“พวกเ้าสองคนอยู่ต่อ”
“จริงหรือขอรับ?”
ต้วนจั่นโพล่งออกมา ทว่าในเวลาเดียวกันใบหน้าของเจี่ยงอิงเอ๋อร์ก็เผยความประหลาดใจออกมาเล็กน้อย
“วันหน้าให้เจี่ยงอิงเอ๋อร์ติดตามอยู่ข้างกายข้า ส่วนต้วนจั่นรับ่ต่อบ่อนพนันว่านก้วนโดยเร็ว”
“อา แล้วข้าเล่า? นายท่านคงไม่ได้ไม่้าข้าแล้วหรอกนะขอรับ?”
น้ำเสียงเกินจริงและท่าทางเหลาะแหละ หากไม่ใช่จิ่วหานแล้วจะเป็ผู้ใด?
ไป๋เซี่ยเหอหันไปมองเขา “เ้าไปจัดแจงตระเตรียมสถานที่ที่เ้าบอกข้าเมื่อครู่นี้ จากนั้นใช้วิธีเดิมควบคุมคน”
จิ่วหานเลิกคิ้ว แววตาทอประกายกระตือรือร้น
นายท่าน้าเล่นใหญ่
น่าตื่นเต้น น่าตื่นเต้นจริงๆ
“ขอรับ”
หลังจากกินอาหารกลางวันอย่างเรียบง่ายเสร็จเรียบร้อยแล้ว เซี่ยถิงก็พาฝูเอ๋อร์กลับมา จากนั้นทั้งสี่คนก็กลับจวนไปพร้อมกัน
หลังจากเจี่ยงอิงเอ๋อร์ เซี่ยถิง และฝูเอ๋อร์แนะนำตนเองอย่างเรียบง่ายแล้ว ก็ไม่มีผู้ใดพูดให้มากความ
อุปนิสัยของคนคนหนึ่งเป็อย่างไร การทำความเข้าใจจากปากของผู้อื่นย่อมมิสู้ทำความเข้าใจจากการอยู่ร่วมกัน
เมื่อกลับมาถึงจวน เซี่ยถิงก็หลบไปซ่อนตัวอยู่ตามมุมต่างๆ ของเรือนสุ่ยฉิง ส่วนเจี่ยงอิงเอ๋อร์ไปทำความสะอาดเรือนของตนเอง
ทว่าั้แ่ฝูเอ๋อร์กลับจวนมาก็ดูเศร้าหมอง ทำอะไรก็ใจลอยอยู่บ่อยครั้ง
เช่นเดียวกับตอนนี้
เมื่อไป๋เซี่ยเหอเห็นแอ่งน้ำขนาดเล็กอยู่ใต้ฝ่าเท้า นางก็ถามขึ้นว่า “ฝูเอ๋อร์ เ้าเหม่ออะไรอยู่?”
ฝูเอ๋อร์ได้สติ นางรีบลนลานวางกาน้ำชาในมือลง
ก่อนจะก้มหน้ามอง ‘วีรกรรม’ ของตนเอง
ในใจก็ยิ่งรู้สึกเศร้าโศก
“เป็อะไรไป?”
หลังกลับจากเรือนเมี่ยวโส่ว ฝูเอ๋อร์ก็ดูกระวนกระวายอยู่ตลอดเวลา ไป๋เซี่ยเหอสังเกตเห็นมาสักพักแล้ว
ทว่ารอให้นางเป็ฝ่ายเอ่ยปากเอง
ผู้ใดจะล่วงรู้ว่าสาวน้อยที่ปกติชอบส่งเสียงดังปานนั้น วันนี้กลับนิ่งเฉยและไม่ยอมพูดจาถึงเพียงนี้
“คุณหนูเ้าคะ”
ฝูเอ๋อร์มีท่าทีน้อยอกน้อยใจเล็กน้อย เมื่อกล่าวจบ เบ้าตาของนางก็แดงก่ำ
“มีอะไรหรือ?”
ไป๋เซี่ยเหอยกชายกระโปรงที่เปียกเพราะโดนน้ำชาที่ไหลลงมาจากโต๊ะก่อนจะสะบัดเล็กน้อย
“คุณหนู วันหนึ่งท่านจะไม่้าบ่าวแล้วใช่หรือไม่เ้าคะ?”
ไป๋เซี่ยเหอเงยหน้ามองอีกฝ่าย ก่อนจะเห็นแววตาที่ดูเคร่งขรึมจริงจัง นั่นทำให้นางหลุดหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้
“เหตุใดเ้าถึงคิดเช่นนี้?”
ฝูเอ๋อร์นำปลายนิ้วสองข้างมาชนกัน “คนพวกนั้นที่อยู่ข้างกายคุณหนูในตอนนี้ แต่ละคนล้วนมีจุดเด่น แต่ละคนล้วนเก่งกาจ ไม่เหมือนกับบ่าว ที่แม้แต่เื่เล็กน้อยยังทำได้ไม่ดีเลยเ้าค่ะ”
ฝูเอ๋อร์เห็นคุณหนูของตนมาั้แ่ตอนที่ถูกผู้คนกลั่นแกล้งรังแก จนกระทั่งคุณหนูเปล่งประกายเจิดจรัสในตอนนี้ หากบอกว่าไม่ดีใจก็โกหกแล้ว
ทว่านางไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีวันที่คุณหนูยืนอยู่สูงเช่นนี้ สูงจนนางไม่อาจเอื้อม
เมื่อเปรียบเทียบตนเองกับคนอื่น นางก็ยิ่งรู้สึกต่ำต้อย
โลกของนางมีคุณหนูเพียงผู้เดียว
ดังนั้นนางจึงน้อยเนื้อต่ำใจและหวาดกลัว กลัวว่าวันหนึ่งคุณหนูจะทิ้งนางไป
คิดแล้วฝูเอ๋อร์ก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมา ปลายจมูกเปลี่ยนเป็สีแดง นางร้องไห้สะอึกสะอื้น ดูน่าสงสารอย่างยิ่ง
“คุณหนู บ่าวไม่กลัวความลำบาก ไม่ว่าสิ่งใดบ่าวสามารถร่ำเรียนกับพวกเขาได้ ทว่าคุณหนูไม่้าบ่าวไม่ได้เด็ดขาดนะเ้าคะ”
เมื่อไป๋เซี่ยเหอเห็นสาวน้อยตรงหน้าที่จู่ๆ ก็เศร้าสร้อยและร้องไห้ออกมา นางก็รู้สึกปวดศีรษะขึ้นมาทันที
“ข้าพูดเมื่อไรว่าไม่้าเ้า?”
น้ำเสียงของนางราบเรียบ ทว่าแฝงไว้ด้วยความหนักแน่น
“แต่บ่าวทำอะไรไม่เป็ ทำอะไรก็ไม่ดีนะเ้าคะ”
“เ้ามวยผมและทำให้ข้าดูงดงามได้ เ้าเลือกอาภรณ์ที่งดงามให้ข้าได้ เ้ารู้ว่าข้าชอบอะไรและไม่ชอบอะไร”
“สิ่งเหล่านี้คนอื่นก็ทำได้นะเ้าคะ พี่อิงเอ๋อร์คนนั้นก็เรียนรู้เื่นี้และน่าจะทำได้ในไม่ช้าเ้าค่ะ”
“...”
เจี่ยงอิงเอ๋อร์เพิ่งมาได้วันแรก สาวน้อยนางนี้ก็กินน้ำส้มสายชู[1]เสียแล้ว
ไป๋เซี่ยเหอยื่นมือไปบีบใบหน้ารูปไข่ของฝูเอ๋อร์อย่างอดไม่ไหว แววตาทอประกายเ้าเล่ห์
“เ้ามีสิ่งหนึ่งที่ผู้อื่นเรียนรู้ไม่ได้”
“จริงหรือเ้าคะ?” ดวงตาของฝูเอ๋อร์เป็ประกาย “คืออะไรหรือเ้าคะ?”
“เ้าคือตัวนำโชคของข้า”
“คุณหนู ตัวนำโชคคืออะไรหรือเ้าคะ?”
แม้ฝูเอ๋อร์จะไม่เข้าใจ ทว่าฟังแล้วดูเหมือนจะยิ่งใหญ่
ไป๋เซี่ยเหอกะพริบตา “เ้าไม่ต้องสนใจหรอกว่ามันคืออะไร แต่เ้าถือเป็บุคคลที่สำคัญอย่างยิ่ง ข้างกายข้าขาดเ้าไม่ได้”
ข้างกายข้าขาดเ้าไม่ได้...
แม้จะไม่รู้คำตอบว่าตัวนำโชคคืออะไร ทว่าประโยคนี้ของไป๋เซี่ยเหอได้มอบความรู้สึกปลอดภัยให้แก่ฝูเอ๋อร์ ทำลายความไม่สบายใจทั้งหมดของนางจนสิ้น
กระทั่งหลายปีต่อมาหรือจวบจนวันตาย ฝูเอ๋อร์ก็ไม่เคยลืมเลือนประโยคนี้
เมื่อเห็นฝูเอ๋อร์ยิ้มทั้งน้ำตา ไป๋เซี่ยเหอจึงเอ่ย “เอาล่ะ รีบเก็บกวาดที่นี่ แล้วไปช่วยเจี่ยงอิงเอ๋อร์ทำความสะอาดเรือนเสีย เรียกเซี่ยถิงเข้ามาด้วย ข้ามีเื่จะพูดกับเขา”
ฝูเอ๋อร์จากไปอย่างเบิกบาน
ไป๋เซี่ยเหอลูบจุดไท่หยางอย่างจนปัญญา เกรงว่านางคงเป็เ้านายที่น่าเวทนาที่สุดในบรรดาคนที่ทะลุมิติแล้วกระมัง ลำพังแค่การปลอบให้สาวใช้ของตนเองหายโศกเศร้ายังต้องสิ้นเปลืองความคิดมากขนาดนี้
ไม่ถึงหนึ่งถ้วยชาเซี่ยถิงก็เดินเข้ามา
“นายท่านเรียกหาข้าหรือขอรับ?”
ไป๋เซี่ยเหอชี้ไปที่เก้าอี้ด้านข้าง ก่อนจะเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา “นั่งลงสิ”
“ขอรับ”
แม้จะไม่อาจขัดคำพูดของนายท่าน ทว่าเซี่ยถิงก็นั่งลงด้วยท่าทีราวกับกำลังนั่งลงบนเข็มนับร้อยเล่ม
“่นี้มารดาของเ้าเป็อย่างไรบ้าง?”
เซี่ยถิงตกตะลึง เนื่องจากไม่คาดคิดว่าไป๋เซี่ยเหอจะถามถึงมารดาของเขาอย่างกะทันหัน
ทว่าหลังจากนิ่งค้างไปไม่กี่วินาที เขาก็ตอบอย่างจริงจัง “อาการป่วยของท่านแม่ดีขึ้นแล้ว เพราะเบื่อหน่ายกับการอยู่บ้าน นางจึงหางานเล็กๆ น้อยๆ ทำด้วยการรับซักผ้าและปะชุนเสื้อผ้าขอรับ”
ไป๋เซี่ยเหอมุ่นคิ้ว ในการจับชีพจรครั้งก่อน ร่างกายของมารดาเซี่ยถิงอ่อนแออย่างยิ่ง เืลมไหลเวียนไม่ดี ควรบำรุงร่างกายเป็อย่างดีถึงจะถูก
“เงินเดือนที่ข้าให้เ้าไม่พอหรือ?”
“ไม่ใช่ขอรับ” เซี่ยถิงประหม่า เขาผุดลุกขึ้นทันที จากนั้นก็คารวะไป๋เซี่ยเหอด้วยความเคารพ
“เงินเดือนที่นายท่านให้ ข้าน้อยเคยต้องทำงานเป็เวลาสามเดือนถึงจะได้รับ นายท่านให้เงินเยอะมากแล้ว ทว่าท่านแม่ของข้าน้อยไม่อยากนอนเฉยๆ กลัวว่าตนเองจะอุดอู้ขอรับ”
ไป๋เซี่ยเหอพยักหน้า นางพอเข้าใจอยู่บ้าง
คนเราเมื่ออายุมากขึ้นก็กลัวว่าตนเองจะต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวโดยไม่มีสิ่งใดให้ทำ
“หากข้าให้มารดาของเ้ามาอาศัยอยู่ที่เรือนเมี่ยวโส่ว เ้าจะยินยอมหรือไม่?”
เซี่ยถิงชะงักเล็กน้อย เขารู้สึกลำบากใจอยู่บ้าง “เรือนเมี่ยวโส่วหรือขอรับ? แต่ท่านแม่ของข้าน้อยทำอะไรไม่เป็เลยนะขอรับ”
ไป๋เซี่ยเหอผุดรอยยิ้มบาง “วางใจเถิด ข้าไม่ได้จะให้มารดาของเ้าเข่นฆ่าศัตรูหรอก”
ใบหน้าของเซี่ยถิงเผยรอยยิ้มเจื่อนออกมา
“เ้าก็รู้ว่าข้าวางแผนจะพาท่านแม่ของข้าออกจากจวนสกุลไป๋ แต่ข้ากลับไม่อาจอยู่ข้างกายนางได้ตลอดเวลา ข้าจึง้าคนที่เชื่อใจได้สักคนมาคอยดูแลนาง”
“เพียงแต่ตอนนี้ข้างกายข้ามีคนที่เหมาะสมอยู่น้อยมาก ข้าจึงนึกถึงท่านแม่ของเ้าขึ้นมา”
“เ้าวางใจเถิด ข้าย่อมไม่ให้ท่านแม่ของเ้าทำงานที่สกปรกและเหน็ดเหนื่อยหรอก งานเ่าั้เป็หน้าที่ของสาวใช้ สิ่งที่นางต้องทำคืออยู่เฝ้าท่านแม่ของข้าทุกวันเท่านั้น”
หากคนที่สลบไสลมานานฟื้นขึ้นมา จะมีเื่ให้ดูแลมากเพียงใดกัน? เพียงอยู่ข้างกายนาง คอยพูดคุย และบีบนวดเท่านั้น
หลังจากกล่าวทั้งหมดจบภายในอึดใจเดียว ไป๋เซี่ยเหอก็จิบชาที่อยู่ตรงหน้าอึกหนึ่ง เพื่อรอฟังคำตอบของเซี่ยถิง
“ข้าย่อมเต็มใจแน่นอนขอรับ”
เซี่ยถิงได้ยินท่านแม่พูดกับเขามาั้แ่เล็กว่า การได้พบแม่นางเจียงเมื่อปีนั้นเปรียบได้กับการใช้โชคดีทั้งชีวิตไปจนหมดสิ้นแล้ว การที่พวกเขาแม่ลูกมีวันนี้ได้ย่อมเป็เพราะความเมตตาของแม่นางเจียง พวกเขาเพียงปรารถนาที่จะตอบแทนพระคุณในชาตินี้
ตอนนี้โอกาสนั้นได้มาถึงแล้ว
“เ้าไม่กลับไปปรึกษาท่านแม่ของเ้าสักหน่อยหรือ?”
เซี่ยถิงผงกศีรษะ ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ “คำตอบของท่านแม่ย่อมเหมือนกับข้าขอรับ”
สิ่งที่ไป๋เซี่ยเหอชื่นชอบในตัวเซี่ยถิงคืออุปนิสัย ทว่าการที่มารดาสามารถอบรมบุตรที่มีนิสัยเช่นนี้ออกมาได้ นิสัยของนางย่อมไม่ด้อยไปกว่ากันอย่างแน่นอน
“เช่นนั้นเ้ากลับไปช่วยท่านแม่ของเ้าเก็บข้าวของ จากนั้นให้นางเข้าพักที่เรือนเมี่ยวโส่วเสียก่อน จะได้คุ้นเคยกับสถานที่”
------------------------
[1] กินน้ำส้มสายชู หมายถึง หึงหวง