จ้าวเวยเวย หญิงสาว อายุ17 ปี วันนี้เธอกำลังเตรียมตัวที่จะเดินทางไปประเทศจีน และอยู่อาศัยเป็เพื่อนคุณย่าจ้าวทั้งสอง
จ้าวเวยเวยเธอเป็ลูกครึ่งไทย-จีน มีแม่เป็คนไทยและพ่อเป็คนจีน ทั้งสองพบรักกันตอนที่แม่ไปเป็นักเรียนแลกเปลี่ยนที่ประเทศจีน ก่อนจะแต่งงานและพ่อตัดสินใจย้ายมาอยู่กับแม่ที่ประเทศไทย
ในระหว่างที่จ้าวเวยเวยกำลังนั่งอยู่บนเตียงนอนหลังใหญ่ และพับเสื้อผ้าลงกระเป๋าเดินทางใบใหญ่อยู่นั้น คุณแม่ยังสวยของเธอก็เดินเข้ามาในห้องนอนของลูกสาว
เขมิกาเดินเข้ามานั่งลงข้างลูกสาว“เวยเวย หากลูกไม่อยากไปอยู่เป็เพื่อนคุณย่าที่ประเทศจีน ลูกก็บอกแม่ได้ แม่จะไปคุยกับคุณพ่อให้ลูกเอง”
จ้าวเวยเวย มองแม่เขมิกาของเธอและกล่าวว่า“คุณแม่ คุณย่าโทรศัพท์มาหาคุณพ่อ สั่งให้คุณพ่อส่งฉันไปอหาท่านที่ประเทศจีน หลังเรียนจบเนื่องจากคุณย่าทวดป่วยหนัก และท่าน้าพบฉัน หากฉันไม่ไปเจอท่าน คุณพ่อคงจะถูกต่อว่าเป็ลูกหลานอกตัญญู”
“แม่ไม่เข้าใจเลย ย่าทวดของลูกเคยเจอลูกแค่ครั้งเดียว ตอนลูกเกิดเท่านั้นเอง ทำไมอยู่ๆถึงอยากเจอลูกขึ้นมาได้ ยัง้าพบลูก ทำให้ลูกต้องเดินทางไปประเทศจีน ั้แ่วันแรกที่ลูกเรียนจบมัธยมปลายด้วย”เขมิกาพูดกับลูกสาว เธอไม่อยากห่างจากลูกสาวคนโตไป เธอมีความรู้สึกว่าจะไม่ได้เจอลูกสาวอีก
จ้าวเวยเวยวางมือที่กำลังพับผ้าลงกระเป๋าเดินทาง และขยับกระเป๋าเดินทางออกไปข้างตัว ก่อนจะล้มตัวเอาหัวหนุนตักแม่“แม่คะ แม่อยากคิดมากสิ พอพ่อเคลียร์งานได้ ก็จะพาแม่กับน้องสาวตามฉันไป เราห่างกันแค่เดือนเดียวเอง เดี๋ยวก็ได้เจอกันแล้ว”
เขมิกาได้ยินที่ลูกสาวพูด เธอก็ลูบไปที่ผมของลูกสาว“แม่รู้สึกไม่ค่อยดีเลย กับการที่ลูกต้องเดินทางไปประเทศจีนครั้งนี้”
“คุณแม่ อย่างคิดมาสิคะ ใช่ว่าฉันไปเคยเดินทางไกล ตอนที่ฉันอายุ15ปี คุณแม่ยังยอมให้ฉันไปเรียนซัมเมอร์ที่ฝรั่งเทศเลย”จ้าวเวยเวยกล่าว
“มันไม่เหมือนกัน รอบนี้แม่รู้สึกใจคอไม่ดีเลยลูก” เขมิกาบอกลูกสาวและทำสีหน้าไม่ค่อยดี
จ้าวเวยเวยเห็นสีหน้าของแม่แล้ว เธอก็รู้สึกไม่ค่อนสบายใจนัก"คุณแม่คะ พรุ่งนี้พวกเราไปวัด ไปไหว้พระกันดีไหมคะ"
“แต่พรุ่งนี้ลูกต้องเดินทางแล้วนะ จะมีเวลาที่ไหนกัน”เขมิกาถามลูกสาว ตั๋วเครื่องบินก็ซื้อเตรียมเอาไว้แล้วด้วย
“ไม่เป็ไรคะ ฉันไปช้าสักวันก็ได้ ในเมื่อคุณแม่ไม่สบายใจ จะให้ฉันเดินทางไปได้ยังไงกัน”จ้าวเวยเวยกล่าวและลุกมากอดร่างผอมบางของแม่
เขมิกายิ้ม พูดว่า"ตกลง ตอนเย็นเราก็บอกเื่นี้กับพ่อและน้องสาวของลูกกันนะ"
…
ตอนเย็น ระหว่างทุกคนกำลังกินข้าวเย็นกันอยู่ จ้าวเวยเวยบอกกับทุกคนว่า"พ่อคะ พรุ่งนี้ฉันยังไม่ไปประเทศจีนนะคะ ฉันจะเลือนการเดินทางออกไปอีกหนึ่งวันก่อน"
จ้าวิโจวหันไปมองลูกสาวคนโต และถามว่า"ทำไมละ ลูกจองตั๋วเครื่องบินเอาไว้แล้วไม่ใช่เหรอ?แล้วคนที่นู่นกำลังรอลูกอยู่นะ ทำไมอยู่ๆถึงจะเลือนการเดินทางออกไปละ?"
“คุณคะ ที่ลูกเลือนวันเดินทางออกไป เป็เพราะฉันรู้สึกไม่สบายใจ ลูกเลยอยากจะพาไปไหว้พระที่วัดนะคะ คุณอย่าต่อว่าลูกเลยนะ”เขมิกาตอบคำถามสามีแทนลูกสาว
จ้าวิโจวได้ยินว่าภรรยารัก มีเื่ไม่สบายใจก็รีบถามภรรยาว่า“คุณไม่สบายใจเื่อะไรครับ ทำไมไม่บอกผมก่อน และผมก็ยังไม่ได้ต่อว่าอะไรลูกเลย ผมก็แค่ถามเหตุผลที่ลูกเลือนวันเดินทางออกไปเท่านั้น”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน พอเห็นว่าลูกกำลังจะเดินทางไปต่างประเทศ ห่างไกลสายตาและอ้อมกอดของฉัน หัวใจของฉันก็เจ็บไปหมดแล้ว”เขมิกากล่าวและใบหน้าสวยซีดเซียวลงมาก
จ้าวิโจวเห็นแล้วก็อดสงสารภรรยาไม่ได้"เอาแบบนี้แล้วกัน ผมจะให้เวยเวยของเรา ไปอยู่เป็เพื่อนคุณแม่และคุณย่าทวดสักเดือน แล้วเราค่อยตามไปรับลูกกลับบ้านดีไหม ไม่ต้องให้ลูกอยู่นานหลายเดือนอย่างที่บอกแล้ว"
“แบบนี้มัน…จะดีหรือคะ คุณตกลงกับคุณแม่ ให้ลูกไปอยู่เป็เพื่อนท่านสามเดือน อยู่ๆให้แกไปอยู่แค่เดือนเดียว ทางนั้นจะไม่โกรธเอาเหรอ”เขมิกาถามสามี เธอกลัวว่าแม่สามีจะโกรธและต่อว่าสามีของเธอ
“ผมไม่สน จ้าวเวยเวยเป็ลูกสาวของผม ผมอยากให้แกอยู่หรือให้แกกลับมาตอนไหนก็ได้ ซึ่งมันเป็การตัดสินใจของพวกเราที่เป็พ่อแม่”จ้าวิโจวบอกภรรยา เขมิกาที่ได้ยินว่าลูกสาวจะไปอยู่แค่เดือนเดียว เธอรู้สึกดีขึ้นมากถึงแม่หัวใจยังมีอาการเจ็บอยู่บ้างก็ตาม
“แม่…พ่อ พรุ่งนี้เรายังจะไปวัดกันอยู่ไหนคะ”จ้าวเจินเจินถาม
“ยังต้องไปสิ พี่โทรไปขอเลือกวันเดินทางแล้ว”จ้าวเวยเวยบอกน้องสาว
จ้าวเจินเจินได้ยินว่าพี่สาวจะอยู่บ้านอีกหนึ่งวัน เธอก็ดีใจมาก"ดีเลย พรุ่งนี้พวกเราไปวัดกันแล้ว ก็ไปเที่ยวที่อื่นกันต่อเลยนะ เราไม่ได้ออกไปเที่ยวกันทั้งครอบครัวมานานแล้ว"
“นั้นสินะ พ่อเอาแต่ยุ่งกับงาน จนไม่ได้พาทุกคนออกไปเที่ยวพักผ่อนที่ไหนเลย”จ้าวิโจวกล่าว
“พรุ่งนี้เราไปวัดกันก่อน แล้วค่อยไปเดินเที่ยวห้างกัน”เขมิกาบอกและชวนลูกทั้งสองคุยกัน ว่าพรุ่งนี้อยากจะไปซื้อเสื้อผ้า ซื้อกระเป๋าหรือเครื่องสำอางอะไร โดยไม่รู้เลยว่าความสุขแบบนี้จะไม่มีอีกแล้ว
…………………………………………………………………………………
เื่นี้เป็เื่ใหม่ ที่พึ่งหัดเขียนเป็นิยายใน่เวลาของยุคสาธารณรัฐ ในปี1925 หากเป็ขอผิดพลาดอะไรก็ต้องขออภัยทุกคนด้วยนะคะ