“เป็เื่จริงอย่างนั้นหรือ”
ราชเลขาหยุนหันไปถามบุตรชายใบหน้าเครียด แต่กู้จิ่งเหยียนมีหรือจะปล่อยให้เขาแก้ต่างให้ตนเองและบุตรชายได้ นอกจากเ้าอ้วนผู้นั้นแล้วยังมีบิดาและพี่สาวที่เขายกขึ้นมาข่มขู่ ทุกคนจะต้องถูกเล่นงานทั้งหมด
“ใต้เท้าหยุนไม่เชื่อในวาจาของข้าอย่างนั้นหรือ เห็นทีท่านคง้าหลักฐานยืนยันกระมัง”
กู้จิ่งเหยียนใช้แขนสองข้างประคองตนเองให้ยืนขึ้นอย่างยากลำบาก ก่อนปลดผ้าคลุมขนจิ้งจอกหิมะสีขาวออก จากนั้นจึงถอดชุด้าที่ตนเองใส่ เมื่อร่างกายส่วนบนของเขาปรากฏต่อหน้าธารกำนัล ทุกคนต่างก็ยกมือขึ้นปิดปากตนเองอย่างไม่อยากจะเชื่อในสายตา ผิวขาวราวหิมะของเขามีแต่ร่องรอยเขียวช้ำจนแทบมองไม่เห็นผิวเดิม เซี่ยฮองเฮาเห็นดังนั้นพระนางก็กรีดร้องออกมาด้วยความเ็ปก่อนจะเป็ลมสลบไป
“ฮองเฮาเป็ลมไปแล้ว!! เร็วเข้ารีบเรียกหมอหลวงเร็ว”
เฮ่อเหวินเจ๋อที่เป็เ้าของตำหนักไม่เคยรู้เื่นี้มาก่อนเลย เขาไม่คิดว่าน้องชายที่พึ่งกลับมาจะถูกผู้อื่นรังแกภายใต้จมูกของตน ร่างสูงใหญ่ชักเท้าขึ้นถีบไปยังยอดอกของหยุนเจี้ยนเจี๋ยจนเขากระเด็นไปไกล ก่อนตวาดออกไปเสียงดังราวกับฟ้าผ่า
“ช่างบังอาจนัก!! เ้าเอาความกล้ามาจากที่ใดถึงได้กล้าทำร้ายเชื้อพระวงศ์เช่นนี้”
ทุกคนในงานเลี้ยงต่างคุกเข่าลงพร้อมกัน มีใครไม่รู้บ้างว่าองค์รัชทายาทเพียงหนึ่งเดียวของแค้นจิ้นนั้นใจร้อนยิ่งกว่าสิ่งใด แม้ใบหน้าจะเหมือนกับเฮ่อเหวินฮ่องเต้ แต่นิสัยของเขานั้นได้รับมาจากเซี่ยฮองเฮาทุกกระเบียดนิ้ว
“องค์รัชทายาททรงใจเย็นก่อนนะเพคะ เื่นี้จะต้องมีการเข้าใจผิดกันอย่างแน่นอน น้องชายของหม่อมฉัน...”
เฮ่อเหวินเจ๋อสะบัดหญิงสาวร่างผอมบางที่กำลังจับแขนของตนออกอย่างไม่ไยดี และนางก็คือพระชายารัชทายาทหยุนหนิงหลงนั่นเอง
“ถ้าหากเ้ากล้าเอ่ยปากขอร้องให้กับเ้าเดรัจฉานนั่น เ้าก็จงเก็บของแล้วไสหัวออกไปจากตำหนักของข้าซะ”
เฮ่อเหวินเจ๋อไม่แม้ที่จะเหลือบตามองไปที่นาง ราชเลขาหยุนเห็นบุตรสาวของตนถูกกระทำเช่นนั้นเขาเองก็รู้สึกไม่พอใจ จากที่คุกเขาอยู่ก็ลุกขึ้นยืนประจันหน้ากับเฮ่อเหวินเจ๋อด้วยท่าทางโกรธเกรี้ยว
“องค์รัชทายาททำเช่นนี้ต่อพระชายาถูกต้องแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมที่เป็พ่อตาของพระองค์ขอร้องเรียนต่อฝ่าาเกี่ยวกับเื่นี้”
ราชเลขาหยุนก้าวไปคุกเข่าต่อหน้าพระพักตร์ของฮ่องเต้ ก่อนจะแสร้งบีบน้ำตาร้องไห้ออกมาเสียงดัง เฮ่อเหวินฮ่องเต้มองเื่ราวที่เกิดขึ้นทุกอย่างเงียบๆ ก่อนจะเอ่ยออกมาเสียงทุ้มกังวาน
“เช่นนั้นใต้เท้าหยุน้าให้เราทำอย่างไร ท่านกล่าวว่าบุตรชายของเราเป็ผู้ผิดเช่นนั้นท่าน้าให้เราที่เป็บิดาคุกเข่าขออภัยต่อท่านอย่างนั้นหรือ”
ราชเลขาหยุนชะงักงันหยุดร้องไห้ในทันที จากนั้นคุกเข่าหมอบกราบร่างสั่นเทิ้มยิ่งกว่าเดิมเพราะเกรงว่าตนจะต้องพระราชอาญาข้อหาล่วงเกินเบื้องสูง
“จะเป็เช่นนั้นได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมมิบังอาจ”
“รัชทายาทใจเย็นลงหน่อยเถิด เื่ราวเป็อย่างไรเราต้องฟังความทั้งสองด้าน เอาล่ะ เ้าไหนลองบอกเรามาซิว่าได้กระทำอย่างที่บุตรชายคนเล็กของเรากล่าวหาหรือไม่”
หยุนเจี้ยนเจี๋ยที่ปกติจะกร่างต่อหน้าผู้อื่นเสมอ เวลานี้ใบหน้ากลมหดเหลือเพียงสองนิ้ว เขามองไปยังเฮ่อเหวินเจ๋อด้วยท่าทางหวาดกลัว ก่อนจะรีบคลานไปคุกเข่าต่อหน้าฮ่องเต้
“กระหม่อม...กระหม่อมถูกปรักปรำพ่ะย่ะค่ะ เราสองคนไม่เคยพบหน้ากันเลย จะรังแกเขาได้อย่างไร”
เฮ่อเหวินฮ่องเต้พยักหน้าอย่างใจเย็น ก่อนที่จะเหลือบมองไปยังบุตรชายคนเล็กที่เวลานี้สวมใส่เสื้อผ้าและกลับไปนั่งบนรถเข็นเรียบร้อยแล้ว
“ว่าอย่างไร บุตรชายของราชเลขาหยุนบอกว่าตนเองมิได้เป็ผู้กระทำ เ้ายังมีสิ่งใดจะโต้แย้งหรือไม่”
กู้จิ่งเหยียนยกยิ้มมุมปากบางๆ ก่อนที่จะตบมือสองครั้ง บ่าวรับใช้ชายที่ทำหน้าที่ดูแลเขา พร้อมทั้งทหารที่คุมตัวบ่าวสองคนของหยุนเจี้ยนเจี๋ยเดินเข้ามาภายในงานเลี้ยง พวกเขาทั้งหมดคุกเข่าลงตรงหน้าฮ่องเต้ กู้จิ่งเหยียนเข็นรถเข็นไปตรงหน้าพวกเขาก่อนจะสั่งให้บ่าวชายทั้งสองเงยหน้าขึ้น
“ดูให้ชัดว่าพวกเ้าเคยเห็นข้าหรือไม่”
บ่าวรับใช้ชายทั้งสองเมื่อได้เห็นใบหน้าของกู้จิ่งเหยียนพวกเขาก็ดวงตาลุกวาวขึ้นมาทันที
“ไอ้ง่อยขาเป๋ เ้ามาทำอันใดในพระราชวังอันศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ วันนั้นยังถูกทุบตีไม่พออย่างนั้นหรือ”
หนึ่งในบ่าวรับใช้ที่ถูกนายถือหางตลอด ไม่รู้ว่าเวลาใดควรพูดเวลาใดไม่ควรเอ่ยวาจา แม้แต่อยู่หน้าพระพักตร์ของฮ่องเต้พวกเขาก็มิอาจห้ามปรามปากของตนเองได้ ไม่จำเป็ต้องถามต่อเพราะทุกสิ่งได้ถูกเฉลยโดยบ่าวผู้นั้นแล้ว ใต้เท้าหยุนไม่อาจทำให้บุตรชายขาวสะอาดดั่งเช่นทุกครั้งที่เขากระทำผิด เพราะครั้งนี้ผู้ที่เขาล่วงเกินมิใช่บุตรขุนนางหรือชาวบ้านทั่วไป แต่เป็องค์ชายและเชื้อพระวงศ์ผู้ที่พึ่งกลับคืนสู่ฐานะเดิมผู้นี้ ทั้งยังดูเหมือนว่าฮ่องเต้และฮองเฮาจะให้ความสำคัญกับเขามากด้วย
ราชเลขาหยุนผู้ที่อยู่มาสองแผ่นดินดวงตากลอกกลิ้งไปมาเพื่อหาทางออกให้กับตนและบุตรชาย เขาคิดใช้ความาุโของตนเข้าเกลี้ยกล่อมฮ่องเต้ อีกอย่างตนเองก็เป็พ่อตาขององค์รัชทายาทอย่างน้อยๆ ฝ่าาก็น่าจะยอมไว้หน้าเขาบ้าง “ฝ่าานี่อาจเป็การกลั่นแกล้งกันเล็กๆ น้อยๆ ของบุรุษเท่านั้น โดยปกติแล้วบุตรชายของกระหม่อมมิได้มีนิสัยอันธพาลเช่นนี้ แต่บางทีองค์ชายรองอาจจะพูดสิ่งใดจนทำให้เกิดการเข้าใจผิดไปหรือไม่ อีกอย่างถึงาแบนร่างกายจะดูน่ากลัวไปสักหน่อย แต่ก็เป็เพียงอาการฟกช้ำเท่านั้น ครั้งนี้ถือว่าบุตรชายของกระหม่อมเป็ฝ่ายผิด หากกลับไปที่เรือนแล้วกระหม่อมจะสั่งสอนเขาให้ดี”
กู้จิ่งเหยียนะเิหัวเราะออกมาเสียงดัง หลังจากที่ราชเลขาหยุนเอ่ยจบ ทุกสายตาต่างก็จับจ้องไปยังใบหน้าหล่อเหลาได้รูปเป็ตาเดียว พวกเขากำลังคิดเหมือนกันว่าชายหนุ่มผู้นี้จะเอ่ยสิ่งใดเพื่อแก้ต่างจิ้งจอกเฒ่าผู้นั้น
“ฮ่าๆๆๆๆ ใต้เท้าหยุน ข้าเป็ผู้ถูกทุบตีเหตุใดเมื่อออกจากปากของท่านข้าถึงได้กลายเป็คนผิดเล่า หรือว่าการที่ข้าอาศัยอยู่ที่ตำหนักของพี่ชายแท้ๆ ของตน จะเป็การขวางทางบุตรชายของท่านอย่างนั้นหรือ คนตระกูลหยุนนี่ช่างใหญ่โตเสียจริง แม้แต่เชื้อพระวงศ์ก็ไม่เห็นอยู่ในสายตา ความผิดที่เกิดจากบุตรชายตนก็สามารถกลับดำเป็ขาวได้ การมาที่แคว้นจิ้นของข้าทำให้ได้เปิดหูเปิดตาแล้ว”
กู้จิ่งเหยียนหมุนล้อของรถเข็นเข้าประจันหน้ากับราชเลขาหยุนที่กำลังคุกเข่า ดวงตาคมจ้องไปยังชายชราด้วยสายตาอย่างผู้ที่เหนือกว่า ก่อนจะเอ่ยออกมาอีกครั้ง
“นี่สินะที่โบราณว่าเอาไว้ บิดาเป็อย่างไรบุตรชายย่อมเป็อย่างนั้น วันนี้ท่านได้ทำให้ข้าได้เห็นแล้วว่าขุนนางผู้ยิ่งใหญ่เลี้ยงดูบุตรอย่างไร ใต้เท้าหยุนท่านไม่รู้จริงๆ หรือว่าบุตรชายที่ตนเองเลี้ยงมากับมือเป็คนนิสัยเช่นไร”
กู้จิ่งเหยียนหยุดพูดไปเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองหยุนหนิงหลง ใบหน้าที่คล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มทำให้นางหดคอแสดงอาการหวาดกลัวออกมา
“อ้อ!!ข้ายังลืมไปอีกเื่ บุตรชายของท่านถุยน้ำลายรดข้าทั้งยังเอ่ยทิ้งท้ายเอาไว้ก่อนจากไปว่า ในอนาคตข้างหน้าหากพระชายารัชทายาทให้กำเนิดองค์ชาย แคว้นจิ้นก็จะกลายเป็ของตระกูลหยุนโดยสมบูรณ์ หากว่าเป็อย่างที่เขาเอ่ย ข้าก็ไม่แปลกใจเลยที่เขาจะไม่เห็นเหล่าเชื้อพระวงศ์อยู่ในสายตา หึ!หึ!หึ! พี่สะใภ้ท่านตั้งครรภ์แล้วอย่างนั้นหรือ น้องชายคนดีของท่านถึงได้แสดงท่าทางโอหังเช่นนี้ออกมาได้”
ะเิลูกสุดท้ายของกู้จิ่งเหยียน เขาได้ทิ้งมันลงไปบนหัวของหยุนหนิงหลง ในเวลานั้นที่นั่นมีเพียงห้าคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่อให้ราชเลขาหยุนและบุตรชายแก้ต่างให้ตนอย่างไร ก็ไม่น่าจะมีผู้ใดเชื่อในคำพูดของพวกเขาอีกแล้ว ต่อให้เขาจะใส่ตีไข่ดูจากที่ทุกคนจ้องไปยังครอบครัวตระกูลหยุน คำพูดของเขาผู้ที่ถูกกระทำน่าจะมีน้ำหนักมากกว่า
“นั่น .....ข้า องค์รัชทายาทเพคะ”
หยุนหนิงหลงหันไปขอความช่วยเหลือจากเฮ่อเหวินเจ๋อที่ยืนกำหมัดแน่นเพื่อระงับอารมณ์ของตน ั้แ่ที่เขาได้เห็นร่างกายเขียวช้ำของน้องชายความโกรธภายในอกก็แทบปะทุขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่ เวลานี้เขาอยากจะสังหารผู้ที่เป็ต้นเหตุทิ้งเสียให้สิ้นซาก แต่ตำแหน่งที่เขานั่งอยู่มันค้ำคอทำให้มิอาจทำสิ่งใดตามใจตนได้
“หุบปาก!! คอยดูเถอะว่าข้าจะจัดการกับเ้าอย่างไร”
เฮ่อเหวินเจ๋อเอ่ยเสียงลอดไรฟันออกมา แต่ยังมีบางคนที่ไม่กลัวตาย แม้จะอยู่ต่อหน้าฮ่องเต้ผู้ครองแคว้นแต่เพราะได้รับการเลี้ยงดูอย่างตามใจจากครอบครัวจนเคยชิน ทำให้เขาไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำไม่รู้ว่าสิ่งใดควรไม่ควร