ทำตามวิธีที่สกุลหูสอน กระต่ายของสกุลเหลียงก็เลี้ยงได้ไม่เลวจริงๆ เห็ดก็เก็บมาอบแห้งวางเก็บไว้ไม่น้อยด้วย คอยให้ถึงตอนราคาขึ้นสูงแล้วค่อยขาย
แต่กำไรเหล่านี้ล้วนยังไม่เห็นเป็เงินอย่างไรล่ะ
เฝิงซื่อมุ่ยปาก คงไม่ดีหากกล่าวออกไปว่านางจ้องสิ่งของของสกุลหูตาเป็มัน จึงบอกสกุลหูให้เงินนางเล็กน้อยโดยตรงดีกว่า
เหลียงซื่อฉวยโอกาสหัวเราะ ดึงเฝิงซื่อแยกออกไปจากกลุ่มคน
“ท่านแม่ ท่านคิดว่าข้าใช้ชีวิตผ่านไปด้วยดีเกินไปหรืออย่างไร เหตุใดต้องทำให้แม่สามีข้าไม่สบายใจ ท่านไม่เห็นสีหน้าแม่สามีข้าหรือว่าไม่ดีเพียงใด!” เหลียงซื่อโกรธจนเกือบจะร้องไห้อยู่รอมร่อ “ครั้งก่อนข้าเพิ่งให้ท่านไปสองเหลียง ทำไมท่านยังไม่รู้จักพออีก ท่านทำให้แม่สามีข้าไม่พอใจมากแล้ว ต่อไปหากข้า้ารวบรวมเงินส่วนตัวช่วยเสริมให้บ้านท่านพ่อท่านแม่ก็ยากแล้ว หรือที่จริงแล้วท่านคิดจะทำอะไรกันแน่?”
“ข้า… ข้ายังไม่ได้กล่าวอะไรเลยนะ การช่วยเหลือกันระหว่างญาติไม่ใช่ว่าสมควรแล้วหรือ แม่สามีเ้าจิตใจคับแคบขี้เหนียวเกินไปแล้ว” เฝิงซื่อพึมพำ คิดขึ้นได้ว่าครั้งก่อนบุตรสาวแอบยัดเงินสองเหลียงให้นาง ทำให้คิดได้ว่าตนเองไม่ควรทำให้หวังซื่อไม่พอใจจริงๆ ด้วย นางไม่รอช้าจึงฉีกยิ้มไปทางบุตรสาว “เอาล่ะ แม่รู้แล้ว ไม่คุยกันเื่พวกนี้แล้ว อีกเดี๋ยวแม่จะไปสำนึกผิดกับแม่สามีเ้าเอง”
อารมณ์ร้อนของเหลียงซื่อจึงค่อยๆ มอดลงได้
การพูดแทรกของเฝิงซื่อ ทำให้คนหนึ่งกลุ่มข้างประตูไม่เหมาะจะคุยอะไรกันอีก ต่างเป็ญาติและสหายสนิทสนมของสกุลหูทั้งสิ้น จ้าวเหวินเฉียงหัวหน้าหมู่บ้านไม่ได้รั้งอยู่ต่อ เฉิงเกอเอ่อร์หลานชายคนเล็กได้รับลมหนาว ส่วนหวงซื่อดูแลอยู่ที่บ้านเขาไม่ค่อยวางใจ จึงยิ้มและอำลาทุกคน หลังจากนั้นได้กลับบ้านไปก่อน
จ้าวสี่เหวินและภรรยาเป็ห่วงจ้าวหงยู่ผู้เป็บุตรสาวที่อยู่บ้าน บอกลาสกุลหูแล้วสองสามีภรรยาก็เตรียมกลับไป แต่เจินจูรั้งให้สองคนอยู่รอต่ออีกสักครู่ นางวิ่งเหยาะๆ ไปทางห้องครัว นำน้ำแกงไก่ครึ่งหม้อใหญ่สำหรับกู้ฉีที่เหลือไว้ทั้งหมดใส่ในถ้วยกระเบื้องเคลือบสะอาดใบหนึ่ง ให้สองผู้าุโเอากลับไปบำรุงร่างกายให้จ้าวหงยู่
สองสามีภรรยาไม่ได้บ่ายเบี่ยง กล่าวขอบคุณน้ำตาคลอ บุตรสาวกระดูกหักาเ็สาหัส เป็่ที่ต้องบำรุงร่างกายพอดี แต่ครอบครัวพวกเขาเพื่อรวบรวมเงินให้เพียงพอมอบให้แก่เหลียงหู่แล้ว ของมีค่าในบ้านสิ่งไหนขายได้ต้องขายไป มีนาลุ่มห้าหมู่ขายไปสามหมู่ แม่ไก่ฟักไข่แปดตัวขายทิ้งไม่เหลือไว้สักตัวเดียว เสบียงอาหารในอุโมงค์ใต้ดินก็ขายไปครึ่งหนึ่ง เสบียงที่เหลืออยู่ทานอย่างประหยัดหน่อยยังพอยืดเวลาออกไปได้ครึ่งปี สุดท้ายยังเป็หนี้สกุลหูหนึ่งก้อนใหญ่ ถึงรวบรวมเงินหย่าร้างนั่นให้เพียงพอได้
สองสามีภรรยาผู้าุโรักบุตรสาวอย่างสุดหัวใจ ตนเองทานรำข้าวกลืนผัก พยายามให้บุตรสาวได้ทานของดีขึ้นหน่อยอย่างเต็มที่ แต่ก็ได้เท่านั้นเอง กลับไม่มีความสามารถซื้ออาหารจำพวกเนื้อสัตว์บำรุงร่างกายให้นางได้เลย
สกุลหูมีจิตใจเมตตา ไม่เพียงให้เงินพวกเขายืม ยังจ้างจ้าวหงซานทำงานระยะยาวอีกด้วย หงซานไปทำงานได้ไม่กี่วัน แต่ทุกวันกลับมาบ้านในมือไม่เคยว่างเปล่า วันนี้กระดูกหมูพรุ่งนี้หางหมูวันต่อไปมันหมู ่นี้ร่างกายของหงยู่ล้วนอาศัยสิ่งเหล่านี้บำรุงให้กลับมาร่างกายแข็งแรง แม้ในใจพวกเขารู้สึกอับอายที่ต้องเป็ฝ่ายรับเช่นนี้ แต่สุดท้ายแล้วก็ยังคงหน้าหนารับของไว้ อย่างไรเสียตอนนี้ร่างกายของบุตรสาวเป็สิ่งสำคัญที่สุด เมื่อรักษาคนให้หายแล้วถึงจะสามารถทดแทนน้ำใจของคนคืนได้ไม่ใช่หรือ
ในใจสองสามีภรรยาฉลาดอยู่มาก สั่งให้บุตรชายและลูกสะใภ้ช่วยงานอยู่บ้านสกุลหู แล้วถือน้ำแกงไก่กลับไปด้วยความระมัดระวัง
ทางด้านนี้ หวงถิงเฉิงจูงหูอู้จูที่ไม่เต็มใจมาเอ่ยอำลาเช่นกัน
บิดาของเขาฝากคนหางานให้เขาในเมือง ทำงานนายบัญชี [1] อยู่ร้านขายของจิปาถะแห่งหนึ่ง ชายที่ทำงานบัญชีคนเดิมอายุมากแล้ว เตรียมกลับบ้านเกิดไปใช้ชีวิตวัยชรา กว่าเขาจะได้รับโอกาสทำงานเช่นนี้ได้ไม่ง่ายเลย เพิ่งไปไม่ถึงเดือน กำลังยุ่งอยู่กับการเรียนรู้วิธีจัดการบัญชีเงินเข้าและเงินออกในร้าน กับนักบัญชีชายชรา แต่วันนี้เขาต้องขอลาหยุดครึ่งวัน เพราะหูอู้จูไปรอเขาอยู่หน้าร้านเพื่อจะได้มาด้วยกัน ่บ่ายเลิกงานเลี้ยงแล้วยังพอมีเวลานิดหน่อย เขาจึงถือโอกาสกลับบ้านไปเยี่ยมผู้ใหญ่ในบ้านด้วยเลย
สามีของหลานสาวผู้นี้ หวังซื่อพึงพอใจเขาอย่างมาก แม้รูปลักษณ์หน้าตาธรรมดา แต่นิสัยอ่อนโยนไม่สุกเอาเผากิน ขณะนี้อยู่ในเมืองหางานมั่นคงได้ ทำให้หวังซื่อปลื้มใจมากขึ้นไปอีก
หวังซื่อเพิ่งให้หูฉางหลินกลับไปหยิบผ้าฝ้ายเนื้อละเอียดสีน้ำเงินแดงครึ่งพับ การไปเป็คนทำงานถึงในเมืองย่อมต้องสวมใส่เสื้อผ้าให้น่าเชื่อถือหน่อย จะได้ไม่ทำให้คนดูแคลนเอาได้
ผ้าครึ่งพับสามารถทำเสื้อผ้าได้หลายชุด เย็บเสื้อคลุมชายยาวให้เซียงกงของอู้จูหนึ่งชุด ที่เหลืออยู่ทั้งหมดก็เป็ของนาง! หูอู้จูกอดผ้าครึ่งพับอย่างเบิกบานใจตามหวงถิงเฉิงกลับไป
ที่เหลืออยู่คือครอบครัวของหวังหงเซิง หลิ่วฉางผิงกับภรรยา และจ้าวหงซานกับภรรยา ทั้งหมดต่างพากันช่วยจัดเก็บข้าวของเครื่องใช้ในครัวและโต๊ะเก้าอี้ที่อยู่เต็มลานบ้านอย่างไม่ต้องมีใครสั่ง
แม่ลูกหูชิวเซียงและเจี่ยงเสี่ยวเหยี่ยนมองดู แล้วทำเป็วิ่งเต้นไปซ้ายทีขวาที หยิบจับทำงานหยุมหยิมอยู่พักหนึ่ง
ทำได้ไม่นานจึงอ้างว่าเหนื่อย แล้วหลบอยู่ด้านข้างคุยซุบซิบกันขึ้น
เจินจูเก็บถ้วยและตะเกียบอยู่ ได้ยินการพูดคุยกันของท่านป้าและพี่สาวผู้เป็ลูกพี่ลูกน้องแว่วเข้าหูเป็ระยะๆ
ฟังไปฟังมา นางอดหัวเราะเยาะไม่ได้ ที่แท้คนในสกุลไม่ใช่ว่าไม่มีญาติชั้นยอด [2] แค่ชั้นยอดเหล่านี้ได้แต่งออกไปสร้างความหายนะให้คนอื่นแล้ว
สองแม่ลูกนี้กำลังถกกันเื่สิ่งของในห้องโถงใหญ่ของนางอยู่ ว่าสิ่งไหนสามารถขอเอาไปได้บ้าง
เจี่ยงเสี่ยวเหยี่ยนเน้นความชื่นชอบกระจกทองแดงดอกทานตะวันหกกลีบครั้งแล้วครั้งเล่า แต่หูชิวเซียงกลับจ้องผ้าไหมเนื้อละเอียดสีสว่างสดใสไม่กี่พับบนตู้เตียงนั้นตาเป็มัน สองคนซุบซิบกันเสียงเบาคิดว่าไม่มีคนได้ยินตนเอง
เจินจูมองพวกนางแวบหนึ่ง ใช้สองมือยกกองถ้วยตะเกียบเดินผ่านตรงหน้าพวกนางไปอย่างไม่มองไปด้านข้าง [3]
สายตาของเจี่ยงเสี่ยวเหยี่ยนหยุดอยู่บนกายที่สวมเสื้อสีเหลืองอ่อนฤดูใบไม้ผลิสว่างสดใสนั่น ความอิจฉาในดวงตาปิดไว้ไม่มิด หากเสื้อผ้าชุดนี้สวมอยู่บนกายนางจะต้องงดงามกว่ายัยเด็กผู้นั้นแน่นอน
“ท่านแม่ ทำไมเจินจูเหมือนเปลี่ยนไปจนคล้ายคนละคนกับคนเดิมเลยเ้าคะ ข้าจำได้ว่าเมื่อก่อนนางทั้งดำทั้งผอม ช่างไม่สะดุดตา หนึ่งปีกว่าที่ไม่ได้เจอ เหตุใดเปลี่ยนไปมากเพียงนั้นเ้าคะ?” โดยเฉพาะผิวขาวผ่องจนจะโปร่งแสงนั่น ไม่ได้ต่างไปจากนางเลย ผ้าเช็ดหน้าในมือของเจี่ยงเสี่ยวเหยี่ยนถูกบิดขึ้นมาอีกครั้ง
“นี่ไม่ใช่เพราะครอบครัวของท่านน้ารองเ้ามีเงินหรือ เมื่อก่อนยากจน ปกติทานข้าวธัญพืชและโจ๊กผัก สีหน้านั่นจะดูดีได้อย่างไร ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว เ้าดูงานเลี้ยงเมื่อครู่ เกือบทุกอย่างล้วนเป็กับข้าวที่มีเนื้อสัตว์ ทั้งปลา เนื้อ ไข่แต่ละอย่างไม่ขาด เ้าว่าทานของบำรุงเหล่านี้ทุกวัน ความเปลี่ยนแปลงจะไม่มากได้อย่างไรล่ะ ยิ่งไปกว่านั้น เด็กคนนี้ยังอยู่ใน่ร่างกายเจริญเติบโต ยิ่งบำรุงยิ่งมีน้ำมีนวลโดยไม่ต้องสงสัย” เมื่อสักครู่ตอนอาหารขึ้นโต๊ะ นางตกตะลึงจนเอ่ยอะไรไม่ออกเลย อาหารเผาก้นหม้อบ้านผู้ใดจะทำได้หลากหลายอุดมสมบูรณ์เพียงนี้ ล้วนแล้วแต่เป็อาหารเนื้อทั้งหมด เนื้อเยอะเต็มโต๊ะเพียงนี้ ต้องจ่ายเงินไปเท่าไรกัน
“นั่นก็ใช่ ท่านยายฝีมือครัวดี รสชาติอาหารยอดเยี่ยม ท่านแม่ ทำไมท่านไม่เรียนรู้ฝีมือบนเตาของท่านยายมาบ้างเ้าคะ?” เจี่ยงเสี่ยวเหยี่ยนบ่น ได้ยินว่าเป็เพราะฝีมือครัวท่านยายดี จนเข้าตาเ้าของร้านสือหลี่เซียงนั่น ่ฤดูหนาวปีก่อนก็อาศัยแค่การขายอาหารหมัก สกุลหูก็หาเงินได้มากมายแล้ว หากมารดาของนางสามารถเรียนรู้ฝีมือของท่านยายได้ เช่นนั้นบ้านนางก็ร่ำรวยขึ้นแล้วไม่ใช่หรือ
“…” หูชิวเซียงเงียบสนิท นางไม่ชอบงานสกปรกในห้องครัว จึงพาตัวเองไปช่วยห้องครัวน้อยมาก นางเรียนรู้จากหวังซื่ออยู่ระยะหนึ่งแค่่เตรียมแต่งงานออกไปในปีนั้นเท่านั้นเอง
...บนถนนทางการ เฉินเผิงเฟยขับเกวียนม้าด้วยความช่ำชอง
หลิวผิงนั่งอยู่ด้านข้างเขา ในมือพยุงตะกร้าไม้ไผ่สองใบอย่างระมัดระวัง กลิ่นกระต่ายกับไก่แรงเกินไป เขาทำได้เพียงนั่งดูแลพวกมันอยู่ข้างนอกแต่โดยดี
กู้ฉีเปิดหน้าต่างรถครึ่งหนึ่ง ลมฤดูใบไม้ผลิโชยเข้ามาเอื่อยๆ มีความหนาวเย็นเล็กน้อย เขารู้ว่าควรปิดหน้าต่างเพราะร่างกายยังไม่แข็งแรงดีจะโดนลมหนาวไม่ได้ แต่นอกหน้าต่างมีต้นไม้ใบหญ้าแตกหน่อสีเขียวเปี่ยมด้วยความมีชีวิตชีวาผุดขึ้น ดูแล้วทำให้จิตใจเขาสดชื่นและสบายใจ เขาผ่อนคลายปล่อยตัวเองตามสบายครู่หนึ่ง จนกระทั่งลำคอเกิดอาการไอขึ้นจึงปิดหน้าต่างลงด้วยความอาลัยอาวรณ์
ปิดปากไออยู่สองสามที ส่วนของปอดตรงหน้าอกเจ็บขึ้นมาเล็กน้อย กู้ฉีไม่ได้ใส่ใจ ความเ็ปเช่นนี้หากเทียบกับเมื่อก่อนแล้ว ไม่ควรค่าให้กล่าวถึงเลย
คิดถึงวันเวลาที่ไอจนหัวใจ ตับ ม้าม ปอด ล้วนเกือบเคลื่อนเ่าั้ กู้ฉีก็เจ็บแปลบตรงกระดูกซี่โครงขึ้นมาเบาๆ อย่างต่อเนื่องอีกครั้ง เขากดหน้าอกของตนเองไว้เบาๆ ััจังหวะเต้นสม่ำเสมอของหัวใจ จึงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ สงบจิตใจลงช้าๆ
หางตากวาดผ่านตะกร้าเล็กที่วางไว้มุมหนึ่งในรถม้า นั่นเป็ขิงสดชิ้นใหญ่ไม่กี่ชิ้นกับผักกุยช่ายเขียวหนึ่งกำของแม่นางน้อยให้มา ใบหน้าเล็กพูดคุยด้วยเสียงหัวเราะมีความสุขและอ่อนโยนปรากฏขึ้นตรงหน้า “เป็ของในบ้านปลูกไว้ทั้งหมด สดใหม่และสะอาด พี่ชายกู้อู่ทานข้าวมากๆ ร่างกายต้องดีขึ้นได้เร็วแน่นอน”
นำตะกร้าขึ้นมาวางบนขา กลิ่นเผ็ดมีเอกลักษณ์ของขิงสดโชยเข้าจมูกโดยตรง ในใจกู้ฉีอบอุ่นขึ้น หยิบขิงชิ้นอวบสมบูรณ์ชิ้นหนึ่งขึ้นเข้าใกล้ปลายจมูก ได้กลิ่นเฉพาะของขิงในระยะใกล้ ไม่ได้รู้สึกว่ากลิ่นขิงแรงเสียดจมูกอีกแล้ว
ไม่นานรถม้าก็หยุดลงหน้าประตูร้านฝูอันถัง กู้จงรออยู่หน้าประตูนานแล้ว
“คุณชายขอรับ มีจดหมายด่วนจากจวนแปดร้อยลี้” กู้จงก้าวสวบๆ ไปข้างหน้า ไม่รอให้กู้ฉีได้ลงจากรถม้าแล้วนำจดหมายยื่นส่งไป ใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวล
ทุกคนตรงนั้นต่างชะงักงัน กู้ฉีออกเดินทางไกลตามหาท่านหมอรักษา ที่บ้านมีเพียงมารดาที่ห่วงใยเขา และเขาเพิ่งได้รับจดหมายจากมารดาเมื่อสองวันก่อน แล้วจดหมายด่วนแปดร้อยลี้นี่เกิดอะไรขึ้น?
กู้ฉีขมวดคิ้วเล็กน้อย เปิดจดหมายอ่านเนื้อหาจนจบอย่างละเอียด
“คุณชาย ในจวนเกิดเื่ใหญ่อะไรขึ้นหรือขอรับ?” กู้จงกระวนกระวายใจมาก ครอบครัวของเขาล้วนเป็คนรับใช้อยู่ในจวน ความเจริญรุ่งเรืองและทรุดโทรม หรือความมีเกียรติและเสื่อมเกียรติของสกุลกู้ ต่างมีความเชื่อมโยงอย่างยิ่งใหญ่กับพวกเขาทั้งสิ้น
“ท่านย่าป่วยหนัก ท่านพ่อให้ข้ากลับเมืองหลวงไปเยี่ยม” สีหน้ากู้ฉีหนักใจ กล่าวว่าไปเยี่ยม... ไม่ใช่ว่าท่านย่าป่วยเกินเยียวยาหรือ ผู้เป็บิดาคงไม่มีทางส่งจดหมายจากแปดร้อยลี้เพื่อบอกให้เขารีบกลับเมืองหลวงไปอย่างแน่นอน และต่อให้บิดาเ็าต่อเขาแค่ไหนก็จะคำนึงถึงความปรารถนาของมารดาเสมอ ฉะนั้นไม่มีทางให้เขาลากร่างกายอ่อนแอเพราะความเจ็บป่วย และเร่งเดินทางกลับเมืองหลวงแน่
“ฮูหยินใหญ่ป่วยหนัก? เป็ไปได้อย่างไร? ตอนเหล่าหนี่ว์นำของขวัญกลับไปมอบให้ ฮูหยินใหญ่ยังเรียกเหล่าหนี่ว์เข้าพบเป็พิเศษด้วย ร่างกายตอนนั้นยังดีมากอยู่เลยนะขอรับ?” กู้จงใมาก ปีนี้ฮูหยินใหญ่สกุลกู้เพิ่งหกสิบปีต้นๆ มีเมตตาและอัธยาศัยดีมาตลอด นอกจากรูปร่างอ้วนท้วม ในยามปกติไม่ได้ยินว่ามีโรคภัยไข้เจ็บอะไรนี่
บนจดหมายของบิดาไม่ได้เอ่ยถึงว่าท่านย่าป่วยเป็อะไร แต่ลายลักษณ์อักษรในจดหมายค่อนข้างฉุกละหุก คิดได้ว่าผ่านการตรวจโรคโดยท่านหมอมีชื่อเสียงมาแล้ว และอาการป่วยคงรุนแรงอย่างมาก
“คุณชาย เช่นนั้นตอนนี้พวกเราจะทำอย่างไรขอรับ?” เฉินเผิงเฟยรื้อเอาของบนรถม้าลงมาแล้วเป็ฝ่ายเริ่มถาม
“ท่านย่าป่วยหนัก แน่นอนว่าต้องกลับเมืองหลวงไปเยี่ยม กู้จง เ้าไปเก็บข้าวของเดินทาง พรุ่งนี้พวกเราจะออกเดินทาง” กู้ฉีกล่าวเสียงหนักแน่น
สกุลกู้นอกจากมารดาของเขาแล้ว หญิงชราสกุลกู้ก็ดูแลเขาได้ไม่แย่เลย ส่งแม่นมข้างกายมาเยี่ยมเข้าทุกสามวันห้าวัน มีเวลาว่างมักมาเยี่ยมเขาด้วยตัวเอง แน่นอน ลูกหลานเหลนโหลนของหญิงชราสกุลกู้มีไม่น้อย เวลาว่างจึงมีไม่มาก
“แต่คุณชายขอรับ สุขภาพของท่านในตอนนี้เพิ่งดีขึ้นได้นิดหน่อย จะเร่งเดินทางไกลที่ยากลำบากด้วยความตื่นใเช่นนี้ได้อย่างไรขอรับ” กู้จงใบหน้ากลัดกลุ้ม ตอนแรกที่พวกเขาออกจากเมืองหลวง ร่างกายของกู้ฉีไม่ดี ทำให้การเดินทางต้องรีบเร่งอยู่บนถนนวันสองวัน แล้วพักผ่อนอีกหนึ่งหรือสองวัน เดินทางล่าช้ากันอยู่เช่นนี้
“ไม่เป็ไร วันนี้ข้ารู้สึกว่าดีขึ้นมากแล้ว เร่งเดินทางไม่กี่วันน่าจะไม่มีอะไรขัดข้อง” กู้ฉีจับมือของหลิวผิงลงจากรถม้า รู้สึกขาของตนเองมีเรี่ยวแรงไม่น้อย วันนี้ออกจากบ้านครึ่งค่อนวันไม่ได้รู้สึกเหนื่อยล้าอ่อนเพลียตรงไหน
กู้จงหลุบใบหน้าลงต่ำ นั่นไม่ใช่เร่งเดินทางไม่กี่วันนะ ถ้าใช้ความเร็วของพวกเขา เร็วที่สุดก็ประมาณครึ่งเดือนจึงจะสามารถไปถึงเมืองหลวงได้
เชิงอรรถ
[1] งานนายบัญชี คือ ตำแหน่งหน้าที่เกี่ยวกับจัดการด้านการเงินจำพวกรายรับรายจ่ายของร้านค้าในยุคโบราณ
[2] ญาติชั้นยอด ในที่นี้ความหมายตรงกันข้ามกับการเป็ญาติที่ดี คือ ญาติที่ไม่มีความเมตตากรุณา จิตใจคับแคบ
[3] ไม่มองไปด้านข้าง หมายถึง สายตาจริงจัง สีหน้าเคร่งขรึม