บทที่ 113 สวี่จือจือยืนที่หัวสะพานเพียงลำพัง
คืนนี้ไม่มีแสงจันทร์ แสงในห้องก็ค่อยๆ มืดลง ลู่จิ่งซานนั่งนิ่งอยู่ตรงนั้น ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่
ปกติเวลานี้สวี่จือจือจะชวนทุกคนไปนั่งล้อมวงคุยกันในห้องของหญิงชรา ไม่รู้ว่าในหัวเธอมีอะไรบ้าง แต่ทุกครั้งที่พูดเธอมักจะทำให้ทุกคนหัวเราะร่าเริงได้เสมอ แต่คืนนี้แค่ขาดคนไปคนเดียว ลานบ้านเล็กๆ แห่งนี้กลับเงียบผิดปกติ
“คุณย่า” ลู่ซือหยวนนั่งอยู่ในห้องของหญิงชรา เธอลังเลอยู่นาน สุดท้ายก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ถ้าอย่างนั้น หนูไปดูที่หมู่บ้านเป่ยสุ่ยดีไหมคะ?
“หนูจะไป…คุยกับจือจือดีๆ เด็กคนนี้ใจดี ถ้าหนูไปขอร้อง เธอต้องกลับมาแน่นอน” ลู่ซือหยวนพูด
“หนูไปด้วยค่ะ” ลู่ซืออวี่พยักหน้าอย่างจริงจัง
หญิงชราไม่พูดอะไร ลู่ซือหยวนเริ่มร้อนใจ
“กลับไปนอนที่บ้านแกเถอะ ดูสิ ทำเจินเจินง่วงเลย” คุณนายลู่พูด
“หนูไม่ง่วง หนูจะไปกับคุณแม่เพื่อรับน้าสะใภ้กลับมา” ลู่เจินเจินพยายามลืมตากล่าว
“พวกแกนี่” คุณนายลู่ยิ้มแล้วส่ายหน้า “เื่นี้ใครไปก็ไม่มีประโยชน์ ถ้าเขายังคิดไม่ตก ใครก็ช่วยไม่ได้”
ต้นตอของทุกอย่างอยู่ที่ลู่จิ่งซาน หลานชายคนนี้อะไรๆ ก็ดีหมด แต่เื่การแต่งงานนี่ทำไมถึงได้ยากเย็นนัก?
สมัยก่อนเคยพูดถึงการหมั้นหมายสองครั้งแต่ก็เกิดอุบัติเหตุทั้งคู่ จนมีข่าวลือว่าเขาดวงแข็ง พิฆาตภรรยา ตอนนี้ในที่สุดก็ได้แต่งงานกับสวี่จือจือ ข่าวลือเื่พิฆาตภรรยาก็หายไป แต่กลับกลายเป็แบบนี้ไปได้!
“แต่จือจือกำลังจะไปแล้วนะคะ” ลู่ซือหยวนพูดอย่างร้อนใจ “ถ้าเ้าหัวไม้รู้ตัวช้ากว่านี้ก็สายไปแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นก็พิสูจน์ได้แค่ว่าทั้งสองคนไม่มีวาสนากัน” หญิงชราแบมือ “แยกย้ายกันไปเถอะ ฉันเหนื่อยแล้ว”
ลู่ซือหยวนกระทืบเท้าด้วยความโมโห
ตอนนั้นเอง เธอได้ยินเสียงเปิดประตูแล้วกำลังจะะโ แต่ถูกหญิงชราห้ามไว้ “อย่าพูดอะไรกัน”
ลู่ซือหยวนมองหญิงชราด้วยความสงสัย หรือว่ามีขโมยเข้ามาในบ้าน? แต่กลับเห็นรอยยิ้มบนหน้าหญิงชราชัดขึ้น
“ต้นไม้เหล็กบ้านพวกเราจะผลิบานแล้ว” สักพักหญิงชราถึงพูดด้วยรอยยิ้ม “เอาล่ะ พวกแกรีบกลับไปนอนกันเถอะ อย่ามารบกวนฉันนอนตรงนี้”
“คุณย่า” ลู่ซือหยวนดีใจและใพร้อมกัน “คุณย่าบอกว่าเมื่อกี้คนที่เปิดประตูคือจิ่งซานเหรอคะ?”
คุณนายลู่พยักหน้า หลังจากออกจากตระกูลจ้าวที่โง่เง่า หลานสาวคนนี้สมองก็ฉลาดขึ้นจริงๆ
“แต่ว่า…” ลู่ซือหยวนเริ่มกังวลอีก “ตอนนี้จิ่งซานเป็แบบนี้ ตอนดึกดื่นจะเกิดอะไรขึ้นไหมคะ?”
ถ้าเป็เมื่อก่อนที่ยังไม่าเ็ เธอคงไม่กังวลแบบนี้
คำพูดยังไม่ทันจบ เธอก็ถูกหญิงชรามองด้วยสายตารำคาญ “หลานฉันถึงขาจะพิการนั่งรถเข็น แต่ในประชาคมชีหลี่แห่งนี้ ไม่มีใครที่เขาจัดการไม่ได้”
แถมยังมีหมาอีกตัวไม่ใช่เหรอ? ถึงจะหน้าตาน่าเกลียดไปหน่อย แต่ก็น่าจะเป็หมาป่าที่ฝึกพิเศษจากหน่วยงานของจิ่งซาน หมาในหมู่บ้านเทียบไม่ได้เลย
เก่งมาก! แค่ไม่รู้ว่าใครจะมีวาสนาให้มันเห่าได้บ้าง!
“เอาล่ะ สมองแกไม่ต้องมาคิดเื่นี้ให้วุ่นวาย รีบกลับบ้านไป เห็นแล้วน่ารำคาญ”
ั้แ่าเ็กลับมา ลู่จิ่งซานออกจากบ้านน้อยมากนับครั้งได้ การไปหมู่บ้านเป่ยสุ่ยยิ่งเป็ครั้งแรก
เวลานี้เป็ตอนกลางคืนในชนบท ไม่เหมือนยุคปัจจุบันที่มีไฟถนนสองข้างทาง นอกจากแสงสลัวจากบ้านไม่กี่หลัง ทุกอย่างล้วนมืดสนิท โชคดีที่ตอนนี้พระจันทร์ให้ความร่วมมือ ไม่รู้โผล่ออกมาจากก้อนเมฆั้แ่เมื่อไหร่
ใต้แสงจันทร์ ชายหนุ่มมองไปข้างหน้าด้วยสายตาแน่วแน่ มือผลักรถเข็นอย่างมีจังหวะ ข้างๆ เขาคือเสือดำที่เดินตามเงียบๆ
เนื้อหาในซองจดหมาย เขาไม่แม้แต่จะดูสักตัวอักษร ทิ้งไว้ที่ขอบเตียง
เมื่อกี้ในใจเขาคล้ายมีคนตัวเล็กสองคนต่อสู้กัน
คนหนึ่งบอกว่า: เธอไปก็ดี ไม่ใช่สิ่งที่นาย้าเหรอ?
อีกคนบอกว่า: หัวใจนายเจ็บ ถ้าชอบเธอก็ต้องรั้งเธอไว้
คนหนึ่งบอกว่า: นั่นเมืองหลวงนะ เธอ้าท้องฟ้าที่กว้างใหญ่แบบนั้น
อีกคนโต้แย้งทันที: ลู่จิ่งซาน นายมันขี้ขลาด แม้แต่คนที่ตัวเองชอบยังรั้งไว้ไม่ได้
ลู่จิ่งซานมองออกไปไกล เงาของคนหนึ่งหมาหนึ่งใต้แสงจันทร์ยืดยาวออกไป
ที่ไกลๆ มีเสียงหมาบ้านใครเห่าดังสองสามครั้ง เสือดำอยากเห่า แต่ลู่จิ่งซานห้ามไว้
สวี่จือจือซุกตัวในผ้าห่ม รอจนหวังซิ่วหลิงแอบมองจากหน้าต่าง เธอรีบใช้หมอนและผ้าฝ้ายจัดให้เหมือนตัวเองยังนอนอยู่ จากนั้นหวังซิ่วหลิงไม่ทันสังเกต เธอก็แอบหนีออกมา
พอออกจากหมู่บ้านเป่ยสุ่ย สวี่จือจือไม่ได้รีบกลับตระกูลลู่ พอผ่านสะพาน เธอก็นึกถึงวันนั้นที่ลู่จิ่งซานขี่รถแบกเธอกลับบ้าน
สายตาแน่วแน่ของชายหนุ่มบอกเธอว่า ‘ผมไม่มีคนที่ชอบ’
เขาบอกว่า ‘สวี่จือจือ ถ้าคุณก็ไม่มีคนที่ชอบ พวกเรามาคบกันดีไหม?’
คนเลว! ทำไมเปลี่ยนใจเร็วแบบนี้?
ถึงจะไม่รู้ว่าตระกูลสวี่วางแผนอะไร แต่แน่นอนว่าไม่ใช่เื่ดี ตอนที่ออกจากตระกูลสวี่ สวี่จือจือก็รู้สึกเคว้งคว้าง
โลกใบนี้กว้างใหญ่ แต่กลับไม่มีที่ให้เธอพักพิง
สวี่จือจือเป็คนมองโลกในแง่ดีเสมอ แม้แต่ตอนที่ทะลุมิติมาที่นี่อย่างกะทันหัน เธอก็ยังรักษาทัศนคติที่ร่าเริง พยายามปรับตัวเข้ากับโลกใบนี้
และกับลู่จิ่งซาน ตอนที่อ่านนิยาย เธอก็ชื่นชมผู้ชายคนนี้
ตอนที่เขาบอกจะคบกัน ตอนที่เขาจูบเธอ เธอก็รู้สึกหวั่นไหว
แต่เธอไม่เคยคิดว่าลู่จิ่งซานจะาเ็ และยิ่งไม่คิดว่าเขาจะบอกเลิกเธอ
ตอนที่ออกจากตระกูลสวี่ ยืนอยู่ที่หัวสะพาน สวี่จือจือรู้สึกเคว้งคว้าง เธอไม่รู้ว่าตัวเองจะไปทางไหนดี?
หมู่บ้านผานสืออยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านเป่ยสุ่ย เขตแดนของสองหมู่บ้านคือแม่น้ำสายนั้น ฝั่งตะวันออกคือหมู่บ้านเป่ยสุ่ย ฝั่งตะวันตกคือหมู่บ้านผานสือ
ยิ่งเข้าใกล้หมู่บ้านเป่ยสุ่ย สีหน้าของลู่จิ่งซานยิ่งไม่สู้ดี
ในหัวของเขามีภาพต่างๆ บนถนนเส้นนี้ผุดขึ้นมาไม่หยุด
แปลกมาก
เขาเพิ่งกลับมาไม่นาน แต่ตอนนี้เต็มไปด้วยภาพของเขากับเธอด้วยกัน
ตอนที่เขาขี่จักรยานพาเธอไป
ตอนที่เขายืนที่หัวสะพานสัญญากับเธอ
ตอนที่เขาจูบเธอ
ภาพแต่ละภาพคมชัดในหัวของลู่จิ่งซาน
ที่หัวสะพานมีคนยืนอยู่คนหนึ่ง หัวใจของลู่จิ่งซานเต้นแรง
พระจันทร์ไม่รู้หายไปในก้อนเมฆั้แ่เมื่อไหร่ ทำให้ค่ำคืนมืดมิดยิ่งขึ้น
แต่ลู่จิ่งซานคือใคร? สมัยก่อนตอนปฏิบัติภารกิจพิเศษ เขาถูกฝึกให้มีสายตาเหนือคนธรรมดา ทำให้เขาล็อกเป้าที่ร่างบนหัวสะพานได้ทันที
ร่างที่คุ้นเคย
ร่างที่ดูโดดเดี่ยวและเหงาหงอย
เป็สวี่จือจือ แต่ทำไมเธอถึงยืนอยู่ที่ขอบสะพานได้?
หัวใจของลู่จิ่งซานบีบแน่น เร่งมือเร็วขึ้น หัวใจเ็ปตามไปด้วย!
“สวี่จือจือ” เขาได้ยินน้ำเสียงตัวเองสั่นเครือ…
.............................