จิ้งโม่และมู่ฉีกลับที่พักของพวกตนทันทีหลังจากออกมาจากค่ายทหาร ในจดหมายจิ้งโม่เขียนไว้อย่างละเอียดรวมถึงเื่ที่เจียงหยวน กำลังออกเดินทางไปรอเ้านายอาจจะเป็ที่เมืองชางโจว เมื่อภารกิจสำเร็จทั้งสองจึงไปดื่มฉลองกันเล็กน้อยตามประสาบุรุษ
ด้านแม่ทัพใหญ่ที่กลับมาถึงจวนในยามเซินได้สั่งให้พ่อบ้านเจียงไปแจ้งที่เรือนของฮูหยินผู้เฒ่า ว่าเย็นนี้เขาจะพาฮูหยินไปรับสำรับเย็นที่นั่นและบอกให้แม่ครัวเตรียมอาหารไว้มากกว่าเดิมสักหน่อย ก่อนที่ตัวของแม่ทัพใหญ่จะกลับไปชำระล้างร่างกายเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อไปพบฮูหยินที่ไม่ยอมออกจากจวนมาหลายปี
มู่เสียสาวใช้คนสนิทของจางฮูหยินเมื่อเห็นว่านายท่านของจวน มาพบนายหญิงของตนเร็วกว่าทุกวันจึงจะเข้าไปบอกเ้านาย แต่ว่านางถูกนายท่านเรียกตัวเอาไว้เสียก่อน
“มู่เสีย”
“คารวะนายท่านเ้าค่ะ”
“เ้าไม่ต้องไปรายงานน้องหญิงแต่ไปเตรียมเสื้อผ้าชุดใหม่ ดูชุดที่มีสีสันสดใสสักเล็กน้อยก็แล้วกันวันนี้ข้าจะพานางไปรับอาหารเย็นที่เรือนท่านแม่”
“เอ่อ เ้าค่ะนายท่าน” มู่เสียทำท่าคล้ายมีคำถามแต่ก็ต้องหยุดเอาไว้และแยกตัวไปทำตามคำสั่งเ้านาย
เมื่อสั่งงานสาวใช้อย่างมู่เสียแล้วแม่ทัพใหญ่จึงเข้าในห้องนั่งเล่น ซึ่งมีฮูหยินของตนที่ยามนี้รางกายซูบผอมลงไปมาก นั่งพักผ่อนอยู่บนตั่งนอนเหม่อมองออกไปด้านนอกหน้าต่าง พอเห็นสตรีที่รักเป็เช่นนี้ยิ่งทำให้แม่ทัพใหญ่เ็ปใจเสียเหลือเกิน พาลนึกโกรธคนบ้านรองที่ทำให้ฮูหยินของเขาต้องกลายเป็คนอมทุกข์
“ตึก ตึก ตึก”
“มู่เสียเ้าช่วยไปบอกแม่ครัวว่าวันนี้ยกสำรับมาไม่ต้องมาก ข้าไม่รู้สึกหิวเท่าใดนักให้แบ่งส่วนของข้าให้เ้าแทนก็แล้วกัน” จางฮูหยินคิดว่าคนที่เดินเข้ามาคือสาวใช้คนสนิทไม่คิดว่าจะเป็สามีของตน
“หากเ้าทานน้อยลงวันนี้พี่คงไม่บอกข่าวดีกับเ้าแน่อวี้เอ๋อร์” แม่ทัพใหญ่เอ่ยเย้าแหย่ฮูหยินของตน
“ขวับ! ท่านพี่เหตุใดวันนี้ถึงกลับเร็วได้เ้าคะ หรือว่าให้อาหยวนรับหน้าที่ดูแลการฝึกทหารแทนอีกแล้ว”
“ที่พี่กลับจวนเร็วเพราะมีเื่ดีเกิดขึ้นกับพวกเรา และพี่อยากจะบอกเ้ากับท่านแม่พร้อมกันถึงได้มารับเ้าอย่างไรเล่า”
“มีเื่ดีเกิดขึ้นกับพวกเราหรือเ้าคะ เอ่อ หรือว่าท่านพี่ไปทำสตรีคนไหนตั้งครรภ์แล้วจะรับเข้าจวนใช่ไหมเ้าคะ” จางฮูหยินคิดไปไกล
“หึ ๆ ๆ เ้าคิดไปถึงไหนกันอวี้เอ๋อร์ไม่ใช่อย่างที่เ้าคิดแน่นอน หากเป็เช่นนั้นจวนของเราคงมีเรือนหลังมากมายไปแล้ว หากเ้าอยากรู้ว่าคือเื่อะไรก็รีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ก่อนเถิด”
“ทำไมฟังแล้วมีลับลมคมในแปลก ๆ เ้าคะ บอกตอนนี้เลยมิได้หรือเ้าคะท่านพี่”
“ไม่ได้หรอกเ้าค่อยฟังพร้อมกับท่านแม่จะดีกว่า แล้วพวกเราก็รับสำรับที่เรือนท่านแม่เสียเพราะพี่สั่งพ่อบ้านเจียง ให้ไปแจ้งท่านแม่ไว้แล้วว่าวันนี้พวกเราจะทานอาหารเป็เพื่อนท่านแม่” แม่ทัพใหญ่ใจชื้นขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อเห็นท่าทางอยากรู้ของฮูหยิน
“ก็ได้เ้าค่ะ” จางฮูหยินจำต้องทำตามคำขอของสามี
แม่ทัพใหญ่นั่งรอเพียงสองเค่อกว่า ๆ ฮูหยินของตนก็ออกมา พร้อมกับสวมชุดที่เขาสั่งมู่เสียให้เตรียมไว้ จากนั้นจึงประคองฮูหยินค่อย ๆ เดินไปยังเรือนชุ่ยฮวาของมารดา ที่ยามนี้นั่งจิบชารอบุตรชายอยู่ในห้องรับแขกของเรือน
“มากันแล้วหรืออากุ่ย” ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยทักบุตรชายและลูกสะใภ้
“ลูกคารวะท่านแม่ขอรับ”
“ลูกสะใภ้คารวะท่านแม่เ้าค่ะ”
“ไปนั่งที่เก้าอี้คุยกันดี ๆ เถิดอาอวี้ยิ่งไม่แข็งแรงอยู่” ฮูหยินผู้เฒ่าสงสารลูกสะใภ้อยู่ไม่น้อยเพราะนางอยากมีบุตรสาวที่น่ารักสักคนมาก
“ขอบคุณท่านแม่เ้าค่ะ”
“อืม แม่ได้ยินว่าเ้าให้พ่อบ้านเจียงบอกแม่ครัวทำอาหารมากกว่าทุกวัน มีเื่ดี ๆ อันใดเกิดขึ้นกับตระกูลเจียงของเราหรืออากุ่ย” ผ่านมาหลายปีหากไม่ใช่วันไหว้บรรพบุรุษจะไม่มีการทำอาหารเยอะเช่นนี้
“เจียงเล่อเ้ากับพ่อบ้านเจียงคอยตรวจรอบ ๆ เรือน แม่นมฮวนรบกวนท่านให้สาวใช้ออกไปอยู่ที่สวนดอกไม้ด้วย” แม่ทัพใหญ่ไม่อาจวางใจใครได้หากต้องพูดเื่สำคัญ
“ขอรับ/เ้าค่ะ”
แม่นมฮวนที่สั่งให้สาวใช้ทั้งหมดออกไปด้านนอกเสร็จ จึงกลับมาคอยดูแลฮูหยินผู้เฒ่าในห้องเช่นเดิม ส่วนเจียงเล่อกับพ่อบ้านเจียงคอยเดินตรวจรอบ ๆ เรือนป้องกันมิให้ใครมาแอบฟัง
“อากุ่ยนี่มันเื่อะไรกันแน่ถึงได้เข้มงวดเพียงนี้” ฮูหยินผู้เฒ่าใกับการกระทำของบุตรชาย
“ท่านแม่อย่าได้เข้าใจผิดที่ข้าทำเช่นนี้แค่ป้องกันคนจากบ้านรองเท่านั้นขอรับ เนื่องจากเื่ที่ข้าจะบอกกับท่านแม่และอวี้เอ๋อร์นั้น เป็ความลับแต่ก็เป็ข่าวดีสำหรับพวกเราด้วยเช่นกัน” แม่ทัพใหญ่รีบอธิบายให้มารดาของตนเข้าใจ ว่าสิ่งที่ทำลงไปมีสาเหตุมาจากอะไร
“หากเป็อย่างที่เ้าพูดมาเื่นี้ย่อมเกี่ยวข้องกับบ้านรองโดยตรง ไม่ว่าจะผ่านไปนานกี่ปีสตรีนางนั้นก็ไม่เคยปล่อยวาง จนอายุล่วงเลยมาถึงป่านนี้แล้วก็ยังอยากมีอำนาจเหนือข้าเช่นเดิม ไม่พอยังสั่งสอนบุตรหลานให้มีความคิดเหมือนกับนางอีก” ฮูหยินผู้เฒ่านึกถึงสตรีผู้เป็อนุของสามีที่ได้มาเพราะแผนสกปรกของนางผู้นั้น
“ท่านพี่เ้าคะท่านบอกข้ากับท่านแม่มาเถิด แท้จริงแล้วมันคือเื่อะไรกันแน่ท่านถึงได้ระวังตัวมากแม้อยู่ในเรือนของท่านแม่”
“ได้ก่อนอื่นขอให้ท่านแม่กับอวี้เอ๋อร์ตั้งสติให้ดีเื่ที่ข้าจะบอกต่อไปนี้เกี่ยวข้องกับเยี่ยนเอ๋อร์ เมื่อยามเฉินของวันนี้มีคนของอาเหยียนมาขอพบอาหยวนกับข้าที่ค่ายฝึกทหาร พวกเขามาเพื่อสอบถามเกี่ยวกับกุญแจหยกอายุยืนของตระกูลเจียง เพราะว่าอาเหยียนพบสตรีนางหนึ่งที่เมืองเฉียนโจวและนางมีหยกชิ้นนี้อยู่กับตัว นอกจากนี้นางยังพูดอีกว่าจะมาตามหาครอบครัวที่เมืองหลวง”
“อากุ่ย!!/ท่านพี่!!”
“ท่านพี่แต่เยี่ยนเอ๋อร์ตายหลังจากที่ข้าคลอดนางออกมาแล้วนะเ้าคะ คนที่มากับหมอตำแยยังพาร่างของนางมาให้ข้าดูด้วยซ้ำ แล้วเื่นี้จะเป็ไปได้หรือเ้าคะว่านางจะยังมีชีวิตอยู่” จางฮูหยินเห็นกับตาของนางเองว่าบุตรสาวไม่หายใจแล้ว
“นั่นน่ะสิอากุ่ยพวกเรานำร่างของเยี่ยนเอ๋อร์นอนในโลงศพด้วยตนเอง เื่นี้ไม่น่าเป็ไปได้พวกเขาจำผิดหรือไม่อากุ่ย” ฮูหยินผู้เฒ่าก็ยังไม่เชื่อว่าจะเกิดเื่เช่นนี้ได้
“คราแรกข้าก็ไม่เชื่อจนคนของอาเหยียนตั้งข้อสังเกตถึงการตายของเยี่ยนเอ๋อร์ หากนางได้เติบโตเป็คุณหนูใหญ่แห่งจวนแม่ทัพเช่นข้า แน่นอนว่าทั้งเชื้อพระวงศ์จากตำหนักทั้งหลายรวมถึงตระกูลขุนนาง ย่อม้าเกี่ยวดองกับข้าผ่านทางบุตรสาวมิใช่หรือ ถ้าไม่มีเยี่ยนเอ๋อร์สักคนแล้วใครกันที่จะเรียกความสนใจจากคนเ่าั้ได้” แม่ทัพใหญ่บอกถึงความสงสัยถึงการตายของบุตรสาว
“จะเป็ใครไปไม่ได้เพราะในวันนั้นสะใภ้บ้านรองก็คลอดบุตรสาวเช่นกัน หรือว่าเื่นี้จะเกี่ยวข้องโดยตรงกับพวกขี้อิจฉาใช่ไหมอากุ่ย”
“คะ คะ คนบ้านรองวางแผนสังหารเยี่ยนเอ๋อร์ของข้างั้นหรือ ฮึก ๆ ทำไมกันนางเพิ่งจะคลอดออกมาจากท้องของข้า พวกเขาจิตใจอำมหิตเกินไปแล้ว ฮือ ๆ เยี่ยนเอ๋อร์ลูกแม่”
“ฮูหยินเ้าคะทำใจดี ๆ ไว้ก่อนนะเ้าคะ ถ้าเป็อย่างที่นายท่านพูดแสดงว่าหญิงสาวคนนั้น อาจจะเป็คุณหนูที่ยังมีชีวิตอยู่จริง ๆ ก็ได้นะเ้าคะ” มู่เสียรีบเข้าไปปลอบใจเ้านายที่ยังเสียใจกับการตายของบุตรสาว
“ใช่แล้วอวี้เอ๋อร์เพราะคนของอาเหยียนคิดว่าหมอตำแยนั่น น่าจะทำการสลับร่างเด็กทารกเอาร่างเด็กที่ตายแล้วมาให้เ้าดู ส่วนเยี่ยนเอ๋อร์ตัวจริงหมอตำแยเป็คนพานางไปแต่ตัดใจทำร้ายเยี่ยนเอ๋อร์ไม่ได้ จึงเก็บนางไว้และเลี้ยงดูจนเติบโตและด้วยความรู้สึกผิดหมอตำแยจึงยอมเล่าความจริง ทำให้เยี่ยนเอ๋อร์อยากเดินทางมาเมืองหลวงตามหาพวกเราอย่างไรเล่า” แม่ทัพใหญ่พยายามปลอบใจฮูหยินของตน
“ลูกสะใภ้พวกเราคิดไปในทางที่ดีไว้ก่อนเถิดนะ รอให้นางมาถึงเมืองหลวงก็จะได้รู้แล้วว่าใช่เยี่ยนเอ๋อร์หรือไม่” ฮูหยินผู้เฒ่าปลอบใจลูกสะใภ้และปลอบใจตนเองในคราวเดียวกัน เพราะนางก็อยากให้หลานสาวยังคงมีชีวิตอยู่เช่นกัน
“ฮึก เ้าค่ะท่านแม่”
“ถือเสียว่าพวกเรายังมีความหวังและที่อาหยวนไม่กลับมาที่จวน เพราะข้าให้ออกเดินทางไปรอขบวนของอาเหยียนกลางทางเผื่อว่านางจะติดตามมาด้วย แต่สิ่งที่สำคัญในตอนนี้คือท่านแม่กับอวี้เอ๋อร์ต้องบำรุงร่างกายให้มากหน่อย หากว่านางคือเยี่ยนเอ๋อร์จริง ๆ ระวังจะไม่มีแรงพูดคุยเล่นกับนางนะ” แม่ทัพใหญ่อ้างเื่นี้เพื่อให้สตรีทั้งสองคน
ทานอาหารให้มากขึ้น
“ท่านแม่ที่ท่านพี่พูดมาก็ถูกระหว่างนี้พวกเราต้องบำรุงร่างกายกันแล้วนะเ้าคะ เกิดว่าเยี่ยนเอ๋อร์แข็งแรงมากกว่าคงจะถูกนางกลั่นแกล้งแน่ ๆ เ้าค่ะ” จางฮูหยินนึกอยากเห็นหญิงสาวคนนั้นเสียแล้ว
“ได้ ๆ ๆ แม่ฟังพวกเ้าเช่นนั้นวันนี้ก็ทานข้าวให้มากหน่อยเถิดนะ”
“แม่นมฮวนประคองท่านแม่ไปที่ห้องอาหารเถิด”
“เ้าค่ะนายท่าน”
“พวกเราก็ไปกันเถิดฮูหยินจากนี้ไปเ้าต้องยิ้มให้มากนะรู้ไหม ยามที่เยี่ยนเอ๋อร์กลับมาจะได้เห็นว่าท่านแม่ของนาง ยามที่มีรอยยิ้มนั้นงดงามน่ามองมากเพียงใดพี่คิดว่าเยี่ยนเอ๋อร์จะต้องเหมือนเ้าแน่ ๆ” แม่ทัพใหญ่ตกหลุมรักจางฮูหยินก็เพราะรอยยิ้มที่งดงามของนาง
“ท่านพี่ละก็รีบตามท่านแม่ไปได้แล้วเ้าค่ะ”
แม่ทัพใหญ่รู้สึกโล่งใจขึ้นมาบ้างที่เห็นจางฮูหยินเริ่มจะกลับมายิ้มได้ บรรยากาศการทานอาหารในเรือนชุ่ยฮวาของบ้านหลัก ช่างอบอุ่นและไม่เครียดพูดคุยเื่ทั่วไปไม่ติดขัดแต่มันช่างขัดกับบ้านรองยิ่งนัก
บรรยากาศบนโต๊ะทานอาหารของบ้านรองตระกูลเจียง ยามนี้เต็มไปด้วยความน่าอึดอัดเพราะในใจของแต่ละคน ต่างมีแผนการอยากมีอำนาจบารมีมากกว่าเดิมยิ่งตัวของเจียงซูลี่ ที่ทุกวันนี้ใช้เงินหมดไปกับการซื้อเสื้อผ้าเครื่องประดับเมื่อได้รู้ว่าจากปากบิดาว่า จินกุ้ยเฟยสนใจในตัวนางอยากจะทาบทามให้เป็พระชายารองอีกคนขององค์ชายหก
คนในจวนจึงไม่มีใครขัดใจไม่ว่าเจียงซูลี่อยากได้อะไรล้วนตามใจทุกอย่าง
“อาฉินเื่ที่จินกุ้ยเฟยพูดกับเ้าเกี่ยวกับลี่เอ๋อร์ พระนางจะกราบทูลกับฝ่าาเมื่อใดรึพวกเราจะได้เตรียมตัวล่วงหน้าไว้ก่อน ยามที่ได้ฤกษ์อภิเษกจะได้ไม่ฉุกละหุกจนเกินไป” ฮูหยินผู้เฒ่าอิ๋นถามกับบุตรชายเพียงคนเดียวของตน
“คงไม่เกินสองสามวันนี้ขอรับท่านแม่คนของจินกุ้ยเฟยบอกกับข้าอย่างนั้น เนื่องจากระยะนี้ฝ่าามีฎีกาจากพวกขุนนางท้องถิ่นหลายฉบับ จึงมิได้เสด็จไปที่ตำหนักของจินกุ้ยเฟย แต่พระนางรับปากไว้แล้วย่อมไม่ผิดจากที่พูดไว้แน่นอนท่านแม่วางใจเถิดขอรับ” เจียงกุ้ยฉินยามนี้มีตำแหน่งเป็รองเ้ากรมขุนนางหากว่าเขามิใช่น้องชายของแม่ทัพใหญ่เจียง มีหรือที่จินจือคงจะยอมให้จินกุ้ยเฟยดึงมาเป็พวกเพื่อใช้ประโยชน์เกี่ยวกับแผนการดึงกำลังทหารของตระกูลเจียง
“ก็ดีหากภายหน้าเ้าช่วยสนับสนุนองค์ชายหกขึ้นนั่งบัลลังก์ัได้ บ้านรองของเราจะมีอำนาจเหนือบ้านหลักเสียทีข้าไม่อยากเห็นนังเฟยซิ่น เชิดหน้าชูคออยู่เหนือข้าเช่นทุกวันนี้อีกต่อไปแล้ว”
“ท่านแม่อดใจรออีกสักนิดเถิดเ้าค่ะเชื่อฝีมือของท่านพี่ แม้ว่าลี่เอ๋อร์จะได้เป็พระชายารองขององค์ชายหก แต่แค่ตำแหน่งนี้ก็เสริมบารมีให้ท่านแม่ดูสูงส่งกว่านังแก่บ้านหลักเป็ไหน ๆ เพราะพวกมันไม่มีหลานสาวเพื่อแต่งกับเชื้อพระวงศ์เหมือนกับท่านแม่อย่างไรล่ะเ้าคะ” เย่จือเหมยลูกสะใภ้ที่เจียงกุ้ยฉินหามานั้นมีนิสัยคล้ายคลึงกับมารดา
“จริงด้วยเ้าค่ะท่านย่าหลานเห็นสภาพที่ไม่น่ามองของพวกนาง คิดว่าอีกไม่นานพวกมันก็น่าจะตายโดยที่พวกเราไม่ต้องลงมือก็ได้เ้าค่ะ อี๋ แค่นึกภาพหลานก็ทานอะไรไม่ลงแล้วนะเ้าคะท่านย่า” เจียงซูลี่ทำท่าทางขยะแขยงคนบ้านหลักดั่งเป็ของสกปรกก็มิปาน
“ท่านแม่ข้าก็เบื่อขี้หน้าคนบ้านหลักเต็มทีเช่นกันขอรับ แต่ว่าข้ากำลังคิดหาวิธีจะส่งคนเข้าไปที่บ้านหลัก เพื่อหาทางจัดการกับพวกมันทั้งสี่คนให้ตกตายภายในสามเดือน หากพวกมันยังอยู่ใต้เท้าจินลงมือตามแผนไม่สะดวกนักข้าคิดว่าจะส่งสตรีเข้าไปเป็สาวใช้ และจัดการวางยาพิษนังแก่นั่นพร้อมลูกสะใภ้หนามยอกอกของข้ากับท่านแม่จะได้หายไปเสียทีขอรับ” เจี้ยกุ้ยฉินเตรียมแผนการนี้มาสักพักแล้ว
“ท่านพี่ฉลาดวางแผนยิ่งนักเ้าค่ะ”
“ฮึ ถ้าพวกมันตาย ๆ ไปให้หมดในเร็ววันได้ยิ่งดี พวกเราจะได้กลายเป็บ้านหลักแทนและทุกสิ่งทุกอย่าง ย่อมกลายมาเป็ของเราทั้งหมดข้าจะใช้สมบัติของพวกมันเสวยสุขให้ดู ฮ่า ๆ ๆ” ฮูหยินผู้เฒ่าอิ๋นนับวันรอที่จะได้ตระกูลเจียงอย่างเต็มตัวเสียที
แต่เจียงกุ้ยฉินยังไม่รู้ว่ายามนี้ที่จวนพระราชทานของบ้านหลัก แม่ทัพใหญ่ได้สั่งการเจียงเล่อและพ่อบ้านเรียบร้อยแล้ว ให้ทหารและบ่าวที่ฝึกฝนไว้คอยจับตาดูคนที่เหลือในจวนอย่างใกล้ชิด หากพบว่าใครมีพิรุธให้จับตัวไปไต่สวนได้ทันทีไม่ว่าใครจะเสนอขายตัวมาเป็บ่าว ห้ามผู้ใดรับเข้ามาเด็ดขาดถ้าพบว่าใครกล้าขัดคำสั่งลงโทษโบยทันทียี่สิบไม้
และขายออกไปทันทีนับว่าบ่าวไพร่ในจวนของแม่ทัพใหญ่ยังรู้จักเลือกนาย ไม่สร้างปัญหาให้กับเ้าของจวนและยังช่วยกันเฝ้าระวังคนแปลกหน้าอยู่เสมอ
เมื่อคนที่เจียงกุ้ยฉินส่งไปไม่สามารถเข้าไปในจวนบ้านหลักได้ ทำเอาเจียงกุ้ยฉินโมโหถึงขั้นทำลายข้าวของลงโทษบ่าวไพร่อย่างไร้เหตุผล แต่กระนั้นก็ยังไม่ล้มเลิกความคิดเขายังคงหาหนทางวางแผนเพื่อกำจัดพี่ชายต่างแม่คนนี้ให้ได้
แต่ที่มากไปกว่านั้นคือเื่ของเจียงหยวนออกเดินทาง ได้ไปถึงหูเสนาบดีจินจากคนที่คอยจับตาดูสองพ่อลูก แม้จะไม่รู้ว่าเจียงหยวนจะไปที่ใดเสนาบดีจินยังสั่งให้คนติดตามไป และจ้างพวกนักฆ่าที่มีฝีมือตามไปกำจัดเจียงหยวนกลางทางเสีย
