ั์ตาของชายวัยกลางคนร่างกำยำกำลังฉายแววอำมหิตออกมา ชายร่างผอมถึงกับผงะไปทันที แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้โต้ตอบ อีกฝ่ายก็ใช้ฝ่ามือข้างหนึ่งตบมาทางเขาอย่างรุนแรง
ปัง!
ชายร่างผอมไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะโจมตีเขาอย่างกะทันหันเช่นกัน เขาจึงไม่ทันได้ตั้งตัว เป็ผลให้ถูกฝ่ามือนั้นตบจนตัวลอยกระเด็นออกไปไกลหลายเมตร
“ไม่… หม่าเฉวียน เ้าคนสารเลวน่ารังเกียจ!”
ชายร่างผอมล้มคล่ำลงบนพื้น ก่อนจะกระอักเืออกมาและะโด่าอีกฝ่าย
“ฟ่อ ฟ่อ...!”
ทันใดนั้นกลิ่นเหม็นคาวพลันลอยโชยเข้ามา พร้อมกับร่างขนาดใหญ่ั์ของพญางูเหลือมสีครามที่พุ่งเข้าไปฉกกินชายร่างผอมในทันที
“อ๊าก…!"
กร๊อบ!
พญางูเหลือมฉกไปยังศีรษะของชายร่างผอม ทำให้ศีรษะของเขาถึงกับหลุดออกจากร่างจากการกัดเพียงครั้งเดียว เืสีแดงสดในลำคอพุ่งกระฉูดขึ้นสูงหลายเมตร
ฉากนองเืนี้ดูน่าพรั่นพรึงเป็อย่างมาก จากนั้นพญางูเหลือมก็ได้กัดกินร่างนั้นเข้าไปในคำเดียว ใน่เวลาไม่กี่วินาที ชายวัยกลางคนที่เหลืออยู่ก็ทะยานร่างออกไปไกลยี่สิบถึงสามสิบเมตร ต่อให้ต้องผลักไสความตายให้ผู้อื่นเขาก็ไม่มีทางยอมให้ตัวเองต้องพบกับจุดจบ
นี่คือความน่ารังเกียจอย่างหนึ่งของมนุษย์ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับภัยคุกคามที่อันตรายถึงชีวิต ไม่ว่าสิ่งใดก็ล้วนลงมือทำได้ทั้งหมด
“เ้าเศษสวะ ชั่วช้าสามานย์”
เมื่อได้เห็นฉากนี้ มู่ขวงพลันนึกโกรธเคืองในความชั่วร้ายของอีกฝ่ายขึ้นมาทันที ในขณะที่ท่าทีของมู่เฟิงยังคงนิ่งสงบ ถึงอย่างไรเขาก็เคยผ่านประสบการณ์ความเป็ความตายในสนามรบมาก่อน
ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งสามารถลงมือสังหารคนหนึ่งคนได้เพราะความเห็นแก่ตัว ส่วนผู้ทะเยอทะยานในอำนาจคนหนึ่งก็สามารถวางแผนสังหารคนนับหมื่นได้เพราะความปรารถนาของตนเช่นกัน ประสบการณ์เหล่านี้เขาล้วนเคยผ่านมันมาแล้ว และนี่จึงเป็เหตุผลที่เขาต้องอดทนเพื่อให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น เขาไม่้าให้ชีวิตของตัวเองตกเป็เบี้ยหมากของผู้อื่น
หลังจากชายวัยกลางคนผู้นั้นวิ่งไปได้ระยะหนึ่ง เขาก็ดีดฝ่าเท้าทะยานร่างขึ้นสูงเจ็ดถึงแปดเมตร ก่อนจะคว้ากิ่งไม้ใหญ่บนหน้าผาเอาไว้แน่น
จากนั้นอีกฝ่ายก็พยายามปีนขึ้นมาบนผาหินซึ่งอยู่ฝั่งเดียวกับมู่เฟิงและมู่ขวง เพียงแต่ตำแหน่งของเด็กหนุ่มทั้งสองยังอยู่ห่างไกลออกไปอีกหลายร้อยเมตร
ชายผู้นั้นคว้าส่วนลำต้นของต้นไม้ก่อนจะทะยานร่างให้สูงขึ้นกว่าเดิม เขาเหยียบลงบนต้นไม้อีกหลายต้นจนสามารถปีนขึ้นมาได้อีกหลายเมตร มือข้างหนึ่งของเขาคว้าก้อนหินที่ยื่นออกมาตรงบริเวณริมผาเอาไว้แน่น จากนั้นเขาก็กระโจนร่างขึ้นอีกครั้งเพื่อหวังจะหลุดพ้นจากหุบเขาแห่งนี้
แต่ในขณะเดียวกันนั้น พญางูเหลือมที่เลื้อยอยู่ด้านล่างก็ได้มาถึงตำแหน่งที่เขาอยู่แล้วเช่นกัน เมื่อมันเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจะหลบหนีออกจากหุบเขา มันก็ส่งเสียงคำรามออกมาทันที
แสงสีครามพลันส่องสว่างขึ้นในปากของพญางูเหลือม ก่อนจะปรากฏเป็ลำแสงใบมีดสีครามอันคมกริบขึ้นมาสองสาย จากนั้นมันก็พุ่งออกจากปากอสูรร้ายไปยังชายวัยกลางคนที่กำลังหลบหนีในทันที
สีหน้าของชายวัยกลางคนพลันเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เขายกกระบี่เล่มใหญ่ขึ้นมาเพื่อสกัดมันเอาไว้ เนื่องจากเขากำลังห้อยตัวอยู่กลางอากาศจึงไม่มีวิธีที่จะสามารถหลบเลี่ยงมันได้
แกร๊ง!
ลำแสงสีครามสายหนึ่งปะทะเข้ากับกระบี่จนเกิดเสียงดัง โดยกระบี่นี้ยังสามารถสกัดการโจมตีเอาไว้ได้
โชคดีที่กระบี่เล่มนี้ของเขาคืออาวุธปราณระดับต่ำ เขาซื้อมันมาด้วยเงินออมที่อุตสาหะเก็บมานานหลายปี หากเปลี่ยนเป็กระบี่ธรรมดาคงไม่มีทางหยุดการโจมตีนี้ได้แน่
อาวุธที่ดีย่อมสามารถช่วยชีวิตตัวเองในยามวิกฤติได้ และเพราะแรงกระแทกจากการโจมตีเมื่อครู่มันจึงช่วยส่งแรงให้กระบี่เล่มนั้นลอยขึ้นไปบนหุบเขา ชายวัยกลางคนผู้นั้นรู้สึกยินดีเป็อย่างยิ่ง เขาสามารถอาศัยแรงนี้ช่วยพยุงตัวเองให้ขึ้นไปบนหน้าผาได้
แต่ความสุขของเขานั้นกลับอยู่ได้ไม่นาน ลำแสงสีครามอีกสายหนึ่งได้พุ่งทะยานเข้ามาในทันที
ฉึก...!
“อ๊าก…!”
ลำแสงสีครามสายนี้ตัดผ่าไหล่ซ้ายของเขาไป เป็ผลให้แขนข้างซ้ายข้างนั้นขาดกระเด็น แต่การโจมตีนี้ก็ส่งให้ร่างของเขาลอยกระเด็นขึ้นไปบนริมขอบของผาสูงเช่นกัน ทำให้เขาสามารถรอดพ้นจากหายนะในครั้งนี้ได้
พญางูเหลือมคำรามออกมาอย่างไม่พอใจ แต่เนื่องจากขนาดตัวของมันใหญ่เกินกว่าจะปีนผาหินนี้ขึ้นไปได้ ดังนั้นมันจึงทำได้เพียงเฝ้ามองมนุษย์ที่ขโมยไข่ของมันหนีไป
ตุ้บ!
“อ๊าก…!”
ร่างของชายวัยกลางคนร่วงกระแทกลงบนพื้นบริเวณริมผา มือข้างหนึ่งของเขากำลังกุมแขนข้างที่ขาดหายไป ขณะกรีดร้องออกมาอย่างเ็ป เขาต้องมาเสียแขนข้างหนึ่งเพื่อไข่งูไม่กี่ฟอง ไม่รู้ว่าการมาในครั้งนี้จะเรียกว่าได้กำไรหรือขาดทุนดีกันแน่ โชคยังดีที่ไม่ใช่แขนฝั่งที่เขาใช้กระบี่ ไม่อย่างนั้นเกรงว่าระดับวรยุทธ์ของเขาคงต้องสูญเปล่าแล้ว
ชายผู้นั้นอดทนต่อความเ็ปและลุกขึ้นยืนอีกครั้ง ในตำแหน่งที่ห่างจากบริเวณริมผาออกไปกว่าร้อยเมตรคือแขนที่ถูกตัดขาดของเขา เวลานี้มันยังคงมีเืไหลนองออกมา
เขาเปิดถุงหนังสัตว์บนหลังของตัวเองออก ภายในนั้นบรรจุไว้ด้วยไข่ของสัตว์ขนาดเท่ากำปั้นสามฟอง โดยสองฟองมีสีครามส่วนอีกฟองมีสีขาว
ไข่ทั้งสามฟองนี้ล้วนเป็ไข่ของพญางูเหลือม ดังนั้นแต่ละฟองจึงมีมูลค่าอย่างน้อยสองพันถึงสามพันเหรียญตำลึงทอง เมื่อใดที่เขาขายไข่ทั้งสามฟองนี้ออกไป มันย่อมทำให้เขาสามารถใช้ชีวิตอย่างสุขสบายได้อีกหลายปี ไม่จำเป็ต้องมาใช้ชีวิตย่างสิ้นหวังแบบนี้
ชายผู้นั้นหยิบขวดยาออกมาจากถุงหนังสัตว์ าแจากแขนที่ขาดไปนั้นรุนแรงมากจนทำให้เขาตัวสั่นเล็กน้อย ความเจ็บระหว่างการทายานี้ทำให้เขาต้องกัดฟันแน่นอีกครั้ง
หลังจากใช้ยาห้ามเืไปได้ไม่นาน เืจากาแก็หยุดไหล ชายวัยกลางคนล้มตัวลงนอนบนพื้นและหอบหายใจอย่างหนัก ใบหน้าของเขาดูซีดเซียว ทว่ายังคงมองเห็นถึงร่องรอยของความตื่นตระหนก
ความแข็งแกร่งของพญางูเหลือมนั้นอย่างน้อยก็เทียบได้กับผู้ฝึกยุทธ์ระดับหนิงกังขั้นสี่ แต่วรยุทธ์ของเขานั้นอยู่ในระดับจื่อฝู่ขั้นหกเท่านั้น หากต้องเผชิญหน้ากับมันเขาต้องตายเป็แน่ ดังนั้นเขาจึงไม่ลังเลที่จะใช้ชีวิตของสหายสังเวยงูตัวนั้นเพื่อซื้อเวลาให้กับตัวเอง
“ให้ตายเถอะ หลังจากกลับไปครั้งนี้ ข้าจะใช้ชีวิตเสวยสุขในหอชิงฮวาสักหนึ่งเดือน”
ชายวัยกลางคนสบถออกมา จากนั้นเขาก็หยัดกายขึ้นนั่งขัดสมาธิเพื่อฟื้นฟูพลังปราณที่ต้องเสียไปเมื่อครู่
บนริมผาที่ห่างออกไปไม่ไกลนัก มู่เฟิงและมู่ขวงกำลังหลบซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้ เมื่อมองลงไปด้านล่างพวกเขาพบว่าแม้พญางูเหลือมตัวนั้นจะไม่พอใจเป็อย่างมาก แต่มันก็เลื้อยกลับเข้าหุบเขาไปแล้ว
“ชายชั่วผู้นั้นช่างโชคดีเสียจริงที่หนีรอดมาได้ คนเช่นนั้นน่าจะถูกงูเหลือมเขมือบเข้าไปเสีย”
มู่ขวงกล่าวขึ้นอย่างเ็า ชายผู้นั้นละทิ้งสหายของตนใน่เวลาคับขัน นอกจากนี้ยังสละชีวิตของสหายเพื่อทางรอดของตัวเอง การกระทำนี้ทำให้เขารู้สึกขยะแขยงอย่างยิ่ง
“ฮึ่ม แม้เขาจะสามารถรอดพ้นจากพญางูเหลือมตัวนั้นได้ แต่เขาไม่สามารถรอดพ้นจากพวกเราได้แน่...”
มู่เฟิงกล่าวอย่างเย้ยหยัน พร้อมกับความคิดบางอย่างที่ปรากฏขึ้นมาภายในหัว
“ว่าอย่างไรนะ พี่เฟิง ท่านคิดจะลงมือกับเขาอย่างนั้นหรือ?” มู่ขวงพลันเข้าใจความหมายของมู่เฟิงในทันที
“อืม ชายผู้นั้นกำลังาเ็สาหัส อีกทั้งก่อนหน้านี้เขายังใช้พลังปราณไปมาก ดังนั้นเวลานี้แรงต่อสู้ของเขาคงเหลืออยู่ไม่มากนัก ภายในถุงหนังด้านหลังเขาต้องมีของดีอยู่เป็แน่”
มู่เฟิงหรี่ตาลงขณะกล่าวขึ้น
“ฮ่าๆ เอาเลย ข้าเองก็ไม่ชอบชายผู้นั้นเหมือนกัน สวะเช่นนี้ไม่สู้สังหารทิ้งเสียดีกว่า!”
มู่ขวงพูดขึ้นอย่างตื่นเต้น
“แต่ถึงอย่างไรฝ่ายตรงข้ามก็เป็ผู้ฝึกยุทธ์ระดับจื่อฝู่ หากเป็ข้าก่อนหน้านี้ ต่อให้ต้องเผชิญหน้ากันโดยตรงก็คงไม่ต้องหวั่นเกรง แต่เวลานี้ที่วรยุทธ์ของพวกเรายังอ่อนแอเกินไป ไม่สามารถเผชิญหน้ากับเขาโดยตรงได้ ดังนั้นพวกเราควรจะ...”
มู่เฟิงกระซิบวิธีการบางอย่างให้กับมู่ขวง มู่ขวงพยักหน้าซ้ำไปมา จากนั้นเด็กหนุ่มทั้งสองได้ย่องไปทางชายวัยกลางคนผู้นั้นอย่างเงียบเชียบ