“นายน้อยเยา การบัญชาการรบของเ้าในวันนี้ยอดเยี่ยมมากๆ การสู้รบในครั้งนี้ทำให้ข้ามีความสุขมากกว่าได้มีอะไรกับสาวพรหมจรรย์หลายๆ นางพร้อมกันเสียอีก มาๆ หมดแก้วๆ!” หมันก้านเอามือลูบหัวโล้นของตนเองพร้อมกับอ้าปากพูดออกมาด้วยเสียงดังก้องกังวาน ทำเอาใบไม้ในละแวกใกล้เคียงถูกแรงกระแทกจากพลังเสียงร่วงหล่นลงสู่พื้นหลายสิบใบ
“เหอะๆ การสู้รบในวันนี้หากไม่ได้นายน้อยหมัน ผลของการรบก็คงยากที่จะออกมาเป็เช่นนี้ คาดว่าพลังคนเถื่อนของลูกน้องเ้าที่เก็บสะสมมาเป็ปีๆ คงใช้ไปหมดแล้ว!” เยาขาข่าหัวเราะฮ่าๆ ออกมา สะบัดผมสีทองเหลืองอร่ามของตนเองอย่างภาคภูมิใจ จากนั้นชูนิ้วโป้งไปทางหมันก้านพร้อมกับพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
“ขอเพียงรบชนะศึกในครั้งนี้ได้ ต่อให้ต้องใช้พลังคนเถื่อนในร่างของพวกเขาไปทั้งหมดก็ไม่เป็ปัญหา พลังคนเถื่อนใช้ไปหมดแล้วก็ยังฝึกฝนสะสมกลับคืนมาได้ใหม่มิใช่รึ? กลับไปถึงเผ่าข้าค่อยถามเอาของล้ำค่าจากท่านพ่อมาให้พวกเขาใช้บำรุงกลับคืนก็พอแล้ว อืม...เ้าคิดว่าหน่วยส่งข่าวที่พวกเราแอบส่งออกไปจะถูกคนของเขตปกครองเทพาจับได้หรือไม่?”
หมันก้านโบกมือขึ้นแล้วพูดออกมาแบบไม่ยี่หระ ระบบการปกครองแบบชนชั้นภายในเผ่าคนเถื่อนเข้มงวดเป็อย่างมาก เขาในฐานะที่เป็ว่าที่หัวหน้าเผ่ารุ่นต่อไป อย่าว่าแต่สั่งให้นักรบระดับขอบเขตราชันย์คนเถื่อนทั้งสิบกว่าคนเผาไหม้พลังคนเถื่อนเลย แม้กระทั่งสั่งพวกเขาทั้งหมดให้ฆ่าตัวตายมีใครบ้างที่จะกล้าไม่ตาย ดังนั้นเขาจึงไม่ได้รู้สึกผิดหรือติดค้างใดๆ แต่กลับรู้สึกห่วงกังวลหน่วยส่งข่าวสิบกว่าคนที่ถูกส่งออกไปแจ้งข่าวให้ค่ายใหญ่ที่พักชั่วคราว กลัวจะถูกคนของเขตปกครองเทพาสกัดจับไว้เสียก่อน
พวกเขารู้ดีว่าแม้ว่าการสู้รบในวันนี้ฝ่ายตนเองจะเป็ฝ่ายได้รับชัยชนะอย่างสมบูรณ์ แต่ถ้าหากสู้รบกันในลักษณะเช่นนี้เป็ระยะเวลานานละก็ พวกเขาจะถูกโอบล้อมจนตายอยู่ข้างบนนี้อย่างแน่นอน!
เยาขาข่ายกเหล้าดื่มรวดเดียวจนหมดไปไหหนึ่ง เช็ดปากเสร็จจึงพูดออกมาอย่างไม่แยแส “ไม่เป็ไร แม้ว่าหน่วยส่งข่าวทั้งสิบคนที่ถูกส่งออกไปจะถูกฆ่าตายทั้งหมดก็ไม่เป็ปัญหา ทั้งเ้าและข้าต่างก็ใช้ตัวส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือที่นำติดตัวมาด้วยออกไปแล้ว คิดว่าคงอีกไม่นานคนของเผ่าที่อยู่ใกล้ๆ จะรู้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นที่นี่ ที่ส่งหน่วยส่งข่าวออกไปก็แค่ดึงดูดความสนใจของพวกมันเท่านั้นเอง แต่ถ้าหากหน่วยส่งข่าวหลุดรอดไปได้สักคนสองคนกำลังเสริมก็จะได้มาเร็วกว่าเดิมหน่อย เ้าวางใจได้ ข้ายังมีแผนการอื่นเตรียมไว้อีก ถึงเวลานั้นเดี๋ยวเ้าก็จะรู้เอง...เร็วสุดน่าจะสามถึงห้าวัน ช้าสุดน่าจะไม่เกินสิบวัน รับรองว่าทัพเสริมจะต้องมาถึงที่นี่อย่างแน่นอน แต่ก่อนหน้านั้นพวกเรามาเล่นสนุกเป็เพื่อนพวกมันรอคอยกันเถอะ!”
“อืม! วันที่ทัพเสริมมาถึงก็คือวันที่เขตปกครองเทพาจะถูกบดขยี้จนราบเป็หน้ากลอง!” หมันก้านหัวเราะฮ่าๆ ออกมา ยกแก้วขึ้นดื่มติดกันหลายครั้ง อารมณ์ดีอย่างถึงที่สุด
.................................
อารมณ์ของเย่ชิงหานก็ค่อนข้างดีเช่นเดียวกัน แม้ว่าจะวิ่งอย่างบ้าระห่ำและฝึกฝนติดต่อกันหลายวันจนทำให้จิตใจอ่อนล้า แต่เมื่อััเห็นถึงหยดน้ำพลังปราณที่อยู่ภายในตันเถียน อารมณ์ของเขาจะไม่ดีขึ้นก็คงไม่ได้ ภายในเวลาเพียงไม่กี่วัน จากเดิมที่หยดน้ำพลังปราณรบมีสะสมอยู่ภายในตันเถียนเพียงแค่หนึ่งในสามส่วน ตอนนี้กลับจะเอ่อล้นออกมาจากตันเถียนเสียแล้ว
ระดับขอบเขตพลังฝีมือก่อนหน้าระดับขอบเขตเยี่ยมยุทธ์ฝึกฝนได้อย่างไม่ยากเย็นนัก ยิ่งถ้าหากมีพร์ที่ไม่ธรรมดาฝึกฝนเพียงแค่ไม่กี่เดือนไม่กี่ปีก็สามารถบรรลุถึงระดับขั้นขอบเขตเยี่ยมยุทธ์ได้ พร์ดีสิ่งอุดตันในจุดชีพจรมีน้อยสามารถบรรลุได้โดยง่าย ดังเช่น เย่เตา เย่ชิงอู่ เย่ชิงขวง
หลังจากบรรลุถึงระดับขอบเขตเยี่ยมยุทธ์แล้วการจะเลื่อนขั้นระดับพลังต้องอาศัยความขยันหมั่นเพียรในการฝึกฝนและสติปัญญารับรู้ของแต่ละบุคคลเป็หลัก ฝึกฝนดูดซับพลังฟ้าดินเข้าไปภายในร่างแล้วเปลี่ยนเป็พลังปราณรบ จากนั้นนำพลังปราณรบไปเก็บสะสมไว้ในตันเถียนจนเต็มแล้วบีบอัดให้กลายเป็ของเหลวหรือหยดน้ำพลังปราณรบเก็บไว้ในตันเถียน ฝึกฝนเช่นนี้จนกว่าจะมีหยดน้ำพลังปราณรบจนเต็มตันเถียน เมื่อตันเถียนได้รับการหล่อเลี้ยงจากหยดน้ำเหล่านี้อยู่ตลอดก็จะแข็งแกร่ง เหนียวแน่น และยืดหยุ่นจนสามารถที่จะทำการขยายให้ใหญ่ขึ้นได้ จากนั้นจึงค่อยทำการเชื่อมประสานตันเถียนทั้งหมดให้รวมเข้าเป็เนื้อเดียวกันกับจุดตันเถียน เช่นนี้ถึงจะสามารถบรรลุถึงระดับขอบเขตนักรบอย่างแท้จริง
กระบวนการในการฝึกฝนค่อนข้างจะยุ่งยาก ซับซ้อน น่าเบื่อ และต้องใช้เวลา ดังนั้นผู้คนส่วนมากต่างเสียเวลาหยุดอยู่ในระดับขอบเขตนี้อย่างน้อยสองถึงสามปี ตัวอย่างเช่นฮวาเฉ่าและเฟิงจื่อที่ต่างติดอยู่ในระดับขอบเขตนี้กันคนละปีกว่าแล้ว แม้จะอยู่บนเกาะแห่งความมืดมิดมาหลายเดือนแล้วพวกเขาก็ยังคงอยู่ในระดับขั้นที่สามขอบเขตเยี่ยมยุทธ์เช่นเดิม
การฝึกยุทธ์ของเย่ชิงหานนั้นขยันหมั่นเพียรกว่าเฟิงจื่อและฮวาเฉ่าเป็อย่างมาก เพียงแต่เขาเพิ่งจะบรรลุระดับขอบเขตเยี่ยมยุทธ์ได้เพียงไม่กี่เดือนเท่านั้นเอง เพิ่งจะบรรลุเมื่อตอนที่อยู่บนถนนทางไปเมืองั เมื่อเข้ามาบนเกาะแห่งความมืดมิด ขอเพียงแค่มีเวลาเขาก็จะใช้ในการฝึกฝนในทันที ่ระยะเวลาไม่นานก่อนหน้านี้เพิ่งจะเลื่อนระดับขั้นพลังถึงระดับขั้นที่สองขอบเขตเยี่ยมยุทธ์
หลายวันมานี้ภายใต้พลังงานบริสุทธิ์จำนวนมหาศาลจากผลึกั ระดับขั้นพลังของเย่ชิงหานเลื่อนขึ้นมาอีกขั้นจนถึงระดับขั้นที่สามขอบเขตเยี่ยมยุทธ์ ขอเพียงทำการเก็บสะสมหยดน้ำพลังปราณรบต่อ จากนั้นขยายตันเถียนให้ใหญ่ขึ้นแล้วเชื่อมประสานให้เข้าเป็เนื้อเดียวกันกับจุดตันเถียน เมื่อสำเร็จก็จะบรรลุถึงระดับขอบเขตนักรบอย่างแท้จริง
ในตอนนี้ พลังงานบริสุทธิ์ที่พรั่งพรูออกมาภายในบริเวณทรวงอกได้ไหลเข้าไปสู่จุดชีพจรอยู่ไม่ขาด เย่ชิงหานเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าถ้าหากสภาพเช่นนี้คงอยู่อีกเพียงแค่หนึ่งวันเขาก็จะสามารถทะลวงผ่านเข้าสู่ระดับขอบเขตนักรบได้
ส่วนเสี่ยวเฮยที่จำศีลหลับลึกเพื่อฝึกฝนนั้นก็มีการพัฒนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเช่นเดียวกัน ตอนนี้มันกำลังทำการดูดซับพลังงานบริสุทธิ์จากผลึกัอยู่อย่างบ้าคลั่ง กลัวแต่ว่าทั้งเขาและมันจะดูดซับพลังงานจากผลึกัหมดไปเสียก่อนที่จะบรรลุถึงเป้าหมายที่คิดไว้
เย่ชิงหานมีความมั่นใจอย่างมากว่าอาศัยวิชาต่อสู้ร่างอสูรเนตรสยบิญญา เขาสามารถที่จะสังหารผู้มีพลังฝีมือระดับขั้นแรกหรือขั้นที่สองขอบเขตราชันย์ปีศาจและราชันย์คนเถื่อนได้ในพริบตา แต่แน่นอนว่าในระดับขั้นที่สามที่เป็พวกผู้มีพลังฝีมือในระดับขั้นสูงสุดเขาไม่มีความมั่นใจว่าจะทำได้ เนื่องจากว่าพลังฝีมืออยู่ในระดับสูงจนน่ากลัว ประกอบทั้งเริ่มทำการศึกษาและฝึกฝนกฎเกณฑ์พลังฟ้าดินแล้วด้วย คาดว่าระดับความแข็งแกร่งของพลังิญญาคงอยู่ในระดับสูงมากอย่างแน่นอน
วิ่งตะบึง วิ่งอย่างบ้าระห่ำ! ฝึกฝนและฝึกฝน!
เย่ชิงหานหวนกลับมาสู่ชีวิตที่ต้องเผชิญกับรสชาติของความเ็ประคนความสุขจากการฝึกยุทธ์อีกครั้ง วิ่งอย่างบ้าระห่ำหลายวันติดต่อกันทำให้กล้ามเนื้อทั่วร่างเริ่มปวดเมื่อยและแสบร้อนขึ้น ทำให้ทั้งร่างกายและจิตใจล้วนอ่อนล้า เพียงแต่เขารู้ว่าโอกาสดีงามที่สามารถเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตได้เช่นนี้เป็ใครก็ต้องรีบคว้าเอาไว้
เย่ชิงอู่ก็เหน็ดเหนื่อยเช่นเดียวกัน ในฐานะที่เป็หลานสาวสุดที่รักของเย่ชิงหนิว ั้แ่เล็กจนโตถูกทะนุถนอมราวกับของล้ำค่าที่อยู่ใจกลางฝ่ามือ ไม่เคยที่จะเหน็ดเหนื่อยเช่นนี้มาก่อน ไม่เคยที่จะลำบากเช่นนี้มาก่อน แต่ทุกครั้งที่นางกวาดตามองไปยังเด็กหนุ่มที่วิ่งตะบึงอย่างบ้าคลั่งอยู่เบื้องหน้า นางก็จะฝืนบังคับยกขาที่เริ่มจะบวมขึ้นมาเล็กน้อยไล่ติดตามออกไป ตนเองเป็ถึงผู้มีพลังฝีมือระดับขั้นแรกขอบเขตนักรบ จะมายอมแพ้ให้แก่เด็กหนุ่มของตระกูลได้อย่างไรกัน ยิ่งไปกว่านั้นเด็กหนุ่มคนนี้ยังเป็ผู้ที่ตนเองชื่นชมอีกด้วย
เย่สือซานแน่นอนว่ารู้สึกเหนื่อยเช่นเดียวกัน แต่เป็เพียงแค่ความอ่อนล้าเท่านั้น ระดับขั้นที่สามขอบเขตจ้าวนักรบอย่างเขากับการวิ่งระดับนี้ถือว่าสบายมาก เพียงแต่การวิ่งที่น่าเบื่อหน่ายเช่นนี้ทำให้เขารู้สึกขาดรสชาติก็เท่านั้นเอง
เพียงแต่...ในขณะที่ดวงตาที่อ่อนล้าของเขากวาดมองไปที่เย่ชิงหาน ทันใดนั้นจิตใจของเขากลับมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที ััรับรู้ที่แข็งแกร่งจากพลังิญญาของเขาสามารถตรวจสอบพลังปราณรบภายในร่างของเย่ชิงหานได้อย่างชัดเจนว่า พลังปราณรบภายในร่างของเย่ชิงหานกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ภายในเวลาเพียงไม่กี่วันจากพลังปราณรบของผู้มีพลังฝีมือระดับขั้นที่สองขอบเขตเยี่ยมยุทธ์ สามารถเลื่อนขึ้นมาเป็ระดับขั้นที่สามขอบเขตเยี่ยมยุทธ์ได้ และยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง
หวนนึกถึงเสี่ยวเฮยที่ใช้เวลาอยู่ในหุบเขาัดำอยู่่หนึ่ง แม้ว่าตอนที่มันกลับมาจะไม่ปรากฏว่าได้มีการนำผลึกักลับมาด้วย แต่สิ่งผิดปกติเกินความเป็จริงที่เกิดขึ้นในตอนนี้ทำให้เขาอดสงสัยไม่ได้ เมื่อวานพลังฝีมือของเย่ชิงหานเลื่อนขั้นสู่ระดับขั้นที่สามขอบเขตเยี่ยมยุทธ์ เขามั่นใจอย่างมากว่าเย่ชิงหานกำลังหลอมผลึกั หรืออาจจะพูดให้ถูกว่ากำลังดูดซับพลังจากผลึกั
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้