“เยี่ยมยอด!”
ซูอวิ๋นและชิวซานอวิ๋นะโแทบจะพร้อมกัน ทั้งยังมีแสงแห่งความตื่นเต้นส่องประกายอยู่ในดวงตาของทั้งคู่
ส่วนสีหน้าของซิ่งอวี่เจวียนกลับเปลี่ยนไปอย่างมาก เพื่อที่จะปกป้องนาง หนิงเทียนจึงให้คัมภีร์หลิงฮวงลอยอยู่เหนือศีรษะของนางตลอดเวลา ซึ่งทำให้การป้องกันชั้นหนึ่งของเขาหายไป
“หนิงเทียน!” นางะโเรียกและรีบวิ่งไปยังศูนย์กลางการะเิตามสัญชาตญาณ
ดวงตาของสตรีชุดม่วงมีแววตกตะลึง นางแสดงความวิตกกังวลออกมา แต่เห็นได้ชัดว่ามันสายเกินไป
คลื่นแสงแห่งการทำลายกวาดล้างทุกสิ่งทุกอย่าง พร้อมทั้งปกคลุมร่างของหนิงเทียนและเถาวัลย์หัวผีพันิญญา
ใน่วิกฤตเช่นนี้ ดวงตาของหนิงเทียนแสดงความไม่เต็มใจออกมา ปากของเขาคำรามลั่น และแหล่งกำเนิดชีวิตรวมกับกายาสุวรรณะนิรันดร์ก่อเกิดเป็การป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุด
ขณะเดียวกันก็มีความคิดหนึ่งแวบขึ้นมาในใจของหนิงเทียน การตั้งอาณานิคมของยุทธศาสตร์ครอง์ได้แปรสภาพเป็การตั้งอาณานิคมแบบแยกส่วน
“ทักษะกองพลพฤกษา!”
ยุทธศาสตร์ครอง์สามารถรุกรานสิ่งมีชีวิตทุกชนิดและแก้ไขการโจมตีจากภายนอกได้ มันสามารถแบ่งและแปลงพลังทำลายล้างที่กระทำต่อร่างกาย โดยการสูบฉีดพลังลงสู่ดินและกระจายไปยังส่วนต่างๆ ยิ่งผสานกับทักษะกองพลพฤกษา การทำให้จุดะเิหนึ่งจุดกลายเป็การะเิหนึ่งพันจุดก็ยิ่งช่วยลดพลังและความเสียหายลงได้
เนื่องจากเถาวัลย์หัวผีพันิญญาถูกกัดกร่อนและชำระล้างโดยแหล่งกำเนิดชีวิต มันจึง้าทำลายหนิงเทียนก่อนสิ้นใจไม่ว่าด้วยวิธีใดก็ตาม ดังนั้น มันจึงจุดชนวนยันต์กระดาษในร่างขึ้นมา
พลังประเภทนี้น่ากลัวอย่างยิ่ง แม้ยุทธศาสตร์ครอง์จะมีความพิเศษและตอบสนองทันที ทว่าก็ยังไม่สามารถต้านทานแสงแห่งการทำลายล้างนี้ได้
ทันใดนั้นเส้นผมของหนิงเทียนก็สว่างขึ้น กระบี่ไร้จำนงบนแผนที่จิติญญาที่สองฟื้นขึ้นมา ในขณะที่การทำลายล้างกำลังใกล้เข้ามา มันก็หมุนเบาๆ เจ็ดรอบแล้วแสงแห่งการทำลายล้างทั้งหมดก็ถูกกักขัง ก่อนจะสลายตัวกลายเป็อากาศไปในพริบตา
กายาสุวรรณะนิรันดร์ได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง ลวดลายสีทองห้าชั้นบนิัถูกทำลายลง ทั้งร่างของเขาแปดเปื้อนไปด้วยเืสีแดงฉานที่พุ่งออกมาจากทวารทั้งเจ็ด ก่อนจะกระเด็นไปไกลพร้อมเสียงกรีดร้องที่ดังสนั่น
ปราณกระบี่บดบังห้วงอากาศแล้วร่วงลงบนยันต์กระดาษ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ
หอคอยบนยันต์แหลกสลายเป็เถ้าถ่าน แต่ยันต์กระดาษยังคงไม่บุบสลาย ยามนี้มันเหมือนกระดาษเปล่าแผ่นหนึ่งที่ส่องแสงสลัวๆ
ขณะที่หนิงเทียนลอยออกไป พืชพรรณนับพันชนิดก็ปรากฏขึ้นรอบร่างของเขา ซึ่งทั้งหมดล้วนะเิเป็จุณในทันที ทางด้านซิ่งอวี่เจวียนที่พยายามเข้ามาใกล้ก็กระเด็นออกไปด้วยเช่นกัน
“ตายหรือ?” ซูอวิ๋นและชิวซานอวิ๋นจ้องมองเงาเืที่กระเซ็นออกมาด้วยดวงตาเบิกกว้าง
เถาวัลย์หัวผีพันิญญากรีดร้องโหยหวนอย่างสิ้นหวังก่อนที่ร่างของมันจะะเิจนแหลกละเอียด
แต่ว่าหนิงเทียนตายแล้วจริงหรือ?
ซิ่งอวี่เจวียนกรีดร้องอย่างเสียสติ ส่วนสตรีชุดม่วงก็มีดวงตาเศร้าโศกและเต็มไปด้วยความกังวลใจ
คลื่นอากาศจากการะเิกระจัดกระจายไปทุกทิศทาง เมื่อกระแสลมแรงสลายไปก็เห็นร่างโชกเืของหนิงเทียนนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น โดยมีลำธารวงแหวนกำลังหล่อเลี้ยงาแทั่วร่างกายของเขา พร้อมด้วยบงกชสีมรกตที่แกว่งไปมา หญ้าต้นน้อยเต้นระบำ และปราณกระบี่หมุนวนราวกับเสาพลังที่ปกป้องหนิงเทียน
“ยังไม่ตาย!”
ซูอวิ๋นและชิวซานอวิ๋นมีสีหน้าน่าเกลียดทันที เถาวัลย์หัวผีพันิญญายอมะเิตัวเองแต่กลับไม่สามารถสังหารหนิงเทียนได้ นี่เขามีเก้าชีวิตจริงหรือ?
“ลงมือเลย!” ซูอวิ๋นตัดสินใจอย่างรวดเร็ว นางและชิวซานอวิ๋นพุ่งตัวออกมาด้วย้าใช้ประโยชน์จากการาเ็สังหารเขา นางมีความตั้งใจแน่วแน่ที่จะกำจัดหนิงเทียน
“พวกเ้าคิดจะทำอะไร? ออกไปเดี๋ยวนี้!” ซิ่งอวี่เจวียนคำรามลั่นแล้วยิงธนูใส่ชิวซานอวิ๋น ขณะเดียวกันก็โบกคันธนูยาวโจมตีซูอวิ๋น
ซูอวิ๋นปลุกภาพพันทิวเขาเหมันต์ขึ้นมา รอบกายนางราวกับมีเมฆหมอกสีขาวลอยฟุ้ง ทว่าก็ถูกขัดขวางโดยคัมภีร์หลิงฮวง
ทันใดนั้นนางก็เรียกใช้บางอย่างด้วยสายตาเ็า อากาศเย็นเยือกจับขั้วหัวใจทำให้พื้นที่โดยรอบแข็งตัวในพริบตา ทั้งยังกักขังซิ่งอวี่เจวียนไว้อย่างแ่า
ซิ่งอวี่เจวียนทั้งใและกราดเกรี้ยว คันธนูจันทรามรกตในมือสั่นะเื แม้นางจะพยายามทำลายน้ำแข็งบนร่างมากเพียงใด ทว่าก็ยังคงล้มเหลว
ทางด้านชิวซานอวิ๋นก็สามารถหลบลูกศรของซิ่งอวี่เจวียนได้ จากนั้นเขาก็รีบวิ่งไปหาหนิงเทียนพร้อมแววสังหารอันเ็าในดวงตา
สตรีชุดม่วงจ้องมองชิวซานอวิ๋นแล้วขมวดคิ้วเรียวสวย นางกำลังจะลงมือ แต่จู่ๆ หนิงเทียนก็เอ่ยขึ้นมาว่า “ดูเหมือนองค์ชายสามไม่คิดจะถอยแล้ว”
ชิวซานอวิ๋นเยาะเย้ย “ข้าเกลียดผู้ที่คุกคามข้ามากที่สุด ใครก็ตามที่ข่มขู่ข้าล้วนต้องตาย!”
“ท่านจึงคิดว่านี่เป็โอกาสที่ดีที่จะกำจัดข้าสินะ?”
พลันต้นท้อไหวเอนเข้าขวางเส้นทางของชิวซานอวิ๋น
“ทหาริญญาของจื๋อซิวแตกต่างจากหยวนซิว ข้าเดาว่าพระองค์คงไม่รู้เื่นั้น” หนิงเทียนยืนขึ้น เรือนร่างโชกเืของเขาดูน่าสังเวชอย่างยิ่ง
ชิวซานอวิ๋นพูดอย่างเหยียดหยาม “เ้าคิดว่าต้นท้อสามารถหยุดข้าได้หรือ?”
กิ่งก้านของต้นท้อค่อยๆ ยืดออกจนเหมือนกระบี่ ปราณกระบี่ที่สดใสคำรามและหมุนวน มันปลดปล่อยพลังอันน่าสะพรึงกลัวออกมาและเข้ากระทบหมัดของชิวซานอวิ๋นทันที
สิ้นเสียงปะทะดังปังชิวซานอวิ๋นก็คำรามขึ้นโดยพลัน เนื่องจากร่างของเขาปลิวไปไกลกว่าสิบจั้ง อีกทั้งแขนของเขายังเต็มไปด้วยเืและเกือบจะะเิเป็ชิ้นๆ
“ดูเหมือนองค์ชายสามจะฝึกฝนมาไม่ดีพอนะ”
หนิงเทียนกำลังรักษาาแด้วยกระแสน้ำรูปวงแหวนซึ่งมีพลังแห่งชีวิตนับอนันต์ เมื่อรวมกับกายาสุวรรณะนิรันดร์ เส้นสีทองก็เริ่มปรากฏขึ้นใต้ิั จากนั้นาแสดก็กลายเป็รอยแผลเป็อย่างรวดเร็ว
หลังจากซูอวิ๋นกักขังซิ่งอวี่เจวียนไว้ในน้ำแข็งได้สำเร็จ นางก็รีบวิ่งมาทางหนิงเทียน ซึ่งได้เห็นฉากที่ชิวซานอวิ๋นถูกกิ่งท้อกระแทกจนกระเด็นไปไกลพอดี
“ปราบปราม!”
ไข่มุกโปร่งใสเปี่ยมด้วยพลังหยินแห่งฟ้าดินที่เย็นะเืราวกับเหล่าทวยเทพเสด็จมาเยือน มันแช่แข็งห้วงเวลาและอาณาบริเวณโดยรอบ ทั้งยังทำให้ต้นท้อไม่สามารถขยับเขยื้อนได้อีกด้วย
ชิวซานอวิ๋นคำรามอย่างขุ่นเคือง พลันผนึกโบราณก็เต็มไปด้วยพลังสีม่วงก่อนจะพุ่งเข้าหาหนิงเทียน
หนิงเทียนหลบได้อย่างหวุดหวิด จากนั้นน้ำเต้าเจ็ดสีก็ปรากฏบนร่างของซิ่งอวี่เจวียนที่ถูกแช่แข็งและช่วยทำลายน้ำแข็งบนร่างของนางทันที
วินาทีต่อมาคัมภีร์หลิงฮวงก็ลอยมาอยู่เหนือศีรษะของหนิงเทียน ขณะที่น้ำเต้าเจ็ดสีหมุนกลับมาแล้วมุ่งหาผนึกโบราณของชิวซานอวิ๋น
ซูอวิ๋นมาพร้อมกับไข่มุกหยินทมิฬอันล้ำค่าซึ่งสามารถแช่แข็งโลกทั้งใบได้ อานุภาพของมันช่างน่าพรั่นพรึงอย่างยิ่ง แม้หนิงเทียนจะพยายามต่อต้านการรุกรานด้วยเปลวเพลิงสองสีที่สว่างขึ้นนอกร่าง แต่พลังเขาก็ถูกแช่แข็งในพริบตา
“เยาเยา!” หนิงเทียนะโเสียงดัง ทันใดนั้นเยาเยาที่กำลังอยู่ในจุดเยือกแข็งก็ะเิพลังออกอย่างรุนแรง และใบไม้อ่อนก็กลายเป็ปราณกระบี่ที่พุ่งตรงไปยังกึ่งกลางคิ้วของซูอวิ๋น
สตรีชุดม่วงเฝ้าดูการต่อสู้ด้วยดวงตาอันซับซ้อนอย่างยิ่ง ส่วนซิ่งอวี่เจวียนก็หนีออกจากกับดักได้สำเร็จและรีบพุ่งเข้าหาซูอวิ๋นเช่นกัน
ขอบเขตของซิ่งอวี่เจวียนนั้นแข็งแกร่งกว่าซูอวิ๋น ทว่าซูอวิ๋นมีทั้งภาพพันทิวเขาเหมันต์และไข่มุกหยินทมิฬอยู่ในมือ ดังนั้น ซิ่งอวี่เจวียนจึงไม่สามารถเอาชนะนางได้
ทางด้านชิวซานอวิ๋นก็เริ่มใช้สายเืเงาอินทนิล แสงสีม่วงปะทุไปทั่วราวกับปีศาจที่ออกมาจากความว่างเปล่า เสาสีม่วงนอกร่างพัฒนาเป็แถบแสง ก่อนจะเข้าร่วมการต่อสู้ในระยะประชิด
ก่อนหน้านี้หนิงเทียนก็เคยต่อสู้กับชิวซานอวิ๋น แต่กลับถูกชิวซานอวิ๋นสกัดไว้ได้เสมอ
แม้ภายนอกของหนิงเทียนในยามนี้ดูเหมือนจะาเ็สาหัส ทว่าความจริงอาการของเขาไม่ร้ายแรง นอกจากนี้เขายังเข้าสู่ขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นหกแล้ว ทั้งยังประสบความสำเร็จในการพัฒนาครั้งใหม่
ทักษะม่านตาคู่มีผลอย่างมากต่อประสิทธิภาพการต่อสู้ของหนิงเทียน แม้ขอบเขตของชิวซานอวิ๋นจะสูงกว่าหนิงเทียนอย่างมาก อีกทั้งการเคลื่อนไหวของเขายังแข็งแกร่งอย่างยิ่ง ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าม่านตาเพลิง เขากลับถูกหนิงเทียนมองเห็นทุกความเคลื่อนไหวได้อย่างชัดเจน
“ทะลวงพันชั้น!”
พลังหมัดทองคำเปรียบเสมือนเปลวเพลิงที่ปะทุและกับหมัดของหนิงเทียนราวกับดาวตกที่ร่วงหล่นจากฟากฟ้า หมัดแต่ละหมัดมีพลังหนึ่งหยวน พร้อมจู่โจมข้อบกพร่องของชิวซานอวิ๋นได้อย่างตรงจุด
“กระบี่เลื่อนลอยไร้แก่น!”
ภายใต้พลังหมัดอันหนักหน่วง หนิงเทียนยังใช้ทักษะกระบี่อันแปลกประหลาดและคาดเดาไม่ได้เข้าผสาน ปราณกระบี่นั้นบางกว่าเส้นผมซึ่งออกแบบมาเพื่อกำจัดจุดอ่อนของชิวซานอวิ๋น ทั้งยังเปิดการโจมตีแบบกำหนดเป้าหมาย
จิติญญาจำนวนหนึ่งเผยขึ้นในดวงตาของชิวซานอวิ๋น ในฐานะอัจฉริยะแห่งสำนักอินทนิล เขาได้ฝึกฝนทักษะสายตาพิเศษมาด้วย ซึ่งทำให้เขามีทัศนวิสัยที่แข็งแกร่ง และเปลี่ยนการเคลื่อนไหวของตนได้อย่างทันท่วงที
“แดนอินทนิล์รุ่งโรจน์!” เขาแผดเสียงคำรามทะลุโสตประสาท มือขวากำหมัดแน่นก่อนจะกลายเป็กรงเล็บ เส้นลมปราณในแขนยืดออกราวกับั และพลังงานอันเฉียบคมก็ทำให้ห้วงอากาศแตกสลาย
หนิงเทียนแสดงสีหน้าใหลังจากรับรู้ถึงพลังโจมตีอันน่าสะพรึงกลัวของชิวซานอวิ๋น กระแสน้ำวนหกแห่งนอกร่างกายสั่นะเืในเวลาเดียวกัน ความเร็วของการดูดกลืนพลังิญญามากถึงแปดสิบเอ็ดรอบ และผลรวมของกระแสน้ำวนทั้งหกก็คือสี่ร้อยแปดสิบหกครั้ง
ความแตกต่างกันของการกลืนกินพลังิญญาระหว่างขอบเขตผนึกดาราและขอบเขตจิตหยั่งลึกคือสิบเท่า ยกตัวอย่างเช่น เมื่อชิวซานอวิ๋นอยู่ในขอบเขตผนึกดาราขั้นแรก ความเร็วของเสาหลักพลังจากภายนอกจะได้เพิ่มเป็ร้อยเท่าของขอบเขตรวบรวมขั้นเก้า หรือเท่ากับสิบเท่าของขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นแรก
แม้หนิงเทียนจะทรงพลังดุจปีศาจ แต่ก็ยากที่จะเอาชนะข้อจำกัดด้านขอบเขตของตนได้ ความเร็วในการรับส่งพลังิญญาในปัจจุบันของเขาเทียบได้กับขอบเขตผนึกดาราขั้นห้าเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เขายังมีเส้นลมปราณฟ้าประทานทั้งเก้าซึ่งมีความสามารถในการกลืนกินพลังสูงกว่าผู้บำเพ็ญทั่วไปถึงหมื่นเท่า หากเทียบกับหยวนซิวธรรมดาแล้วก็นับว่าต่างกันอยู่หลายสิบถึงหลายร้อยเท่า
เมื่อพิจารณาอย่างครอบคลุมแล้ว หนิงเทียนเปรียบได้กับหยวนซิวในจุดสูงสุดขอบเขตผนึกดาราขั้นเก้า แต่สายเืเงาอินทนิลของชิวซานอวิ๋นนั้นพิเศษมากและถือเป็าาแห่งสายเื ดังนั้น การโจมตีของทั้งคู่จึงเสมอกัน และหนิงเทียนยังต้องประสบความสูญเสียเล็กน้อยอีกด้วย
การสูญเสียนี้ไม่ได้เกิดจากรากฐานพลัง แต่เป็ข้อได้เปรียบด้านขอบเขต ซึ่งสุดท้ายแล้วขอบเขตผนึกดาราและขอบเขตจิตหยั่งลึกนั้นก็เป็สองระดับที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
หนิงเทียนถอยกลับอย่างรุนแรง ทว่าใบหน้าของชิวซานอวิ๋นก็เริ่มซีดเผือดเช่นกัน เส้นลมปราณในมือขวาของเขาถูกโจมตีด้วยปราณกระบี่เลื่อนลอยไร้แก่น และเขาต้องสยบมันด้วยพลังทั้งหมดของตน
ขณะที่ซูอวิ๋นใกล้เข้ามา นางก็เปิดใช้พันทิวเขาเหมันต์เพื่อขัดขวางคัมภีร์หลิงฮวง จากนั้นก็เปิดใช้งานไข่มุกหยินทมิฬ พลันกระแสลมเย็นจัดก็พัดใส่ร่างของหนิงเทียนราวกับิญญาน้ำแข็งที่้าทำลายเขา
หนิงเทียนรีบถอยไปด้านหลังก่อนจะจ้องมองซูอวิ๋นด้วยความโกรธ ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความเกลียดชัง ซึ่งมันทำให้หนิงเทียนรู้สึกคุ้นเคยอย่างมาก
“ม่านตาคู่ทำลายความว่างเปล่า!” หนิงเทียนพูดด้วยดวงตาสีทองที่ลุกเป็ไฟ ทันใดนั้นใบหน้าใต้ผ้าคลุมของซูอวิ๋นก็ค่อยๆ ชัดเจนขึ้น
เมื่อมองแวบแรกหัวใจของหนิงเทียนก็สั่นไหว จากนั้นก็คำรามด้วยความโกรธเกรี้ยวจนสายหมอกโดยรอบชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วพุ่งตัวออกไปด้วยเจตนาสังหารทันที
“นางหญิงต่ำช้า! เป็เ้า!” หนิงเทียนโกรธมาก เขาไม่คิดเลยว่าตนจะได้พบกับซูอวิ๋นที่นี่ ไม่ต้องกล่าวถึงว่านางพยายามทุกวิถีทางเพื่อกำจัดเขา
เมื่อได้ยินเสียงน่าเกรงขาม ซูอวิ๋นก็ใมากเช่นกัน ดวงตาของหนิงเทียนเดือดดาลราวกับกำลังพ่นไฟ เขาคงจะมองทะลุการปลอมแปลงตัวตนและจำนางได้แล้ว
“หยินทมิฬขโมยิญญา!” ซูอวิ๋นคำรามลั่น นางใช้ความแข็งแกร่งทั้งหมดเพื่อเปิดใช้ไข่มุกหยินทมิฬ นี่คือสมบัติล้ำค่าซึ่งเกิดจากปฐีขัดเกลาและเป็อาวุธิญญาระดับสูงที่สามารถปลดปล่อยพลังสิบระดับได้ ซึ่งเทียบได้กับยอดฝีมือในขอบเขตเหนือเมฆา
เส้นอากาศน้ำแข็งสีฟ้าราวกับแมวตัวน้อยที่บินว่อนไปทั่วท้องนภา ก่อนจะพุ่งเข้าหาหนิงเทียนเพื่อพยายามแช่แข็งเขาให้สูญพันธุ์
ในเวลาเดียวกัน ชิวซานอวิ๋นก็เปิดใช้ผนึกโบราณซึ่งลอยออกไปสู้กับน้ำเต้าเจ็ดสี และเข้าร่วมกองกำลังกับซูอวิ๋นเพื่อทำการโจมตีผสานกัน
เมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูที่เกลียดชังที่สุดในชีวิต หนิงเทียนก็ไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้ หัวใจของเขาก็เต็มไปด้วยเจตนาสังหาร เขา้าล้างแค้นให้บิดา เขาต้องสังหารสุนัขตัวเมียตัวนี้ด้วยมือของตนเอง!
ไข่มุกหยินทมิฬมีพลังมหาศาล ยามนี้น้ำเต้าเจ็ดสีกำลังห้ำหั่นกับผนึกโบราณอยู่ หนิงเทียนจึงเรียกทหาริญญาเยาเยากลับมาและขอให้มันช่วยหยุดไข่มุกหยินทมิฬเอาไว้
ร่างของเยาเยาเต็มไปด้วยพลังของสายอัสนี นั่นคือกลิ่นอายของภัยพิบัติ์ที่หลงเหลืออยู่ มันทั้งฉุนเฉียวและรุนแรง ก่อนจะเข้าปะทะกับอากาศเย็นจัดอย่างบ้าคลั่ง
ชิวซานอวิ๋นและซูอวิ๋นร่วมมือกัน คนหนึ่งคือผู้โจมตีหลัก อีกคนคือผู้ช่วยเหลือ คนหนึ่งคือเงาอินทนิลที่เปล่งประกาย ขณะที่อีกคนมีพลังเย็นต้องห้าม ยามนี้พวกเขาราวกับคู่สร้างคู่สมที่มาจาก์
อารมณ์ของหนิงเทียนพลุ่งพล่านอย่างยิ่ง เขาใช้ทักษะเก้าร่างเถาวัลย์ัร่วมกับวิชากระบี่เลื่อนลอยไร้แก่น และใช้กายาสุวรรณะนิรันดร์รวมกับทลายพันชั้น เพื่อสร้างการตอบโต้ที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เขาดูบ้าคลั่งอย่างมากจนซิ่งอวี่เจวียนรู้สึกประหลาดใจขึ้นมา
