เมื่อชิงหลันถดกายหนีนั้น มันดูอ่อนแรงไร้กำลังที่จะโต้ตอบเอาคืน
หลินชิงเวยตื่นตะลึง
ได้แต่ฟังเซียวเยี่ยนหรี่ตากล่าวว่า “เ้าคิดว่าเปิ่นหวางไม่กล้าฆ่ามันใช่หรือไม่?”
หลังจากตื่นตะลึงแล้วหลินชิงเวยจึงแค่นหัวเราะเสียงเย็น “งูตัวอื่นๆข้ารีดต่อมพิษของมันออกหมดแล้วแต่ตัวนี้ยังไม่ได้รีด ท่านลองสังหารมันดูสิพรุ่งนี้เกรงว่าจะต้องมีข่าวสะท้านฟ้าะเืดินลือออกไปว่าเซ่อเจิ้งอ๋องตายอยู่ในห้องทรงพระอักษรเป็แน่”
เซียวเยี่ยนก้มหน้าลงมองเห็นปลายนิ้วของเขาที่มีหยดเืซึมออกมาเวลานี้กลายเป็สีเขียวคล้ำ อีกทั้งค่อยๆคืบคลานขึ้นมาตามเส้นเื แขนของเขาก็เริ่มมีสีคล้ำเช่นกัน
เขารีบยกแขนขึ้นสกัดจุดเส้นเืใหญ่บนแขนของตนเพื่อไม่ให้เืไหลขึ้นสู่ข้างบน
สีหน้าของเซียวเยี่ยนเปลี่ยนไปปลายนิ้วของเขาปลดปล่อยชิงหลันเป็อิสระ ชิงหลันกำลังคิดจะเลื้อยเข้าไปกัดลงไปบนแขนเขาอีกสักสองครั้งหลินชิงเวยร้องว่า “ชิงหลัน!”
ชิงหลันได้แต่ออกห่างจากร่างของเซียวเยี่ยนจากนั้นกลับไปซ่อนตัวในเสื้อผ้าของหลินชิงเวย
พิษนั้นกระจายออกไปอย่างรวดเร็วต่อมาเซียวเยี่ยนพลันรู้สึกว่าสายตาของเขาพร่ามัว มองอะไรล้วนไม่ชัดเจน เขาก้าวถอยหลังไปสองก้าวมือค้ำลงบนโต๊ะ หลินชิงเวยเอ่ยขึ้นว่า “เสด็จอา ท่านขอร้องข้าสิข้าจะให้ยาถอนพิษท่าน ดีหรือไม่?”
เซียวเยี่ยนขมวดคิ้วทว่าไม่พูดจาเขายกมือขึ้นอีกเพื่อจี้สกัดจุดชีพจรใหญ่ทั่วร่างกายของตนเพื่อลองสกัดการแพร่กระจายของพิษดูเหมือนจะไม่ค่อยได้ผลเท่าใดนักเขาจึงยกมือขึ้นเตรียมจะตัดแขนอีกข้างของตนอย่างไม่หยุดคิด!
“นี่” หลินชิงเวยตาไวมือไว ไม่ทันได้หยุดคิดก็ออกแรงไปยื้อแขนของเขาไว้ขัดขวางไม่ให้เขาใช้ดาบตัดแขนอีกข้างหนึ่ง
“ปล่อย” หน้าผากของเซียวเยี่ยนเต็มไปด้วยเหงื่อเย็นผิวของเขาเยียบเย็นไปทั้งร่าง
หัวใจของหลินชิงเต้นโครมครามนางไม่รู้เช่นกันว่าเหตุใดจึงต้องมีความรู้สึกหงุดหงิดเช่นนี้ “ท่านยอมที่จะตัดแขนตนเองก็ไม่ยอมพูดดีๆ กับข้าใช่หรือไม่”
“ชิ” ครานี้เป็หลินชิงเวยบ้างที่ถูกทำให้โมโหเดือดดาลอย่างที่สุดนางกล่าวอีกว่า “ก็แค่สมบัตินอกกายไม่กี่ชิ้น ข้าไม่ได้เสียดายอะไรมากมายเพียงแต่คิดว่าเป็ของแปลกใหม่ เซ่อเจิ้งอ๋องช่างรู้จักทำการค้านัก ข้าขาดทุนย่อยยับแล้วที่จริงแล้วข้าไม่ควรจะสนใจท่าน ให้ท่านต้องพิษจนตายก็ดีแล้ว ช่างเป็บุรุษน่ารังเกียจนัก!” นางพูดไปพร้อมกับล้วงยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งออกมาจากอกเสื้อนางจำเป็ต้องเขย่งปลายเท้าจึงจะยื่นแขนส่งยาเม็ดนั้นไปถึงปากของเซียวเยี่ยนเห็นเซียวเยี่ยนไม่อ้าปากกลับกลอกตาขาวมองนาง “อ้าปากสิ หรือท่าน้าตายจริงๆ?”
เซียวเยี่ยนมองหน้านาง จากนั้นหลุบตาลงครึ่งหนึ่งอ้าปากกลืนยาลงไป
หลินชิงเวยเอื้อมมือไปดึงมือของเขาที่ถูกงูกัด มองปลายนิ้วของเขาจากนั้นก้มหน้าลงไป ริมฝีปากของนางแนบติดไปกับปลายนิ้วของเขาเขาชะงักงันเมื่อเห็นหลินชิงเวยกำลังใช้ปลายลิ้นดูดปลายนิ้วของเขาเพื่อดูดพิษออกมาแล้วถ่มพิษลงบนพื้น
ริมฝีปากของนางอ่อนนุ่ม ริมฝีปากและฟันของนางััถูกปลายนิ้วของเขาช่างอบอุ่นยิ่งนักเพียงแต่เวลานี้หลินชิงเวยไม่มีเวลาจะมาล้อเล่นกับเขานางหลุบตาลงต่ำสีหน้าท่าทางจริงจังกระทั่งเืที่ดูดออกมาจากปลายนิ้วของเซียวเยี่ยนกลายเป็สีแดงจึงหันศีรษะกัดลงปลายนิ้วเขาสองครั้ง
หลินชิงเวยเช็ดริมฝีปากของตน “เวลานี้ท่านคลายจุดก่อน ท่านเดินพลังลมปราณได้มิใช่หรือใช้พลังลมปราณของท่านขับพิษที่เหลือออกมา”
เซียวเยี่ยนคลายจุดชีพจรของตนออกก่อนแล้วเดินพลังลมปราณรอกระทั่งเมื่อเขาลืมตาขึ้นอีกครั้ง ดวงตาจึงมองเห็นชัดเจนไม่มีอะไรน่าเป็ห่วงแล้ว เพียงแต่ปลายนิ้วรู้สึกแสบร้อนและเ็ปเขาก้มลงมองดูปลายนิ้วของตน ยังมีร่องรอยจางๆ และเปียกชื้นปรากฏให้เห็นาแจากการถูกงูกัด
หลินชิงเวยนำสิ่งของทั้งหมดที่นางหยิบติดไม้ติดมือไปทิ้งลงบนโต๊ะหนังสืออย่างดูแคลนนางเอ่ยวาจาถากถางว่า “เซ่อเจิ้งอ๋องถึงกับใช้ชีวิตของตนเพื่อแลกกับสิ่งของเหล่านี้ข้าย่อมไม่กล้าหยิบไปด้วยกลัวจะอายุสั้น”
พูดแล้วหลินชิงเวยก็สาวเท้าก้าวยาวๆ ออกไปจากห้องทรงพระอักษร
“เดี๋ยวก่อน”
หลินชิงเวยหันกายกลับมา อารมณ์ยังไม่มั่นคงนักนางหันกลับมายิ้มหวานราวกับดอกไม้บานสะพรั่ง “อย่างไรเล่า อยากจะขอบคุณข้า?”
เซียวเยี่ยนโยนฎีกาสองกองนั้นมาให้หลินชิงเวย “รับไว้ให้ดี”
หลินชิงเวยแทบจะคลุ้มคลั่ง “เหตุใดต้องเป็ข้า?!”
เซียวเยี่ยนกล่าวอย่างไม่แสดงอารมณ์“เ้าก็เห็นแล้วว่าเปิ่นหวังเพิ่งถูกงูกัด ไม่มีเรี่ยวแรง”
“เช่นนั้นไฉนท่านจึงมีเรี่ยวแรงนำสิ่งของเหล่านี้มาถึงมือข้าเล่า!”
“นั่นเป็เรี่ยวแรงเฮือกสุดท้ายของเปิ่นหวางแล้ว” หลินชิงเวยเกือบจะเขวี้ยงสิ่งของลงบนพื้นเซียวเยี่ยนได้แต่มองนาง “เ้าปล่อยงูออกมากัดเปิ่นหวางหรือเ้าไม่คิดว่าเ้าควรจะรับผิดชอบต่อเปิ่นหวางบ้าง?”
“ท่านเรียกขันทีที่ยืนอยู่หน้าประตูเข้ามาถือให้ได้”
เซียวเยี่ยนกล่าวอย่างเป็การเป็งาน “สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็ความลับของทางราชสำนักขุนนางไม่อาจแตะต้องได้”
หลินชิงเวยนับว่ากระจ่างแจ้งแล้ว นี่เขาหลอกให้นางมาห้องทรงพระอักษรก็เพื่อมาทำงานแรงงานให้เขากระมัง! เวลานี้ช่างดีนักใช้เหตุผลที่ถูกงูกัดมาเป็ข้ออ้างที่จะใช้งานนางโดยที่นางไม่อาจปัดความรับผิดชอบได้
มือทั้งคู่ของเซียวเยี่ยนว่างเปล่าขณะเดินนำอยู่ข้างหน้า หลินชิงเวยหอบฎีกาทั้งหมดเดินตามอยู่ด้านหลังอย่างกระหืดกระหอบนางเดินๆ หยุดๆ ยิ่งเดินยิ่งช้า สุดท้ายนางจึงทิ้งงานในหน้าที่กลางคัน
นางนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ข้างทาง มองเซียวเยี่ยนที่เดินห่างออกไปไกลแล้วเลิกคิ้วหันกลับมา นางคิดว่าเวลานี้นางถูกท่านอ๋องผู้นี้กลั่นแกล้ง
ดูเหมือนคนที่เสียเปรียบอย่างแท้จริงคือนาง นางต้องสูญเสียยาถอนพิษยังต้องดูดพิษให้เขา เวลานี้ยังต้องมาทำงานแรงงานให้เขาอีก เขาเล่า เดินมือเปล่าสบายใจยิ่งนัก
หลินชิงเวยแค่นหัวเราะเสียงเย็น “ข้าว่าเสด็จอา ท่านจงใจกระมัง?”
“จงใจอันใด?”
“ท่านรู้ั้แ่แรกแล้วว่าข้าต้องช่วยท่าน?”
“ไม่รู้”
“ท่านรู้แน่นอน!ท่านกำลังแสดงละครหรือไร?” หลินชิงเวยไตร่ตรองดูแล้ว “เวลานี้ข้าเดินไม่ไหวแล้วท่านจัดการเองเถิด ผู้ชายร้ายกาจกล้ามารังแกข้าซึ่งเป็สตรีตัวเล็กๆ คนหนึ่งไม่รู้ว่าหนังหน้าของท่านหนาเพียงใด!หากท่านยังรังแกข้าอีกข้าจะนั่งอยู่ที่นี่ อย่างไรที่นี่มีคนในวังสัญจรไปมาไม่เชื่อข้าจะร้องไห้ให้ท่านดู ประเดี๋ยวคนในวังก็จะซุบซิบนินทาเซ่อเจิ้งอ๋องท่านนี้ช่างไร้รสนิยมกล้ารังแกสนมของฮ่องเต้”พูดแล้วนางก็หรี่ตาลงมองเซียวเยี่ยน เอียงคออย่างท้าทายอยู่หลายส่วน
กลัวอะไร แม้พี่สาวจะอายุเยอะ แต่ร่างนี้ยังสาวอยู่หากยังไม่เสแสร้งเป็สาวน้อย นี่แหละคือต้นทุน!
เซียวเยี่ยนกล่าว “เ้า้าจะทะเลาะกับเปิ่นหวางให้ถึงที่สุดใช่หรือไม่?”
หลินชิงเวย “ไม่เชื่อพวกเราก็รอดูต่อไป” นางยกมือขึ้นชี้ไปไม่ไกลนักดูเหมือนจะมีนางกำนัลสองคนกำลังจะเดินผ่านมา “เสด็จอา เตรียมตัวดีแล้วหรือไม่ข้าจะเริ่มร้องไห้แล้วนะ”
เซียวเยี่ยนบีบนวดขมับของตน “...”
จังหวะที่หลินชิงเวยกำลังจะเริ่มร้องไห้นั่นเองเซียวเยี่ยนรับฎีกามาจากมือของนาง ลุกขึ้นกล่าวว่า “ไปเถิด ฝ่าายังรออยู่”
หลินชิงเวยปัดๆ ก้นแล้วเดินตาม “ท่านไม่ใช่ไม่มีแรงหรือไรข้าดูแล้วเสด็จอาเวลานี้เต็มไปด้วยพละกำลัง”
เซียวเยี่ยนกล่าวขึ้นโดยไม่หันมามอง “ใช่หรืออาจเป็เพราะเปิ่นหวังได้พักเมื่อสักครู่ เวลานี้จึงเริ่มมีกำลังเล็กน้อย”
หลินชิงเวยหยิบก้อนหินสีขาวราวกับหิมะก้อนหนึ่งขึ้นมาแล้วเขวี้ยงไปที่หลังเซียวเยี่ยนน่าแปลกคนผู้นี้มีตาหลังหรือไร เห็นๆ อยู่ว่าลูกหินลอยข้ามไปเมื่อกำลังจะััถูกแผ่นหลังของเขาแล้ว คิดไม่ถึงเขากลับเคลื่อนกายหลบหลีกไปได้