ดวงตาของเย่เฟิงเผยประกายแหลมคม พลันพลังดาราโคจรรอบกาย ก่อนจะใช้ย่างก้าวดาวตกผีเสื้อราวกับแผนที่ดาวแปรเปลี่ยนเป็กฎของพื้นที่นี้ ส่งผลให้รังสีดาบนั้นเคลื่อนไหวช้าลงอย่างฉับพลัน เย่เฟิงจึงฉวยโอกาสนี้หลบไปอย่างรวดเร็ว โดยรังสีดาบเฉียดร่างเขาไป
“เขาหลบได้! เย่เฟิงผู้นี้ดูแข็งแกร่งกว่าที่คิดไว้มาก” ผู้คนเห็นฉากนี้ต่างก็ตกตะลึงพลางใจเต้นระรัว
อย่างไรก็ตามเย่เฟิงใช้โอกาสนี้แทงหอกออกไป หอกนี้ผสานด้วยพลังแห่งอำนาจ ทำให้มันทรงอานุภาพขึ้น ทั้งยังทะลวงทุกสิ่งด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ!
โจวมู่ไป๋ขมวดคิ้ว เขาไม่นึกว่าจะจัดการเย่เฟิงได้ยากขนาดนี้ เขายังััภัยคุกคามจากหอกนี้ของเย่เฟิงได้อีกด้วย จากนั้นเขาหลบไปอย่างรวดเร็ว ทว่ารังสีหอกเร็วเกินไป มันกรีดผ่านหน้าอกของเขาจนเืซึมออกมา ทำให้สีหน้าของโจวมู่ไป๋ดูไม่ค่อยดีนัก
“ตายซะ!” เย่เฟิงแผดเสียงะโ รังสีหอกดุจเทพัคำราม แฝงไว้ด้วยอำนาจหอกอันแกร่งกล้า มันทะลวงทุกสิ่งที่ขวางหน้า
โจวมู่ไป๋ถอยหลังหลายก้าวพร้อมสีหน้าตื่นตระหนกเล็กน้อย รังสีหอกของเย่เฟิงทรงพลังอย่างมาก เช่นเดียวกับศึกระหว่างเย่เฟิงกับเฟิงเฉียนและเซิ่งจื่อแห่งนิกายศักดิ์สิทธิ์เทียนยวี่ที่เขาเห็นก่อนหน้านี้ บัดนี้เขาเจอกับตัวแล้ว เย่เฟิงไม่ปล่อยให้เขามีโอกาสใด ๆ และตราบใดที่เย่เฟิงคว้าโอกาสเพียงน้อยนิดไปได้ สถานการณ์อาจเปลี่ยนไปเป็หน้ามือเป็หลังมือ
“เ้าโจวมู่ไป๋ที่มักจะยโสโอหัง แต่ตอนนี้ความยโสโอหังของเ้าหายไปไหนแล้วล่ะ?” เย่เฟิงเย้ยหยัน รังสีหอกที่ปล่อยออกไปทวีอานุภาพขึ้น ทำให้โจวมู่ไป๋ล่าถอยไม่หยุด
“เย่เฟิงคนนี้บ้าระห่ำมาก หรือเขาจะกลับแพ้เป็ชนะได้?” ผู้คนต่างตะลึงงัน แม้เย่เฟิงจะเผชิญหน้ากับโจวมู่ไป๋ผู้แข็งแกร่ง แต่เขาก็ไร้ความเกรงกลัวและสู้ไม่ถอย เห็นชัดว่าเขาแข็งแกร่งมากเพียงใด
ในที่สุดภายใต้รังสีหอกอันแกร่งกล้าของเย่เฟิง บนหน้าอกของโจวมู่ไป๋มีรอยเืเพิ่มอีกหนึ่งรอย เขาถูกเย่เฟิงทำร้าย ทำให้เขามีสีหน้าบูดเบี้ยวอย่างน่าเกลียด
“หอกดุจั!” เย่เฟิงไม่รอช้า หอกดุจัแผดเสียงคำราม ก่อนจะถูกปล่อยออกไป พลังนั้นไร้เทียมทานและ้าเขมือบกินโจวมู่ไป๋
“นี่...” นาทีนี้ทุกคนต่างมองศึกของเย่เฟิงและโจวมู่ไป๋ไม่วางตา จากนั้นพวกเขาเห็นไอสังหารปะทุออกจากดวงตาของโจวมู่ไป๋ จู่ ๆ สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปจนนิ่งเรียบขณะมองรังสีหอกที่กำลังพุ่งมา และลมปราณของเขาเกิดการเปลี่ยนแปลงในชั่วพริบตา
พลังที่น่าทึ่งปะทุออกจากร่างโจวมู่ไป๋ มันน่าสะพรึงกลัวจนน่าเหลือเชื่อ ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็ปราณดาบมหาศาลในเวลาอันสั้น และทำลายทุกสิ่ง จากนั้นปะทะกับรังสีหอกของเย่เฟิงไปมาในอากาศ พร้อมเสียงะเิดังสนั่นทั่วฟ้าดิน คลื่นทำลายล้างแพร่กระจาย มันค่อย ๆ ก่อตัวเป็พายุทำลายล้างและออกอาละวาดอย่างบ้าคลั่ง
โจวมู่ไป๋ในเวลานี้ราวกับเปลี่ยนไปเป็คนละคน ทั้งยังมีความกระหายเืฉายในดวงตา
“เ้าบีบบังคับให้ข้าต้องทำเช่นนี้!” เสียงเย็นะเืดังออกจากปากของโจวมู่ไป๋ พลันิญญาาต้าเผิงที่อยู่ด้านหลังปลดปล่อยแสงโชติ่ จากนั้นมีรังสีดาบฟาดฟันลงมาจากฟากฟ้าโจมตีเย่เฟิง
“ขั้นรวมชี่ โจวมู่ไป๋เขาซุกซ่อนพลังมาตลอด เขาคือผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่!” ผู้คนอุทานด้วยความใเมื่อััได้ถึงพลังที่ปะทุออกจากร่างของโจวมู่ไป๋ในเวลานี้
ทุกคนได้ยินคำพูดของผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นต่างก็ใและใจเต้นรัว พวกเขาคิดไม่ถึงว่าโจวมู๋ไป๋จะเป็ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ เขาซุกซ่อนพลังนี้ไว้ลึกมาก จนทำให้ไม่มีใครล่วงรู้ ผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นพูดถูก ระดับการบ่มเพาะของโจวมู่ไป๋ในเวลานี้คือขั้นรวมชี่จริง ๆ ก่อนที่จะเข้าหุบเขาเทียนเสวียน เขามีสัญญาณของการทะลวงการบ่มเพาะแล้ว พอออกจากหุบเขาก็ทะลวงทันที เพียงแต่เขาใช้เคล็ดวิชาซ่อนเร้นมาตลอด ทำให้ผู้คนคิดว่าเขาอยู่ขั้นบ่มเพาะกายา
เมื่อพลังแห่งขั้นรวมชี่ถูกปลดปล่อย รังสีหอกของเย่เฟิงก็แตกสลาย ทำเย่เฟิงใไปชั่วขณะ เขาถูกพลังแห่งขั้นรวมชี่ที่โจวมู๋ไป๋ปลดปล่อยกดดันจนล่าถอย เืซึมออกมุมปาก
“ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่แข็งแกร่งอย่างที่คิดไว้จริง ๆ ตอนนี้ข้ายังห่างชั้นอีกมาก คงเอาชนะอีกฝ่ายได้ยาก” เย่เฟิงคิดในใจพลางสีหน้าเคร่งขรึมเล็กน้อย นี่เป็ครั้งแรกของเขาที่เผชิญหน้ากับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่
โจวมู่ไป๋ปลดปล่อยพลังขั้นรวมชี่เพื่อ้าสังหารเขา ถือว่าละเมิดกฎการประลอง ทว่ามีหรือพวกเฉินเซี่ยงเทียนจะหยุดการประลองนี้ เื่นี้เย่เฟิงรู้อยู่แก่ใจดี หาก้าเอาชนะก็ต้องพึ่งพาตัวเอง
“ดูซิครั้งนี้เ้าจะรอดไปได้ยังไง!” บนอัฒจันทร์ เฉินเซี่ยงเทียนกล่าวเช่นนั้น เขานั้นไม่เคยรู้มาก่อนว่าโจวมู่ไป๋คือผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ แต่เขาไม่สนใจมากขนาดนั้น ตราบใดที่เย่เฟิงตาย ทุกอย่างก็ไม่มีปัญหา
รังสีดาบฉีกกระชากห้วงอากาศ ฟาดฟันไปที่เย่เฟิงประหนึ่งสายฟ้า มันทรงพลังกว่าตอนกดระดับการบ่มเพาะอย่างมาก
“จบแล้ว เย่เฟิงจบเห่แน่ ด้วยความแข็งแกร่งของเขาไม่มีทางรับมือกับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ได้ ศึกนี้เย่เฟิงต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย!” ผู้คนคิดในใจขณะมองรังสีดาบแห่งการทำลายล้างนั่น ระหว่างขั้นบ่มเพาะกายาและขั้นรวมชี่มีช่องว่างที่ห่างกันอยู่มากโข แม้จะอยู่จุดสูงสุดของขั้นบ่มเพาะกายา แต่ด้วยช่องว่างที่ห่างชั้นกันมากโขนั้นก็ไม่มีทางทัดเทียมได้
เย่เฟิงมีสีหน้าเคร่งขรึมจาง ๆ เขาไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อย พลังดาราโคจรรอบกาย แผนที่ดาวขนาดใหญ่แผ่ปกคลุมเวทีประลอง ก่อนเย่เฟิงจะก้าวออกไปพร้อมอำนาจฟ้าดินห้อมล้อมกาย ในขณะหลบรังสีดาบ เคล็ดวิชาหอกเงินประกายเริ่มโคจร เย่เฟิงพยายามนำอำนาจฟ้าดินผสานกับเคล็ดวิชาหอก เพื่อทำให้ทั้งสองอย่างสมบูรณ์แบบ ขั้นตอนนี้ดำเนินไปอย่างเนิบนาบ แต่ความจริงแค่พริบตาเดียวก็เสร็จสมบูรณ์แล้ว อาศัยความรู้ที่เย่เฟิงมีต่ออำนาจฟ้าดิน เขาจึงทำสำเร็จได้
“วูบ!” เมื่อแทงหอกออกไป รังสีหอกกะพริบพร้อมมีอำนาจหอกและอำนาจฟ้าดินรายล้อมตัวหอก เมื่อมีสองอำนาจนี้ อานุภาพของหอกนี้จึงทวีคูณหลายเท่าตัว
“ฝีมือต่ำต้อย! พลังของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ไม่ใช่สิ่งที่เ้าจะต่อกรด้วยได้” โจวมู่ไป๋เย้ยหยัน เมื่อบรรลุขั้นรวมชี่ พลังหยวนจะเกิดการเปลี่ยนแปลง และสามารถปลดปล่อยออกมาได้อย่างมหาศาล หากใช้พลังหยวนเพียงอย่างเดียวโจมตีศัตรู พลังของมันจะทรงอานุภาพมาก ผู้คนเห็นโจวมู่ไป๋ตวัดดาบออกไป พลันพลังหยวนโคจรรอบตัวดาบดูน่าหวาดกลัว
“เคร้ง!” เสียงปะทะดังขึ้น ดาบและหอกเข้าปะทะกัน ตามมาด้วยคลื่นทำลายล้างแพร่กระจาย เย่เฟิงกระเด็นถอยหลัง เืลมในกายต้องสั่นคลอน
ความห่างชั้นของระดับการบ่มเพาะไม่ใช่สิ่งที่พลังกายจะมาชดเชยได้ ตอนนี้เขารับรู้ถึงภัยคุกคามระดับร้ายแรงจากโจวมู่ไป๋ได้อย่างชัดเจน
“ยังยืนหยัดได้อีกหรือ?” โจวมู่ไป๋แค่นเสียงเ็า เขาตวัดดาบอีกครั้ง ทั้งยังปลดปล่อยพลังหยวนเข้าปกคลุมร่างเย่เฟิง
ส่วนเย่เฟิงแทงหอกออกไป เมื่อเข้าปะทะกับรังสีดาบ เขาก็รู้สึกชาที่แขนพร้อมกับมีพลังทำลายล้างคืบคลานตามตัวหอกมายังร่างเขา ก่อนจะทำลายอวัยวะภายในร่างกายของเขา
“อีกรอบ!” โจวมู่ไป๋กล่าว ตอนนี้ชีวิตของเย่เฟิงอยู่ในกำมือของเขา แล้วมีหรือเขาจะไม่อยากเล่นสนุก?
เมื่อวาดดาบออกไป พลันรังสีดาบส่องแสงระยิบระยับกลางอากาศ ด้านเย่เฟิงทำได้เพียงต่อต้านขณะล่าถอยไปเรื่อย ๆ ทั้งยังเืไหลออกจากปากไม่หยุดเนื่องจากความเสียหายของอวัยวะภายในร่างกายที่ถูกทำลาย
“สวะ ต่อหน้าข้าโจวมู่ไป๋ เ้าก็เป็ได้แค่ของเล่น ข้าอยากฆ่าเมื่อไรก็ฆ่าได้เมื่อนั้น” โจวมู่ไป๋แสยะยิ้ม ขณะรังสีดาบทรงพลังขึ้นเรื่อย ๆ
“ทุกอย่างควรจบได้แล้ว!” เสียงเยือกเย็นดังออกจากปากของโจวมู่ไป๋ จากนั้นเขายกดาบพร้อมพลังแห่งการทำลายล้างโอบล้อมตัวดาบ ก่อนจะฟาดฟันออกไป พลันท้องฟ้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย เวทีประลองต้องสั่นไหว
ผู้คนต่างตกตะลึง พวกเขารู้ว่าดาบนี้ของโจวมู่ไป๋สามารถฆ่าเย่เฟิงได้อย่างง่ายดาย มันพลอยทำให้หัวใจของพวกเขาเต้นระส่ำไปด้วย ถึงอย่างไรนี่ก็เป็ศึกต่อสู้ที่ไม่ได้เห็นกันได้ง่าย ๆ
เย่เฟิงยืนอยู่ท่ามกลางพายุทำลายล้าง ผมยาวของเขาปลิวสะบัดตามแรงลม เขาดูตัวหดเล็กลงถนัดตาเมื่ออยู่ภายใต้รังสีดาบของโจวมู่ไป๋ ราวกับว่าเมื่อรังสีดาบโจมตีมา ร่างเขาต้องแตกสลายแน่นอน
ทันใดนั้นพลังปราณของเย่เฟิงยกระดับขึ้น อำนาจหอกและอำนาจฟ้าดินถักทอไปมาจนกลายเป็แสงสองสายที่ต่างกัน จากนั้นห้อมล้อมร่างกายของเย่เฟิง ทว่าใน่เวลาที่สำคัญเช่นนี้ เขาก็ยังหลับตาและไม่ขยับเขยื้อน โดยปล่อยให้รังสีดาบนั่นเขมือบกิน
“หมอนี่จะทำอะไร หรือเขาอยากตายก็เลยยอมแพ้?” ผู้คนต่างประหลาดใจพลางดวงตาฉายแววดูถูกจาง ๆ พวกเขาคิดว่าเย่เฟิงขี้ขลาดไม่มีความกล้าพอจะเผชิญหน้ากับการโจมตีนี้
เย่เฟิงปล่อยให้พลังทำลายล้างนั้นกัดกร่อนร่างกาย แต่ขณะนั้นเคล็ดวิชาหอกเงินประกายโคจรในกายอย่างบ้าคลั่ง พร้อมกับมีพลังหอกแผ่ออกจากร่าง เขาฝึกทักษะหล่อิญญาครบทั้งเก้าขั้นแล้ว มันไม่เพียงแต่ทำให้ร่างกายของเขาแข็งแรงขึ้น แต่พลังิญญายังได้รับการขัดเกลาไปด้วย ทำให้พลังิญญาของเย่เฟิงเหนือกว่าผู้ฝึกยุทธ์ระดับเดียวกัน อีกอย่างสติปัญญาของเขายังล้ำเลิศกว่าคนอื่น ๆ หลายเท่า พลันมิติสมมติปรากฏในหัว เคล็ดวิชาหอกเงินประกายกู่ร้องดังกึกก้อง มันเป็เช่นนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า จนกระทั่งเย่เฟิงตื่นรู้ในเคล็ดวิชาหอก ทันใดนั้นอำนาจหอกราวกับยกระดับ ด้วยการอาศัยพลังจากอำนาจฟ้าดิน ทำให้มันยกระดับขึ้นสูง
“อำนาจหอก... ขั้นผันแปร!” พลันมีเสียงหนึ่งดังขึ้นในหัว ขั้นผันแปรคือการยกระดับของพลังแห่งอำนาจ เกิดการเปลี่ยนแปลงและพลังทรงอานุภาพขึ้นหลายเท่า เมื่อผู้ใช้หอกตื่นรู้ จากนั้นรวมอำนาจหอกโดยการพึ่งพิงอำนาจฟ้าดินก็จะบรรลุขั้นผันแปร ซึ่งเป็ธรณีประตูของพลังเจตจำนง
ในการประลองก่อนหน้านี้ เย่เฟิงได้เรียนรู้วิธีการต่อสู้โดยการอาศัยอำนาจฟ้าดิน ตอนนี้เขายังตื่นรู้อีกครั้ง ทำให้เขายืนตระหง่านราวกับหอกเล่มหนึ่งที่ไร้เทียมทาน
ขั้นผันแปรคือการหลอมรวมระหว่างมนุษย์และอำนาจ หลังจากบรรลุขั้นนี้ พลังอำนาจที่มนุษย์ควบคุมจะแกร่งกล้าขึ้นหลายเท่า!
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นใน่เวลาสั้น ๆ เท่านั้น ในขณะที่รังสีดาบของโจวมู่ไป๋พุ่งมา จู่ ๆ เย่เฟิงเบิกตาโพลง พร้อมแสงคมกริบปะทุออกจากดวงตา ท่าทีของเขาในเวลานี้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เขายกมือขวาขึ้นพร้อมเคล็ดวิชาหอกเงินประกายระดับหกโคจรถึงขั้นสูงสุด พลันรังสีหอกถูกปลดปล่อย ฟ้าดินแปรปรวน คล้ายมีพลังมหาศาลไร้ลักษณ์ปกคลุมร่างเย่เฟิง รังสีหอกอัดแน่นไปด้วยอำนาจหอกอันแกร่งกล้า หอกนี้จึงมีพลังมหาศาลและทำลายได้ทุกสิ่งทุกอย่าง
“ตายซะเถอะ!” โจวมู่ไป๋เผยสีหน้าดุดัน จากนั้นเขาทุ่มพลังทั้งหมดและตวัดดาบออกไป รังสีดาบเข้าปกคลุมร่างเย่เฟิงในชั่วพริบตา ทั้งยังมีพายุแห่งการทำลายล้างห้อมล้อมจนปิดบังวิสัยทัศน์ของเหล่าผู้คน พวกเขาเห็นแสงกะพริบในพายุนี้ มันเคลื่อนไหวด้วยความเร็ว ก่อนจะหายตัวไปในไม่นาน
“จบสิ้นแล้ว! เย่เฟิงถูกโจวมู่ไป๋ฆ่า อัจฉริยะผู้เพิ่งผงาดกลับต้องมาตายแบบนี้ ช่างน่าเสียดายนัก!” มีเสียงหนึ่งดังขึ้นท่ามกลางฝูงชน ก่อนจะมีคนไม่น้อยพยักหน้าเห็นด้วย อัจฉริยะถูกฆ่าตายจะไม่ทำให้พวกเขาเศร้าใจได้อย่างไร?
ไม่นานนักสถานการณ์บนเวทีประลองก็สงบลง พายุพวกนั้นจางหายไป ก่อนจะปรากฏสองเงาร่างในสายตาของฝูงชน เย่เฟิงและโจวมู่ไป๋ยืนประจันหน้ากัน แต่กลับไม่มีใครขยับเขยื้อน
“เกิดอะไรขึ้น หรือเย่เฟิงคนนี้จะยังไม่ตาย ใครกันแน่ที่เป็ผู้ชนะ?” ผู้คนเกิดคำถามขึ้นในใจ ภายใต้รังสีดาบอันแกร่งกล้านั่น เย่เฟิงควรจะถูกเขมือบกินถึงจะถูก ทว่าเขากลับยืนอยู่ตรงนั้น
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้