กู่ซิ่วไม่คิดว่าสวี่ฮุ่ยจะใส่ร้ายเธอต่อหน้าคนอื่น เธอกระทืบเท้าโมโห “แกเคยให้เงินรางวัลพันหยวนกับฉันเมื่อไหร่กัน?”
แน่นอนว่าสวี่ฮุ่ยไม่เคยให้เงินพันหยวนกับกู่ซิ่ว
ชาตินี้ อย่าว่าแต่พันหยวนเลย แค่หยวนเดียวเธอก็จะไม่ให้!
แต่เธอตั้งใจจะใส่ร้ายกู่ซิ่วให้ตาย!
ชาติที่แล้ว กู่ซิ่วปรักปรำเธอน้อยนักหรือไง!
นี่คือเวรกรรมของกู่ซิ่ว!
สวี่ฮุ่ยพูดอย่างเจ็บแค้น “พอแม่ได้เงินไปแล้วก็ไม่ยอมรับงั้นเหรอคะ? ตอนที่แม่ขอเงิน พูดจาไพเราะเหลือเกิน บอกว่าขอแค่เงินรางวัลพันหยวนของเทศบาล เงินรางวัลของมณฑลแม่จะไม่เอา แต่ตอนนี้แม่ไม่เพียงผิดคำพูด ยังไม่ยอมรับว่าหนูเคยให้เงินพันหยวนด้วย!”
“เพื่อสวี่เยว่แล้วพ่อกับแม่บีบคั้นหนูจนแทบไม่เหลืออะไร หนูไม่ใช่ลูกของพ่อกับแม่หรือไง ถึงจะลำเอียง แต่ก็ไม่ควรทำกับหนูขนาดนี้!”
ทุกคนได้ยินดังนั้น ก็พากันมองสังเกตสมาชิกครอบครัวสวี่ทั้งสี่คน
สวี่ฮุ่ยไม่เหมือนผู้จัดการโรงงานสวี่กับภรรยาเลยแม้แต่น้อย สวี่รั่วเฉินหน้าตาเหมือนพ่อมาก ส่วนสวี่เยว่ที่ไม่ได้มาปรากฎตัวอยู่ด้วยในตอนนี้ก็หน้าเหมือนกู่ซิ่ว
…บางที สวี่ฮุ่ยอาจจะไม่ใช่ลูกของบ้านสวี่จริง ๆ
สายตาเคลือบแคลงสงสัยของทุกคนทำให้สวี่ต้าซานกับภรรยารู้สึกไม่สบายใจ
แววตากู่ซิ่วปรากฎร่องรอยตื่นตระหนกแวบหนึ่ง แต่ก็หายไปอย่างรวดเร็ว
เธอะโเสียงดังกลบความกลัว “อย่าพูดจาไร้สาระ แกคือลูกที่ฉันอุ้มท้องสิบเดือน!”
สวี่ฮุ่ยหัวเราะเยาะ แสดงออกว่าเธอไม่เชื่อสักนิด
ั้แ่เกิดใหม่ เธอก็ย้อนคิดถึงเื่ราวต่าง ๆ ในชาติที่แล้ว และสงสัยมาตลอดว่าเธอไม่ใช่ลูกของบ้านสวี่ ไม่อย่างนั้นกู่ซิ่วคงไม่ใจร้ายกับเธอขนาดนี้
สวี่ต้าซานพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ลูกจะไม่ใช่ลูกของเราได้ยังไง? ตอนที่พ่อรีบไปโรงพยาบาล แม่คลอดลูกกับน้องออกมาพอดี พ่ออาบน้ำให้ลูกเองด้วยนะ ที่หลังคอของลูกมีไฝแดงแต่กำเนิดอยู่ พยาบาลไม่มีทางจำผิดหรอก”
สวี่ฮุ่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย คำพูดของสวี่ต้าซานปฏิเสธข้อสันนิษฐานของเธออย่างเห็นได้ชัด
เธอไม่เห็นร่องรอยของการโกหกบนใบหน้าของสวี่ต้าซาน จึงอดขมวดคิ้วไม่ได้ หรือเธอจะเป็ลูกของพวกเขาจริง ๆ?
ถึงเธอจะเป็ลูกของพวกเขาจริง ๆ เธอก็ไม่ยอมยกโอกาสเรียนมหาวิทยาลัยและเงินที่มีให้กับพวกเขาหรอก!
สวี่ฮุ่ยหันหลังวิ่งออกจากบ้านพักไปที่ที่ว่าการตำบล แล้วตรงเข้าไปหาสำนักงานสหพันธ์สตรีประจำตำบล
ตอนนั้นใกล้จะถึงเวลาทำงานแล้ว เพื่อนร่วมงานของกู่ซิ่วมากันเกือบครบหมด
ทุกคนเห็นเด็กสาวสวยวิ่งพรวดเข้ามาแต่เช้าด้วยสีหน้าไม่สู้ดี ต่างก็ถามด้วยความเป็ห่วง “สาวน้อย มีเื่ลำบากใจอะไรหรือเปล่า? นั่งลงแล้วค่อย ๆ เล่าให้ฟังเถอะ”
เ้าหน้าที่คนหนึ่งรินน้ำให้สวี่ฮุ่ย
สวี่ฮุ่ยรับน้ำมา แต่ไม่ได้ดื่ม เอามือกุมแก้วน้ำไว้ทั้งสองข้าง แล้วร้องไห้ฟูมฟาย “ฉันเป็ลูกสาวคนโตของกู่ซิ่ว ชื่อสวี่ฮุ่ย ฉันจะมาร้องเรียนเื่ที่แม่บังคับให้ฉันยกคะแนนเข้ามหาวิทยาลัย กับเงินรางวัลที่ทางโรงเรียน มณฑลและเทศบาลมอบให้ทั้งหมดให้กับน้องสาวค่ะ”
ทุกคนตกตะลึง
กู่ซิ่วอยู่ที่ทำงานดูอ่อนโยน มีมารยาท ทำไมถึงทำเื่แบบนี้ได้?
ผู้อำนวยการหง ผู้นำสหพันธ์สตรีประจำตำบลสะพายกระเป๋ามาทำงาน เห็นเพื่อนร่วมงานมุงดูเด็กสาวคนหนึ่ง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น?”
มีคนชี้ไปที่สวี่ฮุ่ย “เด็กคนนี้คือลูกสาวคนโตของกู่ซิ่ว ชื่อสวี่ฮุ่ย เธอมีเื่จะร้องเรียนคุณค่ะ”
ผู้อำนวยการหงสำรวจสวี่ฮุ่ยั้แ่หัวจรดเท้า “เธอคือสวี่ฮุ่ย นักเรียนที่สอบได้คะแนนสูงสุด?”
สวี่ฮุ่ยปาดน้ำตาแห่งความเสียใจและพยักหน้า
ผู้อำนวยการหงลากเก้าอี้มานั่ง แล้วผายมือให้สวี่ฮุ่ยนั่งลง “เธอมีเื่อะไรจะร้องเรียนเหรอ?”
สวี่ฮุ่ยเล่าความทุกข์ที่ได้รับจากกู่ซิ่วั้แ่เล็กยันโตจนหมดเปลือก
คนโบราณมักพูดว่า ลูกคนโตได้ของใหม่ ลูกคนรองได้ของเก่า แต่บ้านสวี่กลับตรงกันข้าม สวี่ฮุ่ยต้องใส่เสื้อผ้าต่อจากน้องสาวมาตลอด
ของอร่อย ๆ ในบ้านไม่ถึงมือเธอ แต่กลับต้องทำงานบ้านสารพัด…
ตอนนี้กู่ซิ่วยังจะให้เธอยกเงินรางวัลทั้งหมดให้สวี่เยว่ไปรักษาตัว แล้วยังให้เธอยอมให้สวี่เยว่สวมรอยเรียนมหาวิทยาลัยแทนเธอด้วย ไม่อย่างนั้นจะไล่เธอออกจากบ้าน
สวี่ฮุ่ยร้องไห้สะอึกสะอื้น “ฉันให้เงินรางวัลพันหยวนที่เทศบาลมอบให้กับแม่ไปแล้ว แต่แม่ยังไม่ยอมปล่อยฉันไป ขอร้องให้ท่านช่วยฉันด้วย!” พูดจบก็จะคุกเข่าลง
ทุกคนรีบพยุงเธอให้นั่งลง ต่างโกรธแค้นแทน
ผู้อำนวยการหงพูดอย่างจริงจัง “วางใจเถอะ พวกเราต้องให้ความเป็ธรรมกับเธอแน่!”
กู่ซิ่วอธิบายกับสวี่ต้าซานและลูกชายนานสองนานว่าสวี่ฮุ่ยไม่เคยให้เงินพันหยวนกับเธอ เธอรู้สึกแย่จนไม่ได้กินข้าวเช้าแล้วมาทำงานเลย
พอเธอสะพายกระเป๋าเข้ามาในสำนักงาน ผู้อำนวยการหงเห็นเธอก็ทำหน้าบึ้งแล้วตำหนิทันที
“สหายกู่ซิ่ว ตัวเองก็เป็เ้าหน้าที่สหพันธ์สตรี เป็พนักงานรัฐที่คอยปกป้องสิทธิสตรีและเด็ก ทำไมถึงบังคับให้ลูกสาวคนโตสละโอกาสเรียนมหาวิทยาลัยและเงินรางวัลทั้งหมดให้กับลูกสาวคนเล็กล่ะ? ตัวเองยังเหยียบย่ำสิทธิของลูกสาวคนโตอยู่เลย แล้วจะทำงานสหพันธ์สตรีได้ยังไง?”
กู่ซิ่วเห็นสวี่ฮุ่ยทันทีที่เข้ามาในสำนักงาน ก็รู้เดี๋ยวนั้นแล้วว่าตัวเองต้องซวยแน่ ๆ
ในตอนนี้เธอโดนผู้อำนวยการหงตำหนิต่อหน้าคนอื่นยกใหญ่ ใบหน้าของเธอก็แดงก่ำสลับซีด แทบจะหารูมุดแผ่นดินหนี
แล้วเพื่อนร่วมงานยังคอยซ้ำเติม ตำหนิเธอว่าไม่ควรโทษสวี่ฮุ่ยทั้งหมดเพียงเพราะลูกสาวคนเล็กร่างกายไม่แข็งแรง
ไม่ยอมให้สวี่ฮุ่ยกิน ไม่ยอมให้สวี่ฮุ่ยใส่เสื้อผ้าดี ๆ นี่มันเข้าข่ายทารุณกรรมชัด ๆ
กู่ซิ่วได้ยินเพื่อนร่วมงานพูดคำว่า “ใส่” ก็เห็นว่าสวี่ฮุ่ยแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าใหม่ั้แ่หัวจรดเท้า ดวงตาเป็ประกาย รีบแก้ตัวทันที
“ลูกสาวคนโตของฉัน เกลียดที่ฉันรักลูกสาวคนเล็กมากกว่าเลยฝังใจ ตั้งใจใส่ร้ายฉัน!”
เธอชี้ไปที่เสื้อผ้า รองเท้า ถุงเท้า และที่คาดผมติดโบว์ของสวี่ฮุ่ย “เธอบอกว่าฉันไม่เคยซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้เธอ แล้วเสื้อผ้า รองเท้า ถุงเท้า และที่คาดผมสวย ๆ ที่เธอใส่ตอนนี้มาจากไหนล่ะ?”
ทุกคนได้ยินดังนั้น ก็หันไปมองสวี่ฮุ่ยพร้อมกัน
สวี่ฮุ่ยพูดอย่างใจเย็น “แม่หมายความว่า ชุดที่หนูใส่ตอนนี้ทั้งหมด แม่เป็คนซื้อให้เหรอ?”
“แน่นอน!” กู่ซิ่วตัดสินใจพูดเด็ดขาดอย่างไม่สะทกสะท้าน
เสื้อผ้าที่ลูกสาวคนโตใส่ ดูก็รู้ว่าไม่ได้ซื้อในตัวอำเภอ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงในตำบล คงซื้อตอนไปงานประชุมประกาศเกียรติคุณที่มณฑล
เธอพูดเองว่าเป็คนซื้อ เพื่อนร่วมงานและผู้นำคงไม่ไปสืบเื่เล็กน้อยแค่นี้ที่ตัวเมืองหรอก
ไม่มีหลักฐานพิสูจน์ ต่อให้เด็กเวรนั่นมีปาก ก็พูดได้ไม่เต็มปาก ใส่ร้ายเธอไม่ได้!
ดูสิว่าต่อไปเด็กเวรนี่จะกล้าแฉเธอต่อหน้าเพื่อนร่วมงานอีกไหม!