หลังจากนั้น...
เื่ราวที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ก็ค่อยๆ ถูกเปิดเผยจากริมฝีปากบางของฮั่วเยี่ยนไหว
ในปีนั้น ยามที่ฮั่วเยี่ยนตั๋วผู้เป็ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันยังเป็เพียงไท่จื่อ เขาริษยาฮั่วเยี่ยนไหวที่ได้รับการเลี้ยงดูจนเติบใหญ่จากเสด็จพ่อ ยิ่งเห็นฮั่วเยี่ยนไหวสร้างผลงานครั้งแล้วครั้งเล่าก็ยิ่งอิจฉา ดังนั้นจึงขอนำทหารไปยุติความวุ่นวายที่เมืองแห่งหนึ่ง
ผู้ใดจะล่วงรู้ว่าการสู้รบในครั้งนั้นที่ดูเหมือนจะเอาชนะได้สบายๆ กลับมีฏอยู่ภายใน
การปรากฏตัวของหนอนพิษกู่ได้ทำลายความสงบสุขทั้งหมด
หนอนตัวนั้นชั่วร้ายอย่างหาที่เปรียบมิได้ หากฮั่วเยี่ยนตั๋วโดนพิษจากหนอนพิษกู่ตัวนั้น ผลลัพธ์คือเขาไม่อาจรักษาตำแหน่งไท่จื่อไว้ได้อีก
ทว่าใน่เวลาวิกฤต ฮั่วเยี่ยนไหวก็ปรากฏตัวขึ้น ใช้ร่างกายของตนดูดซับหนอนพิษกู่
เขาดูดซับหนอนพิษกู่ตัวนั้นเข้ามาในร่างกายของตนเอง ทำให้ต้องทุกข์ทรมานจากหนอนพิษกู่มานานปี
ไป๋เซี่ยเหอเงียบไป นางช้อนตาขึ้นสบกับดวงตาสีหมึกที่ไม่สะทกสะท้านคู่นั้นที่เต็มไปด้วยความรักและความทะนุถนอมอย่างปิดไม่มิดในแววตา
มิน่าเล่า...
ฮั่วเยี่ยนตั๋วถึงได้ขึ้นครองราชย์ ส่วนเขาเป็เซ่อเจิ้งอ๋อง
ทว่าเป็เซ่อเจิ้งอ๋องที่มีอำนาจเทียบเท่าฮ่องเต้
ทั้งหมดมีที่มาเช่นนี้นี่เอง
“อันหนิงใช้ชีวิตที่ชายแดนของแคว้นเทียนเช่อกับแคว้นตงอูมานาน วันนั้นนางบังเอิญได้ข่าวมาว่ามีคนที่สามารถขับหนอนพิษกู่ให้ข้าได้”
เขาหยุดชะงักก่อนจะกล่าวต่อ
“มือสังหารในวันนั้นไท่จื่อเป็คนส่งมา เขารู้อยู่แก่ใจว่าด้วยความสามารถของข้า ข้าย่อมไม่เห็นมือสังหารเ่าั้อยู่ในสายตาด้วยซ้ำ จึงจงใจปล่อยข่าวลวงเพื่อดึงอันหนิงเข้ามาเกี่ยวข้อง ที่จริงเป้าหมายของเขาคืออันหนิง”
นี่คือสาเหตุที่เขาพุ่งเข้าไปช่วยโหยวพิงถิงอย่างร้อนอกร้อนใจในวันนั้น
ทว่าเขาคิดไม่ถึงว่าการกระทำของตนเองจะทำร้ายไป๋เซี่ยเหออย่างใหญ่หลวง
หาก ‘รู้ล่วงหน้า’...
ต่อให้เขาต้องทุกข์ทรมานไปอีกสิบกว่าปีหรือหลายสิบปีแล้วอย่างไร?
วันนั้นที่หุบเขา นางเห็นความทุกข์ทรมานของเขากับตา
หากเป็อย่างที่เขาพูดจริงๆ ตลอดหลายปีมานี้การที่ต้องแบกรับความทุกข์ทรมานเช่นนี้เป็ประจำทุกปี เขาจะใช้ชีวิตด้วยความทรมานเพียงใด?
ไป๋เซี่ยเหอเคยได้ยินประโยคหนึ่ง นั่นคือ ‘คนที่แข็งแกร่งก็้าที่พึ่งพิง คนที่หยิ่งยโสก็หวังว่าจะได้รับอ้อมกอดอันอบอุ่น’
นางและเขาราวกับมาจากโลกเดียวกัน ดึงดูดซึ่งกันและกัน ราวกับเป็คู่์สร้าง
“ความแค้นของเ้า ข้าจะชำระให้เอง!”
“คนของข้า นอกจากตัวข้าแล้ว ใครหน้าไหนก็ไม่อาจรังแกได้!”
ทั้งสองเอ่ยปากขึ้นพร้อมกัน
ร่างของคนสองคนที่ยืนหันหน้าเข้าหากันได้แผ่ความรักอันหวานล้ำออกไปรอบทิศทาง หัวใจที่แข็งกระด้างทั้งสองดวงแปรเปลี่ยนเป็สายน้ำในวสันตฤดู จากนั้นสายน้ำดังกล่าวก็ไหลมารวมกัน
“ข้าเต็มใจที่จะเป็ตายไปด้วยกันกับท่าน!”
นางชอบเขาเมื่อไรสำคัญด้วยหรือ?
แล้วนางชอบเขาเพราะอะไรสำคัญด้วยหรือ?
สิ่งสำคัญคือ ตอนนี้หัวใจของนางเต้นรัว พวงแก้มของนางร้อนผ่าว
ความรู้สึกทั้งหมดนี้ทำให้นางไม่สามารถหลอกตนเองได้
ในเมื่อความเข้าใจผิดได้คลี่คลายลงแล้ว เหตุใดนางถึงต้องปฏิเสธ?
คำถามที่ว่านางรักฮั่วเยี่ยนไหวหรือไม่?
นางเองก็ไม่เข้าใจเช่นกัน ทว่านางรู้เพียงในใจของนาง ฮั่วเยี่ยนไหวแตกต่างจากผู้อื่น
หากเปรียบเทียบกับผู้อื่นแล้ว ฮั่วเยี่ยนไหวเหมาะสมกับนางที่สุด
ฮั่วเยี่ยนไหวยกมุมปากขึ้น เขายังไม่ทันได้พูดอะไร ใบหน้าอันงดงามตรงหน้าก็เคลื่อนที่เข้ามาใกล้
ริมฝีปากอันอ่อนนุ่มและหอมหวาน ทั้งยังมีกลิ่นกายอันเย้ายวนของเด็กสาว ทำให้เขารู้สึกวาบหวามไปชั่วครู่
เขาคิดว่าบางทีเขาคงเข้าใจประโยคนั้นแล้ว นั่นคือ
“แต่นั้นมาภูวไนยไม่ออกขุนนาง[1]”
เมื่อมีร่างที่อ่อนนุ่มและหอมกรุ่นอยู่ข้างกาย ไหนเลยจะยังมีเวลาไปคิดถึงเื่อื่นอีก?
อิ๋งเฟิงหมอบดูจากบนต้นไม้ไกลๆ เขาสะดุ้งด้วยความใทันที ก่อนจะรีบยื่นมือไปเด็ดใบไม้สองใบมาปิดตา
โอ้โห!
นึกไม่ถึงว่านายท่านของเขาจะถูกเด็กสาวจูบ
พระชายาจะรุนแรงเกินไปแล้ว...ชวนให้เลื่อมใสยิ่งนัก!
ไม่ได้การ ต้องดูต่อ
โอกาสนี้หาได้ยาก
ทันทีที่ใบไม้สองใบนั้นปลิวออกไป พลังสายหนึ่งที่แฝงไปด้วยสายลมเย็นในวสันตฤดูก็พุ่งมาทางอิ๋งเฟิง
จิตใต้สำนึกของเขาสั่งให้เขาหลบทันที
จากนั้นโศกนาฏกรรมก็เกิดขึ้น
ร่างของอิ๋งเฟิงพลัดตกลงบนพื้น
รุนแรงเกินไปแล้ว!
เมื่อเขาเงยหน้าขึ้น มือของทั้งสองที่เมื่อครู่ยังกอบกุมกันอยู่ก็หลุดออกจากกันแล้ว ตอนนี้ทั้งคู่ยืนตรงข้ามกัน
ใบหน้าเล็กและขาวผ่องของไป๋เซี่ยเหอแดงเรื่อ ั์ตาจิ้งจอกอันเย้ายวนคู่นั้นอ่อนโยนกว่าปกติหลายส่วน ช่างล่อลวงผู้คนให้กระทำผิดได้ง่ายดายเสียจริง
“นี่คือการประทับตรา ตอนนี้ท่านเป็คนของข้าแล้ว”
ฮั่วเยี่ยนไหวตกตะลึง
ในยุคนี้สตรีล้วนเป็เครื่องประดับของบุรุษ ไม่มีสตรีนางใดที่กล้าพูดถ้อยคำกำเริบเสิบสานเช่นนี้มาก่อน
ทว่าผู้ที่พูดถ้อยคำนี้ดันเป็สตรีตรงหน้า ผู้เป็คนรักของเขา
เขาชินเสียแล้ว ไม่เช่นนั้นจะให้ทำอย่างไรเล่า?
“ได้ จากนี้ไปข้าเป็คนของเ้าแล้ว”
ฮั่วเยี่ยนไหวยื่นมือไปลูบผมของไป๋เซี่ยเหออย่างเป็ธรรมชาติราวกับลูบขนจิ้งจอก มุมปากเป็รอยยิ้มด้วยความรักลึกซึ้ง
เมื่อกลับถึงจวนเซ่อเจิ้งอ๋อง ฮั่วเยี่ยนไหวก็เดินมาส่งไป๋เซี่ยเหอถึงเรือนหลีย่วน ทั้งสองไม่ปล่อยมือออกจากกันเลย
“ท่านอ๋อง อันหนิงจวิ้นจู่ขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ”
ไป๋เซี่ยเหอคิ้วกระตุกเล็กน้อย ทว่าไม่กล่าวอะไร
ฮั่วเยี่ยนไหวนวดหว่างคิ้ว ปัญหาแรกมาเร็วปานนี้เชียว
ช่างมันเถิด
ถึงอย่างไรก็ต้องคลี่คลายปัญหาให้ได้
“ให้นางเข้ามา”
วันนี้โหยวพิงถิงสวมชุดกระโปรงยาวสีเหลืองอ่อน บนมวยผมมีดอกไม้ประดับประดาเล็กน้อย หว่างคิ้วมีไข่มุกทรงหยดน้ำเม็ดหนึ่งห้อยอยู่
ดวงตาคู่สวยปกคลุมไปด้วยความเศร้าสร้อย ทำให้ไฝน้ำตาดูน่าหลงใหลเป็พิเศษ
“อันหนิงถวายบังคมเซ่อเจิ้งอ๋อง ถวายบังคมพระชายาเพคะ”
นางไม่กล้าทำตัวไร้มารยาทกับฮั่วเยี่ยนไหว ทว่ากับไป๋เซี่ยเหอ ก่อนหน้านี้นางเรียกอีกฝ่ายว่าพี่สะใภ้มาโดยตลอด บางทีอาจมีเพียงการทำเช่นนี้เท่านั้นจึงจะทำให้นางเข้าใกล้บุรุษผู้นั้นได้บ้าง
“อืม เ้านั่งลงเถิด ข้าคิดจะเรียกเ้ามาพบอยู่พอดี”
น้ำเสียงนั้นไม่ได้อ่อนโยน ทว่ากลับทำให้การสงวนท่าทีของนางสลายไปในชั่วพริบตา
“ได้เลยเ้าค่ะ ท่านอ๋องเรียกหาข้าด้วยเื่อันใด? ข้ามีเวลาเสมอเ้าค่ะ”
ดวงตาของนางเป็ประกาย น้ำเสียงนุ่มนวล เห็นเช่นนี้แล้วก็รู้สึกว่าทำนางเสียใจไม่ลง
ทว่าเมื่อเปรียบเทียบกับการทำให้สตรีร่างเล็กที่นั่งอยู่ด้านข้างเสียใจแล้ว...
เขาพร้อมจะโยนความเสียใจให้คนอื่นแทน
นอกจากนี้ ความคิดของอันหนิงก็ชัดเจนเกินไป
“ข้าทูลฝ่าาแล้วว่าจะจัดเตรียมจวนจวิ้นจู่ให้เ้า อีกไม่นานน่าจะเสร็จเรียบร้อย”
“ท่านว่าอย่างไรนะเ้าคะ?”
ข่าวนี้ราวกับถูกฟ้าผ่าที่ศีรษะตอนกลางวันแสกๆ
ใบหน้าเล็กขนาดเท่าฝ่ามือของโหยวพิงถิงเปลี่ยนเป็ซีดเซียวไร้เรี่ยวแรงทันที สองขาทรุดฮวบแทบจะล้มลงกับพื้น
“เพราะเหตุใดเ้าคะ?”
น้ำตาคลออยู่ในดวงตาบอบบางคู่นั้น ความน้อยอกน้อยใจเอ่อล้นจนกระทั่งดวงตาเปลี่ยนเป็สีแดงก่ำ
“ท่านอ๋องเคยรับปากกับท่านพ่อว่าจะดูแลข้าแทนเขา”
ดวงตาอันเย็นเยียบของฮั่วเยี่ยนไหวหรี่ลง ความห่างเหินที่ผลักไสผู้คนมาเนิ่นนานปรากฏขึ้นในทันที
“ในจวนจวิ้นจู่ ข้าจะจัดเตรียมสาวใช้และองครักษ์ชั้นยอดให้เ้า นอกจากนี้เ้ายังมีสถานะจวิ้นจู่ติดตัว รับรองได้ว่าเ้าจะมีกินมีใช้ และมีชีวิตที่ปลอดภัยอย่างแน่นอน”
เสียงหัวใจถูกฉีกกระชากดังฟังชัดยิ่งนัก เสียงอื้ออึงในหูของนางดังก้องอยู่นานกว่าจะเงียบลง
“แต่ว่าข้าไม่้าสิ่งเหล่านี้ ข้า...”
คำพูดติดค้างอยู่ที่ริมฝีปาก นางกลัวว่าหากเอ่ยความในใจออกไป นับจากนี้แม้แต่ความสัมพันธ์ฉันพี่น้องก็อาจรักษาไว้ไม่ได้
“ข้าไม่ใช่น้องสาวบุญธรรมของท่านหรือเ้าคะ?”
แม่ทัพโหยวต้องสิ้นชีพเพราะช่วยฮั่วเยี่ยนไหว เขาจึงรับปากว่าจะปฏิบัติต่อโหยวพิงถิงเสมือนน้องสาว
“เป็เพราะกลัวว่าข้าจะรบกวนท่านกับพี่สะใภ้หรือเ้าคะ?”
------------------------
[1] แต่นั้นมาภูวไนยไม่ออกขุนนาง มาจากลำนำโศกนิรันดร์ หมายถึง ฮ่องเต้ไม่ตื่นแต่เช้ามาร่วมประชุมกับเหล่าขุนนาง เพราะกลัวว่าจะไม่มีเวลาอยู่กับคนรัก