เห็นได้ชัดว่าตระกูลเซียวไม่้ายกเลิกหมั้นหมาย เซียวสุ่ย บุตรชายของเซียวจ้าน ที่ถูกทำลายพร์ในการบ่มเพาะและตกอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ แต่เขายังมีพันธะหมั้นหมายให้พึ่งพา!
แม้ว่าสถานการณ์ของตระกูลเซียวในตอนนี้จะยังคงดีอยู่ แต่ไม่มีใครรู้ว่าอนาคตของตระกูลเซียวจะเป็เช่นไร หากเกิดปัญหาใด ๆ ขึ้น ตระกูลซวนที่มีพันธะหมั้นหมายกับพวกเขาก็ต้องให้ความช่วยเหลือ! ต่อให้ไม่อยากช่วย ก็ต้องช่วย! มิฉะนั้น ตระกูลซวนจะถูกตราหน้าว่าไร้หัวใจและเสื่อมเสียชื่อเสียงในเขตูเาฉี!
สุดท้ายแล้ว การหมั้นหมายเช่นนี้ก็ไม่ต่างจากการบีบบังคับทางศีลธรรม!
อย่างไรก็ตาม หากซวนเยียนหรานเลือกถอนหมั้นในตอนนี้ นั่นหมายความว่าตระกูลเซียวจะไม่มีเหตุผลในการเรียกร้องความช่วยเหลือจากตระกูลซวนอีกต่อไป และจะไม่สามารถใช้จุดยืนทางศีลธรรมมากล่าวโทษพวกเขาได้ในอนาคต คำครหาต่าง ๆ จะตกอยู่ที่ตัวซวนเยียนหรานแทน!
จะมีข่าวลือมากมายแพร่สะพัดไปทั่ว เช่น "อัจฉริยะของตระกูลซวนไม่ถอนหมั้นจนกว่าจะเกิดเื่ขึ้น", "สตรีเช่นนี้ช่างสำส่อน", "นางกล้าถอนหมั้นได้อย่างไร ช่างไร้ยางอาย", "ช่างหัวสูงและเห็นแก่ตัว" เป็ต้น
เพื่อป้องกันไม่ให้ตระกูลซวนถอนหมั้น ตระกูลเซียวถึงกับเริ่มปล่อยข่าวลือทุกประเภทออกมาอย่างลับ ๆ
ขอเพียงซวนเยียนหรานกล้าถอนหมั้น ข่าวลือต่าง ๆ ก็จะจู่โจมนางทันที!
เซียวจ้านคิดว่า ซวนเยียนหรานจะต้องไม่กล้ารับแรงกดดันจากข่าวลือเหล่านี้และไม่กล้าถอนหมั้นแน่นอน
แต่เขาไม่คาดคิดเลยว่า ซวนเยียนหรานกลับกล้าประกาศถอนหมั้นต่อหน้าทุกคนอย่างตรงไปตรงมา!
ข่าวลือจะมีไว้ทำไม? ก็เพราะพวกเขา้าให้ตระกูลซวนช่วยเหลือ! หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากตระกูลซวน เพียงแค่ซวนเยียนหรานคนเดียวจะมีประโยชน์อะไร? ยิ่งไปกว่านั้น เื่นี้ยังเกิดขึ้นต่อหน้าสมาชิกของตระกูลเซียวทั้งหมด!
ไม่ต้องพูดถึงผลประโยชน์ต่าง ๆ เลย หากหญิงสาวเพียงคนเดียวสามารถมายกเลิกหมั้นหมายได้ง่าย ๆ เช่นนี้ แล้วตระกูลเซียวจะเหลือหน้าอะไรอีก?!
ซวนเยียนหรานมองดูสมาชิกตระกูลเซียวหลายคนที่สีหน้าดูไม่สู้ดี และดวงตาของพวกเขาค่อย ๆ หรี่ลง
นางก้มลงมองใบหน้าด้านข้างของหลินเสวียนที่เงียบสงบในอ้อมแขน สายตาของนางค่อย ๆ เปลี่ยนเป็แน่วแน่
เพียงแค่การมองเพียงครั้งเดียวก็สามารถเปลี่ยนชีวิตของคนคนหนึ่งได้ ประโยคนี้หมายถึงนางอย่างนั้นหรือ?
ที่จริงแล้ว ในฐานะอัจฉริยะผู้บ่มเพาะพลังที่มีอนาคตสดใส ซวนเยียนหรานไม่เคยเชื่อในรักแรกพบเลย
จนกระทั่งนางได้พบกับทารกน้อยในห่อผ้า และเห็นภาพเงาของบุคคลหนึ่งที่นั่งอยู่ท่ามกลางหมู่ดารา หันหลังให้กับสรรพชีวิตทั้งปวง!
เขาเป็ผู้ที่ไม่อาจหาผู้ใดเทียบได้... ตอนที่นางเห็นดวงตาของเขาที่เปล่งประกายราวกับดวงดารา หัวใจของหญิงสาวก็ถูกดึงดูดอย่างสมบูรณ์
ซวนเยียนหรานรู้ดีว่าหากนางถอนหมั้นในครั้งนี้ มันจะส่งผลกระทบในทางลบต่อนาง
เป็ไปได้มากว่าทั่วทั้งอาณาจักรฉีซานจะกล่าวหาว่านางเป็สตรีที่เ็าและไร้หัวใจ กลับกลอกต่อคำมั่นสัญญาของตนเอง
แต่แล้วอย่างไร?
หลังจากที่ได้พบกับหลินเสวียน ซวนเยียนหรานก็เข้าใจถึงสิ่งหนึ่ง
โลกนี้กว้างใหญ่ไพศาล ไยต้องยึดติดกับเื่พวกนี้? สิ่งที่นางทำไม่เกี่ยวข้องกับความดีหรือความชั่ว!
ใครจะพูดถึงนางอย่างไรก็ช่าง... นางเพียงแค่ต้องทำตามหัวใจของตัวเองเท่านั้น!
ซวนเยียนหรานสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วก้าวไปข้างหน้า ท่ามกลางสายตาของเหล่าสมาชิกตระกูลเซียว แม้ว่าร่างกายของหญิงสาวจะดูบอบบางและเปราะบาง ทว่าในตอนนี้มันกลับเปล่งประกายพลังอันยิ่งใหญ่!
"ไม่ว่าตระกูลเซียวของพวกเ้าจะพูดอะไร หรือจะพยายามรั้งเราไว้เพียงใด วันนี้เราต้องถอนหมั้น!"
"ข้าซวนเยียนหราน จะรับผิดชอบต่อคำพูดของข้าทั้งหมด!"
...
คำพูดของหญิงสาวจุดไฟโทสะให้กับตระกูลเซียว!
ขณะเดียวกัน ด้านหลังของพวกเขา บรรพชนหลินเป่าและผู้าุโที่สามซวนซู่เผยสีหน้าพึงพอใจ
ส่วนหลินเสวียน ต้นเหตุของเื่ทั้งหมด เขารับรู้ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นภายนอก แต่ไม่ได้มีความคิดเห็นใด ๆ เขายังคงบ่มเพาะพลังเงียบ ๆ ตามปกติ
ตอนนี้เขาเกิดมาได้สิบวันแล้ว ระดับการบ่มเพาะของเขาควรอยู่ที่ประมาณขั้นที่สี่ของการหลอมกายา
ใน่สิบวันที่ผ่านมา พลังปราณม่วงและเสียงแห่งมหาเต๋าที่แฝงอยู่รอบตัวหลินเสวียนได้ถูกดูดซับไปบางส่วนแล้ว จากการคำนวณของเขา น่าจะใช้เวลาประมาณหนึ่งเดือนนับจากวันที่เขาเกิดเพื่อดูดซับทั้งหมด
ณ เวลานั้น ร่างของหลินเสวียนที่โอบล้อมไปด้วยพลังปราณสีม่วงซึ่งเปล่งประกายสว่างไสว ตอนนี้กลับค่อย ๆ ลดแสงลง
พลังปราณสีม่วงจำนวนมากไหลเข้าสู่ใบหน้าของหลินเสวียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ดวงตาของเขาซึ่งยังปิดสนิทอยู่
พลังปราณสีม่วงค่อย ๆ ลดน้อยลง ขณะที่เปลือกตาของหลินเสวียนที่ไม่เคยขยับเขยื้อนั้แ่เกิดกลับเริ่มสั่นไหวเล็กน้อย
หรือว่าเขาจะสามารถลืมตาได้แล้ว?
หรือว่าเขาจะได้เห็นโลกนี้เสียที?
พูดตามตรง เขารู้สึกว่ามันค่อนข้างน่าอึดอัดใจ เขาเกิดมาสิบวันแล้ว การบ่มเพาะก็อยู่ในขั้นที่สี่ของการหลอมกายา แต่เขายังไม่เคยเห็นโลกนี้เลยสักครั้ง...
หลินเสวียนคิดอย่างหมดหนทาง เขาสูดลมหายใจลึก ๆ และเร่งการดูดซับพลังปราณม่วงให้รวดเร็วยิ่งขึ้น...
...
แต่ในขณะที่หลินเสวียนกำลังเร่งการบ่มเพาะอย่างเต็มที่ เื่ไม่คาดฝันกลับเกิดขึ้นที่ลานตระกูลเซียวด้านนอก!
"ถอนหมั้น? รับผิดชอบผลที่ตามมาเพียงลำพัง? ฮ่า ๆ ๆ ดีเหลือเกิน! ข้าขอถามหน่อยเถอะ ทำไมเ้าถึงไม่พูดแบบนี้ตอนที่ข้ายังรุ่งโรจน์อยู่?!"
ร่างที่ผอมบางร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้นที่ด้านนอกโถงใหญ่ ดวงตาของชายผู้นั้นดำมืดและเต็มไปด้วยความเ็า เขาไม่ใช่ใครอื่น นอกจาก เซียวสุ่ย บุตรชายของเซียวจ้าน!
"ในอดีต ใครเล่าจะกล้าพูดเช่นนี้กับข้า?"
"ข้าตกต่ำมาสามปีแล้วจริง ๆ แม้แต่พวกคนไร้ค่าก็ยังกล้ามาอาละวาดต่อหน้าข้า"
เซียวสุ่ยเดินเข้ามาพร้อมกับเอามือไพล่หลัง ร่างของเขางองุ้มเล็กน้อย แววตาเ็า
เขาจ้องมองซวนเยียนหราน ดวงตาของเขากวาดมองเธออย่างไร้ยางอาย
จากนั้น สายตาของเขาก็ตกไปอยู่ที่ทารกในอ้อมแขนของซวนเยียนหราน เขาแสยะยิ้มเ็าและเอ่ยว่า
"เหตุผลที่แท้จริงที่เ้ามาถอนหมั้น ก็คงเป็เพราะเด็กคนนี้ใช่ไหม?"
"เขาเป็ลูกของเ้า?"
