หยางหนิงนิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วทำการเก็บขลุ่ยเข้าไปในห่อผ้า เก็บเข้าไปในลิ้นชักเหมือนเดิม แล้วเดินไปยังอีกห้องที่อยู่ตรงข้ามกัน
เขาคิดว่าห้องนี้น่าจะมีของอยู่บ้าง แต่เมื่อเข้าไปในห้องแล้วก็พบว่า ในห้องนั้นว่างเปล่าไม่มีสิ่งของใดๆ เลย มีเพียงเก้าอี้ไม้ตัวหนึ่งเท่านั้น ข้างๆ มีกองหญ้าหนึ่งกอง
เขาเดินเข้ามาถึง จึงได้พบว่า ที่มุมกำแพง โต๊ะเล็กที่วางพู่กันกับแท่นฝนหมึกอยู่นั้น น้ำหมึกในแท่นฝนหมึกนั้นแห้งไปแล้ว เขายื่นมือไปจับ เป็แท่นฝนหมึกธรรมดาๆ ชิ้นหนึ่ง แถมมันยังแห้งแข็งเป็หินอีกด้วย
ในใจของเขาก็นึกแปลกใจ แอบคิดว่าตอนนั้นมีผู้หญิงคนหนึ่งอาศัยอยู่ที่นี่ หรือว่าแท่นฝนหมึกนี้เป็ของผู้หญิงคนนั้นทิ้งไว้อย่างนั้นหรือ?
จากนั้นเขาก็มองไปรอบๆ ทันใดนั้นก็เห็นกระดาษแผ่นหนึ่งที่เริ่มเหลืองแล้ว เขาหยิบขึ้นมาดู กระดาษนั้นขาดไปครึ่งหนึ่ง แต่้าเหมือนจะเป็รูปภาพภาพหนึ่ง กระดาษแผ่นนี้ไม่สมบูรณ์นัก ตอนนี้ก็มองไม่ออกว่าเป็ภาพอะไร ขณะที่กำลังสงสัย ก็เห็นด้านล่างกองหญ้าเหมือนมีกระดาษอีกครึ่งหนึ่งโผล่ออกมา เขาจึงเดินไปแหวกกองหญ้าออกมา เห็นมีเศษกระดาษมากมายเต็มพื้นไปหมด
หยางหนิงหยิบกระดาษที่ค่อนข้างสมบูรณ์ขึ้นมา แล้วเดินไปที่ริมหน้าต่าง อาศัยแสงจันทร์มอง พบว่าบนกระดาษเป็ภาพของคน
วิชาการวาดภาพดูไม่ชำนาญเท่าไหร่ แต่ก็สามารถดูออกว่าเป็ภาพของคน ในมือเหมือนจะถือดาบ ชี้ขึ้น้า ขาทั้งสองข้างโก่งโค้ง ท่าทางแปลกยิ่งนัก
หยางหนิงรู้สึกใ ในใจก็คิดว่าผู้หญิงที่อาศัยอยู่ที่นี่มาก่อนเป็วรยุทธ์ด้วยหรือ?
ภาพพวกนี้มันเป็เคล็ดวิชากระบี่กระบวนหนึ่ง
เขาหันหลังไป แล้วเดินไปย้ายกองหญ้าออก จากนั้นก็เก็บกระดาษที่อยู่บนพื้นนั้นขึ้นมาทั้งหมด มีประมาณสี่สิบห้าสิบแผ่น
โดยกระดาษพวกนี้มีกว่าสิบแผ่นที่ไม่สมบูรณ์ แต่กว่าครึ่งยังคงดีอยู่ แต่เนื่องจากมันเก่ามากแล้วมันจึงเป็เหลือง หยางหนิงหยิบกระดาษพวกนี้ออกจากห้องไป แล้วนั่งอยู่บนพื้นหน้าประตู เขาไม่ได้กังวลว่าจะมีใครเข้ามาเห็น เพราะทั่วทั้งจวนคิดว่าเรือนแห่งนี้เป็เรือนผีสิง ไม่มีผู้ใดกล้าเข้ามา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะมีใครกล้าปีนเข้ามาหรือไม่
เขาหยิบกระดาษขึ้นมาดูทีละแผ่น คิดไว้ไม่มีผิดบนกระดาษเหล่านี้ ทั้งหมดคือเคล็ดวิชากระบี่
คนที่อยู่บนกระดาษค่อนข้างผ่อนคลาย แต่ว่าท่าทางการออกอาวุธขาดูโก่งโค้ง กระบี่ในมือนั้นยาว เห็นแต่เพียงเส้นยาวๆ แต่ว่ากระบี่นั้นกลับดูมีพลังเหมือนจริง
ท่าทางของคนในภาพมีหลายๆ ภาพที่ปกติ แต่ส่วนใหญ่นั้นแปลก มีบางท่าที่นอนอยู่ที่พื้น มีบางท่าที่คลานอยู่ที่พื้น บ้างก็นั่งยอง หรือไม่ก็ะโ การเปลี่ยนท่าของกระบี่นั้นแปลกยิ่งนัก
ก่อนที่หยางหนิงจะข้ามเวลามานอกจากการฝึกวิชาการต่อสู้แล้ว เขาก็เคยฝึกการใช้อาวุธมือ ถึงแม้จะไม่เคยใช้กระบี่ แต่กระบองก็เคยจับมาบ้าง อาวุธทั้งสองอย่างเป็แบบยาวเหมือนกัน ถึงแม้ท่าทางจะมีความต่างอยู่บ้าง แต่ก็มีหลายอย่างที่เหมือนกัน
แต่ว่ากระบวนท่าในภาพนั้น มันเกินกว่าที่ตัวเขาเคยได้รู้ได้เห็นมา
เขากลับรู้สึกว่า มีหลายท่าทางที่ไม่สามารถทำออกมาได้ มันเป็การฝืนกฎธรรมชาติของร่างกาย เช่นมีอยู่ท่าหนึ่งมือขวาจับกระบี่ แต่มือขวากลับยกขึ้นไปบนศีรษะ ส่วนกระบี่ทรงยาวก็อ้อมไปอยู่ที่หลัง เอียงไปทางด้านซ้าย ท่าทางการบิดตัวเช่นนี้มันประหลาดยิ่งนัก วิชากระบี่ปกติ ไม่มีทางทำเช่นนี้แน่นอน จากที่หยางหนิงดู มันไม่สามารถทำให้ศัตรูถึงแก่ความตายได้
ทันใดนั้นเองเขาก็นึกขึ้นมาได้ว่า มีวิชากระบี่อยู่อย่างหนึ่งไม่ได้มีไว้เพื่อทำร้ายใคร แต่มีไว้เพื่อแสดงเท่านั้น ในตระกูลใหญ่ๆหลายตระกูล จะมีการเลี้ยงพวกนางรำไว้ไม่น้อย ถึงแม้จะมีการร่ายรำหลายอย่างที่มีไว้เพื่อแสดงความอ่อนโยนของผู้หญิง แต่ก็มีการร่ายรำบางประเภทที่พิเศษหน่อย การร่ายรำกระบี่ก็เป็อย่างหนึ่ง
การแสดงการร่ายรำเช่นนี้มันทำให้ผู้หญิงดูสวยงามมีกำลังและคมคาย ใช้กระบี่มาร่ายรำ มีทั้งอ่อนทั้งแข็ง มันทำให้รู้สึกงดงามยิ่งนัก
แต่ว่าระบำกระบี่นั้นมันก็เป็การร่ายรำชนิดหนึ่ง ท่าทางพิเศษสวยงาม แต่ใช้ประโยชน์จริงไม่ได้
หยางหนิงเห็นเคล็ดวิชากระบี่นี้มีท่าทางที่แปลก อีกทั้งก่อนหน้านี้ที่นี่มีผู้หญิงคนหนึ่งอาศัยอยู่ จึงคิดขึ้นมาได้ว่าภาพพวกนี้อาจจะเป็ท่าทางการร่ายรำกระบี่ก็ได้ หรือว่าผู้หญิงคนนั้นอยู่ที่นี่คนเดียวรู้สึกเบื่อ จึงวาดภาพการร่ายรำพวกนี้ออกมา
เขาคิดไปครู่หนึ่ง แล้วเดินเข้าไปหาไม้มาท่อนหนึ่ง แล้วทำท่าเหมือนกับที่อยู่ในภาพ ยกมือขวาขึ้นมาไว้บนหัว แล้วอ้อมไม้ในมือไปไว้ด้านหลัง เขารู้สึกแปลกมากๆ ไม่ค่อยสบายตัว อย่าว่าแต่ทำท่าทางแบบธรรมดาเลย ต่อให้ตั้งใจทำมันออกมา ยังต้องใช้เวลามากเลยทีเดียว
เมื่อทำท่าทางออกมาได้แล้ว หยางหนิงรู้สึกว่าตัวเองเหมือนคนบ้า เขาส่ายหัวแล้วยิ้มเจื่อนๆ ในใจก็คิดว่าตัวเองเป็ผู้ชายทั้งแท่ง หากนี่เป็ท่าการรำกระบี่จริง คิดว่าก็น่าจะเป็ท่าทางของผู้หญิง ร่างกายของผู้หญิงอ่อนกว่า อาจจะทำออกมาแล้วสวยก็ได้ ตัวเองเป็ผู้ชาย ไม่ว่าจะทำอย่างไรมันก็ไม่สวย
เขาทิ้งไม้ลง แล้วกลับมานั่งที่เดิม แล้วดูภาพในกระดาษต่อ ทันใดนั้นเองก็ขมวดคิ้ว เหมือนคิดอะไรออก
เส้นวาดในภาพนั้น ลงแรงหนักยิ่งนัก แถมยังไม่ละเอียด แต่เส้นชัดเจนและพลิ้วไหว
หยางหนิงขมวดคิ้ว
เขารู้ดีว่าการเขียนอักษรของชายหญิงมีความแตกต่าง ลายเส้นของผู้หญิงนั้นจะอ่อนและจริงจัง ส่วนแรงที่ลงจะไม่หนักมาก แต่ว่าภาพเคล็ดวิชานี้ มันกลับเต็มไปด้วยการลงแรง ลายเส้นไม่เหมือนของคนรุ่นหลัง หากไม่ใช่ว่าลงแรงมาก มันจะทำให้การเคลื่อนไหวไม่คงที่ หากใช้แรงมากเกินไป มันก็ทำให้ลายเส้นไม่สวยงาม
ภาพเหล่านี้ถึงแม้จะเรื่อยเปื่อยแต่ลายเส้นคงที่ หยางหนิงดูแล้วรู้สึกว่าลายเส้นนี้มันเหมือนลายเส้นของผู้ชาย ในใจก็นึกแปลกใจ แอบคิดในใจว่าในเรือนนี้เคยมีผู้ชายอาศัยอยู่มาก่อนหรือ?
กู้ชิงฮั่นเคยบอกว่ามีผู้หญิงอาศัยอยู่ที่นี่ มีจุดหนึ่งที่แน่นอน เ้าของเรือนนี้เป็ผู้หญิงแน่นอน ต่อให้จะมีคนมาคอยรับใช้ ก็ต้องเป็สาวใช้ ไม่มีทางให้ผู้ชายมารับใช้อย่างแน่นอน ชายคนนี้เกี่ยวข้องอย่างไรกับผู้หญิงเ้าของเรือนนี้กันแน่?
เขาหน้านิ่งไป แล้วพลิกกระดาษดู ไม่นานนัก เขาก็คิดอะไรออก เหมือนจะเห็นอะไรในภาพนั้น
ในสิบกว่าภาพนี้ มีเจ็ดถึงแปดภาพเป็ท่านอน ในห้าถึงหกภาพเป็ภาพนั่ง เขามองไปที่ภาพกระบี่ที่เอียงก่อน พบว่าไม่ได้มีแค่ภาพเดียว ในภาพๆ นั้นเหมือนจะท่าทางเหมือนกัน คือมือขวายกขึ้นบนศีรษะ แต่กระบี่ทรงยาวอ้อมไปด้านหลัง แล้วเอียงไปด้านซ้าย มือซ้ายยกขึ้นมาแนบไว้ที่หน้าผาก
เขานิ่งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็แยกประเภทของภาพออกมา นำภาพนอนเอามาไว้รวมกัน ท่าทางกระบี่คล้ายกันเอามาไว้เหมือนกัน แล้วจัดหมวดใหม่ สามารถแบ่งได้หกประเภท
มันบอกกับเขาว่า เคล็ดกระบี่นี้มันแปลกมาก มันคงไม่ได้เป็แค่การร่ายรำกระบี่ธรรมดาทั่วไปแน่ๆ น่าจะมีเงื่อนงำอะไรบางอย่าง
ถึงแม้กระดาษพวกนั้นจะขาดไปบ้าง แต่หยางหนิงยังคงพยายามทำให้มันเหมือนเดิม แต่มันก็ไม่สามารถทำได้ ทำได้แค่คาดเดาจากร่องรอยที่เหลืออยู่เท่านั้น
หลังจากที่แบ่งเป็หกประเภทแล้ว หยางหนิงก็มองภาพท่าทางที่นอนอยู่บนพื้นที่ยังคงสมบูรณ์อยู่ แล้วตรวจดูอย่างละเอียดอีกรอบ
ตอนนี้ที่เขาจัดหมวด ก็พอมองออกแล้วว่า มีแปดภาพที่แบ่งการออกท่าทางก่อนหลัง แต่ในภาพไม่มีเลขบอก จึงไม่รู้ว่ามันเริ่มจากภาพใดก่อนเป็ภาพแรก
เมื่อคิดดูแล้ว ก็มานั่งจัดภาพทั้งแปดภาพ ภาพใบที่แปดดูออกง่ายมากว่าน่าจะเป็ภาพแรก เพราะในภาพมันเป็ท่านอน มือขวาหยิบกระบี่ขึ้นมา แล้วก็ไม่มีท่าทางอะไรอีก
หยางหนิงเคยฝึกการต่อสู้ มีจุดหนึ่งที่เขาชัดเจนมาก การฝึกกังฟูหรืออาวุธใดกระบวนท่าทางท่าแรกนั้นก็คือท่าทางการยกหรือถืออาวุธ มีเพียงการยกมือหรือการถืออาวุธที่ไม่ผิด ก็จะสามารถปล่อยหรือฝึกไปในทางที่ถูกต้องได้ หากผิดั้แ่เริ่ม ถ้าอย่างนั้นต่อไปก็จะผิดไปตลอด
เมื่อแน่ใจท่าแรกแล้ว หยางหนิงก็จัดการกระบวนท่าต่อไป เขารู้สึกว่าเสียเวลามาก เพราะแต่ละท่ามันแปลกประหลาดมาก มันไม่ใช่เคล็ดวิชากระบี่ที่คนปกติคิดได้กัน มีเพียงหนึ่งกระบวนที่ขาซ้ายมีการยกขึ้นมาเล็กน้อย ส่วนกระบี่ทรงยาวนั้นรอดผ่านขาไป แล้วเอียงขึ้น้า ท่าทางเช่นนี้มันแปลกมากๆ
เขาหวังว่าจะสามารถค้นหาอะไรที่เชื่อมโยงกับภาพได้อีก เช่น จากกระบวนท่านี้และต่อไปก็เป็กระบวนท่าอื่นๆ อีก แต่ทั้งแปดภาพนั้นมีจุดหนึ่งที่เหมือนกันนั่นก็คือมันเป็ท่านอนทั้งหมด หากจะหาความเชื่อมโยง จริงๆ ก็ไม่ง่ายเลย
หยางหนิงวิ่งไปเก็บไม้ขึ้นมาอีกครั้ง แล้วนอนลงตรงหน้าประตู โดยเริ่มจากการหยิบไม้ขึ้นมา ในสมองพยายามนึกภาพอีกเจ็ดภาพตาม คิดมาคิดไป ก็ไม่สามารถทำท่าทางออกมาได้อย่างเป็ธรรมชาติเลย เขาหลับตา ไม่ขยับตัว ผ่านไปนานมาก ทันใดนั้นก็ยกมือขึ้นมา แล้วยกไปด้านซ้าย ไม่รอให้ไม้ถูกตัว ท่าทางทั้งหมดเป็ไปตามในภาพ
เขาลืมตาขึ้นมา เงยหน้ามองท่าทางของตัวเอง เห็นไม้ในมือเหมือนจะเหยียดตรงแนบไปกับขาขวา จึงรีบลุกขึ้นมา แล้วไปมองที่ภาพ เห็นท่าทางเหมือนกับในภาพ แต่ว่าในภาพเป็กระบี่ที่แนบตรงไปกับขาขวา
ถึงแม้จะมีต่างไปบ้าง แต่หยางหนิงเริ่มรู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย เขาแอบคิดว่าตัวเองคิดอยู่ตั้งนาน ในที่สุดก็คิดการเชื่อมโยงระหว่างสองกระบวนท่าออกมาได้ ถึงแม้จะไม่รู้ว่าถูกหรือไม่ แต่อย่างน้อยเขาก็ได้ลอง การเปลี่ยนท่าเหมือนจะง่าย แต่ว่าหากไม่ถลำลงลึกเช่นนี้ คิดว่ามือกับกระบี่มันจะทำออกมาได้อย่างไร
จริงๆ แล้วหยางหนิงก็ไม่รู้หรอกว่ากระบวนท่าในภาพมันมีค่ามากน้อยเพียงใด หรือว่าคนที่ทำมันขึ้นมาเพื่อฆ่าเวลาแก้เบื่อเท่านั้น คนในภาพอาจจะไม่สามารถทำท่าทางเช่นนี้ออกมาได้จริง แต่ว่าหยางหนิงก็คิดขึ้นมาได้ว่า ในเรือนนี้ลึกลับแปลกๆ อยู่แล้ว ภาพพวกนี้ก็เก่าจนเหลืองแล้ว อายุก็หลายปี ในเมื่อยังเหลืออยู่ที่นี่ ก็อาจจะมีวิชาเช่นนี้จริงๆ ก็ได้
ก่อนหน้านี้เขาได้พลังหกเทพประสานมาจากมู่เสินจวินโดยบังเอิญ แล้วก็ได้วิชาเท้าท่องคลื่นมาจากโครงกระดูก ทั้งหมดได้มาเพราะความบังเอิญทั้งนั้น หกเทพประสานยิ่งไม่ต้องพูดถึง แต่ว่าท่าเท้าท่องคลื่นนั้นมันแปลกประหลาดยิ่งนัก ก่อนหน้านี้เหมือนจะดวงดีเล็กน้อย วันนี้ภาพพวกนี้ หากเป็เคล็ดวิชากระบี่จริงๆ หากตัวเขาทิ้งมันไป มันก็น่าเสียดายไม่น้อย