“ปางมืออจละ!”
เมื่อเห็นกลุ่มคนกำลังเข้ามา หยวนจุนแสดงปางมืออย่างไม่รีรอ เปลวไฟปางมือมรณาลุกไหม้ขึ้นทันที
“ฟู่”
“ตูม”
เสียงกระอักเืมากมายดังขึ้น เพียงแค่ปางมืออจละกระทบลงสู่พื้น ป่าทึบอันมืดมิดก็เกิดแรงกระแทกจนเกิดเสียงดังก้องขึ้นทันที
บ้านไม้ที่ถูกทหารรักษาเมืองถล่มปรากฏรอยฝ่ามือลึกเป็หลุมหลายจั้ง แต่พื้นที่โดยรอบกลับไม่มีร่องรอยการแตกร้าว แสดงให้เห็นว่าหยวนจุนสามารถควบคุมพลังได้ถึงขั้นใดแล้ว
ในทางตรงกันข้าม กลุ่มทหารรักษาเมืองที่พยายามจะจับหยวนจุนก่อนหน้านี้ มีเพียงห้าหกคนเท่านั้นที่รอดจากปางมือมรณา ส่วนคนที่เหลือนอนร้องครวญครางอยู่บนพื้นด้วยความเ็ป
“เป็ธาตุไฟจริงๆ ด้วย!”
ขณะที่หลิวหรูเยียนเห็นหยวนจุนแสดงวิชายุทธ์ สีหน้าได้เปลี่ยนไปเล็กน้อย นางไม่สนใจทหารรักษาเมืองที่นอนอยู่ใต้เท้าแม้แต่นิดเดียว
“ไอ้สารเลว ตายเสียเถอะ!”
เมื่อเห็นทหารรักษาเมืองล้มลงทีละคน ดวงตาของหานจิ้นเปลี่ยนเป็สีแดงก่ำ ปล่อยพลังยุทธ์ระดับวงแหวนใหญ่ขั้นสี่ออกมาสุดกำลัง แล้วตั้งท่าพุ่งหมัดไปที่ไหล่ของหยวนจุน
“ผ่าง”
ขณะที่หานจิ้นอยู่ห่างจากหยวนจุนเพียงครึ่งเมตร พลังปราณของคนผู้หนึ่งได้ปรากฏออกมาด้านข้าง กลบพลังของหานจิ้นจนหมดสิ้น
ผู้ที่สลายพลังหมัดคือหลิวหรูเยียน
“หานจิ้น ถอยไป!”
หานจิ้นพยักหน้าอย่างไม่เต็มใจ เขามองหยวนจุนด้วยสายตาเคียดแค้นก่อนจะกลับไปอยู่ด้านหลังหลิวหรูเยียน
“ก่อนหน้านี้ให้พวกทหารลงมือขณะที่ข้ากำลังบรรลุขั้น แต่ตอนนี้กลับออกหน้าช่วยข้า สตรีผู้นี้ความคิดเปลี่ยนไปมา ข้าต้องระวังเสียแล้ว”
เมื่อเห็นหยวนจุนมีสีหน้าท่าทางไม่ไว้ใจ หลิวหรูเยียนจึงหัวเราะเบาๆ แล้วกล่าวว่า “ข้าหลิวหรูเยียน ทายาทตระกูลหลิว เ้าคงมิใช่คนเมืองเทียนอวิ่นใช่หรือไม่!?”
“แม่นางก่อความวุ่นวายถึงเพียงนี้ เพียงเพื่อ้าถามข้าว่าเป็คนเมืองเทียนอวิ่นเช่นนั้นหรือ?”
หลิวหรูเยียนเลิกคิ้วแล้วตอบกลับ “แน่นอนว่ามิใช่ ข้าสนใจในตัวเ้า หากมีเวลาเ้ามาที่จวนตระกูลหลิวได้นะ”
“ไม่เป็ไร ข้าไม่สนใจในตัวสตรี ทั้งยังไม่อยากข้องเกี่ยวกับตระกูลหลิวด้วย!” หยวนจุนะโหลบ ปล่อยปราณดาราที่กลายเป็ลูกศรยาวพุ่งแทรกเข้าไปในร่างกายของนักยุทธ์สองคนที่ขวางระหว่างเขากับเสี่ยวเมิ่ง
ทั้งสองตัวสั่นเทิ้ม ก่อนหลับตาล้มลงนอนไปกับพื้น เนื่องจากลูกธนูที่เกิดจากปราณสองสายนั้นบังเอิญพุ่งไปถูกเส้นเืใหญ่ที่คอของพวกเขา
หยวนจุนไม่มีเจตนาที่จะฆ่าผู้อื่น เขาเพียง้าให้สองคนนี้สลบเท่านั้น ซึ่งเหตุผลที่เขาไม่ฆ่าก็ชัดเจน คือเขาไม่้าให้เสี่ยวเมิ่งกับชายชรามีส่วนเกี่ยวข้องกับเื่นี้
“หยวนจุน!” เสี่ยวเมิ่งยิ้มแล้วะโไปอยู่ด้านหลังหยวนจุน สายตาจ้องไปที่หลิวหรูเยียน ทำจมูกฟูดฟาดแสดงอาการไม่พอใจ
“เ้ากล้ามากนะ ในเมืองเทียนอวิ่นไม่เคยมีบุรุษผู้ใดกล้าสนทนากับข้าด้วยน้ำเสียงเช่นนี้ เ้าเป็คนแรก!”
“แต่ที่เ้าว่าไม่มีความรู้สึกต่อสตรี ข้าไม่คิดว่าเป็เช่นนั้นนะ” หลิวหรูเยียนกล่าวขณะที่หรี่ตาคู่งามแล้วค่อยๆ มองไปที่เสี่ยวเมิ่ง
หยวนจุนหันศีรษะเล็กน้อย เหลือบมองเสี่ยวเมิ่งด้วยหางตา แล้วกล่าวว่า “คนเปิดเผยจริงใจทำสิ่งใดตรงไปตรงมา แม่นางอยากรู้เื่ใดเกี่ยวกับข้าอย่างนั้นหรือ?”
“ไม่มีอะไร เพียงแต่ถ้าเ้ามีเวลาก็อยากให้ไปที่จวนตระกูลหลิว บ้านไม้ที่นี่เสียหายหมดแล้ว ไม่แน่วันหน้าอาจถูกทำลายจนสิ้น ที่จวนตระกูลหลิวของข้ามีห้องและลานกว้างมากมาย เ้าสามารถเลือกได้ตามชอบ”
หลิวหรูเยียนเดินบิดสะโพก เผยให้เห็นส่วนโค้งภายใต้ชุดพอดีตัว นางทิ้งประโยคข่มขู่ไว้ตอนที่กำลังเดินผ่านหยวนจุนกับเสี่ยวเมิ่ง
หานจิ้นที่เดินออกไปไม่กี่ก้าวหันกลับมาะโด้วยความไม่พอใจ กระทั่งพวกทหารรักษาเมืองที่อยู่เกลื่อนกลาดออกไปหมด หยวนจุนจึงกระอักเืออกมา
ตอนที่บ้านไม้ถูกทำลาย เขาทำได้เพียงกัดฟันแล้วบรรลุต่อไป แม้ในระหว่างนั้นเขาจะสูญเสียปราณดาราส่วนใหญ่ที่เกิดจากพลังโอสถ แต่เขาก็พยายามจนผ่านเข้าสู่วงแหวนเล็กขั้นสามได้สำเร็จ
การใช้พลังจากปางมือมรณาท่าที่หนึ่ง แม้เป็ทหารรักษาเมืองวงแหวนเล็กขั้นสามสิบเอ็ดคน ยังาเ็เกินกว่าครึ่ง!
“หยวนจุน เ้าเป็อะไรไหม?”
เสี่ยวเมิ่งรีบวิ่งไปหาหยวนจุน สีหน้าเต็มไปด้วยความเป็ห่วง
เขาส่ายหัว ยิ้มเจื่อนๆ แล้วยกสองมือคำนับชายชรา “ขออภัยด้วยผู้เฒ่า หากข้ายังอยู่ที่นี่จะต้องนำปัญหามาให้ท่านกับเสี่ยวเมิ่งแน่ ถ้าข้ามีโอกาสกลับมาเมืองเทียนอวิ่น ข้าจะคืนยาต้าฮ่วนให้ท่านแน่นอน!”
เมื่อกล่าวจบหยวนจุนกำลังจะออกไป แต่เดินได้เพียงสองก้าว ชายชราก็ใช้มือทั้งสองข้างขวางเขาด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“หึ คิดจะไปก็ไปหรือ? รอข้าซ่อมแซมบ้านไม้ที่เสียหายนั้นให้เสร็จก่อนค่อยว่ากัน!”
หยวนจุนขมวดคิ้วหน้านิ่ว ในเมื่อเื่รุนแรงถึงเพียงนี้แล้ว ไม่รู้ทำไมชายชรายังยืนกรานเช่นนี้อยู่ ตอนนี้เขาไม่สามารถคืนยาต้าฮ่วนให้ได้ ดังนั้นการอยู่ที่นี่ต่อไปมีแต่จะทำให้ปัญหาแย่ลงกว่าเดิม
ชายชรากับเสี่ยวเมิ่งมีพลังจิตที่ล้ำเลิศ หากพวกเขาลงมือ แม้เป็หลิวหรูเยียนก็คงทำอะไรไม่ได้แน่นอน!
เมื่อครู่ตอนที่ถูกทหารรักษาเมืองสองคนขวางไว้ ที่พวกเขาไม่ลงมือคงเป็เพราะลำบากใจ การมีปัญหากับตระกูลหลิวเท่ากับการนำไข่ไปกระทบหิน หากมองออกไปในภายภาคหน้าแล้ว การควบคุมอารมณ์ถือเป็การแก้ปัญหาที่ดีที่สุด
“เช่นนั้น พรุ่งนี้ข้าจะไปจวนตระกูลหลิว” เมื่อเห็นชายชราไม่คัดค้าน หยวนจุนจึงคำนับทั้งสองคน
ชายชรารอจนกว่าเขาจะปีนขึ้นไปบนก้อนหินเรียบที่อยู่ไม่ไกลจากลานบ้าน และแสดงปางมือเพื่อดูดซับพลังโอสถของยาต้าฮ่วน ถึงจะกล่าวขึ้นว่า
“นี่เสี่ยวเมิ่ง มิใช่ว่าจะไปดูเ้าหนุ่มนั่นหรือ?”
เสี่ยวเมิ่งใกับสิ่งที่ปู่ของตนกล่าวออกมาอย่างกะทันหัน ใบหน้างามเปลี่ยนเป็สีแดงระเรื่อ พูดจาตะกุกตะกัก “ท่านปู่ ท่านกำลัง...กำลังกล่าวอะไรไร้สาระ! ข้าแค่รู้สึกว่าเขา...ใช้ได้ ดังนั้นข้าก็เลยชื่นชมเขา”
“หึหึ เ้าหนุ่มนั่นพอใช้ได้เลยนะ สามารถเชื่อมประสานปราณธาตุดาวได้ั้แ่อายุยังน้อย การกลืนยาต้าฮ่วนที่เป็โอสถระดับสามก็เปรียบเสมือนการดื่มน้ำเย็นบรรเทาความร้อน ยิ่งกว่านั้น เขายังมีพร์ในการสร้างที่ทำให้ผู้อื่นประหลาดใจอีกด้วย”
“จากที่ข้าฟังคำพูดและเห็นการกระทำที่แสดงออกมา หยวนจุนเป็คนที่มีความทะเยอทะยาน จิตใจยึดมั่น เขาไม่อยู่ในป่ากับพวกเรานานนักหรอก หากการฝึกฝนเป็ไปด้วยดี วันหน้าเขาจะกลายเป็ผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้โลกประหลาดใจแน่นอน”
“ข้ารู้อยู่แล้ว! ท่านปู่ ท่านรีบกลับไปพักผ่อนเถอะ! ตาเฒ่าที่แสนน่าเบื่อ!” เสี่ยวเมิ่งไล่ปู่ของตนที่พูดจาแปลกๆ ให้ไปนอน ก่อนที่นางจะหายใจลึกๆ แล้วปีนขึ้นไปนั่งบนหินก้อนนั้นด้วยท่าทางสง่างาม
กลิ่นหอมโชยทำให้หยวนจุนใจลอย เขาหยุดดูดซับพลัง มองไปที่เสี่ยวเมิ่งแล้วเอ่ยเสียงเรียบว่า “ตอนนี้ดึกมากแล้ว แม่นางเสี่ยวเมิ่งยังไม่พักผ่อนอีกหรือ?”
ลมเย็นพัดผ่านหน้าทำให้เสี่ยวเมิ่งรู้สึกสบายใจ นางปล่อยให้ปอยผมข้างหูปลิวไปตามสายลม ค่อยๆ หลับตาราวกับว่าไม่ได้ยินคำถามของหยวนจุน
“หยวนจุน เ้าเคยได้ยินอัคนีเก้าโชติไหม?”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้