“คุณแม่เหอเจีย มันไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ คุณช่วยฟังฉันอธิบาย...”
มือที่ใช้จับกล่องชอล์กออกแรงขึ้น เซี่ยจื่ออวี้เคยอดทนมามากมายหลายสิ่ง ปัญหาตรงหน้าเพียงเท่านี้จะเป็อะไรไป แค่ปัญหายิบย่อยเท่านั้น
เหอเจียน่าจะเป็นักเรียนผู้มีพื้นเพเพียบพร้อมที่สุดซึ่งชั้นเรียนกวดวิชารับเข้ามาได้ พอเปิดภาคเรียนเดือนกันยายนก็อยู่ปีสาม โรงเรียนเป็อันดับต้นๆ ของปักกิ่ง คุณภาพการสอนดีมาก ทว่าเหอเจียมีผลการเรียนระดับกลางในโรงเรียน ครอบครัวเธอจึงรู้สึกกังวลเล็กน้อย จึงสมัครชั้นเรียนกวดวิชาสำหรับปิดภาคเรียนฤดูร้อนให้ลูก อีกทั้งยังเป็หลักสูตรการเรียนอย่างเข้มข้นเสียด้วย ชั้นเรียนกวดวิชาปิดภาคเรียนฤดูร้อนที่เซี่ยจื่ออวี้ตั้งขึ้นนี้ไม่เหมือนกับชั้นเรียนกวดวิชาสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ชั้นเรียนนี้เรียกเก็บเงินรายเดือน กำหนดมาตรฐานค่าธรรมเนียมตามจำนวนคนของชั้นเรียนกวดวิชาเป็ 50 หยวนต่อเดือนและ 20 หยวนต่อเดือน ห้อง 50 หยวนต่อเดือนก็คือห้องที่มีหลักสูตรเข้มข้น ทั้งห้องมีนักเรียนเพียง 8 คน อาจารย์หนึ่งกลุ่มวนไปเวียนมารอบนักเรียน 8 คน จะดูแลได้มากกว่าอย่างแน่นอน
สำหรับห้อง 20 หยวนต่อเดือน จำนวนนักเรียนต่อห้องอยู่ระหว่าง 20-25 คน แม้จะเป็การสอนพิเศษเหมือนกัน ทว่าอาจารย์ก็ดูแลได้ไม่ละเอียดขนาดนั้น
บ้านเหอมีกำลังจ่ายเงินค่าเรียน 50 หยวนต่อเดือน อย่างไรเสียเงินเดือนหนึ่งเดือนของมารดาเหอเจียก็สามารถส่งลูกสาวเรียนกวดวิชาเป็ระยะเวลาสองเดือนได้อย่างไม่มีปัญหา มารดาของเหอเจียมีความสงสัยหนึ่งเดียว นั่นก็คือ ‘อาจารย์’ ของชั้นเรียนกวดวิชา แม้จะบอกว่าเป็อาจารย์ ทว่าอันที่จริงยังเป็แค่นักศึกษาจากวิทยาลัยฝึกหัดครูปักกิ่งสินะ? แต่ละคนดูกระตือรือร้นดี สอนเป็อย่างไรกันแน่ยังไม่ทราบแน่ชัด
มารดาเหอเจียไม่เสียดายที่จะจ่ายเงินให้ลูกสาวเรียนพิเศษ ทว่า ‘อาจารย์’ ของชั้นเรียนกวดวิชานี้ใช้เหล่านักเรียนมาฝึกฝนฝีมือ ในทางกลับกันยังจะเก็บเงินเสียมากมายขนาดนี้ มารดาเหอเจียจึงไม่รู้สึกยินดีแล้ว
จ่าย 50 หยวนต่อเดือนก็ได้ แต่สอนให้เห็นผลลัพธ์ก่อนสิ!
ความไร้เหตุผลของมารดาเหอเจียทำให้เซี่ยจื่ออวี้หัวเสียมาก ถ้าตอนนั้นเธออยู่ในปักกิ่ง จะไม่รับเหอเจียอย่างแน่นอน... เวลานี้เหอเจียเข้าเรียนในชั้นเรียนกวดวิชามาสิบกว่าวันแล้ว กลับไม่เคยจ่ายค่าเล่าเรียนเลยแม้แต่เฟินเดียว เซี่ยจื่ออวี้ก็ไม่อยากยอมรับว่าเพื่อนนักศึกษาที่จ้างมาช่วยจะโง่เง่าปานนั้น เป็มารดาเหอเจียที่ช่างเจรจาต่างหากล่ะ โน้มน้าวเสียจนเพื่อนนักศึกษาของของเซี่ยจื่ออวี้จนสมองสับสนหมดแล้ว
ตอนนั้นมารดาของเหอเจียพูดไว้ดิบดี ซื้อไข่ไก่ในตลาดสดยังต้องให้คนเลือกเฟ้น ชั้นเรียนกวดวิชาเพิ่งเปิดใหม่ เช่นนั้นคงทดลองเรียนก่อนได้สินะ?
“ถ้าได้ผลดี ฉันจะช่วยพวกเธอโฆษณาแน่นอน!”
มารดาของเหอเจียอาศัยปากนี้หว่านล้อมนักศึกษาของวิทยาลัยฝึกหัดครูปักกิ่งจนหัวหมุน จนกระทั่งเซี่ยจื่ออวี้กลับมาจากซางตู ผัดไปอีกหนึ่งสัปดาห์ เหอเจียยังคงเป็นักเรียนคนเดียวที่ไม่จ่ายเงินแต่ได้เข้าเรียนเสริมพิเศษ!
หากมันแค่นี้ เซี่ยจื่ออวี้ยังพอทนไหว
ทว่าเื่เหอเจียเข้าเรียนได้ตามปกติทั้งที่ยังไม่จ่ายเงินเหมือนจะถูกรับรู้โดยนักเรียนคนอื่นแล้ว ภายในชั้นเรียนเกิดความเคลื่อนไหว มีคนลองหยั่งเชิงว่าสามารถขอคืนเงินก่อนได้ใช่หรือเปล่า
ขอคืนเงิน?
จะเป็ไปได้อย่างไร!
ก่อนหน้านี้เซี่ยจื่ออวี้คิดว่าธุรกิจคือของง่ายๆ เพียงดึงเพื่อนนักศึกษาไม่กี่คนเข้าร่วม หาสถานที่สักแห่งก็ตั้งชั้นเรียนกวดวิชาได้แล้ว
พอเริ่มเตรียมพร้อมอย่างแท้จริงถึงรู้ว่าแผนหาเงินใหญ่ที่ดูง่ายนั้นช่างยากเย็นเพียงใด หวังเจี้ยนหัวสอนพิเศษให้ผู้อื่น หนึ่งคาบเรียนราคา 5 หยวน นักศึกษาของวิทยาลัยสามารถหางานพิเศษที่ดีเช่นนี้ได้หรือไม่ยังไม่รู้ ทว่ามาตรฐานค่าตอบแทนต้องเทียบเท่าหวังเจี้ยนหัว ชั้นเรียนวันหยุดสุดสัปดาห์ก็ช่างปะไร หนึ่งสัปดาห์จ้างพวกเขาสองวัน ค่าตอบแทนต่อหนึ่งคนคือ 20 หยวน สอนทั้งหมด 6 คาบเรียน
แต่ชั้นเรียนปิดภาคเรียนฤดูร้อนคือทั้งเดือน สอนหกวันพักหนึ่งวัน เก็บ 20 หยวนต่อเดือนจากนักเรียนหนึ่งคน นักเรียนหนึ่งห้องเรียนจำนวนไม่เกิน 25 คน เซี่ยจื่ออวี้จะมีรายได้เพียง 400-500 หยวน ถ้าจ้าง ‘อาจารย์’ เหล่านี้ด้วยค่าตอบแทน 10 หยวนต่อหนึ่งวัน เธอต้องจ่ายมากกว่าสองร้อยหยวนต่อหนึ่งชั้นเรียนสำหรับค่าตอบแทนอย่างเดียว โดยยังไม่รวมสถานที่ ได้กำไรเล็กๆ น้อยๆ เซี่ยจื่ออวี้ไม่สนใจโดยสิ้นเชิง!
หาสถานที่อย่างขอไปทีก็ไม่เหมาะ
สถานที่จะไกลเกินไปไม่ได้ เพราะนักเรียนมาจากทั่วทุกสารทิศ ต้องทำให้คนส่วนใหญ่สะดวกเดินทางอยู่เสมอ
หากเช่าอาคารที่อยู่อาศัยทั่วไปจัดชั้นเรียนกวดวิชา เหล่าผู้ปกครองไม่มีทางเชื่อมั่น เซี่ยจื่ออวี้ทำได้เพียงขอยืมห้องเรียนจากโรงเรียนมัธยมต้นแห่งหนึ่ง อย่างไรเสียโรงเรียนก็ไม่เปิดใน่ปิดภาคเรียนฤดูร้อนอยู่แล้ว เมื่อห้องเรียนว่าง เซี่ยจื่ออวี้จึงขอเช่ามาใช้งาน... ห้องเรียนของโรงเรียนสามารถทิ้งว่างไว้ได้ ถ้าจะมีคนใช้งาน ก็มิอาจใช้โดยเปล่า คนอื่นเขาเปิดห้องเรียนให้คุณหลายห้อง หากนักเรียนที่มาเรียนพิเศษเกิดปัญหาด้านความปลอดภัยขึ้นจะถือเป็ความรับผิดชอบของใคร? บุคลากรเองก็หยุดทำงานใน่ปิดภาคเรียนฤดูร้อนเหมือนกัน ทว่าการใช้งานห้องเรียนยังต้องจัดคนเข้าเวรยาม ยังต้องดูแลความสะอาดภายในโรงเรียน มีปัญหาสืบเนื่องกันเป็ทอดๆ แค่ให้เงินค่าเช่าง่ายๆ ย่อมไม่สำเร็จอย่างแน่นอน
เซี่ยจื่ออวี้ใช้เงินส่งของขวัญไปไม่น้อย กว่าจะได้ห้องเรียนสำหรับสอนกวดวิชามา
ณ วันนี้ เธอมีทั้งหมด 6 ชั้นเรียนกวดวิชาอยู่ในมือ ชั้นเรียนธรรมดา 4 ห้อง ชั้นเรียนหลักสูตรเข้มข้นอีก 2 ห้อง เงินค่าเล่าเรียนที่ได้รับในเดือนแรกรวม 2460 หยวน และเงินค่าตอบแทนที่เธอต้องจ่ายให้ ‘อาจารย์’ 12 คนในเดือนแรกเป็จำนวนเกือบพันหยวน เซี่ยจื่ออวี้ไม่ได้อยากจ้างนักศึกษาของวิทยาลัยมามากมายขนาดนี้เหมือนกัน แต่ชั้นเรียนพิเศษประเภทนี้ก็ไม่ต่างจากนักเรียนเรียนที่โรงเรียน หากให้อาจารย์หนึ่งคนรับผิดชอบสอนทุกหลักสูตร แม้ระดับความรู้จะตามทัน ทว่าแรงกายของคนตามไม่ทันแน่นอน คงจะเหนื่อยล้าแทบขาดใจ
ไม่เพียงจ่ายเงินเดือน ทั้งยังต้องรวมเงินลงทุนประชาสัมพันธ์และค่าเช่าสถานที่ใน่แรกด้วย ในเดือนแรก เซี่ยจื่ออวี้ถึงขั้นขาดทุนด้วยซ้ำ
แต่ภายหลังจะได้กำไรแน่นอน การโฆษณากับค่าเช่าสถานที่เป็การลงทุนครั้งเดียวที่เห็นผลลัพธ์ระยะยาว ถ้าเธอรับนักเรียนเพิ่มสองสามห้องได้ในเดือนที่สอง ย่อมมีกำไรเป็ธรรมดา สิ่งที่เซี่ยจื่ออวี้อยากทำยังคงเป็สถาบันกวดวิชาขนาดใหญ่อยู่ดี จัดตั้งเพิ่มอีกหลายสาขา ส่วนเธอแค่ควบคุมภาพรวมของงาน รอสร้างกำไรเท่านั้น... คนอื่นดูเหมือนหาเงินได้ไม่ยาก พอถึงคราวให้เซี่ยจื่ออวี้ลงมือด้วยตนเอง เธอจึงค้นพบว่าที่แท้เงินทองช่างหายากยิ่งนัก
สำหรับเพื่อนนักศึกษาจากวิทยาลัยพวกนั้น หากเธอไม่จ้างอีกฝ่าย อีกฝ่ายจะหางานพิเศษแบบนี้ได้จากที่ไหน?
และดูตอนนี้สิ ค่าตอบแทนน้อยก็ไม่ยินดีทำ!
เซี่ยจื่ออวี้ครุ่นคิดถึงตรงนี้ ใบหน้าของเธอเรียบเฉยยิ่งนัก ถ้าเธอไม่ได้เป็ผู้ติดต่อขอเช่าสถานที่ของโรงเรียน ่เวลาที่ไม่อยู่ในปักกิ่ง คนพวกนี้อาจถีบเธอออกจากสนามธุรกิจนี้ไปแล้ว!
ในใจของเธอรู้สึกโกรธเคือง ทว่าอารมณ์บนใบหน้าราวกับอ่อนโยนยิ่งกว่าเดิม
“คุณแม่เหอเจียคะ คะแนนของเหอเจียไม่ได้แย่เลย ผลทดสอบวัดระดับก่อนเรียนของเธอเป็อันดับต้นๆ ของทั้งหกห้อง มิเช่นนั้นต่อให้คุณยินดีจ่าย 50 หยวนต่อเดือน พวกเราก็ไม่อาจจัดนักเรียนเหอเจียไว้ในห้องเรียนหลักสูตรเข้มข้นหรอกค่ะ การเรียนเสริมจะได้ผลหรือเปล่า รอจนถึงเวลาเปิดภาคเรียนก็เห็นเองแน่นอนค่ะ... ถ้าคะแนนของเหอเจียไม่พัฒนา ค่อยคืนเงินให้คุณแม่ดีไหมคะ? เห็นว่าคุณแม่ก็เป็คนมีหน้ามีตา จุดประสงค์หลักที่พวกเราเปิดสอนกวดวิชาคือช่วยพวกนักเรียนที่อยากก้าวหน้า ถ้าเหอเจียผัดผ่อนค่าเรียนเนื่องจากสาเหตุฐานะทางการเงินของครอบครัว พวกเราพอยอมรับได้เพราะเห็นว่านักเรียนเหอเจียเก่งแบบนี้ แต่คุณแม่ดูสิคะ—”
เซี่ยจื่ออวี้เหน็บแนมจนมารดาของเหอเจียพูดไม่ออก หากเบี้ยวหนี้ไม่จ่ายเงิน ก็เป็การยอมรับว่าครอบครัวมีฐานะย่ำแย่โดยปริยายไม่ใช่หรือ
เหอเจียยังจะเหลือศักดิ์ศรีอะไรในชั้นเรียนกวดวิชาได้อีก!
มารดาเหอเจียหาเื่ใส่ตัวแบบนี้ เป็แค่ปัญหาเล็กน้อยที่เซี่ยจื่ออวี้เจอ เพราะ ‘เหล่าอาจารย์’ ของชั้นเรียนกวดววิชาเด็กเกินกว่าจะควบคุมสถานการณ์ได้ อายุสิบกว่าปีกันหมด ทว่าเส้นที่ข้ามไม่ได้เมื่ออยู่ในโรงเรียนอาจไม่มีอยู่ในชั้นเรียนกวดวิชาน่ะสิ
เซี่ยจื่ออวี้ไม่เฉลียวใจเกี่ยวกับปัญหาใหญ่ที่กำลังบ่มเพาะอยู่ของชั้นเรียนกวดวิชาเลย
เธอไม่ได้เจอหน้าหวังเจี้ยนหัวมาหนึ่งสัปดาห์ หวังเจี้ยนหัวบอกว่าในที่สุดเื่พ่อแม่ของเขาจะกลับเข้าเมืองก็เริ่มมีเค้าลางแล้ว!
เซี่ยจื่ออวี้คิดว่าตัวเธออาจได้รับจุดเปลี่ยนอันดี หากบิดาของหวังเจี้ยนหัวกลับเข้าเมืองหวนคืนสู่ตำแหน่งเดิม บัณฑิตเกาเข่าคนหนึ่งจะดีเลิศสักแค่ไหนกันเชียว? สำหรับชาวชนบทแล้ว การได้เป็นักศึกษาของมหาวิทยาลัยหัวชิงสูงส่งจนมิอาจเอื้อม แต่เซี่ยจื่ออวี้รู้ดี ราคาของนักศึกษามหาวิทยาลัยขึ้นอยู่กับว่าเปรียบเทียบกับใคร!