ทันใดนั้นเหอตังกุยก็พบว่านางไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ จึงร้องเสียงแ่ด้วยความกังวล “คลายจุดให้ข้าก่อน ข้าจะมอบประโยชน์บางอย่างให้เ้า เ้าต้องพอใจแน่!”
หนิงยวนลูบใบหน้างดงามด้วยนิ้วเรียวยาวพลางชื่นชมความหวาดกลัวที่ปรากฏบนใบหน้าอีกฝ่ายเป็ครั้งแรก ที่แท้นางก็ไม่ใช่คนเฉยชาต่อทุกสิ่ง ความนิ่งสงบของนางเป็เพียงหน้ากากเท่านั้น เมื่อถอดหน้ากาก สีหน้าตื่นตระหนกก็เผยให้เห็นเช่นกัน หนิงยวนโน้มหน้าเข้าใกล้ใบหน้าไร้เครื่องสำอางของเหอตังกุยด้วยความเบิกบาน ทันใดนั้นก็แลบลิ้นพลางแสยะยิ้ม การกระทำของหนิงยวนภายใต้ใบหน้าคล้ายลู่เจียงเป่ยทำให้เหอตังกุยรู้สึกแปลกยิ่งนัก เขากัดปลายจมูกเล็กของนางเบา ๆ ก่อนพูดอย่างมีความสุข “อย่าเกร็ง ข้าบอกแล้วว่าวันนี้จะเรียกเก็บดอกเบี้ยเ้าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น…”
“จุดอ่อนของเกิ่งปิ่งซิ่วคือหลักฐานการคดโกงของอ๋องจิ้นหวังจูกังและห้าประโยคที่ฮ่องเต้ทรงโปรดปราน เ้าสามารถเลือกสิ่งที่อยากรู้ได้”
หนิงยวนหยุดการกระทำก่อนผลักใบหน้าเหอตังกุย เมื่อครุ่นคิดครู่หนึ่งจึงเอ่ยถาม “จุดอ่อนของเกิ่งปิ่งซิ่ว…เ้ารู้ได้อย่างไร? เหตุใดจึง้าบอกข้า?”
เหอตังกุยเอ่ยด้วยท่าทีสบาย ๆ “พรรคฉีหยางกงของพวกข้ากว้างขวางนัก มีเื่ใดที่พวกข้าไม่เคยได้ยินเล่า? เ้าใช้อำพันทะเลอันล้ำค่า ข้าจึงคิดว่าเ้าต้องเป็คนใหญ่คนโตที่อยู่ในราชวังมานานเป็แน่ ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันชอบสวมอาภรณ์สีแดงเข้มและชุดชั้นในสีชมพูส้ม ก่อนอาหารเย็นมักเคี้ยวใบชาหลงจิ่งที่แช่แล้วสามครั้ง เขามักกินเนื้อปลาสด ข้ารู้ทุกรายละเอียดของชีวิตในพระราชวัง แล้วเ้าล่ะรู้มากเท่านี้หรือไม่?”
“จุดอ่อนของเกิ่งปิ่งซิ่วคืออะไร” ภายใต้ความประหลาดใจ หนิงยวนปักใจเชื่อคำพูดของนางเจ็ดถึงแปดส่วน เพราะทุกสิ่งที่เด็กสาวพูดนั้นเป็ความจริง อีกทั้งสิ่งที่เขาได้รับรายงานเกี่ยวกับพรรคฉีหยางกงล้วนเป็เช่นนางกล่าว หากไม่ใช่เพราะตัวตนของเขา แม้แต่หออู่อิงเก๋อก็ไม่มีทางรับรู้ข้อมูลแม่นยำเช่นนี้ สตรีผู้นี้มาจากพรรคฉีหยางกงจริง ๆ
“คุณชายหนิง นี่คือท่าทางเจรจาข้อตกลงหรือ?” เหอตังกุยเอ่ยตำหนิด้วยใบหน้านิ่งขรึม “เ้ากล้าดีอย่างไรมาล่วงเกินศิษย์รักของประมุขพรรคฉีหยางกง หึ นอกเสียจากเ้าจะสังหารข้าตอนนี้ มิเช่นนั้นเขาจะกลับมาเอาคืนเ้าเป็สิบเท่า นิ่งเป็สากอยู่ทำไมเล่า รีบคลายจุดให้ข้าเร็วเข้า”
หนิงยวนประหลาดใจยิ่งกว่าเดิม “เ้าคือลูกศิษย์ผู้เก่งกาจของเมิ่งซีประมุขพรรคฉีหยางเ้าของเคล็ดวิชาฉางเฟิงหรือ? แต่ข้าไม่เคยได้ยินว่าเขารับลูกศิษย์แม้แต่คนเดียว ทั้งยังไม่เคยได้ยินว่านอกจากเขาจะมีผู้ใดใช้เคล็ดวิชาฉางเฟิงในยุทธภพอีก ดูจากระดับวรยุทธ์ของเ้าแล้ว...เมิ่งซีจะรับลูกศิษย์เช่นเ้าได้อย่างไร?”
เหอตังกุยแสยะยิ้มเ็า “เสือลำบากก็อาจถูกสุนัขรังแก เขาไม่เคยเสียใจภายหลัง แม้วรยุทธ์ของข้าไม่อาจเทียบเ้า แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าข้าจะสั่งสอนเ้าไม่ได้ หากเ้าไม่คลายจุดให้ข้าเสียตอนนี้ ยามเที่ยงนกพิราบทั้งแปดตัวก็จะไม่มีเสวี่ยตู่ลั่วกิน”
หนิงยวนโน้มใบหน้าหล่อเหลาเข้ามาอีกครั้ง ปลายจมูกของเขาแนบชิดปลายจมูกเหอตังกุย พลางเอ่ยเสียงต่ำ “บ่นจุกจิก น่ารำคาญเสียจริง ไม่ว่าสิ่งที่เ้าเอ่ยจะเป็ความจริงหรือไม่ ไม่ว่าเ้าจะมีตัวตนที่น่าประหลาดใจเพียงใด อย่างไรเ้าก็คือว่าที่ชายาของข้าในไม่ช้า และความตั้งใจเดิมของข้าจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง ข้าจะนำมันรวมกับข้อตกลงของพวกเรา...ส่วนจุดอ่อนของเกิ่งปิ่งซิ่วและหลักฐานการคดโกงของจิ้นหวังจูกังนั้น ข้ามีวิธีทำให้เ้าพูดแน่นอน”
“คุณหนูสาม ๆ ๆ ...” เสียงหญิงชราสองเสียงะโสลับกัน “ต้าเส่าไหน่ไหน่ใกล้มาแล้วเ้าค่ะ ท่านอยู่ที่ใด?” เหอตังกุยรู้ว่านั่นคือเสียงหลี่มามาและฮวามามา ทั้งสองล้วนเป็คนที่หยางมามาจัดมาเพื่อต่อต้านกำลังหลักของต่งซื่อ คงเป็เพราะเหล่ามามารอผู้นำทัพเช่นนางไม่ไหวจึงต้องรีบออกตามหา
เหอตังกุยเมียงมองด้านหน้า หนิงยวนพลันมีท่าทีคล้าย้ากดจุดหย่าเหมิน เหอตังกุยจึงรีบเอ่ยตำหนิ “หนิงยวน เ้ามีวิธีลงมือกับสตรีเพียงวิธีเดียวหรือ หากไม่ข่มเหงด้วยฐานะก็ข่มเหงด้วยวรยุทธ์”
มือของหนิงยวนหยุดชั่วขณะ เขาไม่คิดกดจุดหย่าเหมินที่ท้ายทอยของนางอีก แต่กลับลูบแก้มนางเบา ๆ พลางเอ่ย “สาวน้อย ข้ามีอีกหลายวิธีแต่เ้ามีอายุเพียงสิบขวบเท่านั้น วิธีเ่าั้ไม่เหมาะกับเ้า” เขามองใบหน้าเล็กทรงกลมอันงดงามในอ้อมแขนที่ขณะนี้เต็มไปด้วยความเดือดดาลราวอยากกินคนก็ไม่ปาน ก่อนถอนหายใจพลางยกมือคลายจุดสำคัญของนาง พลันเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่นุ่มนวลนัก “วันนี้ข้าจะปล่อยเ้าไปก่อน ที่จริงข้าไม่ใช่คนเลวและไม่เคยใช้วิธีรุนแรงกับสตรี ลองคิดดูให้ดี แม้เ้าจะตามหาทั่วแผ่นดินก็ไม่มีทางพบคนที่มีอำนาจและฐานะเช่นข้าอีก…โอ๊ย เ้าทำอะไรของเ้าเนี่ย”
หนิงยวนทอดตามองตุ่มเืปูดโปนขนาดเท่าเหรียญทองแดงบนหลังมือ ตุ่มเืนั้นค่อย ๆ ขยายใหญ่ขึ้นช้า ๆ แขนขวาของเขาเริ่มชาและไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อิสระ มือขวาก็แทบไม่สามารถกำหมัดได้อย่างใจคิด
เหอตังกุยเก็บเข็มกลับเข้าแขนเสื้อบริเวณข้อมือพลางพยักหน้ายิ้มตาหยีก่อนเอ่ย “ข้ายอมรับว่าข้าค่อนข้างงุ่มง่ามในการใช้อาวุธลับ แต่ทักษะฝังเข็มของข้านั้นไม่พลาดแน่ ช่างโชคดีที่วันนี้ได้แสดงให้คนเห็น ผู้ยอดยุทธ์หนิง เ้าว่าทักษะของข้าเป็อย่างไร? โปรดชี้แนะด้วย” เมื่อเหอตังกุยเห็นหนิงยวนคล้ายจะพุ่งตัวเข้าหานางด้วยความเดือดดาลจึงเอ่ยเสริมอย่างไม่รีบร้อน “อันที่จริงเข็มเงินนั้นมีพิษร้ายแรง เ้าขยับเขยื้อนเช่นนี้ไม่เป็กระไรหรือ?”
หนิงยวนเอ่ยอย่างเกรี้ยวกราด “อะไรนะ? เ้ากล้าใช้ยาพิษกับข้าหรือ? ข้าจะทำให้เ้าได้รับโทษข้อหาวางแผนสังหารสามีและข้าจะถอดชุดเ้าออก...”
“เปรียะ” เหอตังกุยพุ่งเข้าตบอีกฝ่ายก่อนวิ่งไปยังปากทางเข้าอย่างรวดเร็ว พลันเอ่ยด้วยรอยยิ้มพลางเอามือไพล่หลัง “เด็กน้อย ป้าเช่นข้า้าใช้ฝ่ามือนี้สั่งสอนเ้าให้สงบปากสงบคำ อย่าคิดเข้ามาเชียว ยาพิษของข้าร้ายแรงมาก” เมื่อนางเห็นหนิงยวนก้าวเข้ามาก็พลันถอยหลังสี่ก้าวเพื่อความปลอดภัยพลางเอ่ย “หากเ้าไม่เชื่อก็ลองแทงจุดฝังเข็มซางฉวี่ด้วยเข็มสีเงินได้เลย ดูว่าปลายเข็มเป็สีอะไร จุดฝังเข็มซางฉวี่เป็หนึ่งในแปดจุดสำคัญสำหรับผู้ฝึกวรยุทธ์ หากมีพิษแทรกซึม สถานการณ์ของเ้าจะรุนแรงเพียงใด ต่อให้เ้าไม่เชื่อข้า เ้าก็คงรู้ใช่หรือไม่ว่าเป็เช่นไร”
หนิงยวนจ้องเหอตังกุยด้วยสายตาราบเรียบก่อนเอ่ยถาม “เ้าจะเอาอย่างไร? จะวางยาข้าให้ตายหรือ?”
“พิษนี้ไม่ถึงแก่ชีวิต แต่สามเดือนหลังจากนี้...มันจะทำให้เ้าตาบอด สี่เดือนจะทำให้เ้าหูหนวก ห้าเดือนจะทำให้เ้าหัวล้าน และหกเดือนจะทำให้เ้าเป็หมัน” เหอตังกุยยกนิ้วนับผลลัพธ์แสนน่ากลัวของ “พิษ” ยิ่งนับก็ยิ่งมีความสุข เมื่อเห็นใบหน้า “ไม่มีความสุข” ของหนิงยวนก็พลันนึกถึงวิชาตัวเบาอันน่าประหลาดใจของอีกฝ่าย นางไม่อยากล่วงเกินจนเขาขุ่นเคืองมากกว่านี้จึงกล่าว “เมื่อคิดดูแล้ว นี่เป็ความผิดครั้งแรกของเ้า ยังไม่ถึงขั้นต้องทำให้เ้า “ไร้ทายาทสืบสกุล” ข้าจะให้ยาแก้พิษชั่วคราวแก่เ้าทุกเจ็ดวัน ตอนเ้าออกจากตระกูลหลัว พิษจะถูกล้างอย่างสมบูรณ์”
“เ้า้าอันใด? ข้าไม่คิดว่าเ้าจะช่วยข้าโดยไม่้าสิ่งตอบแทน...ใช่หรือไม่?” ขณะเอ่ยถาม ดวงตาของหนิงยวนก็เปลี่ยนจากสีดำเข้มเป็สีน้ำตาลทอง ขนตาเป็แพยาวหนาแน่น ทว่าเหอตังกุยที่กำลังวางแผนหลบหนีนั้นกลับไม่สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย
“เ้าช่างฉลาดเสียจริง ความจริงแล้วข้ามีหนึ่งคำขอ” เหอตังกุยพูดพร้อมโยกนิ้วชี้เรียวเล็กไปมา “แม้เ้าจะยังสงสัยในฐานะของข้า แต่ข้าก็อยากให้เ้าสาบานเดี๋ยวนี้...หากเ้ากลับมาแก้แค้นข้าหลังจากถอนพิษแล้ว หากเ้ากล้าแตะต้องข้าแม้แต่ปลายเล็บ หากเ้ายืนกรานจะจับข้าเป็ชายา เ้าจะไร้ทายาทสืบสกุล พูดเดี๋ยวนี้ รีบพูดเร็วเข้า ไม่มีใครในโลกนี้ล้างพิษให้เ้าได้ยกเว้นข้า”
หนิงยวนก้มศีรษะ เกลียดตัวเองยิ่งนักที่จู่ ๆ อาการาเ็ก็กำเริบ เหตุใดเคล็ดวิชาถงชู่ที่ท่านอาจารย์สอนถึงไม่ได้ผล? หรือพิษของนางรุนแรงเกินไป? แย่เหลือเกิน ในบรรดาองค์ชายทั้งหมดมีเพียงดวงตาของข้าเท่านั้นที่เป็สีน้ำตาล หากสาวน้อยเห็นดวงตาสีน้ำตาลนี้เข้า ด้วยความสามารถด้านสติปัญญาของสำนักฉีหยางกง ความลับของข้าก็จะถูกเปิดเผยอย่างสมบูรณ์ หากข้าฆ่านาง...ความสัมพันธ์ของเฟิงหยางและองครักษ์ก็จะถูกเปิดเผยเช่นกัน เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา ฉางนั่วไม่สามารถแสร้งเป็เฟิงหยางได้อีกต่อไป ข้าก็จะสูญเสียการสนับสนุนที่แข็งแกร่งจากพรรคเฉา นั่นเปรียบเสมือนสูญเสียแขนข้างหนึ่ง!”
หลังไตร่ตรองถึงผลดีและผลเสีย หนิงยวนก็ก้มศีรษะพลางพูดเสียงแข็ง “ข้าสาบาน หากข้าทำร้ายเ้า หากข้าไม่จริงใจและบังคับเ้าแต่งงาน ข้าจะไม่มีลูกตลอดชีวิต”
เหอตังกุยคิดไม่ถึงว่าเขาจะให้สาบานอย่างว่าง่ายเช่นนี้ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงฮวามามาและหลี่มามาเดินมาทางนี้ นางจึงไม่คิดอยู่ให้เสียเวลาอีกพลันรีบทิ้งประโยค “มือของเ้าจะขยับได้ในหนึ่งชั่วยาม หลังจากนั้นทุกเจ็ดวันมารับยาที่ข้าได้” กล่าวจบก็ห้อตะบึงไปทางระเบียงอย่างรวดเร็ว
เมื่อวิ่งมาถึงห้องโถงหลักก็หยุดพักหายใจครู่หนึ่ง ฮู้...บุรุษประเภทใดกันน่ากลัวถึงเพียงนี้ วรยุทธ์ไร้ที่ติ แผนการละเอียดรอบคอบ ลงมือโเี้ไร้ปรานี
เขาเป็ใครกันแน่? ลูกหลานและเหลนเพศชายของจูหยวนจางมีมากกว่าสามสิบคน เจ็ดคนในนั้นอายุเท่าเขา แม้เขาจะเรียกตัวเองว่า “ท่านอ๋อง” แต่เขาอาจโกหกนางก็เป็ได้ คนทั่วไปไม่สามารถใช้อำพันทะเล แต่ด้วยวิชาตัวเบาอันยอดเยี่ยมอาจทำให้เขาสามารถเข้าไปขโมยอำพันทะเลในตำหนักวังหลวงได้โดยง่าย...ชักไม่ใช่เื่ดีเสียแล้ว เขาเริ่มสนใจความลับของนาง ทั้งยัง้าพานางไป “ศึกษาช้า ๆ ” สรุปคือจนกว่าเขาจะออกจากตระกูลหลัว นางคงต้องเตรียมเข็ม “พิษ” จำนวนมากสักหน่อย
“คุณหนูสาม ในที่สุดก็ตามหาท่านเจอเสียที ท่านไปที่ใดมาเ้าคะ?” หลี่มามาและฮวามามาวิ่งเข้ามาด้วยความกระหืดกระหอบ “ต้าเส่าไหน่ไหน่พาคุณชายจูมาแล้วเ้าค่ะ ตอนนี้กำลังเดินมาด้านนี้ ท่าน...”
“ทำตามแผนที่วางไว้ก็พอ ข้าจะไปซ่อนตัวในห้องน้ำชา” เหอตังกุยเอ่ยตอบแล้วหันหลังเดินเข้าห้องโถงใหญ่ ผ่านห้องข้างและห้องปีกข้างก่อนตรงไปยังห้องสุดท้าย เมื่อถึงห้องน้ำชาจึงดื่มชาสักถ้วยเพื่อสงบสติ โชคดีที่หลังจากขโมยเข็มเหล่านี้ จู่ ๆ ก็เกิดความคิดที่ดีคือใช้ยาชาเทียนชางทาบนเข็มเงิน หากใช้มันพร้อมเคล็ดวิชาฝังเข็มอวินฉีอาจทำให้ประสิทธิภาพเพิ่มถึงสองเท่า ไม่คาดคิดว่าจะได้ใช้วิธีนี้กับหนิงยวนเป็คนแรก ยาชาเทียนชางมีประโยชน์ต่อเส้นลมปราณ ถุงน้ำดี ทั้งยังทำให้หัวใจมีเรี่ยวแรง ทว่าอาการชาและตุ่มเืขนาดใหญ่ที่นางเจาะบนหลังมือเขาก็เพียงเพื่อทำให้หนิงยวนหวาดกลัวชั่วคราวและบังคับให้สาบานเท่านั้น นางหวังเพียงเขาจะรักษาสัญญาและไม่สร้างความเดือดร้อนให้นางอีก
เดิมทีนางอยากให้เฟิงเหยียนและเฟิงอวี้ออกตามหาฉานอี แต่ตอนนี้ตนกับหนิงยวนไม่ลงรอยกันนักจึงต้องคิดหาวิธีอื่น เหอตังกุยที่จมจ่อมอยู่ในความคิด จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงต่งซินหลันและหยางมามา เมื่อเงี่ยหูฟังอย่างละเอียดพบว่ามีคนไม่น้อย หลัวไป๋เฉียน หลัวไป๋เส่าและคุณชายเว่ยก็รวมอยู่ในนั้นด้วย
หยางมามาก็คิดไม่ถึงเช่นกัน เหล่าไท่ไท่เพิ่งตำหนิและขับไล่ทั้งสองออกไปเมื่อคืน ทว่าการสลบไสลของคุณชายจูในวันนี้กลับทำให้พวกเขามาที่นี่ถึงห้าคน ด้านคนของพวกนาง เมื่อรวมหลี่มามาและฮวามามาแล้วก็มีเพียงสามคน จำนวนของทั้งสองฝ่ายแตกต่างกันสิ้นเชิง ด้วย้าปล่อยให้คุณชายจูอยู่ลำพังในห้องปีกข้าง หยางมามาจึงเสนอที่จะเชิญทุกคนไปพูดคุยกับเหล่าไท่ไท่อย่างอบอุ่น ทุกคนต่างเห็นด้วยกับข้อเสนอ ขณะที่ต่งซื่อจะจากไปก็้าพาคุณชายจูไปด้วย หยางมามาเอ่ยปรามทันทีพลันบอกว่าคุณชายจูยังสลบไสล ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้บ่อยนัก มิเช่นนั้นจะเป็หวัดง่ายและอาจตกอยู่ในอันตราย ต่งซื่อคิดว่าที่หยางมามากล่าวก็มีเหตุผลไม่น้อยจึงวางคุณชายจูไว้ที่ตั่งยาวก่อนหันหลังจากไป
เหอตังกุยได้ยินเสียงฝีเท้าของทุกคนเดินไปไกลแล้ว ขณะเดียวกันเสียงหายใจของคุณชายจูก็ยาวและราบรื่น เห็นได้ชัดว่าเขากำลังหลับสบาย นางจึงออกไปตรวจสอบร่างกายหลานชายทันที
เด็กชายวัยสามขวบร่างซูบผอมสวมชุดผ้าต่วนคลุมทับด้วยผ้าบุนวม ดวงตาปิดสนิทราวกำลังฝันและไม่มีใครสามารถรบกวนได้ เหอตังกุยเดินเข้าใกล้พลางคิดในใจ “ต่งซื่อกล้าพาคุณชายจูมาให้เหล่าไท่ไท่ดูอาการ เขาคงไม่ตื่นขึ้นในทันที ไม่รู้ว่าต่งซินหลันใช้วิธีใดให้เขานอนหลับ” เหอตังกุยเปิดผ้านวม ดึงมือที่เล็กกว่ามือนางครึ่งหนึ่งขึ้นมาจับชีพจร จากนั้นก็เปิดเปลือกตาเพื่อดูสีดวงตา ก่อนหัวเราะอย่างอดไม่ได้
ยาเิฮั่น...ที่แท้ก็คือยาเิฮั่น คิดไม่ถึงว่าใต้หล้าจะมีมารดาใจดำอำมหิตเพียงนี้ เพื่อระบายความโกรธใส่ใครสักคน เพื่อใส่ร้ายเด็กสาวที่แทบไม่มีความแค้นกับนาง ถึงขั้นต้องใช้ยาเิฮั่นกับลูกชายแท้ ๆ เชียวหรือ
เหอตังกุยครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนหยิบเข็มเงินขนาดเล็กสามเล่มและเข็มเงินขนาดกลางอีกหนึ่งเล่ม จากนั้นก็ถอดเสื้อคุณชายจูออกเพื่อรักษาด้วยการฝังเข็ม เวลาผ่านไปราวหนึ่งเค่อ[1]ก็ได้ยินเสียงเบา ๆ จากระยะไกล เสียงที่ดังที่สุดคือเสียงของต่งซื่อ เหอตังกุยขมวดคิ้วพลันรีบเก็บเข็มก่อนแต่งตัวให้คุณชายจู ขณะเดียวกันก็เผยรอยยิ้มเยาะ ปกติต่งซื่อมักพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนยุงเด็ก ดูเหมือนครั้งนี้นางจะได้รับความทุกข์ทรมานจากหลัวไป๋เฉียนไม่น้อย ถึงขั้นต้องใช้เสียงจริงเพื่อเอ่ยปลอบใจตัวเอง”
เมื่อคลุมผ้าห่มกลับคืนให้คุณชายจูดังเดิมโดยมุมทั้งสี่ม้วนขึ้น เหอตังกุยพลันะโข้ามหน้าต่างด้วยมือข้างเดียวก่อนตรงไปยังเรือนด้านหลัง นางยืนหลังพุ่มกุหลาบพลางฟังเสียงจากระยะไกล นอกจากกลุ่มคนที่เพิ่งจากไปเมื่อครู่ก็ดูเหมือนจะมีกลุ่มของเหล่าไท่ไท่อีกจำนวนหนึ่ง เสียงที่ใกล้ที่สุดคือหมอหม่าและหมออูผู้มีชื่อเสียงที่สุดในซานซิงถังที่มาดูอาการป่วยของคุณชายจู เฮอะ คึกคักเสียยิ่งกว่างานเต้นรำร้องเพลงเสียอีก
หลังเสียงฝีเท้าเงียบ เสียงร้องไห้ของต่งซื่อก็ดังขึ้นแทนที่ “ลูกชายของข้าเพิ่งฟื้นเมื่อวาน คนผู้นั้นช่างใจคอโเี้เสียจริง แกงรังนกที่นางส่งมานั้นไม่รู้ว่าใส่อันใดลงไปบ้าง คุณชายจูสลบหลังดื่มมันเพียงสองคำ ฮือ ๆ ข้าไม่รู้ว่าครั้งนี้เขาจะฟื้นหรือไม่”
เป็เพราะเมื่อคืนนางถูกเหล่าไท่ไท่ตำหนิ วันนี้จึงไม่เรียกเหอตังกุยอีกต่อไป แต่ใช้คำว่า “คนผู้นั้น” แทน เหล่าไท่ไท่ หยางมามาและหลัวไป๋เฉียนต่างรู้เหตุผลในเื่นี้ดีจึงไม่ถือสา แต่หนิงยวนและเฟิงหยางตัวปลอมกลับอดสงสัยมิได้ ทั้งยังคิดว่าต้องมีเื่ใหญ่อันใดเกิดขึ้นเป็แน่
เฟิงหยางตัวปลอมเอ่ยแนะนำด้วยความหวังดี “ฮูหยิน ท่านไม่ต้องเสียใจ กฎหมายบ้านเมืองไม่ปล่อยคนร้ายที่วางยาฆ่าคนโดยง่าย ยิ่งการวางยาเด็ก กฎหมายไม่ปล่อยไว้แน่ พวกเรารีบไปแจ้งทางการให้เร็วที่สุดเถิด พวกเขาจะได้ลงมาจัดการ”
“ไม่ได้ แจ้งทางการไม่ได้” เหล่าไท่ไท่ หยางมามาและต่งซื่อร้องะโอย่างพร้อมเพรียงกัน
---------------------------------------------------
[1] หนึ่งเค่อ หมายถึงเวลา 15 นาที
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้