“คุณปู่ อย่าบอกนะว่าปู่เตรียมจะไปร่วมงานประมูลด้วยน่ะ” ณ บ้านตระกูลหนิว ชายชราท่าทางกระฉับกระเฉงผู้หนึ่งตื่นมาเปลี่ยนชุดใหม่และปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าผู้คนั้แ่เช้าชายชราผู้นี้มีชื่อว่าหนิวเจิ้นซานเป็ปู่ของหนิวเหมิ่งและเป็หนึ่งในนายทหารชั้นสูง อัจฉริยะบุรุษที่ยังมีชีวิตอยู่
“เด็กเวร กลับมาแล้วปู่จะจัดการแก ปู่ตามเช็ดก้นให้แกตั้งหลายครั้งแกมีเหล้ารสเลิศแต่ไม่ให้ฉันชิมก็แล้วไปแต่แกกับไอ้เด็กโม่เป่ยเฟิงมีความสัมพันธ์ดีขนาดนั้นแต่ไม่บอกเขาให้เหลือบัตรเข้างานประมูลให้ปู่สักใบเดียวสุดท้ายถ้าไม่ใช่เพราะพวกตาแก่เขตทหารมาบอกปู่นะ ฉันก็ไม่รู้จริงๆ ว่าหนิวเหมิ่งนายน้อยรองเหมิ่ง หลานชายฉันจะเก่งขนาดนี้ ทั้งกินดีอยู่ดี โยนปู่ทิ้งไว้ไกล” หนิวเจิ้นซานมองหนิวเหมิ่งพร้อมกับพูดขึ้นด้วยความไม่สบายใจ
“คุณปู่ เข้าใจผิด เข้าใจผิดกันแน่ๆ ผมดื่มเหล้าไปแล้วแต่ก็ไม่ได้ดื่มจนสมใจอยาก ปู่ชอบความสงบสุขมาตลอดผมจะไปกล้าหาบัตรเข้าประตูงานประมูลให้ปู่ที่ไหนกันล่ะ ที่นั่นเสียงดังจะตาย” หนิวเหมิ่งยิ่งพูดเสียงยิ่งเบา
“ใช่ ปู่ชอบความสงบ หนิวเหมิ่ง แกมันร้ายจริงๆ ปู่อยากสงบสุขนะเมื่อก่อนปู่เป็ทหารค่ายทหารปืนใหญ่ ได้ยินเสียงปืนดังขาก็อ่อนแล้วปู่เป็คนประกาศอิสรภาพหัวซย่าของพวกแกยังไงล่ะ ปู่ชอบความสงบสุข ไสหัวไป!” หนิวเจิ้นซานมองหนิวเหมิ่งแล้วก่นด่าเสียงดัง
“คุณปู่ ผมไป ผมจะไปเดี๋ยวนี้ แต่ผมขอเตือนอะไรคุณคำนึงนะ” หนิวเหมิ่งพูดพลางวิ่ง
“ก็ฟังกูปกตินี่” หนิวเจิ้นซานบ่นยิ้มๆ “ไม่เอาเงินไปแล้ว! ไปร่วมสนุกดีกว่า”
“พ่อครับ มีบางเื่ที่ผมต้องพูดกับพ่อวันนี้พ่ออย่าประมูลเหล้าในงานประมูลเลยนะ ผม ชีเวยหลินจื่อหลงพนันกับคนอื่นเรียบร้อยแล้วว่าเหล้าทุกจินเหล้าสามจินนี่ขายไม่เกินล้านนึง แต่ถ้าแพ้ พวกเราก็จะต้องขอเงินหน่อยนึง” ฉินฉู่เฟิงพูดเบาๆ กับพ่อของตนเอง
ในวันนั้นหลังจากที่ลูกเศรษฐีทั้งสามกลับไปพวกขี้เมาตื่นขึ้นมาก็พบว่าอาจจะเกิดเื่กับทั้งสามคนเหล้าที่ดื่มในวันนี้นั้นอร่อยจริงๆ จากนั้นทั้งสามคนก็ตามหาชื่อของเหล้านั่นจึงได้รู้ว่าเหล้าสามจินที่โรงเรียนฟู่จงขายในคราวนั้นมีมูลค่าถึงร้อยกว่าล้านตกจินละประมาณหลายสิบล้าน หากเป็เช่นนั้น ทั้งสามคนดื่มไปหกจินก็เป็สามร้อยล้านแม้ว่าเงินจำนวนนี้ทั้งสามตระกูลจะจ่ายให้ได้ทว่าคนอื่นที่มาบ้านอาจนำเื่นี้ไปพูดต่อได้
“งั้นที่พวกเธอพนันในครั้งนี้ได้แพ้แน่นอน อย่าว่าแต่ล้านนึงเลยเป็พันล้านก็หยุดไม่ได้หรอกหลายวันก่อนฉันได้ยินข่าวมาว่าราคาต่ำสุดเหล้านี่คือหนึ่งพันล้านแล้ว” ฉินซิงไป๋พูดยิ้มๆ เขาไม่ได้เดือดร้อนอะไรกับคำพูดของลูกชายตน
“อะแฮ่มๆ สรุปแล้วพ่ออย่าไปร่วมงานด้วยเลยนะ จินละสิบล้านนี่ก็โหดไปหน่อย” ฉินฉู่เฟิงพูดเบาๆ
“จินละสิบล้านแพงมากเลยจริงๆ นั่นแหละ เฮอะๆ ไว้แกคอยดูก็แล้วกันเหล้านี่มีอยู่แค่สามจินก็ไม่ใช่ว่าฉันจะแย่งมาได้” ฉู่ซิงไป๋พูดยิ้มๆโดยไม่ได้สังเกตเห็นสีหน้ามืดมนของลูกชาย
เื่ดังกล่าวก็เกิดขึ้นที่บ้านตระกูลหลินและตระกูลชีด้วยเช่นกันลูกเศรษฐีทั้งสามเพิ่งจะรู้สึกว่าครั้งนี้จะได้มีปัญหาจริงๆ เสียแล้ว
ห้างประมูลหัวซย่าเป็ดั่งผู้นำของห้างประมูล ไม่ว่าจะเมืองไหนๆขอเพียงแค่เป็งานประมูลของห้างประมูลหัวซย่าก็จะไม่มีที่นั่งว่างในงานหลายคนใช้ความสามารถในการเข้าร่วมงานประมูลหัวซย่าเป็สัญลักษณ์แสดงสถานะทางสังคมอย่างหนึ่งและในทุกๆ งานประมูลก็จะเป็งานพบปะพูดคุยกันของคนในวงการต่างๆ เช่น วงการธุรกิจวงการการเมือง และวงการทหาร ครั้งนี้เองก็เช่นกันผู้ประกอบการที่ไม่เคยปรากฏตัวในงานประมูลมาก่อนต่างทยอยกันมาในงานทำเอาหลายคนสับสนกันไปหมด
“ท่านอาจารย์มาได้ยังไงเนี่ย” แม้หนิวเหมิ่งจะรู้ว่ากัวไฮว่กับเซียวอวิ๋นเทียนรู้จักกันทว่าเมื่อได้เห็นเซียวอวิ๋นเทียนในวันนี้แล้วหนิวเหมิ่งก็อดใไม่ได้ถ้าจะพูดถึงเกียรติละก็ กัวไฮว่ผู้นี้มีเกียรติมากเลย
“เสี่ยวหนิว ่นี้ไม่เลวเลยนะเนี่ย บรรลุเซียนเทียนระยะกลางแล้วอยากเรียนฝ่ามือแปดทิศบ้างหรือเปล่า ฉันสอนให้เธอได้นะ” เยี่ยจือชิว หัวหน้าสำนักฝ่ามือแปดทิศพูดยิ้มๆ
“อาจารย์อาเยี่ย อาจารย์ผมอยู่นี่ คุณจะมาเลื่อยขาเก้าอี้แบบนี้ไม่ดีนะแต่ผมบอกข่าวดีให้ก็ได้ว่าพี่เป่ยเฟิงบรรลุเขตแดนเซียนเทียนแล้วนะ” หนิวเหมิ่งพูดยิ้มๆ ในตอนนี้เองเยี่ยจือชิวยิ้มไม่ออกแล้วเขามองหนิวเหมิ่งจากนั้นก็มองเซียวอวิ๋นเทียน เซียวอวิ๋นเทียนไม่ได้หลอกตนจริงด้วยไม่ได้การ ไม่ว่าจะอย่างไรครั้งนี้ก็ต้องทำความรู้จักกับผอ.คลินิกไม่เมืองอู่เฉิงคนนี้ให้ได้
“เหล่าเซี่ย แกก็มาด้วยเหรอ” เยี่ยจือชิวเห็นเซี่ยอวี่ขุยเ้าสำนักหมัดเจ็ดพิการก็พูดขึ้นอย่างยิ้มแย้ม
“เหล่าเซียวไม่ได้เื่เลย คุยกันไว้แล้วว่าจะมาจากอู่เฉิงกับฉันไม่คิดเลยว่าจะมาถึงก่อน จือชิว อย่าหาว่าฉันไม่ได้เตือนแกเลยนะยาในวันนี้ต้องประมูลให้สุดกำลังเลยนะ ถ้างานประมูลครั้งนี้สิ้นสุดลงก็ไม่รู้ว่าครั้งหน้าจะมีอีกเมื่อไหร่” เซี่ยอวี่ขุยพูดยิ้มๆ ่นี้เซี่ยอวี่ขุยอารมณ์ดีมากเพราะศิษย์พี่ของเขาหายดีแล้วหมัดเจ็ดพิการก็อยู่ห่างจากความรุ่งโรจน์เหมือนเมื่อก่อนไม่ไกลแล้ว
“ท่านอาจารย์ มาแล้วเหรอครับ เชิญอาจารย์อา อาจารย์ลุงเข้ามาข้างในก่อนเถอะครั้งนี้จะโทษผมไม่ได้นะครับ คนที่มาเป็คนใหญ่ๆ ทั้งนั้นเลยไม่เหลือที่นั่งดีๆไว้เลย” พูดเสร็จโม่เป่ยเฟิงก็หาข้ออ้างมั่วซั่ววิ่งหนีไป
“เด็กเวร ตั้งใจจะทดสอบหน่อยว่าเขตแดนเซียนเทียนแล้วจริงหรือเปล่าก็วิ่งไปเสียแล้ว” เยี่ยจือชิวก่นด่าอย่างยิ้มๆ จากออร่าของโม่เป่ยเฟิงเมื่อสักครู่เขาก็ััได้ว่าโม่เป่ยเฟิงเป็เขตแดนเซียนเทียนแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย
“บอสคะ เพิ่มมาแปดพันที่นั่งแล้วค่ะ แต่ก็ดูเหมือนว่ายังจะไม่พอ” หลี่โม่หานพูดเบาๆ
“เสี่ยวหาน ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าถ้าอยู่กันสองต่อสองเรียกชื่อฉันก็ได้เรียกฉันว่าพี่ใหญ่โม่สิ ทำไมเรียกว่าบอสอีกแล้ว” โม่เป่ยเฟิงพูดยิ้มๆ “แต่ก็เพิ่มที่นั่งแล้ว แต่ปัญหาเื่ความปลอดภัยก็ทำฉันปวดสมองอยู่ดีถ้าคนมาครบแล้วก็ปิดประตูเลย ฉันติดต่อประธานบริษัทตี้ตูเฟิงไว้แล้วพวกเขาจะทำการถ่ายทอดสดตลอดงานประมูลในครั้งนี้”
“เฮอะๆ พี่ใหญ่โม่ ฉันว่าหลังจากงานประมูลในครั้งนี้นะชื่อของพี่คงดังไปทั้งเมืองหลวง ไม่สิ ทั่วทั้งหัวซย่าแน่นอน” หลี่โม่หานพูดยิ้มๆ
“ไม่รู้จะได้ดังหรือเปล่าแต่ทั่วทั้งหัวซย่าได้รู้จักน้องกัวไฮว่กับคลินิกไม่ของเขาแน่” โม่เป่ยเฟิงพูดยิ้มๆ “ไปเถอะ วันนี้เราก็ไปัับรรยากาศในงานกันรอให้เสร็จแล้วค่อยไปแดนเซียนในแดนมนุษย์กัน ให้กัวไฮว่เลี้ยงข้าวสักหน่อย ฮ่าๆ”
หลี่โม่หานถูกโม่เป่ยเฟิงจูงมือจากหลังเวทีไปยังห้องที่เตรียมไว้แล้วก่อนงานประมูลด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ
“พี่ซยงเฟิง ไม่เจอกันนานเลย เหมือนจะรู้สึกว่าพี่เด็กลงกว่าเมื่อก่อนเยอะเลยนะกินยาบำรุงอะไรไปเหรอ บอกทุกคนหน่อยสิ” เซวียนหยวนซยงเฟิงพูดคุยอยู่กับเหล่าผู้นำตระกูลอยู่ที่บริเวณแขกกิตติมศักดิ์ในตอนนั้นเอง เสียงที่ทำเขารู้สึกไม่สบายใจก็ดังขึ้นข้างหู หนานกงโหมวเช่อผู้นำตระกูลหนานกงพูดขึ้นอย่างยิ้มแย้ม
“ฉันก็นึกว่าใครอีก เสียงนี่อย่างกับถูกตอนมาไม่สะอาดที่แท้ก็น้องโหมวเช่อนี่เอง ฉันกินยามาหน่อยนึงจริง เถิงเฟยกับเมียมันไปอู่เฉิงมาแล้วก็สั่งยามาจากคลินิกไม่มานิดหน่อย ไม่คิดเลยว่าหลังกินแล้วจะสดชื่นขึ้นเยอะเลย” เซวียนหยวนซยงเฟิงพูดยิ้มๆ ส่วนผู้นำตระกูลคนอื่นๆต่างก็ถูกคำสามพยางค์ดึงดูดใจเอาไว้ ‘คลินิกไม่’
ของที่งานประมูลเพิ่มมาในภายหลังไม่ใช่ของที่คลินิกไม่เอาประมูลหรอกหรือ