ทำไมศพของจ้าวอี้เปยถึงปรากฏตัวขึ้นที่นี่ ยิ่งกว่านั้นเห็นชัดเจนว่าเขาเป็แค่ร่างไร้ชีวิต ทำไมถึงสามารถเคลื่อนไหวได้? ใจเย่เฟิงสั่นสะท้าน เขาพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “เซียวฉี่อยู่ที่ไหน ฉันจะรีบขึ้นไปก่อน”
“ตึกสองชั้นสี่...” ชายหน้ากากหัวกะโหลกพูดไม่ทันจบดี เย่เฟิงก็เคลื่อนตัวออกไปอย่างรวดเร็วโดยใช้ย่างก้าวไร้เงาพุ่งออกไปยังตึกสองของอะพาร์ตเมนต์
โลกเทวะมีทักษะเซียนมากมายเกี่ยวกับการใช้ศพ เช่น การควบคุมิญญา ซึ่งเป็ทักษะที่ครอบงำซากศพของสิ่งมีชีวิตและรักษาประสิทธิภาพการต่อสู้ให้เหมือนตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ อีกทั้งพวกซากศพไม่กลัวตาย ผู้ฝึกตนที่ฝึกฝนทักษะเซียนนี้เป็บุคคลที่แข็งแกร่งและยิ่งใหญ่มาก แต่นึกไม่ถึงเลยว่าในโลกนี้จะมีคนแบบนี้อยู่?
เย่เฟิงไม่ได้คิดอะไรอีก เขาวิ่งด้วยความรวดเร็ว เพียงไม่นานก็มาถึงหน้าอะพาร์ตเมนต์ตึกที่สอง เมื่อเงยหน้ามอง หัวใจของเขาถึงกับสั่นระรัว ชายหนุ่มเห็นผู้ชายคนหนึ่งในสภาพเดียวกับจ้าวอี้เปยตรงบริเวณระเบียงชั้นสาม เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง กำลังเดินวนไปทั่ว
“เซวี่ยนเฟิงฝู?!” หัวใจของเย่เฟิงสั่นสะท้าน ชายร่างกำยำคนนั้นมีใบหน้าขาวซีด อีกทั้งมีาแบริเวณลำคอซึ่งมองเห็นได้ชัดเจน นั่นมันไม่ใช่รอยแผลจากการถูกมีดบินของจูไป่เหนี่ยวโจมตีหรอกหรือ?
จำได้ว่าตอนนั้นศพของเซวี่ยนเฟิงฝูถูกเตาปาและจ้าวอี้เปยโยนลงแม่น้ำไปแล้วไม่ใช่หรือ? แล้วเหตุใดอีกฝ่ายถึงปรากฏตัวที่นี่ได้ ชายหนุ่มไม่มีเวลาคิดมากไปกว่านี้แล้ว เขาไม่รอชายหน้ากากหัวกะโหลก ตัดสินใจโคจรพลังชี่ไว้ที่ขาแล้วะโเต็มแรงผสานกับการใช้ย่างก้าวไร้เงา ทำให้สามารถขึ้นมาอยู่บนระเบียงชั้นสามด้วยการะโเพียงครั้งเดียว!
หากเป็ผู้ฝึกตนทั่วไปอย่าว่าแต่มีพลังบ่มเพาะห้าปีเลย ต่อให้มีพลังบ่มเพาะถึงสิบปีก็ยังไม่สามารถะโได้สูงขนาดนี้ เว้นแต่เป็ผู้ฝึกตนที่เชี่ยวชาญวิชาตัวเบาอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ แต่เย่เฟิงเพียงอาศัยพลังชี่ผสานเข้ากับย่างก้าวไร้เงา จึงสามารถะโได้สูงกว่าคนอื่นหลายเท่าตัว
ฉัวะ!
ประกายแสงสีส้มของกระบี่เจินชี่ซึ่งอัดแน่นด้วยพลังฟันคอของเซวี่ยนเฟิงฝู ศีรษะของเขาพลันขาดกระเด็นโดยที่เซวี่ยนเฟิงฝูไม่ทันมีปฏิกิริยาตอบสนอง จากนั้นเขาเตะศีรษะของอีกฝ่ายลอยไปกระแทกกำแพงอย่างแรง จนะเิโดยไม่คาดคิด ร่างของอีกฝ่ายมอดไหม้กลายเป็ขี้เถ้า!
เมื่อเย่เฟิงเห็นดังนั้นก็ถึงกับตกตะลึง ศพของเซวี่ยนเฟิงฝูกลายเป็ไร้ตัวตนไปแล้ว? ถ้างั้นร่างของจ้าวอี้เปยเมื่อครู่...
“เป็ไปตามคาด...” ในเวลานั้นเองน้ำเสียงถมึงทึงของชายแก่คนหนึ่งดังจากในห้องมาถึงระเบียง พร้อมกับเสียงร้องขอความช่วยเหลือของหญิงสาวและเสียงคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยวของชายหนุ่ม
“เซียวฉี่ หลินซิวเหวิน? แล้วชายชราคนนั้นเป็ใคร?” เย่เฟิงตื่นตัวในใจ เขาใช้ย่างก้าวไร้เงาพร้อมกระบี่เจินชี่สีส้มเล่มยาวในมือ กระแทกประตูห้องก่อนบุกเข้าไป
เมื่อเข้าไปก็พบว่ามันเป็ห้องนอนสีชมพูของผู้หญิง หลินซิวเหวินอยู่ในสภาพเปลือยเปล่า ิัทั่วร่างแดงเถือก คำรามราวกับสัตว์ป่า หญิงสาวอีกคนถูกเขาบีบบังคับจนมุม เธอไม่ใช่เพื่อนสนิทของหลินซือฉิงหรอกหรือ ผู้เป็เ้าของร้านคาเฟ่ เซียวฉี่จากตระกูลเซียว?
จากใบหน้าที่น่ารักสดใส เวลานี้กลับเปรอะเปื้อนเืที่มองเห็นได้ชัดเจนถึงสองจุด ชุดนอนสีขาวมอมแมม มือกำรองเท้าส้นสูงทุบตัวหลินซิวเหวินไม่หยุด เธอ้าไล่เขาออกไป
เห็นได้ชัดว่าตอนนี้หลินซิวเหวินกำลังคลุ้มคลั่งไร้สติ เขาพยายามทำเื่ที่ผิดต่อเซียวฉี่ แต่เธอก็ไม่ใช่ผู้หญิงที่จะนั่งรอความตาย หญิงสาวพยายามร้องขอความช่วยเหลือพร้อมปกป้องตัวเอง นอกจากสองคนนี้ ในห้องก็ไม่มีใครอยู่เลย
“แล้วเสียงชายชราเมื่อครู่คือใคร?” เย่เฟิงตื่นตัวมากขึ้น เขาทิ้งภาพติดตาเอาไว้ขณะพุ่งตัวไปขวางหน้าเซียวฉี่ จากนั้นเตะหลินซิวเหวินที่กำลังคลั่งปลิวออกไป ‘พลั่ก’ ตามด้วยเสียงกระแทกกำแพง
“คุณไม่เป็อะไรใช่ไหม?” เย่เฟิงซึ่งอยู่ภายใต้หน้ากากหันกลับไปถามเซียวฉี่เสียงทุ้มต่ำ
“มะ... ไม่เป็ไร...” หญิงสาวใกลัว ดวงตาคู่ใสจ้องชายตรงหน้าอย่างระแวดระวัง
ชายสวมหน้ากากนี่เป็ใคร? ทำไมถึงเข้ามาจากทางระเบียง? ทุกอย่างดูน่าสงสัยเหลือเกิน! แม้เขาเตะหลินซิวเหวินปลิวออกไปแล้ว แต่เธออาจหนีเสือปะจระเข้ก็ได้
เย่เฟิงมองออกว่าอีกฝ่ายกำลังหวาดระแวง แต่ก็ไม่สนใจเธอมากนัก ทำเพียงเดินไปทางหลินซิวเหวิน ขณะเดียวกันก็สำรวจภายในห้องอย่างละเอียดเพื่อเตรียมรับมือหากเกิดอะไรขึ้น เพียงไม่นานก็พบว่าในห้องนี้ไม่มีบุคคลที่สามอยู่จริงๆ ทำให้เขาโล่งใจขึ้นบ้าง
เมื่อมองไปทางหลินซิวเหวินก็เห็นเพียงดวงตาสีแดงก่ำของอีกฝ่าย ท่อนบนของเขาเปลือยเปล่า ผิวร้อนผ่าว ชายหนุ่มคำรามไม่ยอมหยุดดูไร้สติอย่างสิ้นเชิง หลังจากถูกเย่เฟิงเตะกระแทกกำแพงจนได้รับาเ็ก็เขาพยายามลุกขึ้นอยู่นานแต่ทำไม่ได้
“เกิดอะไรขึ้นกับเขา?” เย่เฟิงถามเสียงขรึม
“ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน....” แม้เหตุการณ์จะผ่านไปแล้วแต่เซียวฉี่ก็ยังกลัว “เมื่อครู่ชายชราคนหนึ่งเข้ามากับเขาด้วย แล้วเขาก็จะทำมิดีมิร้ายฉัน...”
“แล้วชายชราคนนั้นล่ะ?” เย่เฟิงถาม
“เขาก็อยู่ตรง... เอ๊ะ หายไปไหนแล้ว?” เซียวฉี่หันไปมองรอบๆ แต่ไม่พบใคร จึงอดแปลกใจไม่ได้
ปัง!
ในเวลานั้นเองเสียงปืนดังไม่ไกลจากอะพาร์ตเมนต์ แม้จะเบามากแต่ก็ทำให้เย่เฟิงที่มีประสาทััรับรู้มากกว่าคนปกติได้ยิน
“เธอดูเขาไปก่อนแล้วกัน ฉันจะออกไปข้างนอกสักพัก” เย่เฟิงต่อยคุณชายสามตระกูลหลินที่กำลังคลั่งจนสลบเหมือดโดยไม่ลังเล จากนั้นะโออกไปทางระเบียง เสียงปืนดังในสถานที่นี้เป็เสียงปืนของชายหน้ากากหัวกะโหลกโดยไม่ต้องสงสัย หรือเขาจะพบศัตรู? เป็ไปได้มากว่าอาจเป็ชายชราคนนั้น!
เซียวฉี่ตกตะลึงด้วยไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองเมื่อเห็นเย่เฟิงะโลงไปทางระเบียง! เธอรีบวิ่งไปที่ระเบียง เขาหายไปไหนแล้ว? เมื่อหันหน้ากลับมาเห็นคุณชายสามตระกูลหลินสลบเหมือดอยู่บนพื้นก็ยังรู้สึกใไม่หาย จึงรีบพลิกหมอนแล้วหยิบโทรศัพท์ จากนั้นกดโทรหาหลินซือฉิง
............
หลังจากเย่เฟิงะโลงจากตึกอะพาร์ตเมนต์ก็รีบวิ่งตามเสียงปืนเมื่อครู่ จนกระทั่งมาโผล่ที่ทะเลสาบจำลองใจกลางพื้นที่ของอพาร์ตเมนต์ ด้านข้างมีป่าไผ่ขนาดเล็ก เมื่อมาถึงเขาเหลือบมองในป่าไผ่และพบเงาร่างชวนขนลุกยืนอยู่นับสิบร่าง สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที
ทั้งหมดล้วนเป็คนที่เขาคุ้นเคยดี!
จูไป่เหนี่ยว ศิษย์พี่น้องสำนักหมัดเทวาลัวลี่ ลัวเหลย จ้าวอี้เปยที่เพิ่งพบเมื่อครู่ และศพอีกแปดคนในสภาพเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง ศพพวกนี้ยืนล้อมชายหน้ากากหัวกะโหลก เสียงปืนเมื่อครู่คือลูกะุที่ฝังอยู่ในหน้าผากของจูไป่เหนี่ยว ทว่ามันไม่สามารถหยุดฝีเท้าของอีกฝ่ายได้
เมื่อเห็นว่าชายหน้ากากหัวกะโหลกกำลังถูกกลุ่มศพล้อมรอบ เย่เฟิงที่มาทันเวลาพอดีเขาก็รีบโคจรพลังชี่ไว้ใต้ฝ่าเท้า จากนั้นใช้ย่างก้าวไร้เงาพุ่งเข้าไปคว้าตัวอีกฝ่ายหลุดจากวงล้อมของกลุ่มศพ
“นี่มันเื่อะไรกัน?” เย่เฟิงพาชายหน้ากากหัวกะโหลกมาหยุดอยู่ริมทะเลสาบจำลอง ก่อนถามเสียงเครียด
“เขาเป็ตาแก่คนหนึ่งจากลัทธิคืนชีพศพในเมืองเซียงซี”
ชัดเจนว่าชายหน้ากากหัวกะโหลกรู้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นดี เขาพูดเสียงขรึม “หลังจากตาแกนั่นถูกขับไล่ออกจากลัทธิก็เดินทางมาเมืองเยี่ยนจิง ประจวบเหมาะกับที่มันไปขอพึ่งพาไอ้คุณชายไช่...”
เป็คนที่สามารถคืนชีพศพและควบคุมได้อย่างนั้นหรือ? เย่เฟิงไม่มีความรู้เกี่ยวกับลัทธินี้ แต่คาดว่ามันคงเป็สำนักหนึ่งในยุทธจักร ตอนนี้ชายหนุ่มรู้แล้วว่าคู่ต่อสู้ที่ชายหน้ากากหัวกะโหลกพูดถึงก่อนหน้าก็คือชายชราคนนี้นี่เอง
“แค่กๆ” เสียงถมึงทึงน่าขนลุกดังจากทุกทิศ “ข้าเป็ผู้คืนชีพศพพวกนั้นขึ้นมา! แต่กลับถูกพวกพ้องทรยศหักหลังจนต้องหนีออกมา คุณชายไช่ใจดีให้ที่พักพิงแก่ข้า ข้าจำเป็ต้องทำเพื่อเขา ไม่ทราบว่าพวกท่านเป็ใครมาจากไหน?”
“โม่จิ่วเกอ” เย่เฟิงตอบราบเรียบพลางมองรอบด้านอย่างระแวดระวัง
ชายชราคนนั้นโผล่ออกมาแค่เสียง แต่กลับซ่อนตัวในความมืด ทำให้เย่เฟิงเสียเปรียบมาก! ร่างศพใบหน้าขาวซีดทั้งแปดตนขยับเข้าใกล้พวกเขามากเรื่อยๆ ภายใต้การควบคุมของฝ่ายตรงข้าม
เย่เฟิงมองใบหน้าขาวซีดของจ้าวอี้เปย ในหัวใจรู้สึกแย่ไม่น้อย เด็กคนนี้ยอมตายเพื่อเขา แต่หลังความตายกลับไม่สามารถอยู่อย่างสงบได้ ยังถูกคนจากลักธิคืนชีพศพบ้าบออะไรนั่นทำร้ายและควบคุมไว้ ทำให้เย่เฟิงยิ่งไม่สบายใจมาก!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้