เย่ซานหู่วันนี้อารมณ์ค่อนข้างดี เขาเป็ลูกหลานบ้านเล็กของตระกูลเย่ สัตว์อสูรที่เรียกออกได้มาอยู่ในระดับที่ไม่สูงเท่าใดนัก มุมานะฝึกยุทธ์เป็เวลายี่สิบกว่าปีจนเมื่อสิบวันก่อนถึงค่อยได้บรรลุถึงระดับที่สองของขอบเขตเยี่ยมยุทธ์ ทางตระกูลจึงได้มอบตำแหน่งหัวหน้าหน่วยยามเล็กๆ ของเมืองให้กับเขา
“นี่...ท่านหัวหน้า เมื่อคืนวานน้องนางเฟยเอี้ยนที่หอพิรุณแห่งความฝันที่ถนนใหญ่หมายเลขสิบสาม รสชาติไม่เลวเลยใช่ไหม?”
ตอนนี้เป็่เวลาที่เย่ซานหู่และหน่วยกองยามภายใต้การสั่งการของเขา ต้องออกตรวจตราความสงบเรียบร้อยภายในเมือง ทั้งหมดได้พากันนั่งพักจิบชาอยู่ภายในโรงน้ำชาแห่งหนึ่ง หนึ่งในยามเ่าั้ได้ยกกาน้ำชารินให้เย่ซานหู่อย่างนอบน้อมพร้อมกับพูดขึ้นอย่างประจบประแจง
“แหะๆ... เื่อย่างว่าไม่ต้องพูดถึง ตลอดค่ำคืนนั้นมีครบทุกรสชาติ ซึ่งไม่สามารถจะเอื้อนเอ่ยเป็คำพูดให้คนนอกรับรู้ได้!”
เย่ซานหู่หัวเราะแห้งๆ ยกแก้วน้ำชาของตนขึ้นจิบคำหนึ่งพร้อมกับหลับตาเคลิ้มราวกับว่ากำลังดื่มด่ำกับมันอย่างมีความสุข
“ท่านหัวหน้าก็คือท่านหัวหน้าอยู่วันยังค่ำ ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ น้องนางเฟยเอี้ยนคนนั้น พวกข้าทั้งหลายต่างปรารถนาที่จะมานานแล้วแต่ก็ไม่มีโอกาสเสียที พอท่านหัวหน้ารับตำแหน่งปุ๊บนางรีบเสนอตัวเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดเลยทันที! เฮ้อ...เป็คนเหมือนกันแท้ๆ แต่ทำไมถึงได้แตกต่างกันขนาดนี้หนอ?”
ยามอีกคนอดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจกับชะตาชีวิต เขาส่ายหัวไปมาทำหน้าเหมือนกับโกรธฟ้าโทษดินน้อยใจในโชตชะตา อากัปกิริยาของเขาพลอยทำให้ยามคนอื่นๆ หัวเราะขึ้นอย่างสนุกสนาน ส่วนเย่ซานหู่นั้นใบหน้าเต็มไปด้วยความภูมิอกภูมิใจ
“ปล่อยข้าน่ะ...ท่านพี่!”
ในขณะที่ทุกคนกำลังพูดเล่นกันอย่างสนุกสนานอยู่นั้น ไม่ไกลออกไปเสียงร้องของสาวน้อยนางหนึ่งดึงดูดความสนใจของพวกเขา ณ ที่แห่งนั้นมีชายในชุดสีขาวคนหนึ่งกำลังจับแขนของสาวน้อยคนนั้นไว้ ด้วยความที่ตื่นตระหนกในางจึงกรีดร้องขึ้นมา จากนั้นเด็กหนุ่มในชุดเขียวที่ราวกับเสือดาวที่บ้าคลั่งพุ่งทะยานตรงเข้าไปยังที่นั้นอย่างรวดเร็ว และไม่พูดพร่ำทำเพลงเขาะโลอยขึ้นไปบนอากาศใช้ฝ่ามือแทนมีดสับลงไปยังต้นคอของชายที่ใส่เสื้อสีขาวนั้นทันที
ปัง!
ชายเสื้อขาวคนนั้นแม้แต่หน้าก็ไม่แหงนขึ้นมามอง เขาเพียงฟาดฝ่ามือออกไปอย่างง่ายๆ ฝ่ามือหนึ่ง ใจกลางฝ่ามือนั้นมีกระแสพลังสีขาวคล้ายสีของน้ำนมพวยพุ่งออกมา กระแสพลังกับฝ่ามือมีดของเด็กหนุ่มเสื้อเขียวปะทะเข้าหากันเสียงดังสนั่น ชายเสื้อขาวยืนนิ่งสงบอยู่กับที่คล้ายกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่เด็กหนุ่มเสื้อเขียวที่พุ่งทะยานเข้าไปหานั้นกลับลอยละลิ่วกระเด็นออกไปราวกับว่าวที่เชือกขาด ในขณะที่ลอยอยู่กลางอากาศนั้นเขากระอักเืออกมาคำหนึ่งก่อนที่จะหล่นลงกับพื้น
“ท่าตัดแยกปฐี? นั่นคนของตระกูลนี่ ฮึ! ในเมืองชางแท้ๆ ยังกล้าทำร้ายคนของตระกูลเย่รนหาที่ตายชัดๆ สามารถปล่อยพลังรบออกมาภายนอกได้แล้วอย่างไร มีฝีมือแค่ระดับขอบเขตเยี่ยมยุทธ์ยังกล้าทำตัวกำเริบเสิบสานภายในเมืองชาง?”
เย่ซานหู่แค่เห็นก็รู้ว่าเด็กหนุ่มเสื้อเขียวคนนั้นเป็คนของตระกูล และฝ่ามือมีดแหวกอากาศที่เด็กหนุ่มฟาดลงมาคือท่าตัดแยกปฐีซึ่งเป็หนึ่งในกระบวนท่าของ “วิชาเจ็ดกระบวนท่าเย่หวง” เมื่อเห็นลูกหลานของตระกูลถูกคนทำร้ายเช่นนี้ แววตาของเย่ซานหู่พลันปรากฏแววของความดุร้ายขึ้นมาทันที เขาตบโต๊ะอย่างแรงไปฉาดหนึ่งแล้วจึงนำพาคนที่เหลือกรูกันออกไป
“หยุดมือ! ปล่อยแม่นางคนนั้นซะ...”
เย่ซานหู่ร้องะโคำที่ทันสมัยออกมาคำหนึ่ง มือชักดาบที่เย็นะเืออกจากฝักพร้อมกับสั่งการให้คนที่เหลือให้ล้อมชายเสื้อขาวไว้
ฟิ้ว!
ชายเสื้อขาวไม่มีทีท่าว่าจะขยับกายแม้แต่น้อย แต่ทันใดนั้นข้างกายเขาพลันปรากฏผู้เฒ่าเสื้อดำสองคนในมือถือกระบี่ยาวยืนอารักขาอยู่ข้างๆ สายตาของผู้เฒ่าทั้งสองมองมาที่เย่ซานหู่และคนอื่นๆ อย่างเ็า
“วางอาวุธลงแล้วยอมให้จับแต่โดยดี ตามข้าไปที่จวนจ้าวเมืองรอการพิพากษา หาไม่แล้ว ฆ่าไม่มีละเว้น” เย่ซานหู่พูดกระแทกเสียงออกมาอย่างเ็าด้วยความไม่พอใจ ภายใต้เขตพื้นที่การดูแลของตนกลับยังมีคนกล้าชักกระบี่ออกมาต่อสู้ขัดขืน
“เหอะ...เ้าจะจับกุมข้างั้นรึ?”
ชายเสื้อขาวอายุราวๆ ยี่สิบกว่าปี มีใบหน้าที่หล่อเหลาและลักษณะท่าทางเหมือนกับลูกท่านหลานเธอที่สะโอดสะอง เขายิ้มขึ้นอย่างเ็าปล่อยมือจากสาวน้อยแล้วหันกลับมา
แต่เมื่อเย่ซานหู่มองเห็นดวงตาทั้งคู่ของชายหนุ่มเสื้อขาวนั้นได้อย่างชัดเจน เขาถึงกับตกตะลึงจนอ้าปากค้างพูดอะไรไม่ออก มือข้างที่ถือมีดอยู่สั่นเป็เ้าเข้า หลังจากที่กลืนน้ำลายลงคอไปอย่างยากเย็นอยู่หลายครั้งจึงพูดออกมาอย่างตะกุกตะกัก “ผู้ที่มีเนตรหยินหยางมาแต่กำเนิด นายน้อยใหญ่แห่งตระกูลเสว่...เสว่อู๋เหิน?”
เย่ซานหู่ภายในใจอดไม่ได้ที่จะร้องออกมาอย่างขมขื่นเมื่อมองเห็นดวงตาคู่ที่อยู่ภายใต้คิ้วหนาดั่งมีดดาบคู่นั้น เ้าของั์ทั้งคู่นั้นยืนตระหง่านอย่างหยิ่งทะนงราวกับไม่เกรงกลัวผู้ใดพร้อมกับฉายแววของความเ็าออกมาให้เห็น
ทำไมตนเองถึงได้ซวยอะไรเช่นนี้! มาเจอดาวพิฆาตคนนี้เข้า แล้วจะจัดการเื่ที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้จบด้วยดีได้อย่างไร?
เสว่อู๋เหิน ผู้มีเนตรหยินหยางมาแต่กำเนิด คนรุ่นใหม่ที่มีพร์โดดเด่นของเขตปกครองเทพา นายน้อยใหญ่ของตระกูลเสว่หนึ่งในห้าตระกูลใหญ่ ยอดฝีมืออันดับสิบของทำเนียบผู้มีพลังฝีมือระดับชั้นปฐี อายุยี่สิบสี่บรรลุถึงระดับขอบเขตเยี่ยมยุทธ์ ลือกันว่าฝึกฝนสุดยอดวิชาประจำตระกูล "วิชาเพาะเลี้ยงหนอนแมลงพิษ" บรรลุถึงระดับขั้นที่สูงกว่าผู้าุโระดับธรรมดาของตระกูลเสียอีก ถูกยกย่องว่าเป็หนึ่งในผู้ที่มีพร์ที่โดดเด่นของเขตปกครองเทพา ตอนอายุยี่สิบห้าปีได้รับการแต่งตั้งจากฝ่ายหอผู้าุโให้เป็นายน้อยใหญ่ของตระกูล
อันดับสิบของทำเนียบผู้มีพลังฝีมือระดับชั้นปฐี สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงพลังฝีมือที่กล้าแกร่งของคนๆ หนึ่ง ทำเนียบผู้มีพลังฝีมือระดับชั้นปฐีและระดับชั้น์ เป็การจัดอันดับเพื่อแสดงถึงพลังฝีมือของผู้ฝึกยุทธ์ภายในเขตปกครองเทพา ปีหนึ่งเปลี่ยนแปลงครั้งหนึ่ง มีความเที่ยงตรง แม่นยำ และน่าเชื่อถืออย่างไม่ต้องสงสัย
ก่อนอายุสามสิบหากสามารถเหยียบย่างเข้าสู่ทำเนียบผู้มีพลังฝีมือระดับชั้นปฐีได้ ถือว่าเป็ผู้ที่มีพร์พิเศษหน้าใหม่ของเขตปกครองเทพา หลังจากอายุสามสิบสามารถเหยียบย่างเข้าสู่ทำเนียบผู้มีพลังฝีมือระดับชั้น์ได้ ถือว่าเป็ผู้ที่มีพลังฝีมือที่แข็งแกร่งในระดับสูงของเขตปกครองเทพา เช่นเดียวกับเย่เทียนหลงที่ถูกจัดให้อยู่ในทำเนียบผู้มีพลังฝีมือระดับสูงของระดับชั้น์ แต่ก็ยังมีเย่เตาบิดาของเย่ชิงหานที่ร้ายกาจยิ่งกว่า ในตอนที่ยังมีชีวิตอยู่เขาอาศัยพลังฝีมือที่แข็งแกร่งไร้ผู้ทัดทาน ยึดครองตำแหน่งอันดับหนึ่งของทำเนียบผู้มีพลังฝีมือระดับชั้นปฐีเป็เวลานานหลายปี
ผู้ที่สามารถเหยียบย่างเข้าสู่ทำเนียบผู้มีพลังฝีมือระดับชั้นปฐีและระดับชั้น์ จากอันดับหนึ่งถึงร้อยล้วนเป็ผู้ที่มีพร์ไม่ธรรมดา เสว่อู๋เหินที่สามารถเหยียบย่างไปถึงอันดับสิบได้ ยิ่งแสดงให้เห็นถึงพร์ที่ร้ายกาจเกินคนของเขา
ถ้าเปรียบเทียบด้านพร์แล้ว เสว่อู๋เหินผู้นี้ยังร้ายกาจกว่าเย่ชิงขวงนายน้อยใหญ่ของตระกูลเย่เสียอีก แถมยังเป็ว่าที่หัวหน้าตระกูลเสว่รุ่นต่อไปอีกด้วย ขนาดเหล่าผู้าุโของตระกูลเย่ยังต้องให้ความเกรงอกเกรงใจทุกครั้งที่พูดคุยด้วย
แต่ว่าวันนี้เสว่อู๋เหินข่มเหงผู้หญิงกลางถนนใหญ่ต่อหน้าผู้คนมากมายและยังทำร้ายคนของตระกูลเย่อีก เย่ซานหู่ที่รับหน้าที่เป็หน่วยตรวจตราความสงบเรียบร้อยของเมืองชางพบเจอกับเหตุการณ์เช่นนี้ หากไม่ยื่นมือเข้ามาจัดการก็จะทำให้คนของตระกูลและชาวเมืองหมดศรัทธาและคลางแคลงใจได้
ปัญหาคือ ตนเองที่มีพลังฝีมือแค่ระดับที่สองของขอบเขตเยี่ยมยุทธ์คงไม่สามารถเอาชนะผู้เฒ่าชุดดำสองคนที่ยืนอยู่ข้างๆ เสว่อู๋เหินได้เป็แน่ และถึงแม้ตนจะรวมร่างกับสัตว์อสูรก็ไม่ใช่คู่มือของเสว่อู๋เหินที่อยู่ในระดับที่สามของขอบเขตเยี่ยมยุทธ์อยู่ดี เพราะเสว่อู๋เหินเองก็มีสุดยอดวิชาหนอนแมลงพิษที่เทียบได้กับสุดยอดวิชาของตระกูลเย่ เมื่อพิจารณาถึงพลังฝีมือโดยรวมของเขาแล้วเทียบได้กับระดับขอบเขตนักรบเลยทีเดียว ดังนั้น เย่ซานหู่ไม่รู้จะทำอย่างไรจึงได้แต่ยืนนิ่งอยู่กับที่ ครั้นจะเดินจากไปก็ทำไม่ได้ จะไม่ไปก็ไม่ได้ ไม่รู้จะเอาอย่างไรดี ได้แต่ยืนปั้นหน้ากลัดกลุ้มอยู่อย่างนั้น
“ท่านพี่ ท่านเป็อย่างไรบ้าง?”
หลังจากที่เย่ชิงอวี่ถูกปล่อยจากการถูกจับนางก็รีบตรงไปยังข้างกายของเย่ชิงหานโดยทันที นางพยุงเขาขึ้นมาอย่างระมัดระวังจากนั้นจึงใช้ชายแขนเสื้อของตนซับเืที่มุมปากให้อย่างร้อนรน ใบหน้านางเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูก
“แค่กๆ!” เย่ชิงหานลุกขึ้นอย่างยากลำบากพร้อมกับไอออกมาอย่างรุนแรงหลายครั้ง เขามองดูท่อนแขนน้อยๆ ที่ขาวราวหิมะของน้องสาวซึ่งตอนนี้เขียวช้ำเป็รอยเืจากแรงบีบของเสว่อู๋เหิน ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น หลังจากพ่อแม่เสียไปน้องสาวก็กลายเป็สิ่งเดียวที่สำคัญที่สุดของเขา แต่ตอนนี้กลับถูกคนข่มเหงรังแกบนถนนต่อหน้าผู้คนมากมาย อย่างนี้จะไม่ให้เขาโกรธแค้นได้อย่างไร!
เย่ชิงหานลูบคลำหน้าอกตัวเองที่ตอนนี้ก็ยังรู้สึกเจ็บแปลบอยู่ เขารู้ดีว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของไอ้เ้าเนตรหยินหยางเสว่อู๋เหินผู้นี้อย่างแน่นอน ดูจากการโจมตีเมื่อสักครู่ที่มีการล้นออกมาของพลังปราณรบ แม้จะเป็การโจมตีง่ายๆ ธรรดา แต่ก็สามารถทำให้เขาาเ็ได้ จึงเป็สิ่งที่แสดงให้เห็นว่าผู้ใช้มีพลังฝีมือบรรลุถึงระดับขอบเขตเยี่ยมยุทธ์แล้ว ต่อให้ตนเองแยกร่างได้อีกสิบร่างก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาอยู่ดี
คิดได้ดังนั้นเย่ชิงหานจึงหยิบป้ายสีทองอันหนึ่งออกมาจากเอวของตน แล้วหันไปพูดกับเย่ซานหู่และคนที่เหลือ “พี่ชายทั้งหลาย คนผู้นี้ข่มเหงรังแกน้องสาวของข้ากลางถนนใหญ่ต่อหน้าผู้คนมากมาย และยังลงมือทำร้ายข้าอีก ขอให้ทุกท่านช่วยจับกุมคนผู้นี้ส่งให้ฝ่ายผู้คุมกฎของตระกูล เพื่อคืนความยุติธรรมให้กับข้าและน้องสาวของข้าด้วย”
ป้ายสีทอง?
สายตาเย่ซานหู่มีประกายของความฉงนสนเท่ห์เกิดขึ้น โดยปกติป้ายสีทองเป็เครื่องหมายแสดงถึงฐานะของผู้ว่าคือลูกหลานสายเืโดยตรงของตระกูล ดังเช่นตัวเขาที่มีเพียงแค่ป้ายคำสั่งสีเงินเท่านั้น ส่วนศิษย์สายในมีตราหยกแข็ง แต่ทำไมลูกหลานสายเืโดยตรงผู้นี้เขาถึงไม่คุ้นหน้าคุ้นตาเลย ลูกหลานสายเืโดยตรงมียี่สิบกว่าคน โดยพื้นฐานแล้วเขารู้จักแทบทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งระดับขั้นพลังฝีมือของลูกหลานสายเืโดยตรงผู้นี้จะไม่ต่ำเกินไปหน่อยหรือ?
แต่สงสัยก็เป็อีกเื่หนึ่ง เพราะสิ่งที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้คือป้ายสีทองส่องประกายแวววับของจริงแท้แน่นอน เมื่อคิดได้ดังนั้นเย่ซานหู่จึงตัดสินใจในทันที “สามคนนี้บังอาจท้าทายอำนาจของตระกูลเย่ในเมืองชางอย่างไม่เกรงกลัว ส่งสัญญาณระดับแดงแจ้งหน่วยองครักษ์หมาป่าแห่งเมืองชาง ทุกคนล้อมพวกมันไว้รวมร่างกับสัตว์อสูรเตรียมตัวต่อสู้! หมาป่าเงาเพื่อนยาก...รวมร่าง”
เย่ซานหู่ร้องะโสั่งการออกมาคำหนึ่ง บริเวณหน้าอกของเขาพลันปรากฏกระแสพลังกลุ่มหนึ่งขึ้น มันค่อยๆ รวมตัวกลายเป็ร่างหมาป่าตัวหนึ่ง แต่เพิ่งจะรวมตัวเป็ร่างหมาป่าได้ไม่นานมันก็มุดหายกลับเข้าไปภายในบริเวณอกของเย่ซานหู่ดังเดิม
ผ่านไปชั่วครู่ร่างของเย่ซานหู่เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างรุนแรง แขนทั้งสองข้างแปรเปลี่ยนเป็เรียวเล็กปราดเปรียว นิ้วมือทั้งสิบแปรเปลี่ยนเป็กรงเล็บที่แหลมคม หูทั้งสองข้างยาวแหลมตั้งชูชันขึ้น และโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่หน้าผากด้านซ้ายปรากฏรอยสักรูปหมาป่าทมิฬตัวหนึ่งอยู่
ร่างสัตว์อสูร! วิชาลับเฉพาะประจำตระกูลเย่!
ลักษณะของเย่ซานหู่ในตอนนี้ดูคล้ายกับหมาป่าในร่างคน ดุร้ายเกรี้ยวกราดและทรงพลัง นี่ก็คือร่างสัตว์อสูรของเย่ซานหู่เมื่อรวมร่างแล้ว เดิมทีเย่ซานหู่ที่มีพลังฝีมืออยู่ในระดับที่สองของขอบเขตเยี่ยมยุทธ์ หลังจากที่รวมร่างพลังฝีมือของเขาในตอนนี้บรรลุถึงระดับที่สามขั้นสูงสุดของขอบเขตเยี่ยมยุทธ์แล้ว
“สัตว์อสูรหมาป่าเพลิงรวมร่าง”
“สัตว์อสูรเสือดาวรวมร่าง”
ยอดฝีมือทั้งสิบกว่าคนในตอนนี้ล้วนตั้งท่าด้วยท่าทางที่ฮึกเหิม ผู้ที่มีสัตว์อสูรก็เรียกออกมารวมร่างในทันที ที่ไม่มีสัตว์อสูรก็ล้วนชักดาบออกจากฝักถือไว้ในมือ ทุกคนเฝ้ารอแค่เพียงคำสั่งจากหัวหน้าหน่วยพร้อมที่จะเข้าสู้อย่างเอาชีวิตเป็เดิมพัน
ยามคนหนึ่งหยิบพลุสัญญาณออกมาจากอกเตรียมที่จะปล่อยออกไป พวกเขาเป็เพียงยามลาดตระเวนประจำเมืองชางระดับธรรมดาเท่านั้น สถานการณ์ปกติมีหน้าที่เพียงแค่รักษาความสงบเรียบร้อยภายในเมือง แต่เมื่อเจอกับสถานการณ์พิเศษที่ต่างออกไปจึงจำเป็ต้องส่งสัญญาณเรียกหน่วยองครักษ์ของตระกูล...องครักษ์หมาป่าแห่งเมืองชาง
“ทุกคนหยุดมือเดี๋ยวนี้!”
ในขณะที่หนึ่งในยามเ่าั้กำลังจะปล่อยพลุส่งสัญญาณออกไป พลันมีเสียงร้องตวาดทุ้มลึกเสียงหนึ่งดังมาจากที่ไม่ไกลออกไป เสียงที่ลอยมานั้นเพิ่งจะกระทบกับโสตประสาทของทุกคน แต่เงาร่างของคนสองคนที่รุดตรงเข้ามากลับถึงก่อนเสียงนั้นจนน่าตื่นตระหนกในความเร็ว
“คารวะผู้าุโหรงและนายน้อยขวง”
หลังจากเย่ซานหู่เห็นชัดว่าผู้ที่มาปรากฏตัวคือสองคนนี้ ใบหน้าของเขาแสดงออกให้เห็นอาการดีใจอย่างที่สุดเหมือนยกูเาออกจากอก จากนั้นจึงรีบเร่งคลายร่างอสูรพร้อมกับเรียกให้ยามคนอื่นๆ ทำการคารวะบุคคลทั้งสองพร้อมกันกับตน
บุคคลทั้งสอง คนแรกเป็ชายวัยกลางคนรูปร่างสูงใหญ่มีจมูกโด่งพร้อมกับดวงตาดุจเหยี่ยว มีรอยแผลเป็ที่น่าขนลุกขนพองลากยาวจากมุมปากจนถึงด้านหลังใบหู เขาก็คือผู้าุโรองหัวหน้าฝ่ายหอผู้คุมกฏของตระกูลเย่...เย่หรง
อีกคนเป็ชายหนุ่มอายุยี่สิบกว่าปีสวมชุดแพรเลิศหรู ศีรษะสวมมงกุฎสีทอง ใบหน้าขาวเนียนราวหยกเจียระไน ริมฝีปากบางได้รูป แววตาแฝงไปด้วยความหยิ่งยโสอวดดีอยู่ตลอดเวลา เขาผู้นี้คือนายน้อยใหญ่ของตระกูลเย่...เย่ชิงขวง
เย่หรงและเย่ชิงขวงเมื่อมาถึงต่างก็ไม่ได้สนใจต่อพวกยามที่ทำการคารวะ รวมไปถึงเย่ชิงหานที่ยืนเืหยดจากมุมปากที่อยู่ข้างๆ ทั้งสองทำเพียงแค่ยกมือขึ้นกล่าวทักทายต่อเสว่อู๋เหินเพียงเท่านั้น
จากนั้นเย่หรงหันมาร้องตวาดใส่องครักษ์ที่รายล้อมอยู่โดยรอบ “เก็บอาวุธของพวกเ้าเดี๋ยวนี้! นายน้อยเสว่เป็สหายของนายน้อยขวงจึงได้เชิญมาเป็แขกที่เมืองชาง พวกเ้ากล้าดีอย่างไรถึงมากระทำการเสียมารยาทเช่นนี้?”
“เอ่ออ...คือ ผู้าุโเย่ เมื่อสักครู่นายน้อยเสว่รังแกหญิงสาวคนนี้...แถมยังลงมือทำร้ายนายน้อยของตระกูลเราจนได้รับาเ็” เย่ซานหู่กระแอมออกมาครั้งหนึ่งอย่างเก้อเขิน จากนั้นจึงพูดกระซิบพูดไปที่ข้างหูของเย่หรงและเย่ชิงขวงด้วยเสียงที่แ่เบา
เย่ซานหู่นึกว่าทั้งสองคนมองไม่เห็นเย่ชิงหานจึงชี้นิ้วไปยังเย่ชิงหานที่ยืนถือป้ายสีทองอยู่ นายน้อยของตระกูลถูกคนทำร้ายจนาเ็ ในฐานะที่เป็ผู้าุโของตระกูลเย่หรงมีหน้าที่ที่จะต้องทำการปกป้องอย่างแน่นอน เพราะมันคือชื่อเสียงและหน้าตาของตระกูล
“อ๋อ? ที่แท้ก็เป็นายน้อยคนในจวนของนายน้อยขวงนี่เอง ถ้างั้นข้าก็ต้องขออภัยด้วยแล้วกันที่ได้ล่วงเกิน เมื่อสักครู่ข้าแค่ล้อเล่นกับแม่นางคนนี้เพียงเท่านั้น ไม่คาดคิดว่าน้องชายท่านนี้มาถึงก็โจมตีใส่ข้าทันที ข้าไม่ได้มีเจตนาจึงได้ตอบโต้กลับไปทำให้เขาาเ็ หวังว่าน้องชายท่านนี้อย่าถือโทษข้าเลย” เสว่อู๋เหินเห็นเย่ชิงขวงและเย่หรงเดินตรงมาหาจึงยิ้มให้เล็กน้อย ดวงตาคู่สีน้ำตาลทอประกายรอยยิ้มพร้อมกับกำมือซูฮกแสดงการทักทาย
“ไม่ใช่เื่ใหญ่โตอะไรหรอก เป็ความผิดของข้าซะอีกที่มาช้าทำให้นายน้อยเสว่เจอเื่วุ่นวาย” เย่ชิงขวงทำท่าโบกมือไปมาเหมือนกับว่าเื่ที่เกิดขึ้นไม่ได้มีความสำคัญอะไรแม้แต่น้อย เขาหันหน้ากลับมากวาดตามองไปที่เย่ชิงหานอย่างเย้ยหยัน พร้อมกับกระแทกเสียงออกมาคราหนึ่ง แล้วจึงพูดขึ้นด้วยเสียงที่ทุ้มลึก “ฮึ! นายน้อยรึ? ก็แค่ไอ้ขยะตัวหนึ่งที่ดีแต่ลอบกัด คนเช่นนี้มีแต่จะทำให้ตระกูลอับอายขายขี้หน้า ทางที่ดีจงรีบไสหัวกลับไปซะ!”
“เ้า...” เย่ชิงหานฝีเท้าสั่นสะท้านทั้งโกรธทั้งคับแค้นใจ เย่ชิงขวงเป็พี่ชายของเย่ชิงเสียนและเป็บุตรชายคนโตของท่านลุงใหญ่ พร์โดดเด่นเหนือใคร อายุห้าปีเรียกสัตว์อสูรระดับเจ็ด “หมีคลั่ง” ออกมาได้ พลังฝีมือกล้าแกร่งมีชื่อติดอันดับทำเนียบผู้มีพลังฝีมือระดับชั้นปฐี เวลาปกติอยู่ในตระกูลหยิ่งยโส โอหัง อวดดี ชอบดูถูกผู้อื่น คิดไม่ถึงว่าวันนี้ไม่คำนึงถึงความสัมพันธ์ทางสายเืพี่น้อง ไม่เพียงไม่ช่วยเหลือแถมยังกล่าววาจาด่าทอตนซ้ำอีก คาดว่าสาเหตุคงเป็เพราะตนเองที่ฟาดเย่ชิงเสียนจนสลบหมดสติไปสองครั้ง เย่ชิงขวงผู้เป็พี่ย่อมต้องโกรธแค้นตนอย่างมากเป็ธรรมดา
เย่หรงที่ยืนอยู่ข้างๆ เห็นดังนั้นจึงโบกมือขึ้นเพื่อขัดจังหวะเย่ชิงหานที่กำลังจะกล่าวอะไรต่อ แล้วจึงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เ็า “พอได้แล้ว! เย่ชิงหานเื่ราวในวันนี้ทางฝ่ายหอคุมกฎจะพิจารณาไต่สวนเอง เ้ากลับไปก่อนแล้วไปเบิกยารักษาอาการาเ็ที่หอผู้คุมกฎ รักษาอาการาเ็ให้ดี ซานหู่เ้าอารักขานายน้อยลำดับเจ็ดกลับไปที”
“เอ่อ...? ข้าน้อยรับทราบ”
เย่ซานหู่งุนงนอยู่ชั่วครู่ก่อนที่จะตอบรับอย่างเร่งรีบ สายตามองไปยังเย่ชิงหานอย่างอดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจออกมาภายในใจเงียบๆ ดูเหมือนว่าฐานะความเป็อยู่ภายในตระกูลของนายน้อยผู้นี้ไม่ค่อยจะสู้ดีนัก ก็ไม่แปลกที่เป็เช่นนี้ ถ้าระดับพลังฝีมือแค่นี้ถูกให้ความสำคัญสิถึงจะแปลก
“เหอะๆ! ไม่ต้องลำบากไปส่งข้าหรอก ข้ายังไม่ตายมีแรงเดินเองได้...ผู้าุโเย่หรง เย่ชิงขวง เสว่อู๋เหิน พวกเ้าทำได้ดีมาก ดีมาก...!!” เย่ชิงหานโกรธถึงขีดสุดจนหัวเราะออกมา เป็น้ำเสียงที่อ่อนเยาว์แต่แฝงไปด้วยกลิ่นอายของผู้ที่ผ่านโลกมาอย่างโชกโชน ใบหน้าที่งดงามหล่อเหล่าถูกแทนที่ด้วยสีหน้าที่ดุร้าย ดวงตาทั้งคู่หรี่ลงจับจ้องไปที่เสว่อู๋เหิน เย่หรง และเย่ชิงขวงอย่างเ็า คล้ายกับว่าจะสลักบุคคลทั้งสามไว้ในสมองอย่างดีที่สุด
ในตอนนี้อารมณ์โกรธเดือดดาลของเย่ชิงหานปะทุมาจนถึงจุดสูงสุด สิบกว่าปีที่อดกลั้นและฝืนทน ในที่สุดก็ะเิออกมา ในเวลานั้นเหมือนกับว่าเขาได้ตัดสินใจอะไรบางอย่างลงไป
ในรอยยิ้มที่เ็านั้นเขาจับมือน้องสาวแล้วก้าวเดินออกไปอย่างช้าๆ จากฝีเท้าที่ก้าวเดินอย่างกะโผลกกะเผลกลากขาราวกับหนักอึ้ง ค่อยๆ กลายมาเป็หนักแน่นมั่นคงและเด็ดเดี่ยวขึ้นมา
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้