แม้ไม่สามารถมองเห็นสีหน้าและอารมณ์ของหนอนตัวเท่านิ้วโป้ง แต่ไท้หยูคล้ายััได้ว่าในใจของมันตอนนี้กระหยิ่มยิ้มย่องกำลังหัวร่ออย่างสมใจ
“ไม่ เมื่อครู่ข้าได้บอกเ้าไปแล้วว่าพลังโคจรแห่งฟ้าของเ้าแข็งแกร่งอย่างยิ่ง มิใช่สิ่งที่หาได้จากปุถุชนธรรมดา พลังโคจรแห่งฟ้าจะมีเฉพาะในบุคคลที่ถูกกำหนดให้เกิดมายิ่งใหญ่ ซึ่งนั้นเป็สิ่งที่ข้า้าพอดี การหล่อเลี้ยงร่างกายของข้าอาศัยเส้นปฐีเพียงช่วยได้เล็กน้อย แต่ถ้าหากได้หล่อเลี้ยงจากผู้ที่มีพลังโคจรแห่งฟ้า ข้าจะสามารถสลัดเปลือกนอกออกเข้าสู่ร่างใหม่ได้เร็วขึ้น”
“สิ่งที่เรียกว่าพลังโคจรแห่งฟ้านี้ดูคล้ายจะยิ่งใหญ่ไม่น้อย เ้าหนอนยโสตัวนี้จึงตาวาวเป็พิเศษ สิ่งที่มีเฉพาะในบุคคลที่ถูกกำหนดให้เป็ผู้ยิ่งใหญ่ในใต้หล้าหรือ น่าสนใจไม่น้อย ข้าถูกกำหนดมาให้เป็อะไร จอมยุทธ์ป่วยโรค? คนเลี้ยงหนอน? หรือผู้ถูก่ชิง?”
เขากำลังครุ่นคิดข้อได้ข้อเสียจากการทำข้อแลกเปลี่ยน (บังคับ) ในครั้งนี้ ร่างกายขยับไม่ได้ในใจร้อนรุ่มดั่งถูกไฟเผา ถ้าหากหนอนใช้ตัวเขาหล่อเลี้ยงแล้วไม่ส่งผลเสียอะไรต่อเขา ไท้หยูยังสามารถรับได้
เมื่อเป็เช่นนี้เขายังสามารถรีดข้อมูลหรือวิชาโบราณมาสักสองสามวิชา คล้ายว่าหนอนตัวนี้จะมีความเป็มาที่ไม่ธรรมดา ทว่าอีกใจหนึ่งก็คิดว่าหากเกิดเื่เลวร้ายขึ้นเล่า ข้อดีไท้หยูสามารถสรุปได้อย่างรวดเร็ว แต่ข้อเสียกลับมีมากมายกว่า ไม่ทราบแน่ชัดว่าต้องเผชิญหน้ากับสิ่งใด
“หากข้าให้เ้าใช้ร่างกายข้าหล่อเลี้ยงตนเอง ข้าจะเหี่ยวแห้งเป็ตาเฒ่าใกล้ตายหรือไม่”
“ย่อมไม่ ที่ข้าทำคือใช้ตัวเ้าหล่อเลี้ยง หาใช่ดูดกลืนพลังของเ้า เฮอะ ด้วยระดับพลังของเ้าแม้ตอนอยู่จุดสูงสุดยังเทียบไม่ได้กับปลายเล็บข้า”
ไม่รอให้เขากล่าวคำพูดใด หนอนก็กลายเป็แสงสีเงินสว่างวาบ ไท้หยูเห็นเส้นสีเงินปรากฏขึ้นแล้วหายวับจากนั้นพลันรู้สึกเ็ปที่ข้อมือขวา เมื่อก้มลงดูค่อยเห็นว่าเส้นเืที่ข้อมือกำลังเรืองแสงอ่อนจางหนอนตัวเท่านิ้วโป้งทะลวงชั้นิัเข้าสู่กล้ามเนื้อจากนั้นมุดหายเข้าไปในแขน
ตุบ ตุบ ตุบ ตุบ
ทันใดเสียงกลองพลันดังสนั่นอยู่ในร่างของเขา ไท้หยูรู้สึกถึงพลังมหาศาลที่พวยพุ่งเข้ามา ความเ็ปแผ่ซ่านไปทั้งร่างจนเขาสั่นเทิ้ม กล้ามเนื้อและเส้นเืทั้งร่างคล้ายฉีกขาดพร้อมกัน เขาพลันล้มลงกับพื้นหมดสติไป
สายลมพัดโชยเข้าปะทะใบหน้าให้ความรู้สึกเย็นสดชื่นไท้หยูที่เริ่มได้สติพลันตื่นขึ้นมา จากนั้นเขาพบว่าตนเองยืนอยู่หน้าผาขาดด้านหลังของศาลบรรพชน เสียงแมกไม้ใบหญ้าส่งเสียงซู่ซ่าให้กลิ่นหอมสดชื่นรู้สึกปลอดโปร่ง แต่แล้วไท้หยูพลันรู้สึกถึงความผิดปกติ เป็สัญญาณแปลกประหลาด
“ไม่ถูกต้อง มีบางสิ่งไม่ปกติ” เขามีลางสังหรณ์บางอย่าง เป็ลางร้าย
“อันใดไม่ถูกต้อง การได้เดินด้วยสองเท้าขยับด้วยร่างกายช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก กี่ร้อยพันปีแล้วที่ข้าไม่มีร่างกายให้ขยับเช่นนี้” เสียงหนึ่งดังขึ้นในร่างของไท้หยู อันที่จริงเป็ปากเขากำลังพูดทว่าเสียงที่ออกมาไม่ใช่เสียงของเขา
ไท้หยูตื่นตระหนกสุดขีดกล่าวด้วยความแตกตื่นใว่า
“เ้า เ้า...เ้าแย่งชิงร่างกายของข้า?!” ในที่สุดเขาก็ทราบว่าสิ่งผิดปกติที่รู้สึกได้ก็คือ ร่างของเขายามนี้กลับขยับเองปากก็พูดเองโดยไม่ใช่เสียงเขา ....ฝีมือเ้าหนอนบัดซบ
“แย่งชิงอันใด ข้าเพียงอาศัย่ที่เ้าหมดสติ ทดลองขยับในร่างมนุษย์ก็เท่านั้น วางใจได้ ข้าไม่สนใจร่างกายของเ้าแม้แต่น้อย ที่ข้าสนใจมีเพียงพลังโคจรแห่งฟ้า..... อ๋อ เพื่อให้เ้าสบายใจ ข้าจะบอกเ้าเื่หนึ่ง ข้าไม่มีวันยึดครองร่างเ้าเื่นี้สบายใจได้ เพราะหากข้ายึดครองร่างของเ้าิญญาเ้าแตกดับพลังโคจรแห่งฟ้าก็จะแตกสลายไปด้วย ฉะนั้นนี้คือหลักประกัน”
“หลักประกันมารดาเ้า ทั้งหมดนี้ล้วนเป็เ้าตัดสินเอาเองทั้งสิ้น เ้าอาศัยร่างกายของข้าหล่อเลี้ยงตนเองไม่พอ ยังสามารถยึดครองควบคุมร่างข้า เื่นี้มีแต่เ้าที่ได้ประโยชน์ ส่วนข้ามีแต่เสียกับเสีย เฮอะ”
แม้อยากจะถล่มหนังเ้าหนอนมากเพียงใดท้ายที่สุดก็ยังคงทำได้เพียงแค่เก็บเอาไว้ ไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายจะได้ยินเสียงในใจตนเองหรือไม่
“แค่ก แค่ก เ้าได้ยินเสียงในหัวข้าหรือไม่”
ไท้หยูเอ่ยถามด้วยความสงสัย หากอีกฝ่ายสามารถรับรู้ความคิดของเขาได้ เช่นนั้นย่อมเป็เื่เลวร้ายขั้นสุด โดยเฉพาะเวลาที่เขาถล่มมารดาเ้าหนอนในใจ ผลลัพธ์คงเลวร้ายสุดหยั่งคาด
“ย่อมไม่ เื่ความคิดของเ้า ข้าคร้านจะสนใจ ส่วนร่างกายของเ้า ข้าเพียงยืมยืดเส้นยืดสายเล็กน้อย”
ดวงตาไท้หยูมองขึ้นบนฟ้า เมฆขาวลอยล่อง ปักษาเหินบินส่งเสียงสดใสไพเราะ
“ข้ามีงานให้เ้าทำ”
“ขอปฏิเสธ” ไท้หยูตอบกลับทันควัน ตอบโดยไม่ต้องผ่านสมองกลั่นกรอง
“ไม่คิดจะฟังข้อเสนอของข้ารึ”
“ไม่”
“ข้าจะให้ข้อเสนอที่เ้ามิอาจปฏิเสธ”
“อย่าได้บีบคั้นคนมากเกินไปได้หรือไม่ มีแต่เ้าได้ประโยชน์ข้าไม่ได้อะไร เื่เสียเปรียบเช่นนี้แม้แต่สัตว์ไร้สติปัญญายังไม่ทำ” ไท้หยูหยุดนิ่งไปครู่หนึ่งพลันกล่าวต่อว่า
“อีกอย่างข้ามีเื่มากมายให้สะสาง สำนักของข้ากำลังจะล่มสลาย ตัวข้าเองก็พลังฝึกตนถดถอย ในร่างยังมีโรคประหลาดกำลังจะคร่าชีวิตข้า ทั้งยังไม่แน่ใจว่าสำนักจะถูกโจมตีเมื่อใด ข้าไม่มีเวลาให้เ้ามากมายปานนั้น”
เขารู้สึกว่าตนเองโชคร้ายอย่างยิ่ง เมื่อมาคิดถึงตรงจุดนี้แล้ว ดวงชะตา พลังโคจรแห่งฟ้าที่เ้าหนอนกล่าวมากลับทำให้เขารู้สึกว่าเหลวไหลอย่างยิ่ง หากเป็คนที่ถูกกำหนดมาให้ยิ่งใหญ่ เป็ชะตาที่เหนือกว่าปุถุชนทั่วไป ไหนเลยมีแต่เื่เลวร้ายและเลวร้ายเช่นนี้
ั้แ่เขาข้ามภพมาเจอปัญหามากมายไม่หยุดหย่อน แน่นอนว่าปัญหาที่ใหญ่และร้ายแรงที่สุดของเขาไม่ใช่การต้องชำระสำนัก แต่เป็เ้าหนอนที่มาฝังอยู่ในร่างของเขา
“ไร้พลังไร้อำนาจต่อรอง” คำกล่าวนี้ไม่เกินเลยแม้แต่น้อย
ปากไท้หยูกระแอมแค่กแค่กสองคราแต่เป็น้ำเสียงที่แตกต่างกล่าวว่า
“ข้าย่อมไม่ใช้เ้าเปล่า ๆ เื่ที่เ้าประสบปัญหาข้าจะช่วยเ้าคลี่คลาย อันที่จริงทันทีที่ข้าฝังเข้าสู่ร่างกายของเ้า ร่างกายเส้นเืเส้นชีพจรทั้งหมดของเ้าก็ได้รับการชำระผลัดเปลี่ยนแล้ว เ้ายังได้รับความสามารถของสายเืาของข้าไปด้วย หากเ้าไม่เชื่อก็ลองโคจรพลังสำรวจตนเองดูหนหนึ่ง”
น้ำเสียงราบเรียบนิ่งเฉยแม้ออกจากปากของไท้หยูแต่ยังคงแยกไม่ออกว่าเป็หญิงหรือชาย ไม่คล้ายเสียงเขาเลยแม้แต่น้อย
ไท้หยูพอได้ยินพลันตาลุกวาว ตัดเื่ผลัดเปลี่ยนร่างกายไปก่อน ในสมองของเขามีเพียงคำว่าสายเืา สายเืาเป็สิ่งใด? ตัวตนที่เทียบกับเทพได้
เมื่อโคจรลมปราณสำรวจภายในร่างกายก็พบว่าพลังชีวิตกล้าแข็งขุมใหม่กำลังก่อตัวและไหลเวียนไปทั่วทั้งร่าง จุดชีพจรทั้งสิบจุดโปร่งโล่งทั้งยังขยายใหญ่กว่าเดิม ลมปราณกล้าแข็งขึ้น โรคร้ายที่ลดทอนพลังฝึกตนก็หายไปแล้ว พลังฟื้นกลับมาห้าส่วน ฟื้นกลับมาในระดับรวมกายขั้นต้นแล้ว
“หากเป็เช่นนี้ใช้เวลาราวครึ่งปีคงสามารถฟื้นพลังฝึกตนทั้งหมดกลับมา เมื่อถึงเวลานั้นข้าจะออกไปคิดบัญชีกับสำนักพิรุณพายุและสำนักเมฆัแก้แค้นแทนไท้หยูคนเก่า ทุบตีพวกมันให้กลายเป็ลูกสุนัข”
เมื่อโคจรพลังต่อไปเขายิ่งััได้ถึงความกล้าแกร่งขุมนั้นที่กำลังขยายใหญ่ โลหิตสีแดงบริสุทธิ์กำลังเปลี่ยนสีสูบฉีดไหลเวียน ในจุดกึ่งกลาง ตันเถียนของเขามีหนอนตัวหนึ่งถูกหล่อเลี้ยงด้วยพลังทั้งร่าง และพลังของมันก็แผ่ซ่านรวมกับตันเถียน
“ในเทือกเขาแห่งนี้มีพลังต้องสาปรุนแรงยิ่ง”
เสียงที่เปล่งจากปากของเขาปลุกให้ไท้หยูตื่นจากภวังค์
“พลังต้องสาปรุนแรง? สำนักข้าเป็สำนักฝึกยุทธ์ไหนเลยมีพลังคำสาป อย่าว่าแต่ในเทือกเขาหยกเลย กวาดตาทั่วอาณาจักรชางไห่ ผู้ที่ฝึกมรรคาพิษมนต์ดำแปรแทบไม่มีอยู่”
อาณาจักรชางไห่เป็อาณาจักรของมนุษย์ มรรคาพิษมนต์ดำแปรนั้นร่างกายของมนุษย์ไม่สามารถทนรับได้ กวาดตาทั้งเจ็ดดินแดนมีเพียงชนเผ่าโบราณและเผ่ามารเท่านั้นที่ฝึกมรรคานี้เพราะพวกเขาเกิดมาพร้อมกับพลังแฝงของพิษและมนต์ดำ เป็ความสามารถที่สืบทอดทางสายเื
“เช่นนี้จึงประหลาด ความรุนแรงของพลังต้องสาปนี้ต้องเป็ผู้ที่มีระดับสูงเท่านั้นจึงสามารถใช้ออก เพราะมันไม่เพียงเป็คำสาปรุนแรงแต่ยังไร้ร่องรอยไม่สามารถตรวจจับได้ หากไม่ใช่เพราะข้าฝังอยู่ในร่างของเ้าออกมาัักับพลังิญญาในบริเวณนี้โดยตรง ยังไม่สามารถััได้”
ที่ประหลาดสุดก็คือเ้าที่เป็หนอนแต่พูดได้ ไท้หยูแขวะอีกฝ่ายในใจ
เขาพลันรู้สึกว่าเ้าหนอนนี้หลังจากฝังอยู่ในร่างของเขาแล้วก็คล้ายผลัดเปลี่ยนนิสัยยโสออกไปด้วย เพิ่มความสุขุมขึ้นหลายส่วน คงไม่ใช่เพราะได้รับอิทธิพลทางอารมณ์จากเขากระมัง แต่แล้วเขาพลันนึกได้เื่หนึ่งจากคำพูดของเ้าหนอน
“อันที่จริงข้าก็เคยสันนิษฐานไว้ว่าหากจะมีสิ่งใดทำให้พลังฝึกตนถดถอยทั้งยังทิ้งโรคประหลาดไว้กับผู้ฝึกมรรคายุทธ์ระดับจิตไร้ขอบได้คงจะมีเพียงพิษมนต์ดำแปร....”
พลังต้องสาป ระดับสูง ไร้ร่องรอย พลังของมรรคาพิษมนต์ดำแปรต่อให้สูงกว่ากันหนึ่งระดับยังไม่แน่ว่าสามารถทำได้ถึงขนาดนี้ ผู้ฝึกตนหลังจากบรรลุขั้นรวมกาย ก็จะหลอมจิตและปราณเข้ากับร่างกายเป็หนึ่งเดียวกันโดยไม่แยกออก
หากเป็ผู้ฝึกมรรคายุทธ์จะมีพลังชีวิตมหาศาลกว่าทุกสายฝึกตน พิษร้ายโรคภัยไม่อาจกล้ำกรายเป็ดาวข่มของผู้ฝึกมรรคาพิษมนต์ดำแปร ทว่าหากยังสามารถทำร้ายผู้ฝึกยุทธ์ที่มีพลังชีวิตแข็งแกร่งถึงขั้นพลังฝึกตนถดถอยจนตายย่อมต้องทรงพลังมากกว่าหนึ่งระดับ
“หรือจะเป็ฝีมือของผู้ฝึกมรรคาพิษมนต์ดำแปรระดับเซียนนิรันดร์ !!”
มีเพียงระดับนี้เท่านั้นจึงจะมีความสามารถขั้นนี้ ไท้หยูรู้สึกเย็นวาบไปทั้งร่าง นี้คือระดับสูงสุดแล้ว .... ผู้ที่อยู่เื้ัเื่เลวร้ายกลับเป็ผู้แข็งแกร่งระดับต้นๆ เช่นนี้...
“ยังไม่ถึงระดับเซียนนิรันดร์ คาดว่าเป็ระดับเทพปรากฏขั้นสมบูรณ์ นี้คล้ายเป็พยุหะคำสาปชนิดหนึ่ง”
“มรรคาพยุหะสังหาร มรรคาพิษมนต์ดำแปร” ไท้หยูพึมพำอย่างตึงเครียด
“เ้าสามารถทำลายพยุหะคำสาปนี้ได้หรือไม่”
ไท้หยูเอ่ยด้วยความร้อนใจ ในเวลานี้หากมีผู้ใดพบเห็นเข้าจะต้องเข้าใจว่าเขากลายเป็บ้าไปแล้วแน่นอน เพราะเขายืนคุยกับตนเอง ประเดี๋ยวสีหน้าเคร่งเครียดถมึงทึง ประเดี๋ยวปลอดโปร่งเฉยชา ราวกับมีสองคนในร่างเดียว
“ด้วยระดับสูงสุดของข้าแค่กะพริบตาก็สามารถสังหารผู้ใช้ได้ ส่วนตอนนี้ข้าไม่กล้าแข็งสักเท่าใดคงต้องใช้วิธีถอนออก ลดทอนให้พลังของพยุหะคำสาปลดลงแล้วทำลายทิ้ง”
ไท้หยูเชิดหน้าอย่างเย่อหยิ่งกลอกั์ตาขึ้นสูง วางท่าราวกับผู้ยิ่งใหญ่ ครู่หนึ่งก็ก้มลงมองปลายรองเท้าด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ผ่านไปครู่หนึ่งก็แหงนหน้ามองฟ้าวางท่าสูงส่ง ภาพท่าทางสลับไปมาเช่นนี้อยู่หลายรอบ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้