“ข้า...” เขาอ้าปากจะพูด แต่กลับสำลักเืออกมาเป็สายแทน กายอ่อนยวบยาบ ล้มลงสลบไปในที่สุด
เหล่าคนมุงรอบทิศเงียบเป็ป่าช้า
นั่นคือเนี่ยเหยียนผู้โด่งดังด้วยกิตติศัพท์พลังมหาศาล!
รู้กันอยู่ก่อนแล้วว่าตลอดมานี้ น้อยคนนักจะรับมือการจู่โจมตามสบายของเขาได้ ทว่าวันนี้ เนี่ยเหยียนกลับพ่ายแพ้คาปราการที่แข็งแกร่งที่สุดของตัวเอง...
การบุกที่เขาทุ่มเรี่ยวแรงทั้งหมด กลับถูกเ่ิูซึ่งรับด้วยหอกอย่างขอไปที กระเด็นกระดอนทั้งคนทั้งกระบี่ มือแขนแตกเป็เสี่ยงๆ อวัยวะภายในแหลกร้าว กระอักเืสลบล้มพับ!
เฉวียนย่าหลินที่โมโหจนหน้าดำหน้าแดงอยู่แล้ว พอเห็นภาพนั้นเต็มสองตาก็เหมือนถูกตะบันหน้าอีกเพี๊ยะ โกรธผมแทบชี้ แต่กลับทำอะไรไม่ได้!
เขาเพิ่งได้รู้สำนึก ว่าสิ่งที่เขาทำไปในวันนี้เป็การตัดสินใจที่โง่ที่สุด
เด็กหนุ่มสูงศักดิ์รอบกายเขา อบอวลไปด้วยโทสะ และหวาดกลัวจนหน้าซีดเผือด พลังประเภทนั้น ไม่ใช่แค่เขาที่รับมือไม่ได้ แต่ใครหน้าไหนก็เสนอหน้าเป็คู่ต่อกรไม่ได้ทั้งนั้น!
ไฉนพวกยากแค้นถึงได้กำเนิดคนไร้ศัตรูผู้นี้ขึ้นได้?
คนมากมายควานหาคำตอบไม่เจอ
และในตอนที่สถานการณ์กำลังเงียบเป็เป่าสากกันอยู่นั้นเอง เ่ิูก็ะโลงจากสังเวียน มุ่งหน้าสู่สังเวียนแห่งที่สาม
ใบหน้านั้นไร้อารมณ์ใด กำหอกคู่กายไว้ในมือข้างเดียว หันปลายลงพื้น ใบมีดหนักอึ้งลากขูดกับพื้นหิน ส่งเสียงดั่งมัจจุราช รังคนฟังหวาดหวั่นสุดระแวง ยังมีประกายไฟสว่างวาปอีกต่างหาก!
“ไม่...ให้มันไปต่อไม่ได้ ไม่งั้น...” เฉวียนย่าหลินตะเบ็งลั่น หากปล่อยให้เ่ิูโค่นล้มสังเวียนศิษย์ชั้นสูงทั้งหมดได้จริงๆ เช่นนั้นก็เป็เื่ตายตัว ว่าพวกเขากลุ่มสูงศักดิ์แห่งปีหนึ่ง จะไม่มีทางโงหัวต่อหน้าปีศาจนั่นได้อีก
“รีบไปรายงานอาจารย์เร็ว!”
“ทลายสังเวียนได้แล้ว ก็เป็เ้าสังเวียน ไปท้าสู้ใครไม่ได้อีก...มัน...มันฝ่าฝืนกฎ!”
“โอหังเหลือเกิน กำเริบเสิบสาน!”
เหล่าผู้ดีตีนแดงร้องเรียกกันตาเหลือก
และขณะเดียวกัน เ่ิูก็ะโขึ้นสังเวียนที่สามเรียบร้อยแล้ว ผู้รักษาสังเวียนเป็เด็กหนุ่มชุดขาวผู้หนึ่ง ท่าทางเปี่ยมไหวพริบ มือถือดาบคู่ มองมายังเขาแล้วเปรย “เฮอะๆ พวกเดนชั้นต่ำมันวางอำนาจกันจริงแท้ ไม่รู้กฎรู้เกณฑ์ก็อย่ายึดติดพลังให้มันมากนักเลย...มาประลองกระบวนดาบกันดีกว่า!”
เ่ิูเพียงหัวเราะแบบเดียวกัน
เวลาต่อมา
ลมหมัดเอ่อท้น ดุจคลื่นทะเลโหยหวน จ่อมจมเด็กชั้นสูงอวดฉลาดเสียมิด!
ใต้สังเวียน
“แพ้...แพ้อีกแล้ว?”
“ถงเว่ยที่ขึ้นชื่อว่ากระบวนดาบเยี่ยมยอดที่สุด ก็แพ้เขาด้วยหรือ!”
“พลังของเ่ิูน่ากลัวจริงๆ เขาใช้กำลังปัญญาเพิ่มรูปแบบกระบวนดาบเข้าไปอีก ต่อหน้าเ้าคนที่พลังน่าครั่นคร้ามเหมือนูเาไฟะเินั่น ก็ไม่ได้ผลหรือนี่...”
“ไอ้สามหาวน่าตายๆ ไปเสีย!”
“จอมมารมลายโลกชัดๆ!”
เหล่านักเรียนซุบซิบกันยกใหญ่
นักเรียนชั้นสูงโกรธไฟแทบลุกแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ส่วนนักเรียนคนยากกลับยินดีปรีดา ถึงที่ผ่านมาพวกเขาจะไม่ได้ติดต่อสัมพันธ์อะไรกับเ่ิู แต่การกระทำตอกหน้าพวกสูงศักดิ์ในวันนี้ กลับทำให้รู้สึกสบายใจสุดๆ!
“อาจารย์ล่ะ? ทำไมไม่มีใครออกมาหยุดไอ้สวะนี่เลย...”
“นี่มันปั่นป่วนลำดับการศึกสังเวียน ทำไมไม่มีคนมาจัดการ?”
“ไอ้เดนนั่นจะทำอะไรกันแน่? จะให้สิบรายชื่อของหัวหน้าหมวดหวังเยี่ยนเป็เื่ตลกหรือไง?”
เฉวียนย่าหลินดุจกระต่ายกระวนกระวายใจตื่นตูมไปหมด ะโเรียกดังก้อง
พวกคนที่สั่งให้ไปรายงานไม่มีกลับมาสักคน อาจารย์รับผิดชอบกฎและลำดับการประลองก็เดินเทียวไปเทียวมา ไม่รู้เพราะอะไร ถึงไม่ยอมหยุดการกระทำของเ่ิู
...
ไกลออกไป
กลางอากาศ
พลังไร้รูปร่างปิดบังการรับรู้ของศิษย์ทุกคน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อาจมองเห็น ว่าเบื้องบนของใจกลางสนามประลอง มีเงาร่างห้าคนกำลังยืนตระหง่าน เมียงมองสถานการณ์เบื้องล่างทุกอย่างอย่างสนอกสนใจ
“ก่อเื่จริงๆ เลยน้า เ้าหนุ่มคนนี้...”
ชายชราภาพในชุดขาวเอ่ย อายุอานามน่าจะเกินร้อย ผมหงอกขาวโพลน หนวดเคราสีเดียวกัน คิ้วพิสุทธิ์ยาวจัดจนระบ่า!
“ท่านเ้าสำนัก จะปล่อยเขาให้ก่อหวอดต่อไปหรือขอรับ?” ชายฉกรรจ์ชุดดำหน้าเหลี่ยมว่าหน้านิ่ง
“เฮ่อๆ เื่ของปีหนึ่ง ก็ให้เสี่ยวเยี่ยนจัดการเถิด” ผู้าุโส่ายหน้าพลางหัวเราะ แสงสีขาวแวววาวระยับทั่วกาย หายวับไปในเบื้องล่าง
ชายฉกรรจ์ดั่งพิจารณาดีแล้ว ก็พยักหน้ารับ
พริบตาต่อมา เขาก็หายวับไปเช่นกัน
กลางนภานั้นยังเหลือสามคนสถิตอยู่ หนึ่งคือหัวหน้าหมวดหวังเยี่ยน อาจารย์หลักข่งคงและอาจารย์ร่างกำยำเวินหว่าน
“กะทันหันจริงๆ เด็กเวรนี่นิสัยเหมือนข้าตอนวัยรุ่นเปี๊ยบ” เวินหว่านฉีกยิ้มพึงใจ “ไม่เสียแรงที่บิดาข้าเป็คนสอนมาแต่กำเนิด”
“เ้าตัวป่วนนี่เรียนวิชาขบถจนเท่าาาขบถเลยนะ ถึงอกถึงใจดีจริง” ข่งคงเองก็หัวเราะพอใจเช่นกัน “ข้าบอกแล้วใช่ไหม ว่าคนที่ปลุกปั่นปฏิมาเทพสังหารซิวหลัวได้ จะไปมีนิสัยอดทนอดกลั้นเก็บไว้ในใจได้อย่างไร ฮ่าๆ ที่แท้ก็มีนิสัยใจร้อนมากจริงๆ ข้าชื่นชอบยิ่งนัก”
หัวหน้าหมวดหวังเยี่ยนลูบขมับอย่างจนปัญญา นางว่า “พวกท่านช่างหลงตัวเองนัก เปลี่ยนชื่อเสียงเรียงนามไม่ให้ใครรู้มาตั้งกี่ปีแล้ว ยังไม่เปลี่ยนนิสัยอีก ข้าทนพวกท่านไม่ไหวแล้ว...คุยกันไปสองคนเถอะ ข้าไปแล้ว!”
“อ๊ะ? ไปแล้วเหรอ? แล้วเื่วันนี้ล่ะจะทำอย่างไร?” เวินหว่านถาม
หวังเยี่ยนเหลือบมองเสียงอื้ออึงวุ่นวายเบื้องล่างแล้วตอบ “ยังจะทำอะไรได้อีกล่ะ? ทำตามที่เด็กป่วนนั่นทำเถอะ เขาอยากก่อเื่อะไรก็ให้ก่อเื่ไป”
อาจารย์หลักข่งคงเพียงปิดหน้าผากตัวเองไว้ สีหน้ายอมแพ้ “พูดมาตั้งนาน สุดท้ายคนที่ทั้งรักทั้งทะนุถนอมเด็กนั่นมากที่สุด ก็คือเ้าแหละน้า”
“ใช่เลย ไม่กลัวทำเขาเสียคนหรือไง?” เวินหว่านถามเด็ดขาด ทีท่าองอาจผึ่งผาย
หวังเยี่ยนถลึงตาให้ทั้งสอง นางสวนกลับว่า “อย่ามาเสแสร้งแกล้งทำดีกว่า ถ้าข้าอยากเก็บเด็กป่วนนั่นจริงๆ สองคนแรกที่จะออกมาปกป้อง คือพวกท่านทั้งคู่ไม่ใช่หรือไง?”
ข่งคงและเวินหว่านมองตากัน หัวเราะออกมา
หวังเยี่ยนถอนใจ นางว่าต่อ “การลับฝีมือของเด็กคนนี้ ไม่ใช่สิ่งที่คนวัยเดียวกันมี เขาปรับตัวเข้าได้กับทุกสถานการณ์ ตัดสินใจอะไรได้เด็ดเดี่ยวแน่วแน่ ดูเหมือนจะเป็การก่อความวุ่นวาย แต่หากมองอีกแง่หนึ่งก็มีข้อดี สำนักมีทั้งคนดีคนชั่วปะปนกัน ท่านเ้าสำนัก้าหยุดความขัดแย้งเื่ชนชั้นนี่เสียที ยืมมือเด็กคนนี้ สยบความเกะกะระรานที่เหิมเกริมขึ้นทุกวันของพวกนักเรียนสูงศักดิ์เสียบ้างก็เป็เื่ดี แล้วยังคนสิบรายชื่อนั่นก็ควรได้รับความพ่ายแพ้สักครั้ง ให้ได้รู้ว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้าเสมอ ถึงจะเติบโตได้อย่างแท้จริง”
“แต่ความวุ่นวายคราวนี้ พลังจริงของเด็กเวรนั่น อาจจะทำให้หลิวหยวนชั่งนั่นจะเกิดการสงสัยขึ้นมาน่ะซี่” เวินหว่านว่าหน้านิ่ง
“เื่นี้ปล่อยให้ัเีจัดการเถอะ ในนครลู่ินี้ ต่อให้เป็สำนักเมืองมาเอง ถ้าคิดจะประมือกับัเีก็ต้องคิดหนักเลยล่ะ เด็กบ้าคนนี้ต้องเป็ลูกศิษย์เขาแน่ๆ เลย!” หวังเยี่ยนเผยยิ้ม
...
ยามที่พูดคุยกันนั้นเอง เ่ิูก็ฟันฝ่ามาถึงเจ็ดสังเวียน
ทั้งเจ็ดสังเวียนนี้ล้วนแล้วแต่เป็ของชนชั้นสูงทั้งสิ้น โดยเฉพาะลำดับที่เจ็ดนี้ที่ตอนแรกคนจนยากแค้นหลี่ต๋าไว้ ต่อมาถูกพวกสูงศักดิ์สู้เวียนเทียนจนพ่ายไป เ้าสังเวียนคนใหม่ความผยองเกินกว่าโอหังนัก เป็อีกหนึ่งศิษย์ลูกผู้ดีที่เ่ิูปราบเสียราบ
ตลอดเส้นทางมานี้ เ่ิูล้วนเผด็จศึกถอนรากถอนโคน
ราวกับว่าไม่มีใครสามารถยับยั้งบารมีเขาได้อีกแล้ว
พลังที่เด็กหนุ่มแสดงออกมา สั่นะเืทุกความรู้ที่ศิษย์ทุกชีวิตได้เห็นมา
เฉวียนย่าหลินเ้ากรรมยังยืนรออาจารย์ผู้คุมกฎ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่โผล่มา
สำนักราวกับไม่รู้เื่ที่เกิดขึ้นเบื้องนี้เลย ไม่ดำเนินมาตรการอะไรทั้งนั้น
และยามนั้นเอง ที่เ่ิูได้มาถึงสามสังเวียนสุดท้าย
ฉินอู๋ซวง เยี่ยนสิงเทียนและซ่งชิงหลัวยืนประจำที่
นับั้แ่เริ่มศึกมา ยังไม่มีผู้ใดอาจหาญท้าชิงตำแหน่งฉินอู๋ซวง
เพราะไม่ว่าจะเป็ผลสอบหมดจดดั่งหิมะหรือการทดสอบระหว่างเดือนที่ผ่านมา พลังที่ฉินอู๋ซวงแสดงออกมาล้วนห่างชั้นจากพวกเขาคนละโลก ดั่งหุบเขาเทพไท้สิงสถิต กดดันจนคนเบื้องล่างศิโรราบไม่อาจเลี่ยง
อำนาจบารมี ความเชื่อถือนี้มิใช่เื่ชั่ววันข้ามคืนแน่แท้
ฉินอู๋ซวงเป็ที่รู้จักกันดีว่าเป็ยอดฝีมืออันดับหนึ่งของนักเรียนปีหนึ่ง ทั้งพลัง พร์ ตำแหน่งหรือกระทั่งชาติตระกูล ล้วนไม่อาจเปรียบปาน โดยพื้นแล้วก็ไร้ผู้ใดอาจหาญเทียบเคียงความเกรียงไกรนั้น
ไม่มีนักเรียนคนใด กล้าเผชิญหน้ากับฉินอู๋ซวง
กระทั่งเซี่ยโหวอู่ หลิวเล่ยรวมทั้งพวกอันธพาลสามหาว หรือเยี่ยนสิงเทียนคนยากที่ไม่ใคร่พอใจนัก ก็ไม่กล้า
ฉินอู๋ซวงหยัดยืนอยู่บนสังเวียนสูง ปรายมองศิษย์ทุกผู้ซึ่งยืนห้อมล้อม และมองยังเ่ิู ดุจาามองข้าไท้ใต้โพธิสมภาร ถึงเ่ิูจะเอาชนะมาเจ็ดสังเวียนแล้ว ก็ไม่อาจทำให้สีหน้าเขาเปลี่ยนแปรไปได้
และเยี่ยนสิงเทียนนั้นเล่า สู้ศึกมาสี่สิบห้าคนได้แล้ว
กายเขามีาแประปราย แต่ยังยืนยงอยู่ดั่งหินผาเหนือสังเวียน ในเมื่อเฉวียนย่าหลินวางแผนอย่างแยบยลเพื่อกำจัดเขา แต่ก็มิอาจคาดการณ์ได้ว่ายาจกคนนี้จะทรหดยิ่งนัก ดื้อรั้นขันแข็ง ยืนหยัดมาได้จนถึงบัดนี้
ใบหน้านั้นเงียบขรึม สีหน้าจริงจัง มองมายังเ่ิู มิเอื้อนเอ่ยคำใด
จากสีหน้าของเขาแล้ว ไร้ผู้ใดอ่านความรู้สึกที่แท้จริงของเขาออก ไม่มีแม้แต่ความตื่นเต้นที่เ่ิูได้กดดันพวกชั้นสูงไว้อยู่หมัด สิ้นไร้ความโกรธเคืองจากการถูกชิงความสนใจในฐานะบุคคลสำคัญอันดับสองไป
เพียงยืนนิ่งเฉยเท่านั้น
ไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
เหมือนว่าจะยังไม่เคยมีใครอ่านอารมณ์ใดของเยี่ยนสิงเทียนออกได้เลย
และซ่งชิงหลัวสีหน้าลำบากใจบางๆ ความอุกอาจของเ่ิูะเืใจนางนัก และท่ามกลางห้วงะเืใจนั้น ก็รู้สึกถึงการมีอยู่ของความอ่อนแอของตัวเอง หากเป้าหมายถัดไปของเ่ิูเป็นางแล้วล่ะก็ ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ตัวนางเองยังไม่เชื่อว่าตัวเองจะรักษาสังเวียนนี้ไว้ได้
เ่ิูเผยรอยยิ้ม เดินตรงไปยังสังเวียนแห่งหนึ่ง
กลุ่มประชาชีเดือดพล่านอีกระลอก
“จะเป็ใครกัน? จะเป็ใคร? คนต่อไปที่เ่ิูเลือกคือใครกัน?”
“คงเป็ซ่งชิงหลัวมั้ง? นางก็เป็หนึ่งในพวกกลุ่มลูกผู้ลากมากผู้ดีเหมือนกัน...”
“ไปดูเร็ว เดินไปทางสังเวียนซ่งชิงหลัวจริงๆ ด้วย”
กลุ่มคนจอแจกันอีกครั้ง