีกผืนหนึ่ง วางข้างๆ คู่กับมารตี และเริ่มวาดเช่นกัน แต่เขาไม่พูด ไม่ถาม แค่แสดงให้เห็นว่า “ทุกความรู้สึกมีสิทธิ์จะเป็ศิลปะ”
เมื่อเวลาผ่านไป มารตีเริ่มลืมแม้กระทั่งว่านี่คือ “การนัดพบ” เธอเริ่มหัวเราะกับเสียงพู่กันตก เริ่มหันไปสบตาจิรภากับวรเมธนานขึ้น และเริ่มยิ้มให้กับภาพสีเลอะเทอะที่ตนเองสร้างขึ้น
และในขณะนั้นเอง จิรภาเดินเข้ามาข้างหลังเธอ วางมืออุ่นๆ ลงบนบ่าของมารตีอย่างแ่เบา “บางที เราอาจไม่ต้องหาคำตอบว่าทำไมถึงรู้สึกแบบนี้… แค่ให้มันเป็อย่างที่มันควรเป็ก็พอ”
น้ำเสียงของจิรภาไม่ลึกซึ้งแบบปรัชญา แต่กลับััหัวใจของมารตีได้มากกว่าอะไรทั้งหมด เธอหันไปมองจิรภา ใกล้เสียจนเห็นแสงในตาคู่นั้น สาวสวยรู้สึกเหมือนกำลังจะถูกจูบ…แต่ไม่...
จิรภาแค่แตะเบาๆ ที่แก้มของเธอ และยิ้มเหมือนรู้ดีว่า “ทุกอย่างกำลังเริ่มต้น”
คืนนั้น มารตีกลับบ้านพร้อมกับสีที่ติดมือ และเลอะเต็มเสื้อ พร้อมด้วยหัวใจที่อบอวลด้วยพลังแปลกประหลาด มันไม่ใช่ความเร่าร้อนแบบที่ปพนต์เคยพาเธอไปัั แต่มันคือความ “เปิด” ที่เธอไม่เคยรู้ว่าตนเองมีถึงระดับไหน เธอหลับตาลงด้วยรอยยิ้ม และตื่นขึ้นพร้อมเสียงข้อความจากจิรภา
“พรุ่งนี้…มาวาดต่อไหมอีกไหมจ๊ะ?”
“ไม่ใช่วาดบนผ้าใบ แต่วาดภาพบนตัวของเราเอง ”
ห้องสตูดิโอในค่ำคืนวันเสาร์ถูกปรับแสงให้เหลือเพียงแสงสีส้มอบอุ่นจากโคมไฟเก่าๆ กับเทียนกลิ่นวานิลลาและไม้ซีดาร์ที่ค่อยๆ ถูกเผาไหมอย่างช้าๆ กลิ่นหอมลอยคลุ้งอยู่ทั่วห้องจนมารตีรู้สึกเหมือนหายใจเข้าไปพร้อมกับความฝัน ผืนผ้าใบขนาดใหญ่ถูกวางลงกลางห้อง แทนโต๊ะ แทนเตียง แทนคำพูด
จิรภาอยู่ในชุดคลุมผ้าไหมสีมะกอกซีด ผิวของเธอดูเหมือนจะเรืองแสงภายใต้แสงเทียน ส่วนวรเมธอยู่มุมห้อง กำลังจัดเตรียมขวดสีเจลใสใส่พู่กันนุ่ม กับผ้าเย็นสะอาดที่พับไว้อย่างประณีต
“คืนนี้เราไม่ใช้พู่กัน” จิรภาหันมายิ้มให้มารตี “เราจะใช้แค่...ปลายนิ้ว กับจินตนาการ”
มารตีนั่งลงบนพื้นพรมหนานุ่มใต้ตัว กับสายตาสองคู่ที่จ้องเธอเหมือนเธอคือผืนผ้าใบสีขาวที่ว่างเปล่ารอการแต่งแต้มสีลงไป มือของจิรภาแตะลงบนไหล่ของหญิงสาวเบาๆ อุ่น ละมุน และมั่นคงอย่างไม่น่าเชื่อ
สาวสวยไม่ได้ถอดเสื้อผ้าออกที่เดียวทั้งหมด แต่แค่ปลดกระดุมช้าๆ ทีละเม็ด เสียงกระดุมกระทบกันเบาๆ กลับดังก้องในใจ...ในที่สุดร่างงามก็เหลือเพียงชุดชั้นในลายลูกไม้สีขาวบางเบา
วรเมธเดินเข้ามา เงียบขรึมแต่เต็มไปด้วยพลัง เขาแตะสีเจลสีทองที่มือ แล้วค่อยๆ ไล่ปลายนิ้วไปตามต้นแขนมารตี ความเย็นของสี กับความร้อนจากปลายนิ้วของเขา ปะทะกันในจังหวะที่สมบูรณ์แบบ
“คิดว่าเธอคือผลงานชิ้นหนึ่ง” จิรภากระซิบที่ข้างหูเพื่อนสาว “ผลงานที่เราอยากรู้จักผ่านผิว ผ่านกลิ่น ผ่านทุกัั”
มารตีไม่ได้ตอบอะไร...ก่อนจะค่อยๆ รูดปราการชิ้นสุดท้ายออกจากร่างกาย แต่เธอเริ่มหลับตา ยอมให้ร่างกายเปลือยเป็ผืนผ้าใบว่างเปล่าที่สองศิลปินใช้ความรู้สึกแทนถ้อยคำ
มือของจิรภาเคลื่อนผ่านหลังเธอ ลากเส้นบางๆ ของสีฟ้าใสตามแนวกระดูกสันหลัง ส่วนวรเมธแตะสีแดงนุ่มไว้ที่ปลายนิ้ว ลากจากต้นคอไล่ลงจนถึงเนินอกอวบนุ่มมือ...หยุดลงตรงหัวใจ พลางขยับนิ้วคลึงไปมาช้าๆ ราวกับจะส่งัันั้นเข้าสู่ใจของมารตีโดยตรง
ทุกการแตะ ไม่ได้เร่ง ไม่ได้ผลัก ไม่ได้พยายามข้ามขั้น มันคือการเขียน...ด้วยการ “ฟัง” มารตีเริ่มรู้ตัวว่าร่างกายเธอกำลัง ‘เปล่งเสียง’ เสียงที่ไม่ได้ออกมาทางปาก แต่สะท้อนผ่านลมหายใจที่เริ่มหนักขึ้น ผ่านผิวที่ชื้นเหงื่อ และผ่านหัวใจที่เต้นแรงแบบไม่สามารถซ่อนได้อีก
จิรภาประคองใบหน้าของเธอ แล้วแนบริมฝีปากลงมาช้าๆ