ตอนที่ 5 ยุทธภพมันกว้างใหญ่ แต่กระเพาะข้ามันหิว
เกี้ยวหลังใหญ่ที่บุด้วยกำมะหยี่หนานุ่มเคลื่อนตัวผ่านประตูหน้าของจวนอ๋องเก้า อย่างเงียบเชียบ แสงอาทิตย์ยามอัสดงอาบไล้หลังคากระเบื้องสีนิลให้กลายเป็สีทองแดงหม่น บรรยากาศรอบข้างช่างเต็มไปด้วยความกดดันราวกับว่าต้นไม้ทุกต้นและก้อนหินทุกก้อนในสถานที่แห่งนี้ถูกวางไว้เพื่อข่มขวัญผู้มาเยือน
ฉันกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเบาะรองนั่งขนเป็ดที่เพิ่ง รีเควส ไปสดๆ ร้อนๆ มือข้างหนึ่งถือขนมเปี๊ยะไส้กุหลาบที่จิ๊กมาจากจวนตระกูลหลินก่อนออกเดินทาง อีกข้างหนึ่งกำลังจิ้มหน้าต่างโปร่งแสงของระบบที่ลอยเด่นอยู่ตรงหน้า
[ติ๊ง! ยินดีด้วย คุณเข้าสู่ อาณาเขตแห่งอำนาจ: จวนอ๋องเก้า] [ตรวจพบคลื่นความริษยาจากข้ารับใช้หญิง 48 คน และคลื่นความหมั่นไส้จากองครักษ์ 120 นาย] [ภารกิจใหม่: ปลาเค็มเ้าที่ จงทำตัวให้น่าหมั่นไส้ที่สุดจนไม่มีใครกล้าปลุกคุณไปทำงาน] [รางวัล: สกิล รัศมีี้เีครอบจักรวาล ใครที่เข้าใกล้คุณในรัศมี 5 เมตร จะรู้สึกอยากลางานและนอนหลับทันที]
"รางวัลนี้สิที่คู่ควรกับคนอย่างฉัน" ฉันยิ้มอย่างพึงพอใจ
เมื่อเกี้ยวหยุดลง ผ้าม่านถูกเลิกขึ้นโดยสาวใช้สองคนที่ทำหน้าเหมือนเพิ่งกลืนมะระดิบเข้าไปคนละลูก พวกเธอมองฉันด้วยสายตาที่จ้องั้แ่หัวจรดเท้า เหมือนกำลังพยายามค้นหาว่า ขยะ แห่งเมืองเมฆาคล้อยคนนี้มีดีอะไร ถึงได้นั่งเกี้ยวส่วนตัวของท่านอ๋องมาถึงที่นี่
"ถึงแล้วค่ะคุณหนูหลิน เชิญลงมาเถอะค่ะ ท่านอ๋องรออยู่ที่ห้องโถงรับรอง" สาวใช้คนหนึ่งพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงไปด้วยความจิกกัด
ฉันขยับตัวช้าๆ แกล้งทำเป็ขาอ่อนแรงจนต้องให้อาหลินมาช่วยพยุง
"โอ๊ย... นั่งเกี้ยวนานๆ นี่มันทำเอาปวดหลังชะมัด พวกคุณไม่มีบริการนวดเท้าก่อนเข้าพบท่านอ๋องเหรอคะ?"
สาวใช้คนเดิมหน้าตึงขึ้นมาทันที
"ที่นี่คือจวนอ๋องเก้า ไม่ใช่หอนางโลมเ้าค่ะ โปรดสำรวมกิริยาด้วย"
ฉันปัดผมที่ระต้นคอเบาๆ แล้วมองเธอด้วยสายตาว่างเปล่า
"คุณคะ... การสำรวมกิริยาคือการมีมารยาท แต่การที่คนแปลกหน้ามาสั่งสอนฉันทั้งที่ยังไม่ได้แนะนำตัวเนี่ย เขาเรียกว่า การเผือกค่ะ สำนวนจีนเขาว่ายังไงนะ? 'สุนัขที่เฝ้าบ้านคนอื่น มักจะลืมไปว่าตัวเองเป็แค่สุนัข' คุณเป็สาวใช้หรือเป็แม่บุญธรรมท่านอ๋องคะ?"
"แก!!!"
"จุ๊ๆ... อย่าใช้เสียงสูงสิคะ มันทำลายมลภาวะทางเสียง" ฉันก้าวเดินอย่างเนิบนาบผ่านหน้าพวกเธอไป ทิ้งให้สาวใช้ทั้งสองยืนสั่นด้วยความโกรธจนหน้าเขียวหน้าแดง
จวนอ๋องเก้านั้นกว้างขวางราวกับเมืองเล็กๆ แต่สิ่งที่ทำให้ฉันหงุดหงิดที่สุดไม่ใช่ความโอ่อ่าของมัน แต่คือการที่ ห้องพักของฉันอยู่ห่างจาก ห้องครัวไปถึงสาม่ตึก!
หลังจากที่ต้องทนฟังคำบรรยายกฎระเบียบที่แสนน่าเบื่อจาก พ่อบ้านเฉิน ชายแก่ท่าทางเ้าระเบียบที่หน้าตาเหมือนไม้บรรทัดเดินได้ ฉันก็ถูกนำตัวมายังเรือนพักที่ชื่อว่าเรือนเมฆาเงียบ ซึ่งตั้งอยู่ท้ายจวน
"ท่านอ๋องกำชับว่าคุณหนูหลินชอบความสงบ เรือนนี้จึงเหมาะสมที่สุดขอรับ" พ่อบ้านเฉินกล่าวพลางปรายตามองชุดนอนที่ฉันยังไม่ได้เปลี่ยน
"แต่กระผมหวังว่า พรุ่งนี้เช้าคุณหนูจะแต่งกายให้เหมาะสมกว่านี้ เพราะต้องไปคารวะพระชายาเอกที่เรือนใหญ่"
ฉันที่กำลังทิ้งตัวลงบนเตียงไม้แกะสลักอย่างดี (ที่นุ่มใช้ได้) ชะงักไปทันที
"พระชายาเอก? ท่านอ๋องมีเมียแล้วเหรอคะ?"
"ท่านอ๋องเก้ายังไม่มีพระชายาเอกขอรับ มีเพียงพระชายารอง และ สนมชายา ที่ฮ่องเต้พระราชทานมาให้"
ฉันถอนหายใจยาวพลางเอามือกุมขมับ
"โอ๊ย... กลิ่นดราม่าลอยมาแต่ไกลเลย คุณคะ... บอกพวกเขาไปนะว่าฉันไม่คารวะใครทั้งนั้น ยกเว้นหมอนกับผ้าห่ม ถ้าพวกเธออยากเจอฉัน ก็ให้มาหาที่นี่... หลังบ่ายสองนะคะ ก่อนหน้านั้นฉันยุ่งอยู่กับการฝัน"
พ่อบ้านเฉินขมวดคิ้วจนหน้าผากเป็รอยย่น
"นี่มันผิดกฎ..."
"กฎมีไว้ให้คนโง่ทำตาม แต่มีไว้ให้คนฉลาดใช้หาช่องว่างคอยหลบเลี่ยงค่ะ" ฉันโบกมือไล่
"ไปได้แล้วค่ะคุณพ่อบ้าน ฉันเริ่มหิวแล้ว และเวลาฉันหิว ฉันจะคุยกับคนไม่รู้เื่"
เมื่อพ่อบ้านเฉินเดินจากไปพร้อมกับความขุ่นเคือง ฉันก็หันไปหาอาหลินที่กำลังจัดของ
"อาหลิน... ไปสำรวจครัวซิว่ามีอะไรกินบ้าง ฉันอยากกินอะไรที่มัน ถึงใจ ไม่ใช่ผักลวกจิ้มเกลือแบบที่พวกขุนนางชอบกินกัน"
ผ่านไปครู่ใหญ่ อาหลินเดินกลับมาด้วยหน้าตาที่เหมือนจะร้องไห้
"คุณหนูเ้าคะ... ห้องครัวบอกว่า ตอนนี้เลยเวลาอาหารเย็นแล้ว ถ้าคุณหนูอยากกินอะไร ต้องรอพรุ่งนี้เช้าค่ะ และที่สำคัญ... หัวหน้าแม่ครัวบอกว่าแขกที่มาอาศัยไม่มีสิทธิ์สั่งเมนูตามใจชอบค่ะ"
ฉันลุกขึ้นนั่งทันที ความง่วงหายไปเป็ปลิดทิ้ง และถูกแทนที่ด้วยความหิวระดับสิบ "แขกที่มาอาศัย? นี่เขาเห็นฉันเป็ผู้อพยพหรือไง?"
ฉันหยิบเสื้อคลุมมาสวมแบบส่งๆ "
ไปอาหลิน... ไปสอนให้พวกเขารู้จักคำว่า กองทัพต้องเดินด้วยท้อง และถ้าท้องไม่อิ่ม... กองทัพปลาเค็มอย่างฉันจะถล่มห้องครัวให้ราบ!"
ณ ห้องครัวกลางจวนอ๋องเก้า
บรรยากาศในห้องครัวที่ควรจะสงบเงียบกลับเต็มไปด้วยกลิ่นหอมของน้ำซุปที่กำลังเคี่ยว หัวหน้าแม่ครัวนางหนึ่งนามว่า แม่นางฟ่าน หญิงวัยกลางคนรูปร่างท้วมท่าทางหยิ่งยโส กำลังสั่งงานสาวใช้ในครัวอย่างเข้มงวด
"จำไว้! อาหารของพระชายารองต้องประณีตที่สุด ห้ามมีรสเผ็ดหรือรสจัดเด็ดขาด ส่วนที่เหลือก็ทำตามเกรดของแต่ละเรือน..."
ปัง!
ฉันถีบประตูห้องครัวเข้าไปด้วยท่าทางที่กวนประสาทที่สุดเท่าที่ร่างขยะนี้จะอำนวยได้
"สวัสดีค่ะทุกคน ยุ่งกันอยู่เหรอคะ? พอดีฉันหิวจนไส้จะกิ่วแล้ว รบกวนขอผัดกะเพรา... เอ๊ย ขอเนื้อผัดพริกเสฉวนรสจัดๆ กับข้าวสวยร้อนๆ สักถ้วยสิคะ"
แม่นางฟ่านหันมามองฉันด้วยสายตาเ็า
"เ้าคือหลินชิงเซวียน? ที่นี่คือห้องครัวหลวงของจวนอ๋อง ไม่ใช่โรงทาน ข้าบอกสาวใช้ของเ้าไปแล้วว่าเลยเวลาอาหาร และเ้าไม่มีสิทธิ์สั่งอาหารนอกเหนือจากที่กำหนดไว้"
ฉันเดินเข้าไปหาเธอช้าๆ หยิบช้อนทองเหลืองที่วางอยู่มาควงเล่น
"คุณแม่ครัวคะ... คุณรู้ไหมว่าทำไมอาหารของคุณถึงดูจืดชืด แม้จะยังไม่ได้ชิม?"
"เ้ากล้าดีอย่างไรมาวิจารณ์ฝีมือข้า!"
"เพราะหัวใจของคุณมันจืดไงคะ" ฉันใช้ช้อนชี้ไปที่หน้าเธอ
"คุณทำอาหารตามตำแหน่งไม่ได้ทำตาม รสชาติ สำนวนจีนกล่าวไว้ว่า 'อาหารที่ไร้ิญญา คืออาหารที่ทำให้คนกินอายุสั้น' คุณกำลังฆ่าท่านอ๋องทางอ้อมด้วยอาหารน่าเบื่อพวกนี้อยู่หรือเปล่า?"
"นังเด็กปากเสีย! องครักษ์! ลากนางออกไป!"
องครักษ์สองนายเดินเข้ามาจะจับตัวฉัน แต่ก่อนที่มือของพวกเขาจะถึงตัว จู่ๆ ร่างของพวกเขาก็ทรุดฮวบลงกับพื้นห้องครัว สัปหงกหัวทิ่มเข้าไปในตะกร้าผักทันที!
[ระบบ: สกิล รัศมีี้เีครอบจักรวาล ทำงาน!]
ทุกคนในครัวต่างตกตะลึง แม่นางฟ่านหน้าซีดเผือด
"เ้า... เ้าทำอะไรพวกเขา!"
"อ๋อ... พวกเขาแค่เพลียกะทันหันน่ะค่ะ เหมือนที่คุณกำลังเพลียจากการที่ต้องพยายามทำตัวสูงส่ง" ฉันเดินไปที่เตาไฟ ผลักแม่ครัวคนหนึ่งออกไป แล้วหยิบตะหลิวขึ้นมา "หลบไปค่ะ... เดี๋ยวปลาเค็มคนนี้จะโชว์ให้ดูว่า อาหารที่ทำให้คนอยากมีชีวิตอยู่ต่อไปน่ะ เขารสชาติเป็ยังไง"
ฉันเริ่มลงมือทำอาหารด้วยท่าทางคล่องแคล่ว กลิ่นพริก กระเทียม และเครื่องเทศเริ่มฟุ้งกระจายไปทั่วห้องครัว มันไม่ใช่กลิ่นหอมอ่อนๆ แบบที่ขุนนางชอบ แต่มันคือกลิ่นที่กระตุ้นสัญชาตญาณดิบของมนุษย์ให้หิวจนแทบคลั่ง
ในขณะที่พริกกำลังส่งกลิ่นฉุนจนทุกคนในครัวต้องจามกันยกใหญ่ เสียงทุ้มต่ำที่แสนคุ้นเคยก็ดังขึ้นจากหน้าประตู
"กลิ่นอะไรน่ะ... เหมือนมีใครกำลังเผาห้องครัวข้าอยู่เลย"
เซียวโม่เดินเข้ามาในห้องครัวในชุดลำลองสีนิล ดวงตาของเขาฉายแววประหลาดใจเมื่อเห็นฉันกำลังควงตะหลิวอย่างเมามัน
"ท่านอ๋อง!" ทุกคนในครัวรีบคุกเข่าลง ยกเว้นฉันที่กำลังเร่งไฟในกระทะ
"อ้าว ท่านอ๋อง... มาพอดีเลยค่ะ สนใจรับเนื้อผัดพริกปลุกิญญา สักจานไหมคะ? รสชาติมันจะเจ็บแสบเหมือนคำด่าของฉันเลยค่ะ รับรองว่ากินแล้วจะตาสว่าง เห็นความเน่าเฟะของราชสำนักชัดขึ้นอีกสิบเท่า!"
เซียวโม่เดินเข้ามาใกล้ มองดูเนื้อในกระทะที่ชุ่มไปด้วยน้ำมันและพริกสีแดงสด
"เ้าบอกว่าเ้าี้เี... แต่การทำอาหารนี่ดูเหมือนเ้าจะขยันไม่น้อยนะ"
"การทำเพื่อปากท้องคือข้อยกเว้นค่ะท่านอ๋อง" ฉันตักเนื้อผัดขึ้นใส่จาน ยื่นให้เขา "ลองชิมดูสิคะ แล้วคุณจะรู้ว่า ที่ผ่านมาคุณกินขยะสวยงามเข้าไปมากแค่ไหน"
เซียวโม่หยิบตะเกียบขึ้นมาคีบเนื้อเข้าปาก ท่ามกลางสายตาหวาดวิตกของแม่นางฟ่านที่กลัวว่าท่านอ๋องจะกริ้วเพราะรสชาติที่รุนแรงเกินไป
แต่ทว่า... หลังจากเคี้ยวไปเพียงสามคำ ดวงตาของเซียวโม่ก็เป็ประกายขึ้นมา
"เผ็ด... ร้อน... แต่กลับทำให้รู้สึกมีพลังอย่างประหลาด" เขามองมาที่ฉัน
"หลินชิงเซวียน เ้านี่มัน... ตัวอันตรายจริงๆ"
"อันตรายต่อหัวใจหรือต่อกระเพาะคะ?" ฉันถามพลางยิ้มยั่ว
"ทั้งสองอย่าง" เซียวโม่วางตะเกียบลงแล้วหันไปหาแม่นางฟ่าน
"ั้แ่วันนี้เป็ต้นไป เรือนเมฆาเงียบจะมีครัวส่วนตัว และแม่นางฟ่าน... เ้าต้องมาเรียนรู้วิธีการทำอาหารจากนาง ถ้าเ้าทำรสชาติให้ได้อย่างนี้ไม่ได้ ก็ไสหัวไปเป็สาวใช้ซักล้างซะ"
แม่นางฟ่านตัวสั่นงันงก
"รับทราบเพคะ!"
ฉันหันไปหาเซียวโม่
"ขอบคุณสำหรับห้องครัวส่วนตัวนะคะท่านอ๋อง แต่มีอย่างหนึ่งที่คุณต้องรู้... ฉันจะสอนเธอแค่เฉพาะวันที่ฉัน ไม่ง่วง เท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่... ฉันง่วงตลอดเวลาค่ะ"
เซียวโม่หัวเราะเบาๆ
"เ้ามันช่าง... ตะกละและี้เีได้โล่จริงๆ"
"ขอบคุณที่ชมค่ะ" ฉันคีบเนื้อเข้าปากตัวเองคำโต
"สำนวนจีนเขาว่า คนกินอิ่ม คือคนที่มองโลกในแง่ดี ตอนนี้ฉันอิ่มแล้ว... โลกนี้น่าอยู่ขึ้นเยอะเลยค่ะท่านอ๋อง"
ในคืนนั้น จวนอ๋องเก้าที่เคยเคร่งขรึมกลับมีกลิ่นหอมของอาหารรสจัดจ้านลอยไปทั่ว และที่สำคัญที่สุด... ข่าวเื่ คุณหนูขยะที่ยึดห้องครัวและตบหน้าแม่ครัวเอก ก็กลายเป็หัวข้อสนทนาที่ร้อนแรงยิ่งกว่าพริกในกระทะของฉันเสียอีก
ฉันกลับมานอนบนเตียงนุ่มๆ หลับตาลงพร้อมกับความพึงพอใจ
[ติ๊ง! ภารกิจ ยึดห้องครัว สำเร็จ!] [ได้รับแต้มปลาเค็ม: 3,000 แต้ม] [คุณได้รับไอเทมพิเศษ: 'เครื่องเทศสยบมาร' ใส่ในอาหารเล็กน้อย จะทำให้คนกินพูดความจริงออกมาโดยไม่รู้ตัว!]
"หึๆ... พรุ่งนี้ถ้าพระชายารองคนไหนมาหาเื่ฉันถึงเรือน... ฉันจะเลี้ยงมื้อเที่ยงให้ชุดใหญ่เลยคอยดู"
