หลังจากที่หลงอวี้และปู้สิงเข้าใกล้ประตูเมืองแล้ว กลุ่มผู้ฝึกยุทธ์พเนจรทั้งหลายก็พากันถอยออกเพื่อเปิดทางเส้นหนึ่งให้ทั้งสองทันที
เพียงแต่ว่า หลังจากนั้นก็ได้มีชายวัยกลางคนที่คลุมผ้าคลุมขนสัตว์คนหนึ่งก้าวออกมาขวางตรงหน้าของหลงอวี้และปู้สิง
“ทั้งสองคน้าจะเข้าไปในเมืองถังกวนเพื่อต่อต้านการรุกรานของอาณาจักรกู่เิใช่ไหม?”
ในน้ำเสียงของชายวัยกลางคนผู้นั้นแฝงด้วยบารมีอันน่าเกรงขามอยู่เสี้ยวหนึ่ง รวมกับแววตาของเขาฉายแววแน่วแน่เด็ดเดี่ยว แค่เห็นก็รู้ได้ทันทีว่าเป็คนที่ไม่ธรรมดา
“เ้าคือ?”
ปู้สิงหยุดเท้าลงและเอ่ยถาม
“ข้าชื่อฉือเสียวเสว่”
ชายวัยกลางคนตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
“เป็หัวหน้าชั่วคราวที่ผู้คนเหล่านี้เสนอออกมา แต่น่าเสียดายที่ทางเมืองถังกวนไม่ยอมให้พวกเราเข้าไปเสียที ดูจากระดับพลังของสหายน้อยที่สูงส่งไม่ธรรมดาแล้ว คงจะเป็ลูกศิษย์ระดับพิเศษของสำนักลัทธิที่ไหนสักแห่งสินะ? ไม่รู้ว่าพวกเ้าจะสามารถช่วยพวกเราไปบอกขุนพลน้อยหลงจี๋ให้ช่วยเปิดประตูเมืองให้พวกเราเหล่านักรบเืร้อนเข้าร่วมทัพทำศึกกับศัตรูได้ไหม?”
“เื่นั้น เกรงว่าพวกข้าเองก็ไม่อาจทำได้เช่นกัน”
ปู้สิงส่ายหน้า
ความคิดของขุนพลน้อยใช่สิ่งที่เขาสามารถเปลี่ยนแปลงได้ที่ไหนกัน?
หากหลงจี๋ไม่ยอมให้ผู้ฝึกยุทธ์พเนจรเหล่านี้เข้าไป อย่างนั้นเขาเองก็ช่วยอะไรไม่ได้!
อย่าว่าแต่เขาเลย ต่อให้เป็ประมุขแห่งลัทธิสยบฟ้าไป๋อวิ๋นจงมาเองก็ไม่สามารถเปลี่ยนความคิดของหลงจี๋ได้
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ไม่รบกวนทั้งสองแล้ว เชิญเถอะ”
ฉือเสียวเสว่แสดงสีหน้าผิดหวัง ก่อนจะเปิดทางให้ทั้งสองคนเดินเข้าไป
หลงอวี้มองสังเกตจากด้านข้างตลอดเวลา แม้ชื่อของชายวัยกลางคนผู้นี้จะเหมือนชื่อของผู้หญิงมากก็ตาม แต่บารมีของอีกฝ่ายนั้นเป็ของจริง
ผู้ฝึกยุทธ์พเนจรทั้งหมดล้วนฟังคำพูดของฉือเสียวเสว่ผู้นี้ทั้งสิ้น เป็เพราะฉือเสียวเสว่นั้นเป็ยอดฝีมือระดับิญญาแท้ขั้นที่สอง!
น่าเสียดายที่เมืองถังกวนไม่ยอมเปิดประตูให้ พวกเขาจึงได้แต่รอคอยอยู่ในทุ่งหิมะน้ำแข็งแห่งนี้ แม้ว่าผู้ฝึกยุทธ์พเนจรเหล่านี้จะมีระดับพลังสูงมากพอจนทนกับความหนาวเย็นได้สบาย แต่การรอคอยอย่างไร้ความหมายเช่นนี้ก็ชวนให้รู้สึกหงุดหงิดอยู่ดี
ผู้ฝึกยุทธ์พเนจรทั้งหลายจำนวนไม่น้อยรู้สึกไม่พอใจ บางคนนั้นก็ถึงกับแสดงออกทางใบหน้าแล้ว แต่เป็เพราะมีฉือเสียวเสว่คอยควบคุมดูแลถึงได้ไม่ะเิอารมณ์ออกมาก็
การที่พวกคนเหล่านี้อยากจะไปร่วมศึกต่อต้านกองทัพอาณาจักรกู่เิ แม้จะมีความคิดที่อยากจะได้รับรางวัลจากการฆ่าศัตรูอยู่ด้วย แต่เป้าหมายหลักก็ยังเป็การช่วยอาณาจักรขับไล่ข้าศึก!
แต่หลงจี๋กลับไม่ยอมให้พวกเขาไปร่วมศึก ทำให้พวกเขารู้สึกอัดอั้นแต่ไม่มีที่ระบายออกมา
“ศิษย์น้อง พวกเราไปกันเถอะ”
ปู้สิงก้าวเท้าออกไปข้างหน้าอีกหนึ่งก้าวจากนั้นก็ส่งเสียงะโไปทางกำแพงเมือง
“ลูกศิษย์ลัทธิสยบฟ้ามุ่งหน้ามาช่วยเหลือแล้ว!”
หลังจากสิ้นคำพูดประโยคนี้ ประตูเมืองก็ค่อยๆ เปิดออกเป็เส้นทางเล็กๆ ขึ้นเส้นหนึ่ง
เห็นได้ชัดว่าเป็การเปิดประตูเพื่อให้หลงอวี้และปู้สิงเข้าไปเท่านั้น ส่วนผู้ฝึกยุทธ์พเนจรคนอื่นไม่มีสิทธิ์เข้าไป
ปู้สิงพาหลงอวี้เดินเข้าไปในเมืองถังกวนผ่านเส้นทางเล็กๆ นั่น ส่วนผู้ฝึกยุทธ์พเนจรทั้งหลายนั่น ทั้งที่อยากช่วยเหลือตอบแทนอาณาจักร แต่การกระทำของไอ้ขุนพลน้อยหลงจี๋กลับช่างน่าหงุดหงิดจริงๆ!
“ไอ้ขุนพลน้อยหลงจี๋นี่มันไม่อยากให้พวกเราไปแย่งผลงานชัดๆ มันเลยไม่ยอมให้พวกเราเข้าไป!”
“ไม่ใช่แค่นั้นนะ เ้าดูสิ ขนาดลูกศิษย์ระดับพิเศษของลัทธิสยบฟ้าเดินทางมาช่วยเหลือ มันยังเปิดประตูแค่พอให้คนไม่กี่คนผ่านเข้าไปได้เท่านั้น ช่างน่าโมโหจริงๆ!”
“หากไอ้ขุนพลน้อยหลงจี๋นี่ยังทำแบบนี้ ต่อไปไม่จำเป็ต้องไปขับไล่ศัตรูต่างอาณาจักรแล้ว ข้าว่าอีกไม่นานก็คงจะเกิดความวุ่นวายภายในเพราะมันเองนั่นล่ะ!”
เหล่าผู้ฝึกยุทธ์พเนจรทั้งหลายต่างก็ซุบซิบนินทา แต่เพราะยังมีฉือเสียวเสว่คอยคุมอยู่ทำให้ไม่มีใครกล้าพูดเสียงดัง
หากคำพูดเหล่านี้หลุดไปถึงหูคนอื่นล่ะก็ ได้กลายเป็ปัญหาใหญ่แน่!
......
“นี่ถือเป็การแสดงบารมีข่มขวัญพวกเราของเ้าหลงจี๋หรือเปล่า?”
หลงอวี้ที่เดินผ่านประตูเมืองถังกวนไปแล้วหรี่ตาลงพร้อมกับเอ่ยพูดขึ้น
เปิดประตูเมืองยังเปิดเป็แค่เส้นทางเล็กๆ เช่นนี้ ไม่ว่ากับใครก็ล้วนเป็การดูิ่เหยียดหยามทั้งสิ้น!
“อาจจะใช่”
ดวงตาของปู้สิงฉายแววหงุดหงิด ในฐานะที่เป็ลูกศิษย์ระดับพิเศษอันดับที่หนึ่งแล้ว เขาย่อมต้องไม่สบอารมณ์กับการกระทำของหลงจี๋อยู่แล้ว!
แต่กระนั้น หลงจี๋กลับเป็ถึงจอมทัพที่นำทัพผู้ฝึกยุทธ์กว่าแสนคนในครั้งนี้ มียศ ขุนพลน้อย ประดับอยู่ ทั้งยังเป็ลูกหลายสายเืแท้ของตระกูลขุนพลตระกูลหลงด้วย แถมตอนนี้มีขอบเขตวิถียุทธ์ระดับิญญาแท้ขั้นที่สี่แล้ว!
ไม่ว่าจะมองจากมุมไหน ปู้สิงก็เทียบกับหลงจี๋ไม่ได้
เรียกได้ว่า หลงจี๋มีปัจจัยในการฝึกฝนที่ดีที่สุดั้แ่เกิดแล้ว ได้เปรียบกว่าหลงอวี้และปู้สิงหลายเท่า!
ต่อให้ปู้สิงจะไม่ชอบใจหลงจี๋ แต่ตัวเขาในตอนนี้ก็ไม่อาจล่วงเกินหลงจี๋ได้
ในอาณาจักรต้าถังมีสามตระกูลใหญ่ที่ถือครองอำนาจการปกครองมาเนิ่นนานแล้ว โดยตระกูลขุนพลตระกูลหลงนั้นเป็ตระกูลที่ถือครองอำนาจทางการทหารอย่างสมบูรณ์ เพียงคำสั่งเดียวก็สามารถกวาดล้างลัทธิสยบฟ้าให้พินาศสิ้นทั้งลัทธิได้
เมื่อหลงอวี้ก้าวเข้ามาในเมืองถังกวนแล้ว เขาก็กวาดมองไปรอบๆ เพื่อเก็บข้อมูล
เมืองแห่งนี้เป็เมืองที่แคบและยาว มีอาวุธป้องกันเมืองกองอยู่รวมกันท่ามกลางดินแดนหิมะน้ำแข็งแห่งนี้ ทำให้บรรยากาศดูเ็าอำมหิต กลิ่นอายอันโดดเดี่ยวอ้างว้างปกคลุมไปทั่วทั้งเมือง
ใกล้กับประตูเมืองมีตำหนักจอมทัพตั้งอยู่
จอมทัพหลงจี๋กำลังวางกลยุทธ์และบัญชาการกองทัพผู้ฝึกยุทธ์นับแสนคนอยู่ภายในตำหนักจอมทัพแห่งนี้นั่นเอง
เพียงแต่ภายในเมืองถังกวนตอนนี้มีทหารผู้ฝึกยุทธ์จำนวนนับไม่ถ้วนกำลังซ้อมรบกันอยู่ ตอนนี้คงจะยังไม่มีาอะไรเป็พิเศษ
“ไปกันเถอะ ไปหาหลงจี๋กัน”
ปู้สิงมุ่งหน้าไปทางตำหนักจอมทัพ
หลงอวี้เดินตามหลังไปติดๆ พบว่าระหว่างทางที่กำลังมุ่งหน้าไปยังตำหนักจอมทัพนั้นมีทหารผู้ฝึกยุทธ์จำนวนไม่น้อยเดินลาดตระเวนไปมา ต่างมีสีหน้าหวาดระแวงกันทั้งสิ้น
แต่พอเห็นแผ่นตราสถานะของลัทธิสยบฟ้าที่แขวนไว้ที่ข้างเอวของทั้งสองคนแล้ว พวกเขาก็พากันผ่อนคลาย
ระหว่างทางที่ทั้งสองคนมุ่งหน้าไปยังตำหนักจอมทัพจึงไม่มีใครเข้ามาขวาง
เพียงไม่นานพวกเขาก็มาถึงหน้าประตูของตำหนักจอมทัพแล้ว
หลงอวี้มองเข้าไปภายในตำหนัก มองเห็นแม่ทัพหนุ่มในชุดเกราะสีทอง สะพายหอกยาวไว้ที่หลังคนหนึ่งกำลังร่ำสุราและพูดคุยสัพเพเหระอยู่กับแม่ทัพอีกหลายคน ดูสบายใจสุดขีด!
แม่ทัพหนุ่มในชุดเกราะสีทองคนนั้น มีหน้าตาที่คล้ายคลึงกับหลงอวี้เล็กน้อย จะเป็ใครไปไม่ได้นอกจากขุนพลน้อยหลงจี๋!
หลงอวี้ที่ปรากฏตัวหน้าประตูทางเข้าตกอยู่ในสายตาของหลงจี๋อย่างรวดเร็ว
“ที่แท้ก็มีแขกกิตติมศักดิ์มาเยือนนี่เอง”
ใบหน้าอันหยิ่งผยองของหลงจี๋ปรากฏสีหน้าเย้ยหยันทันที เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายแค่มองปราดเดียวก็รับรู้ฐานะที่แท้จริงของหลงอวี้ได้แล้ว!
แม่ทัพสามคนที่อยู่ข้างๆ หลงจี๋นั้น ทั้งหมดล้วนเป็ยอดฝีมือระดับิญญาแท้ขั้นที่สามทั้งสิ้น พอได้ยินคำพูดของหลงจี๋แล้ว ก็พากันแสยะยิ้ม
“แขกกิตติมศักดิ์? ไม่เห็นเลยนี่ เห็นแต่บุตรของไอ้คนทรยศคนหนึ่งก็เท่านั้นเอง”
แม่ทัพหัวล้านคนหนึ่งเอ่ยวาจาดูถูกทันที ในน้ำเสียงแฝงด้วยกลิ่นอายของการยกยอปอปั้น เห็นได้ชัดว่าแม่ทัพคนนี้พูดแบบนั้นออกมาก็เพื่อเอาใจหลงจี๋ก็เท่านั้น
ใครใช้ให้หลงจี๋ขึ้นเป็จอมทัพของกองทัพเรือนแสนได้ั้แ่อายุยังน้อยๆ แบบนี้ล่ะ อีกทั้งยังโดดเด่นแม้แต่ในตระกูลขุนพลตระกูลหลงด้วย!
ในอนาคตหลงจี๋จะต้องกลายเป็ยอดฝีมือในระดับสูงสุดของอาณาจักรต้าถังได้อย่างแน่นอน!
“ไม่ผิด ในอดีตหลงจ้ายเทียนมันสมรู้ร่วมคิดกับศัตรูเพื่อทรยศอาณาจักรจนถูกขับไล่ออกจากอาณาจักรต้าถัง เกรงว่าบุตรของมันเองก็ไม่ใช่คนดีเหมือนกัน ข้าว่าเราต้องจับตามันเอาไว้ให้ดีๆ เลยล่ะ”
อีกคนหนึ่งนั้นมีดวงตาขนาดเล็กและเ้าเล่ห์ราวกับสุนัขจิ้งจอก เหลือบมองหลงอวี้เล็กน้อยก่อนจะหัวเราะเ็า
“ไม่คิดเลยว่าพวกท่านที่เป็ถึงแม่ทัพของอาณาจักรต้าถัง กลับพูดจาดูถูกดูแคลนผู้ที่คิดจะทำศึกเพื่ออาณาจักรต้าถังถึงเพียงนี้ ช่างน่าผิดหวังจริงๆ”
ปู้สิงก้าวเท้าออกไป เอ่ยพูดขึ้นเสียงเรียบพลางมองไปทางหลงจี๋และสามแม่ทัพใหญ่นั่นด้วยสีหน้าเรียบเฉย
เขาไม่คิดเลยว่าแม่ทัพใหญ่ของกองทัพอาณาจักรต้าถังตอนนี้จะกลายเป็พวกที่ดีแต่ยกยอปอปั้นนายเหนือหัวถึงเพียงนี้!
“แล้วเ้าเป็ใครกันถึงบังอาจกล้าเอ่ยวาจาสามหาวเยี่ยงนี้?”
แม่ทัพหัวล้านผู้นั้นเดือดดาลขึ้นมาทันที ตบโต๊ะเสียงดังก่อนจะลุกขึ้นยืน เหลือบไปเห็นแผ่นตราประจำตัวที่เอวของปู้สิงและเอ่ยพูดขึ้นอย่างดูแคลน
“ลูกศิษย์ระดับพิเศษของลัทธิสยบฟ้าโอหังอวดดีขนาดนี้ั้แ่เมื่อไรกัน?”
“โอหัง? ข้าผู้แซ่ปู้เพียงพูดความจริงเท่านั้น”
ปู้สิงหัวเราะเ็า
“ดูท่าการมาของข้าและศิษย์น้องในครั้งนี้จะเป็การรบกวนความสุขของท่านแม่ทัพทั้งหลายแล้ว ถ้าอย่างนั้นพวกข้าขอตัวลาก็แล้วกัน”
พอพูดจบเขาก็หันหลังและตั้งท่าจะจากไปทันที!
“เดี๋ยวก่อน”
หลงจี๋ลุกขึ้น มองไปทางปู้สิงด้วยแววตาสนใจเล็กน้อย
“เ้าคงเป็ปู้สิงแห่งลัทธิสยบฟ้าสินะ แม้จะมีพลังเพียงระดับิญญาแท้ขั้นสาม แต่อีกเพียงไม่นานก็จะสามารถเปลี่ยนิญญาแท้ให้กลายเป็รูปธรรมได้แล้วสินะ!”
ปู้สิงเพียงมองไปทางอีกฝ่ายอย่างเฉยชา ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป
สิ่งที่เขาเกลียดมากที่สุดก็คือการถูกผู้อื่นเรียกขานด้วยชื่อเต็ม ต่อให้เป็ขุนพลน้อยหลงจี๋ก็ไม่ยกเว้น! เพียงแต่ตอนนี้เขายังแข็งแกร่งไม่พอ จึงได้แต่ข่มกลั้นไว้ก่อนเท่านั้น!
“หลงอวี้ จะว่าไปแล้ว เ้าก็นับเป็ลูกพี่ลูกน้องของข้าเช่นกัน”
หลงจี๋เลื่อนสายตาไปมองทางหลงอวี้ หัวเราะเสียงเรียบ
“ในฐานะที่เป็คนของตระกูลหลง แต่เพิ่งจะสร้างิญญาแท้ได้ตอนอายุสิบแปด นับว่าเป็เศษสวะไร้ประโยชน์”
คำพูดนี้เป็การตบหน้าหลงอวี้อย่างไร้ปรานี!
ด้วยลักษณะนิสัยของหลงอวี้ เขาย่อมไม่ทนเงียบอยู่เฉยๆ เช่นนี้อีกต่อไป
“ตระกูลหลง? ทำไมข้าไม่เห็นจำได้เลยว่าข้าเป็คนของตระกูลหลง?”
หลงอวี้หัวเราะอย่างดูแคลน
“ในเมื่อพวกเ้าตระกูลหลงขับไล่ข้าออกมาจากตระกูลแล้ว อย่างนั้นข้าผู้นี้ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับตระกูลหลงอีก ตอนนี้ไม่มี ในอนาคตก็จะไม่มีเช่นกัน!”
“ข้าเพิ่งเคยเห็นคนที่พูดว่าไม่อยากข้องเกี่ยวกับตระกูลหลงเป็ครั้งแรก น่าสนใจ น่าสนใจ”
หลงจี๋หัวเราะอย่างเฉยชา มองดูหลงอวี้ด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความรู้สึกเยาะเย้ย
เขาคิดในใจว่า เข้าหมอนี่มันคิดว่าตัวเองเป็ใคร ยังมาพูดว่าตัวเองไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลหลง ช่างน่าหัวร่อให้ฟันล่วงเลยเสียจริง!
“น่าสนใจหรือ ก็น่าสนใจจริงๆ นั่นล่ะ”
หลงอวี้เอ่ยพูดเสียงเรียบ
“ฟ้าดินผืนนี้กว้างใหญ่ไพศาลถึงเพียงใด? เกรงว่าเ้าหลงจี๋ทั้งชีวิตนี้คงจะยังไม่เคยออกไปนอกอาณาจักรต้าถังมาก่อนสินะ ถึงได้มีความคิดตื้นเขิน หลงคิดว่าตระกูลหลงสูงส่งยิ่งใหญ่ที่สุดเช่นนี้ เ้าคิดหรือว่าทุกคนใต้หล้าไม่ว่าผู้ใดก็ล้วนอยากผูกมิตรกับตระกูลหลงน่ะ?”
คำพูดนี้เป็การตอกหน้ากลับอย่างไร้ความเกรงใจ!
สำหรับหลงอวี้แล้ว อย่าว่าแต่สัญลักษณ์ัปรภพตรงหน้าอกของเขาเลย แค่มารดาของเขาเป่ยอวี้เหยาก็เป็ตัวตนที่มาจากมหาอำนาจที่ทรงพลังแม้แต่อาณาจักรต้าถังทั้งอาณาจักรก็ยังไม่อาจต่อกรได้
แค่ตระกูลหลงที่เป็เพียงตระกูลขุนพลของอาณาจักรต้าถัง ในสายตาของหลงอวี้มันไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรเลยจริงๆ!
เพียงแค่ตัวเขาในตอนนี้ยังจำเป็ต้องใช้เวลาอีกสักพักในการพัฒนาตัวเองให้แข็งแกร่งขึ้น ยังไม่อาจเป็คู่ต่อสู้ของตระกูลหลงได้ก็เท่านั้น
“เ้า!”
ในดวงตาของหลงจี๋พลันมีเพลิงพิโรธลุกไหม้ ไม่คิดเลยว่าหลงอวี้จะกล้าพูดจาแบบนี้กับเขา!
เขาย่อมต้องรู้อยู่แล้วว่ามารดาของหลงอวี้มาจากมหาอำนาจที่ทรงพลังสุดขีด หากจะเทียบกันจริงๆ ล่ะก็ ตระกูลหลงไม่อาจเทียบอะไรได้เลย
แต่กระนั้นเขากลับไม่คิดว่ามหาอำนาจนั้นจะยอมรับในตัวของหลงอวี้!
ในดวงตาของเขามีเพลิงพิโรธลุกโชน แต่เพียงแวบเดียวก็กลับเป็ปกติอย่างรวดเร็ว
แม้เขาจะไม่ชอบใจหลงอวี้ แต่เบื้องหน้าเขาก็ไม่สามารถลงมือทำอะไรได้ ถึงอย่างไรเขาก็มีฐานะเป็ถึงจอมทัพของกองทัพเรือนแสน หากลงมือทำร้ายผู้ที่เดินทางมาช่วยเหลือแล้วเื่ถูกลือออกไปล่ะก็ เื่นี้จะส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของเขาไม่น้อย
หากคิดจะเล่นงานเ้าหลงอวี้ ก็ต้องเล่นงานจากเื้ั!
เมื่อหลงจี๋คิดถึงตรงนี้แล้ว เขาก็ไม่คิดจะเสียเวลาพูดจาอะไรกับหลงอวี้อีก แบบนี้มันน่าเบื่อเกินไป!
“เอาล่ะ ในเมื่อพวกเ้าสองคนมาถึงเมืองถังกวนแล้ว อย่างนั้นก็นับเป็ทหารผู้ฝึกยุทธ์ของกองทัพต้าถังเราแล้วเช่นกัน”
หลงจี๋โบกมือเล็กน้อยพร้อมกับออกคำสั่ง
“หากเกิดเื่อะไรขึ้น หวังว่าพวกเ้าจะรับฟังคำสั่งของกองทัพต้าถังเราด้วย!”
“เื่นั้นมันแน่นอนอยู่แล้ว แต่ก่อนหน้านั้น ข้าอยากถามคำถามสักหนึ่งข้อ”
หลงอวี้จ้องเขม็งไปทางหลงจี๋แล้วเอ่ยถามขึ้น
“ขุนพลน้อยหลงจี๋ การที่พวกเ้ามานั่งร่ำสุราอย่างครื้นเครงอยู่เช่นนี้ ดูท่าจะไม่มีเื่สำคัญเร่งด่วนอะไรให้ทำแล้วสินะ ถ้าอย่างนั้นคิดว่าพวกเ้าก็คงจะรู้เบาะแสของพ่อบุญธรรมของข้า เฟิงฉางเกอ แล้วเช่นกัน ถึงได้ไม่รีบร้อนอะไรเช่นนี้?”
หลงจี๋ที่ได้ยินเช่นนั้นก็ชะงักทันที
เขายังไม่ได้ส่งคนไม่ค้นหาเฟิงฉางเกอจริงๆ!
