ในขณะที่สายตาของผู้คนตกไปอยู่บนร่างของคนทั้งยี่สิบแปดในนั้นมีคนที่พวกเขาคุ้นเคยอยู่อย่างเช่นกัวไฮว่ มู่หรงเวยเวย ถังซี ซูเยี่ยโยวโยว และแน่นอนว่าก็มีบางคนที่พวกเขาไม่คุ้นเคยอยู่ด้วยอย่างฉินอันผางซินหลี่กู่ และอื่นๆ
คนที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจไม่ใช่กัวไฮว่ทว่ากลับเป็หนานกงหลิงโม่เธอเป็คนบุคคลลึกลับที่ไม่เคยไปห้องเรียนนับั้แ่เข้าโรงเรียนมา
“หนานกงหลิงโม่นั่นทำไมตัวเล็กขนาดนี้ อย่าบอกนะว่าเธอก็เป็นักเรียนมอปลายด้วยน่ะ” เด็กหญิงที่อยู่ข้างหลินเซี่ยวเซี่ยวพูดขึ้น
“โรงเรียนฟู่จงซ่อนคนของตระกูลหนานกงเอาไว้ซะมิดเลย” หลี่เอ้าพูดเสียงเบา
“เป็คนตระกูลหนานกงแล้วยังไงนี่มันแข่งขันวิชาการไม่ได้แข่งอย่างอื่นสักหน่อย” อาคิวพูดเบาๆ
“ดูรายการแข่งขันคัดเลือกของโรงเรียนฟู่จงสิ หลี่สวินอวี้ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ” ผอ.โรงเรียนชีจงพูดเบาๆ
“เฉียวมู่เธอยังมั่นใจว่าจะชนะผู้แข่งขันโรงเรียนฟู่จงพวกนี้อยู่หรือเปล่า” เมื่อดูมาประมาณสามสิบนาทีหลินเซี่ยวเห็นเฉียวมู่มีเหงื่อไหลอยู่บนหน้าผากจึงถามขึ้น
“โรงเรียนฟู่จงเซ็ตคลังคำถามไว้แล้วไม่งั้นทำไมนักเรียนพวกนี้ถึงตอบคำถามจริงของปีที่แล้วถูกล่ะ ต้องมีปัญหาแน่ๆ” เฉียวมู่พูดเบาๆเขาก็พบว่าคำถามบนหน้าจอมีอยู่สองสามคำถามที่ตนเองไม่อาจตอบได้อย่างไว
“พวกเขาไม่ได้มีคลังคำถาม พวกเขาเอาคำถามที่มีอัตราตอบผิดสูงที่สุดมาจากหนังสือจื้อจุนกวงเหน่า” เฉาสิงหลง ผอ.เฉาจากโรงเรียนจิ่วจงพูดเบาๆ ว่า “ตาแก่หลี่คิดจะเอาที่หนึ่งการแข่งขันวิชาการ”
“เหล่าเฉารอให้การคัดเลือกฟู่จงจบก่อนแล้วเรามานั่งด้วยกันเถอะแกคงไม่อยากเห็นเราอับอายต่อหน้าตาแก่หลี่ติดกันสองครั้งหรอกใช่ไหม” ผอ.โรงเรียนหยางกวงหรี่ตาพูดขึ้น
เฉาสิงหลงพยักหน้าเล็กน้อย ต่อมา ผอ.และผู้นำโรงเรียนอื่นๆต่างก็รวมกันกับโรงเรียนชีจงและโรงเรียนจิ่วจงเป็หนึ่งสมาพันธ์...ที่ใดมีบุญคุณความแค้นที่นั่นย่อมเป็ยุทธจักรจะที่ไหนก็ไม่ต่างกัน
หน้าจอบนเวทีปรากฏคำถามที่อยู่บนจอคอมพิวเตอร์ของผู้เข้าแข่งขันทั้งยี่สิบแปดคนการแข่งรอบแรกเป็ข้อเขียนเพื่อหาว่าใครสามารถตอบคำถามสุ่มหนึ่งร้อยคำถามได้เสร็จก่อนหากตอบผิดหนึ่งข้อจะเพิ่มเวลาสิบวินาทีและจะคัดเลือกนักเรียนที่ผ่านยี่สิบคนแรก
“ติ๊ง!” ไฟสีแดงที่อยู่ตรงหน้าของหนานกงหลิงโม่สว่างขึ้นมานี่เป็สัญญาณว่าเด็กน้อยผู้ไม่โดดเด่นที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ทำเสร็จครบหนึ่งร้อยข้อแล้ว
ในเวลาประมาณหนึ่งนาทีไฟที่อยู่ตรงหน้ามู่หรงเวยเวยก็ส่งเสียงติ๊งพร้อมสว่างขึ้นมาต่อมาก็เป็ไฟที่อยู่ตรงหน้าของเฉียนตัวตัว
“ให้ตายพี่ไฮว่นี่ดูท่าอย่างกับมาเดินเล่นทำไมมัวแต่เคาะคีย์บอร์ดเขาดูไม่เหมือนกับตอบคำถามอยู่เลยทำไมพิมพ์ไวขนาดนั้นล่ะ” เมื่อไฟของเฉียนตัวตัวสว่างขึ้น ก็มองไปยังกัวไฮว่ที่อยู่ไกลๆจากนั้นก็พึมพาเสียงเบากับตัวเอง
“พี่ไฮว่ทำอะไรอยู่น่ะ ทำเสร็จไปเก้าคนแล้วทำไมเขายังไม่เสร็จอีก” มู่หรงเวยเวยขมวดคิ้วมุ่นแล้วพูดขึ้นเบาๆ
“เสี่ยวซีดูท่าหมอนั่นจะถูดคัดออกั้แ่รอบแรกแล้วล่ะเงินหมื่นของเธอหายไปกับสายน้ำแล้ว” ซูเยี่ยทำเสร็จเป็คนที่เก้าพูดขึ้นเบาๆกับถังซีผู้ทำเสร็จคนที่เจ็ด
“เ้าสี่แกเตรียมตัวรับเงินได้เลย เ้ากัวไฮว่นั่นยังทำข้อสอบอยู่เลยทำเสร็จไปยี่สิบสองคนแล้ว ดูท่ามันไม่ผ่านั้แ่รอบแรกนะฮ่าๆ” เจี่ยเปินเปินพูดยิ้มๆ
“ดูพี่สองพูดเข้า ไม่ใช่ผมเตรียมรับเงิน แต่เป็พวกเราเตรียมรับเงินต่างหาก” ฉินอวี้หลงพูดยิ้มๆ ก่อนที่การคัดเลือกจะเริ่มขึ้นเงินพนันในครั้งนี้รวมแล้วเกินกว่าสามร้อยล้าน ถ้ากัวไฮว่เข้าไปในรอบแรกไม่ได้เงินนี่ก็จะกลายเป็ของพวกเขาทั้งสี่
ผ่านไปอีกไม่เกินห้านาที ไฟบนเวทีของทั้งยี่สิบแปดคนสว่างหมดแล้วมีเพียงกัวไฮว่ที่ยังเคาะคีย์บอร์ดอยู่ตรงนั้น
“อะแฮ่มๆๆ กัวไฮว่นายยังทำไม่เสร็จอีกเหรอ” นักเรียนผู้ช่วยที่อยู่บนเวทีคนหนึ่งเดินไปข้างๆกัวไฮว่แล้วถามขึ้นเบาๆ
“คำถามเยอะไป” กัวไฮว่เคาะคีย์บอร์ดพลางพูดเสียงดัง
“ผะ...ผอ.หลี่คะช่วยขึ้นมาหน่อยได้ไหมคอมพิวเตอร์ของกัวไฮว่มีปัญหาน่ะค่ะ” นักเรียนหญิงพูดเสียงดังกับหลี่สวินอวี้ที่นอนสลบสไลอยู่ด้านล่างเวที
“มีปัญหาอะไรเหรอ ทำไม่ได้ก็คัดออก รีบแข่งรอบต่อไป จะมีปัญหาอะไรได้อีก” หลี่สวินอวี้พูดอย่างไม่สบอารมณ์
“ไอ้แว่นเห็นแล้วใช่ไหม ไอดอลแกน่ะคนอื่นตอบคำถามรอบแรกกันหมดแล้วแต่มันยังทำไม่เสร็จ เป็แค่คนเดียวที่ตอบคำถามถูกแค่ครึ่งหนึ่ง” เด็กหนุ่มคนหนึ่งมองเด็กแว่นพร้อมกับพูดขึ้น “เงินหมื่นแกจมหายไปในสายน้ำแล้วล่ะ”
“เด็กนี่ทำอะไรเนี่ย ถึงคำถามจะยากแต่ถ้าข้ามไปก็น่าจะทำเสร็จหนึ่งร้อยคำถามนี่นา” หลินซวงทนไม่ได้จึงลุกขึ้นแล้วเดินขึ้นเวทีไป
“ผอ.หลี่คะ รีบขึ้นมาเร็วคอมพิวเตอร์ของกัวไฮว่มีปัญหา” ในขณะที่สายตาของหลินซวงตกไปอยู่บนคอมพิวเตอร์ ตัวเธอเองก็พลันใขึ้นมา
“ยายหนูหลิน กัวไฮว่เป็นักเรียนในห้องเธอแต่นี่การแข่งขันคัดเลือกนะใครก็ห้ามโกง” หลี่สวินอวี้พูดพลางเดินขึ้นไปบนเวที
“เจี่ยอวิ๋นเทามานี่” เพียงแค่หลี่สวินอวี้มองคอมพิวเตอร์ของกัวไฮว่ก็ตะคอกเสียงดังลั่นขึ้นมา
“หัวหน้าเจี่ย เหมือนว่าผอ.จะตามหาอยู่นะ” พนักงานฝ่ายโลจิสติกคนหนึ่งพูดเบาๆกับเจี่ยอวิ๋นเทาที่นอนหลับไปแล้ว
“ผอ.หาผมมีอะไรเหรอครับ” เมื่อเจี่ยอวิ๋นเทาได้ยินคำว่าผอ. เขาก็เด้งขึ้นเวทีทันที เหมือนกับคำที่ว่าหมาจนตรอกไม่มีผิดเพี้ยน
“เจี่ยอวิ๋นเทา ฝ่ายโลจิสติกของพวกแกทำงานกันแบบนี้เหรอ” หลี่สวินอวี้ถลึงตาพูด
“คอมนี่ไม่ได้ติดตั้งโปรแกรมเตือนอัตโนมัติ” เจี่ยอวิ๋นเทาหน้าถอดสีแล้วพูดขึ้นเบาๆ
“แกจัดการเถอะ ถ้าแกทำการคัดเลือกครั้งนี้พังแกก็เตรียมตัวม้วนเสื่อออกไปได้เลย” พูดจบหลี่สวินอวี้ก็เดินลงมาจากเวที
“ตาแก่หลี่ ทำอะไรน่ะ การแข่งรอบแรกจบลงแล้วประกาศผลเถอะ” เฉาสิงหลงะโเสียงดังอย่างไม่เกรงอกเกรงใจแม้แต่น้อย
“การแข่งรอบแรกจบแล้ว ตอนนี้พวกเราจะประกาศรายชื่อผู้ที่ผ่านรอบแรก” เป็เวลาประมาณสิบนาที ก็คำนวณเวลาที่ผู้เข้าแข่งขันคัดเลือกใช้ออกมาได้
“หลี่กู่ห้องเจ็ด 24 นาที 13 วินาที ฉินเฟิงห้องสิบเอ็ด 23 นาที 59 วินาที หวังหยวนห้องเก้า 23 นาที 57 วินาที...ซูเยี่ยห้องหก 18 นาที 11 วินาที โหยวโยวโยวห้องเก้า 18 นาที 6 วินาทีถังซีห้องหก 17 นาที 45 วินาทีเฉียนตัวตัวห้องหนึ่ง 15 นาที 37 วินาทีมู่หรงเวยเวยห้องหนึ่ง 15 นาที 10 วินาทีหนานกงหลิงโม่ห้องสิบหก 14 นาที 14 วินาที” เจี่ยอวิ๋นเทาพูดสิบเก้ารายชื่อพร้อมทั้งเวลาในเฮือกเดียว
“ในเมื่อพูดยี่สิบรายชื่อแรกแล้ว งั้นก็เริ่มรอบที่สองเลยเถอะ” เฉาสิงหลงพูดเสียงดัง
“เหล่าเฉาเพิ่งประกาศแค่สิบเก้ารายชื่อเอง นายดูบนหน้าจอสิยังมีอีกคนนึง” ผอ.โรงเรียนหยางกวงพูดเตือนอย่างยิ้มแย้ม
“ที่หนึ่งของรอบแรกก็คือกัวไฮว่มอสี่ห้องหนึ่ง 9 นาที 48 วินาที” พูดจบ เจี่ยอวิ๋นเทาก็ให้นักเรียนแปดคนที่ถูกคัดออกลงจากเวทีไปโดยไม่แยแสความชุลมุนล่างเวที และให้กัวไฮว่นั่งที่นั่งบนเวที