“พี่สะใภ้ นี่มันหนังสือที่ท่านคัดไม่ใช่หรือ เหตุใดต้องบอกให้ไปซื้อที่ร้านจี๋ฮุ่ยด้วย? พวกเราขายกันเองน่าจะได้เงินเยอะกว่าขายให้ร้านจี๋ฮุ่ยเสียอีก!” เจียงหงหนิงพูดเสียงเบา และเพราะในปากมีซี่โครงอยู่ เวลาพูดจึงทำท่าทางปากพูดด้วยเสียงอู้อี้ ทว่าสีหน้าเขากลับเคร่งขรึม ทำเอาหลินหวั่นชิวอยากหัวเราะ
นางจิ้มหน้าผากเจียงหงหนิง “เ้านี่นะ…หนูน้อยเห็นแก่เงิน! โลกนี้มีเงินตั้งมาก พวกเราไม่มีทางเก็บได้หมด จะทำสิ่งใดก็ควรเหลือช่องทางให้ผู้อื่นด้วย อีกอย่าง ตอนนี้เ้าเรียนที่สถานศึกษา น่าจะรู้เช่นกันว่าคนเรียนหนังสือถือตัวเป็ที่สุด หากเ้าเอาหนังสือเข้าไปขายจะถูกเพื่อนๆ ในสถานศึกษาดูถูกและทิ้งให้เ้าต้องโดดเดี่ยว”
“เหอะ ดูถูกข้าเช่นนั้นหรือ? ถ้าพวกเขาเก่งนักก็อย่าใช้เงินสิ!” เจียงหงหนิงไม่ค่อยเข้าใจคำพูดของหลินหวั่นชิว เขามองว่าหาได้มากได้น้อยก็เป็เงินทั้งนั้น เป็เงิน!
เสียดาย
“เ้าเด็กคนนี้นี่ อย่ามาดื้อกับข้า เ้าลองคิดดูเถิด หากเขาไม่ชอบเ้า ทิ้งให้เ้าโดดเดี่ยวหรืออาจถึงขั้นรังแก เ้าจะทำอย่างไร? เ้าอาจมีวิธีไปแก้ไขก็จริง แต่นั่นก็ต้องเปลืองแรงไม่ใช่หรือ? ถ้ามีเวลาขนาดนั้น เ้าเอาเวลาไปอ่านหนังสือไม่ดีกว่าหรือ?” คนเรียนหนังสือส่วนใหญ่ในยุคนี้เป็พวกคร่ำครึ เจียงหงหนิงเข้าไปอยู่ในกลุ่มแล้วจะทำเช่นเดิมอีกไม่ได้ ห้ามออกนอกกรอบเกินไป
“อื้ม ข้าเข้าใจแล้วขอรับพี่สะใภ้ ข้าจะทำตามที่ท่านว่า” เจียงหงหนิงเป็เด็กหัวแข็งดื้อรั้นแต่มีข้อดีหนึ่งอย่าง นั่นคือเชื่อฟังพี่สะใภ้!
ไม่ว่าเขาจะเข้าใจหรือไม่ก็ต้องจำไว้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน
อีกอย่าง เขารู้สึกเช่นกันว่าที่พี่สะใภ้พูดมีเหตุผล
ถ้ามีเวลาไปจัดการเื่พวกนั้น สู้เอาเวลาไปอ่านหนังสือเสียดีกว่า!
เขาจะสอบบัณฑิต และเขาคือคนที่จะทูลขอราชโองการแต่งตั้งให้พี่สะใภ้!
“เอาเถิด ยกกับข้าวไปกินที่ห้องเอ้อร์เกอเ้า” หลินหวั่นชิวเห็นว่าเ้าตัวน้อยยอมเชื่อฟังก็ยีหัวเขา
เลี้ยงมาตั้งนาน เด็กคนนี้ทั้งสีหน้าดีขึ้นทั้งมีเนื้อมีหนัง ใบหน้าดวงน้อยจ้ำม้ำน่ารักมาก บวกกับเด็กคนนี้หน้าตาดีเป็ทุนเดิม ใบหน้าราวกับตุ๊กตา นับว่าพิเศษกว่าผู้อื่น
หลินหวั่นชิวอดคิดไม่ได้ หากเจียงหงหย่วนไม่มีแผลเป็บนใบหน้า ไม่แน่ว่าเขาอาจจะเป็หนุ่มหล่อเหมือนกัน
แต่แผลเป็บนหน้าเขาจางลงบ้างแล้ว หากกินโอสถชำระไขกระดูกอีกเม็ด…แผลเป็บนใบหน้าเขาจะหายไปหรือเปล่า?
หลินหวั่นชิวคำนวณดู นางยังมีเหลือโอสถชำระไขกระดูกแบบเต็มเม็ดเหลืออยู่สองเม็ด ตัดสินใจแบ่งให้เจียงหงหย่วนอีกหนึ่งเม็ด
ผู้ใดใช้ให้เขาเป็เสาหลักของบ้านนี้กันล่ะ ไม่แน่ว่าอาจขึ้นเขาไปล่าสัตว์อีก ต้องบำรุงให้แข็งแรงถึงจะดี
แม้ในบ้านจะมีบ่าวใช้แล้ว แต่หลินหวั่นชิวก็ไม่ได้ตามใจเด็กทั้งสอง สิ่งใดที่พวกเขาทำเองได้ก็ให้ทำเอง อย่างเช่นการยกกับข้าว
เจียงหงหนิงเดินไปกลับสองรอบ เจียงหงป๋อตามมาด้วยหนึ่งรอบ ทั้งคู่ยกอาหารไปที่ห้องฝั่งตะวันตก
“พี่สะใภ้ คืนนี้หย่วนเกอไม่กลับมาทานข้าวหรือ?”
“ไม่กลับ น้องหงฮวาไม่ต้องกังวล รีบกินเถิด!” หลินหวั่นชิวจงใจเน้นเสียงที่คำว่ากังวล ทำให้จ้าวหงฮวาใบหน้าเปลี่ยนเป็สีแดง
หวางฟู้กุ้ยเสริมว่า “นั่นน่ะสิ เจียงต้าเกอโตตั้งขนาดนั้นแล้ว ทั้งยังเป็บุรุษ สตรีควบคุมไม่ได้ว่าบุรุษจะทำกระไรอยู่ด้านนอก ขนาดพี่สะใภ้ยังไม่กังวล เหตุใดเ้าถึงกังวล”
จ้าวหงฮวา “…”
กลางราตรี สวีเทาลากสตรีสาวนางหนึ่งเข้าไปในตรอกลึกด้วยความโมโห ขอทานคนหนึ่งมองอยู่หน้าตรอกแต่ไม่กล้าตามเข้าไป คนด้านในคุยกระไรกันก็ฟังไม่ค่อยชัด
ไม่นาน มีมือปราบเดินมาทางนี้ ขอทานไม่กล้าอยู่ดูอีก รีบวิ่งหนีไป
“เหล่าสวี เ้าทำกระไร?” มือปราบะโเขาไปในตรอก
สวีเทารีบเอาตัวบังหลินซย่าจื้อ ะโกลับไปว่า “เ้ากลับศาลากลางไปก่อนเถิด เดี๋ยวข้าตามไป ขอฉี่ก่อน อั้นไม่ไหวแล้ว”
“ได้ งั้นข้าไปก่อนล่ะ!”
หลังคนจากไป สวีเทาถามหลินซย่าจื้อด้วยความโมโหเล็กน้อย “เหตุใดเ้าถึงมาที่นี่? บอกแล้วไม่ใช่หรือว่าเ้าห้ามมาหาข้าที่ตำบล?”
“ก็ข้าร้อนใจไม่ได้หรือ? เหตุใดเื่นั้นไม่มีความเคลื่อนไหวเสียแล้ว เหตุใดบ้านตระกูลเจียงถึงกำลังสร้าง?”
สวีเทาพูดด้วยความโกรธแค้น “ก็เพราะท่านลุงผู้แสนดีของข้ารู้แล้วน่ะสิว่าข้าคือคนที่แอบก่อเื่อยู่เื้ั! เขาอยากได้บ้านหลังนั้น พูดชัดเจนว่าไม่ให้ข้าทำสิ่งใดอีก”
“เช่นนั้นทำอย่างไรดี?” หลินซย่าจื้อลนลาน เนื้อชิ้นมันกำลังจะลอยไปเข้าปากผู้อื่น ใจนางเหมือนถูกคว้าน
“จะทำกระไรได้? พ่อตาข้าพอจะกดเขาได้อยู่ แต่บ้านที่ลูกชายเขาแต่งงานด้วยเป็ถึงผู้ช่วยนายอำเภอ! ผู้ช่วยนายอำเภอต่างหากที่นับว่าเป็ขุนนางของราชสำนัก! พอเถิด ข้าต้องไปแล้ว เ้ากลับหมู่บ้านไปก็อยู่นิ่งๆ เสียหน่อย อย่าสร้างปัญหาเพิ่ม หากท่านลุงข้าแค้นใจเ้า ข้าเองก็คงช่วยไม่ได้”
“เหอะ เ้ากล้าไม่ช่วยข้าหรือ! สวีเทา เ้าเสร็จกิจใส่กางเกงแล้วก็ลืมเลยใช่หรือไม่ จินเป่าเขาเป็...”
“ไอ๊หย๊า รีบหุบปากเถิด!” สวีเทารีบเอามือปิดปากนาง “ข้าบอกว่า เ้ากลับหมู่บ้านไปแล้วอย่าทำกระไรโง่ๆ ให้ข้าคิดหาวิธีดูก่อน! ข้าดูแล้วนอกจากเื่บ้าน ตระกูลเจียงน่าจะยังมีเงินอีกมาก เ้าวางใจเถิด ต่อให้เนื้อข้างปากจะลอยไปหาผู้อื่น ข้าก็ต้องกัดแบ่งออกมาได้สักเสี้ยว”
“ได้ เช่นนั้นจินเป่าล่ะ เื่เรียนของจินเป่าจะมัวชักช้าไม่ได้” หลินจินเป่าสอบเข้าสถานศึกษาชิงซงไม่ผ่าน ทำได้เพียงส่งไปเรียนที่สถานศึกษาจิ่วไท่ แต่ค่าเล่าเรียนของที่นั่นสูงมาก ภรรยาของสวีเทาจับตาดูเป็อย่างดี เขาจึงยังเอาเงินมาไม่ได้
“อีกสองวัน อีกสองวันข้าจะเอาเงินมาให้” สวีเทาพูด “เอาล่ะๆ ข้าต้องไปแล้ว เ้าเองก็รีบกลับไป อยู่ข้างนอกนานเดี๋ยวจะโดนสงสัย”
“คนผีทะเล!”
ก่อนสวีเทาจากไป เขาได้ััร่างกายของหลินซย่าจื้อ นางส่งเสียงด่าเขา มองแผ่นหลังบุรุษหนุ่มเดินออกไปจากตรอก เห็นเขาไม่ได้ส่งสัญญาณใดๆ ก็รู้ได้ว่าด้านนอกไม่มีผู้ใด นางรีบจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยแล้วเดินออกไปเช่นกัน
จ้าวสุ่ยเซิงมาเดินเตร่ที่ตำบลในวันต่อมา ถูกขอทานคนหนึ่งดึงตัวมาด้านข้าง ทั้งคู่ย่อตัวนั่งที่มุมกำแพง จ้าวสุ่ยเซิงหยิบหมั่นโถวแป้งหยาบสองลูกออกมาให้ขอทานหนึ่งลูก “แม่ข้าทำเอง กินแก้ขัดไปก่อนเถิด”
ขอทานรับมากินคำโต กินเสร็จก็พูดกับจ้าวสุ่ยเซิงว่า “เมื่อคืนข้าเห็นสวีเทาตามสตรีนางหนึ่งเข้าไปในตรอก แต่มีผู้อื่นผ่านมา ข้าจึงไม่กล้าจ้อง”
“สตรีหรือ? เ้าเห็นหน้าหรือไม่ว่าเป็ผู้ใด?” จ้าวสุ่ยเซิงรีบถาม
