เมื่อได้เวลาเริ่มงาน โทโดก็เริ่มรู้สึกถึงแรงกดดันบางอย่างที่แผ่ซ่านอยู่ในใจ แม้ภายนอกจะพยายามรักษาสีหน้าสงบนิ่งไว้ให้ดูเป็มืออาชีพ แต่ภายในกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกร้อนรนและกังวลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เขายืนอยู่ตรงทางเดินของสำนักงาน มือหนึ่งถือกระเป๋าเอกสาร อีกมือจับมือลูกสาวตัวเล็กแน่นด้วยความห่วงใย
เอริ เด็กหญิงวัยห้าขวบ ใบหน้าน่ารักสดใสยิ่งกว่านางฟ้าในนิทาน ดวงตากลมใสสะท้อนแสงไฟของออฟฟิศจนเป็ประกาย ผมยาวประบ่าผูกโบสีฟ้าอ่อน เธอสวมชุดเดรสลูกไม้สีน้ำเงินที่ตัดกับผิวขาวเนียนละเอียดจนเหมือนตุ๊กตาตัวน้อย
สำหรับโทโดแล้ว… เอริคือคนที่สำคัญที่สุดของเขา ถึงแม้ว่าเขาจะเพิ่งรู้จักกับเธอเพียงแค่ไม่กี่วันก็ตาม
แต่สำหรับคนอื่นล่ะ?
เขาเองก็ไม่แน่ใจว่าเพื่อนร่วมงานจะรู้สึกอย่างไร หากเห็นเด็กเล็กตัวจ้อยมาอยู่ในสถานที่ทำงานที่ควรจะเต็มไปด้วยความจริงจัง ตอนที่เจอที่ทางเดินก็แล้วไปเถอะ แต่ตอนที่ทำงานมันจะมีปัญหาไหมนะ?
ถึงแม้ว่าได้แจ้งหัวหน้าไว้ล่วงหน้าแล้วก็ตาม แต่โทโดก็ยังรู้สึกไม่สบายใจ
เพราะต่อให้ได้รับอนุญาตแล้ว เขาก็ไม่อยากให้คนอื่นรู้สึกว่าเขากำลังเอาเื่ส่วนตัวมาทำให้เกิดความวุ่นวายในที่ทำงาน
เขาเดินพาเอริไปยังโต๊ะของตัวเอง มุมหนึ่งของสำนักงาน โต๊ะทำงานที่ค่อนข้างเรียบง่ายมีเอกสารกองหนึ่งซ้อนกันอย่างเป็ระเบียบ
โทโดหย่อนตัวลงที่เก้าอี้ เงยหน้ามองลูกสาวด้วยสายตาอ่อนโยน
“เอริ นั่งตรงนี้นะ อย่าส่งเสียงดัง แล้วก็อย่าเดินไปไหนคนเดียว เข้าใจไหม?”
เอริพยักหน้าหงึก ๆ
“เข้าใจค่ะ! พ่อจ๋า เอริจะอยู่เงียบ ๆ”
เขายื่นสมุดวาดภาพกับกล่องสีไม้ให้เธอ พร้อมขนมเล็ก ๆ และน้ำผลไม้กล่องหนึ่ง
เอรินั่งไขว่ห้างอย่างตั้งใจ แล้วเริ่มวาดรูปโดยไม่งอแงหรือโวยวาย
ผ่านไปเพียงสิบนาที พนักงานหญิงคนหนึ่งเดินผ่านมา เหลือบเห็นเด็กหญิงตัวเล็กที่นั่งเงียบ ๆ ก็ถึงกับร้องเบา ๆ
“ว้าว ใครเนี่ย! น่ารักมากเลยค่ะ!”
เอริเงยหน้าขึ้น แล้วยิ้มให้แบบเขิน ๆ
“สวัสดีค่ะ หนูชื่อเอริค่ะ”
ท่าทางนอบน้อมและเสียงใส ๆ ของเธอทำให้พนักงานสาวถึงกับละลาย
จากหนึ่งคนกลายเป็สอง สองกลายเป็สี่ แล้วไม่นาน พนักงานหลายคนก็เริ่มแวะเวียนมาทักทาย ดูเหมือนว่าความน่ารักของเอริจะกลายเป็จุดรวมความสนใจของออฟฟิศไปโดยปริยาย
บางคนเอาขนมมาให้
บางคนเอากระดาษโน้ตลายน่ารัก
บางคนถึงกับเอาของเล่นเล็ก ๆ ที่เคยตั้งไว้โชว์บนโต๊ะมามอบให้เธอ
“นี่ให้หนูนะ พี่ไม่ได้ใช้แล้ว”
โทโดมองภาพตรงหน้าแล้วก็อดขำไม่ได้ ปกติเพื่อนร่วมงานพวกนี้แทบไม่เคยยิ้มกับเขาเกินสามวินาที แต่ตอนนี้ต่างคนต่างล้อมวงเอริเหมือนเจอขุมทรัพย์
"ลูกฉันกลายเป็คนดังของแผนกไปแล้ว..."
กระนั้น แม้จะดูเหมือนทุกอย่างจะไปได้ดี โทโดก็ยังรู้สึกระแวดระวังอยู่ลึก ๆ
เขาเริ่มต้นทำงานของตัวเองอย่างจริงจัง พยายามไม่หันไปมองลูกสาวบ่อยเกินไป แต่เสียงหัวเราะเบา ๆ จากโต๊ะข้าง ๆ ก็ทำให้เขาอดยิ้มตามไม่ได้
จนเวลาผ่านไปถึง่บ่าย เขาก็ได้รับสายจากโทรศัพท์โต๊ะโดยตรง
เสียงของหัวหน้าดังขึ้นในโทนเสียงเรียบเฉยแต่หนักแน่นตามสไตล์ของเขา
“โทโด มาพบที่ห้องผมหน่อย”
ใจโทโดหล่นวูบ มือที่ถือแฟ้มแทบสั่น ปกติก็ไม่เรียกนี่หว่า พอพาเอริมาโดนเลย
(หรือว่ามีใครไม่พอใจ? หรือว่าเอริเผลอทำอะไรผิดโดยที่เขาไม่เห็น?)
เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ พยักหน้าส่งให้เพื่อนร่วมงานแล้วลุกขึ้นเดินไปยังห้องของหัวหน้า
ระหว่างทาง หัวใจของเขาเต้นแรงจนแทบได้ยิน ถึงในตอนนี้เขาจะมีเงินมากพอที่จะไม่ต้องง้องานแล้วก็เถอะ แต่เขาก็ไม่อยากทำตัวกร่างเหมือนพวกตัวเอกในนิยายบางเื่ ที่พอมีเงิน ก็ต้องทำตัวอวดรวย กร่างไม่เกรงใจใคร
เขายังคงเป็พลเมืองที่ดีที่เคารพกฎระเบียบของสังคมอยู่
เขาไม่อยากให้ใครเข้าใจผิดว่าเขากำลังใช้ความเป็พ่อมาทำเื่เอาเปรียบที่ทำงาน
เขาควรจะยอมรับในสิ่งที่เขาทำผิด
เมื่อเคาะประตูเข้าไป หัวหน้าก็เชิญให้นั่งลง สีหน้าเรียบนิ่งตามปกติ มือของเขาถือแก้วกาแฟอย่างสบายใจ
โทโดไม่ได้นั่งทันที เขายืนก้มศีรษะแล้วรีบเอ่ย
“ถ้าลูกสาวผมก่อความวุ่นวาย ผมต้องขอโทษด้วยนะครับ เธอเป็เด็กดี แต่บางทีอาจจะ ซนไปบ้าง”
หัวหน้ายกมือขึ้นหยุดทันที
“ไม่ต้องรีบแก้ตัวครับ ผมไม่ได้เรียกคุณมาเพราะมีปัญหาอะไร”
โทโดชะงัก “...ครับ?”
“ตรงกันข้ามเลยต่างหาก”
หัวหน้ายิ้มเล็กน้อยก่อนจะวางแก้วลงบนโต๊ะ หันมาจ้องหน้าโทโดด้วยสายตาที่อ่อนโยนจนน่าประหลาดใจ
“ผมแค่อยากจะบอกว่า… ถ้าคุณไม่มีคนดูแลลูกอีกในวันไหน ก็พาเธอมาได้เลยนะครับ”
โทโดเบิกตาเล็กน้อย
หัวหน้าพยักหน้า แล้วพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่ไม่ใช่แค่เป็กันเอง... แต่คล้ายจะมีความสุขเสียด้วยซ้ำ
“แผนกเราบรรยากาศดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเลยวันนี้ ทั้งพนักงานยิ้มแย้ม มีพลังงานดี ๆ เต็มไปหมด แม้แต่คนที่ชอบบ่นเื่อากาศยังอารมณ์ดีผิดปกติ ผมเองก็ยังรู้สึกเบาใจมากขึ้นอย่างประหลาด”
“เด็กคนนี้… เหมือนนำพาแสงสว่างเล็ก ๆ มาให้ทุกคนจริง ๆ ครับ”
โทโดหัวเราะเบา ๆ สีหน้าโล่งอกอย่างเห็นได้ชัด
“ผมก็นึกแบบนั้นเหมือนกันครับ”
หัวหน้าพยักหน้า ยิ้มกว้างขึ้นอีกนิด
“ผมไม่เคยคิดเลยว่าเด็กวัยแค่นั้นจะสามารถเปลี่ยนบรรยากาศของทั้งทีมได้ แต่เธอทำได้จริง ๆ”
โทโด เดินออกจากห้องด้วยหัวใจที่เบาสบายเป็พิเศษ เสน่ห์ของ เอริ ลูกสาวของเขานั้นรุนแรงจริงๆ แบบนี้คงพอจะพาเอริมาได้จนกว่าจะจ้างพี่เลี้ยงได้ล่ะนะ
และเมื่อกลับไปที่โต๊ะ พบว่าเอริยังนั่งเล่นเงียบ ๆ กับของเล่นที่พนักงานให้ พร้อมกับวาดรูปเพิ่มอีกสองภาพ แต่กลับมีคนล้อมรอบตัวเธอเป็จำนวนมากจนผิดสังเกต
แต่ถึงอย่างงั้น เมื่อ เอริ เห็นโทโดกลับมา เธอ ก็รีบเดินมาหาเขา
“พ่อจ๋า หนูวาดรูปเราอยู่ด้วยกันแล้วนะคะ อยากให้พ่อดูจัง”
เขารับสมุดมาดูแล้วก้มลงจูบหน้าผากลูกสาวเบา ๆ
ไม่ใช่แค่ลูกสาวของเขาที่ทำให้ที่นี่น่าอยู่ขึ้น
แต่เธอกำลังทำให้ชีวิตของเขา... มีความหมายมากขึ้นในทุก ๆ วันด้วย
แต่เมื่อเขาได้มองรูปที่เอริวาดอย่างตั้งใจ โทโด ถึงกับตกตะลึง............ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมถึงมีคนมุงกันเยอะจัง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้