ความจริงแล้วซูอี้เหรินและหลีซีเอ๋อร์นั้น กำลังทะเลาะกันด้วยหัวข้อเดิมๆเช่นเคย หลีซีเอ๋อร์นั้นอยากจะพาเสี่ยวจินออกไปบินเล่นตากลม โอเคมันใช่เธอพาเสี่ยวจินไปเสียที่ไหน เธออยากจะให้เสี่ยวจินพาเธอไปต่างหาก!
ในความคิดของซูอี้เหรินนั้น เสี่ยวจินนั้นเป็อินทรีการที่จะโบยบินขึ้นไปในท้องฟ้านั้นเป็เื่ธรรมดาหลีซีเอ๋อร์ก็เพียงแค่อยากจะขี่หลังมันไปตากลมเล่นบนท้องฟ้าเท่านั้นแต่ในมุมมองของเ้าอาวาสวัดชิงเฉิงที่มีนิสัยแปลกประหลาดแล้ว ถ้านี่ไม่ใช่การข่มแล้วจะเป็อะไรได้อีก? เพื่อที่จะปกป้องรุ่นน้องคนนี้เอาไว้เขาจึงจำเป็ที่จะต้องคอยห้ามเธอ
ส่วนที่ไอลี่เดินวนอยู่แถวๆ ท่าเรือนั้น ด้วยความสามารถทางสายตาของทั้งสองแน่นอนว่าพวกเขาเห็นเธอมาตั้งนานแล้ว แต่เพียงแค่ไม่ได้สนใจอะไรเมื่อในตอนนี้ไอลี่ส่งเสียงถามออกมาว่ามีคนอยู่ไหม ซูอี้เหรินก็รู้สึกขอบคุณเธออยู่เพราะในที่สุด มันก็ทำให้รุ่นน้องของเขายอมเงียบลงได้สักพัก
ในตอนที่ไม่มีหลินลั่วหรานอยู่ด้วยไอลี่นั้นมั่นใจในรูปร่างหน้าตาของตัวเองมาก แต่เมื่อหญิงสาวสวมชุดโบราณหันหน้ามาเธอก็อดที่จะชมขึ้นมาไม่ได้ว่า ผู้หญิงคนนี้สวยจริงๆ!
ความอิจฉาเกิดขึ้นมาในใจ ราวกับมดกัดไอลี่ไม่ได้ตอบคำถามที่ซูอี้เหรินถามขึ้นในทันทีจนเขาต้องเดินมาถามอีกครั้งตรงหน้า เธอถึงได้สติกลับมา
“อ๋อ คือแบบนี้ค่ะ พอดีฉันวิ่งไม่ได้ระวังข้อเท้าก็เลยพลิกพอจะให้ยืมโทรศัพท์ได้ไหมคะ?”
ยืมโทรศัพท์? ความรู้สึกแปลกๆ เกิดขึ้นในใจของซูอี้เหรินแม้ว่าจะไม่ชอบออกกำลังกายตอนเช้า แต่ว่าตอนนี้พระอาทิตย์ก็ยังไม่ตกดินมีใครจะเลือกมาวิ่งในเวลาแบบนี้บ้าง? แถมยังวิ่งมาแต่ใบหน้ากลับไม่ขึ้นสีแดงหรือมีอาการหอบหายใจอะไรอีกต่างหากแม้แต่เครื่องสำอางบนหน้ายังไม่หลุดลอกออกไปเลยแม้แต่น้อย แล้วจะข้อเท้าพลิกได้อย่างไร...ผู้หญิงคนนี้ต้องมีอะไรบางอย่างแน่!
ในร่างของเธอไม่ได้มีพลังเลยแม้แต่น้อย แต่ก็ยังกล้าวิ่งมาถึงที่นี่ช่างไม่รู้อะไรเอาเสียเลย ซูอี้เหรินสงบใจลงอย่างมีสติก่อนที่จะส่งโทรศัพท์ให้เธอไปจริงๆ เขาเพียงแต่จำรายละเอียดเล็กๆ เหล่านี้เอาไว้ในใจเท่านั้นถ้าหากว่าสามารถจัดการได้ด้วยตัวเอง ก็ไม่ต้องไปรบกวนรุ่นพี่หลินจะดีกว่า
เมื่อเห็นว่าท่าทางของชายวัยรุ่นนั้นดูดีไอลี่ก็ได้รับความมั่นใจกลับคืนมา เธอนั้นเพียงแค่กล้าหาญมากหน่อยไม่ได้ประสาทเสียแต่อย่างใด เธอรู้ดีว่าตอนนี้จะแสดงท่าทีอะไรมากไม่ได้จึงโทรออกไปหาผู้ดูแลบ้าน ให้ส่งคนมารับเธอจริงๆ
เมื่อแม่บ้านขับรถมารับเธอกลับไป หลีซีเอ๋อร์ที่ทนมาเต็มแก่ก็เอ่ยพูดขึ้นมา “รุ่นพี่ ผู้หญิงคนนี้ดีๆ อยู่แท้ๆทำไมถึงบอกว่าตัวเองเท้าพลิกกันนะ?”
ซูอี้เหรินอธิบายตอบกลับไปทั้งรอยยิ้มก่อนที่หลีซีเอ๋อร์จะเข้าใจแจ่มแจ้งในทันที “เธอตั้งใจจะเข้ามาใกล้เรา? รุ่นพี่ ไม่ใช่ว่าเธอจะชอบรุ่นพี่นะ...เธอแสดงละครตบตาคนรุ่นพี่ห้ามเลือกเธอเด็ดขาดนะ!”
ซูอี้เหรินกวาดตามองเธอเล็กน้อยก่อนที่จะเดินไปหาเสี่ยวลั่วตงที่ด้านหลังบ้าน
หลีซีเอ๋อร์มองไปยังร่างของซูอี้เหรินที่วิ่งฉิวออกไปเธอระบายยิ้มออกมาเสียจนตากลายเป็เส้นขีดก่อนจะหยิกเข้าที่หน้าของตัวเองแล้วบ่นขึ้น “เธอแสดงละครได้ไม่ดีเท่าฉันยังจะกล้ามายุ่งกับรุ่นพี่หลินอีก ช่างเถอะเดี๋ยวฉันช่วยรุ่นพี่หลินจัดการเองเลยดีกว่า”
ในหมู่บ้านคฤหาสน์ทั้ง 18 หลังนี้บ้านของหลินลั่วหรานตั้งอยู่บริเวณด้านในสุด และเป็บริเวณที่สูงที่สุดด้วยเช่นกันเพียงหลีซีเอ๋อร์วิ่งขึ้นไป้า เธอก็สามารถเห็นรถของไอลี่ได้อย่างชัดเจนใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ไม่รู้เช่นกันว่าเธอกำลังคิดอะไรแผลงๆ อยู่เธอพยายามระงับมันเอาไว้ ก่อนที่จะทำเป็ว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้ววิ่งออกไปหยอกล้อกันกับเสี่ยวจิน
เมื่อไอลี่กลับมาถึงคฤหาสน์หมายถึง 7 ในตอนที่เธอกำลังดูหมายเลขโทรศัพท์ของซูอี้เหรินอยู่นั้นเธอก็คิดว่าทั้งหมดเป็ไปตามแผนการของเธอแล้ว ไหนว่าเป็พวกคนที่ฝึกศาสตร์เสียจนสายตาและสมองเฉียบคมกว่าคนทั่วไปกันล่ะ?
เพราะว่ามีเงินตราเป็ตัวเปิดทางดังนั้นหลังจากจ่ายเงินค่าสนับสนุนโรงเรียนไปแล้วเด็กชายหลินลั่วตงที่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านตระกูลหลินก็เข้ามาอยู่ในรายชื่อของโรงเรียนรัฐบาลในตัวเมืองได้อย่างราบรื่น
ในตอนที่หลินลั่วหรานเพิ่งจะคุยกับผู้อำนวยการเสร็จเรียบร้อยเขาบอกว่าสามารถพาเสี่ยวลั่วตงเข้ามาทดสอบได้ตามสะดวกจากนั้นก็สามารถให้เขาเข้าเรียนตามอายุและความสามารถทางการเรียนรู้ได้แล้ว
ไม่รู้ว่าเป็เพราะอำนาจของเงิน หรือผลจากหน้าตาของหลินลั่วหรานจึงทำให้ท่านผู้อำนวยการคนนี้ เดินมาส่งเธอที่หน้าประตูด้วยตัวเองพร้อมทั้งรับประกันว่าจะดูแลน้องชายของเธอเป็อย่างดี
ในตอนนี้เป็่กลางเดือนพฤษภาคมปีการศึกษาใหม่นั้นจะเริ่มในเดือนกันยายน ดังนั้นจึงมีเวลาเหลือให้หลินลั่วหรานอีกสามเดือนครึ่งในการรักษาอาการเก็บตัวของหลินลั่วตงความจริงเธอนั้นมีวิธีที่จะรักษาลั่วตงอยู่แล้วเพียงแค่รอให้ภายในบ้านสงบลงเสียก่อนจากนั้นก็จะได้เริ่มลงมือเื่หลินลั่วตงสักที
เื่ที่หลินลั่วหรานไม่ค่อยวางใจเสียเท่าไร ก็มีเพียงแค่เื่ของตระกูลโจวผ่านมานานขนาดนี้แล้ว แต่พวกเขากลับยังไม่ทำอะไรสักอย่างเป็เพราะกลัวอิทธิพลของเ้าอาวาสวัดชิงเฉิงหรือว่าพวกเขาตั้งใจจะไม่ตามสืบสวนอะไรแล้ว? ความเป็ไปได้ที่พวกเขาจะไม่สนใจตามอะไรนั้นเป็ไปได้น้อยมาก ไม่มีใครจะเข้าใจดีไปกว่าหลินลั่วหรานอีกแล้ว ว่าอาการาเ็ของโจวเหย้าเวยนั้นหนักหนาสาหัสเท่าไร
แส้ที่โบกสะบัดออกไปของหลินลั่วหรานนั้นไม่เพียงแต่ทำให้กระดูกของโจวเหย้าเวยหักออก แต่พลังที่อยู่ด้านในยังสั่นะเืไปถึงเส้นเืด้านในของเขา คนที่ยังฝึกไปไม่ถึงระดับพื้นฐานนั้นแหล่งพลังยังไม่สมบูรณ์ดีนอกเสียจากร่างกายที่ได้รับการชำระไขกระดูกแล้วอย่างหลินลั่วหรานหากอยากจะฟื้นฟูเส้นเืกลับคืนมาก็นับได้ว่าเป็เื่ยากมากทีเดียว...นอกเสียจากว่าโจวเหย้าเวยจะสามารถหาผู้าุโระดับรวมพลังมาทำการชำระไขกระดูกให้เขาได้ และทำให้เส้นโลหิตนั้นกลับมาต่อกันไม่อย่างนั้นชีวิตนี้ อย่าว่าแต่การฝึกศาสตร์เลยเพียงแค่คิดจะลุกยืนขึ้นมาอีกครั้ง ก็ยังเป็ไปได้ยาก
เมื่อเื่ของตระกูลโจวผ่านพ้นไปแล้วค่อยให้พ่อกับแม่กลับมาที่บ้านในเมืองบ้างเขาชิงเฉิงเป็สถานที่ที่ดีต่อการฝึกศาสตร์ แต่หมู่บ้านในเขานั้น กลับเงียบสงบเกินไปสำหรับสิ่งที่้าสังคมอย่างมนุษย์เราแล้ว แม้แต่คนที่จะคุยด้วยได้ยังหาได้ยากทำให้มันเหมาะแก่การพักในระยะสั้นๆ แต่ไม่เหมาะแก่การอยู่อาศัยในระยะยาว
ส่วนเสี่ยวจิน ถ้าจะพาเข้ามาในเมือง ก็คงจะสะดุดตามากไปดังนั้นจึงน่าจะทำได้เพียงหลบซ่อนเอาไว้ในคฤหาสน์ชิงเฉิงแห่งนี้จะดูกลมกลืนไปกับพวกอินทรีทั่วไป การเลือกว่าจะอยู่ในเมืองหรือว่าบนเขาในตอนนี้ต่างก็ไม่สามารถที่จะเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งได้มันจึงทำให้เธอรู้สึกลำบากมากทีเดียว
หลังจากจัดการเื่เสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็เพิ่งจะเป็เวลาห้าโมงกว่าไม่รู้ว่าเป่าเจียจะกลับไปด้วยไหม หลินลั่วหรานจึงขับรถตรงไปยังคฤหาสน์หลังถนนที่คนพลุกพล่าน
พวกครอบครัวของหลินลั่วหรานนั้นไปอาศัยอยู่บนเขากันหลายเดือนทำให้ในห้องนั้นต่างเต็มไปด้วยฝุ่นแม้แต่ปลาคาร์ปในอ่างปลาต่างก็ต้องเอาชีวิตรอดด้วยการกินตะไคร่ผอมซูบเสียจนน่าสงสาร เมื่อหลินลั่วหรานโยนเศษผักลงไปปลาพวกนั้นก็ราวกับนักโทษที่เพิ่งได้รับการปลดปล่อยแย่งกันกินอาหารจนน้ำกระเด็นไปทั่ว
หลินลั่วหรานจัดการตัดพุ่มไม้ ก่อนที่จะปล่อยพลัง “ทำความสะอาด” ออกมาเพื่อจัดการทำความสะอาดทั้งในและนอกห้อง ก้อนฝุ่นถูกเวททำความสะอาดหอบรวมกันขึ้นมาเป็ลูกขนาดเท่าแตงโมหลังจากหลินลั่วหรานเอาถุงพลาสติกเข้ามาใส่เอาไว้ก็ถือว่าการทำความสะอาดเสร็จสิ้นไปได้ด้วยดี คฤหาสน์หลังนี้ไม่ได้มีคนให้มาเหมือนกับคฤหาสน์ในเขาชิงเฉิง หากจะให้พูดแล้วคฤหาสน์หลังนี้ต่างหากที่หลินลั่วหรานหามันมาได้ด้วยตัวเองอีกทั้งเป็บ้านเก่าของอาจารย์เจี่ยอีกแม้ว่าหลินลั่วหรานจะไม่ได้พักอยู่ด้านในนี้เท่าไร แต่ก็มีความหมายที่แตกต่างกัน
เธอเดินขึ้นบันไดไปยัง้าตึกที่เธอพักที่นี่เป็สถานที่แรกที่เธอเริ่มฝึกศาสตร์ ในตอนนั้นเธอไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับการฝึกศาสตร์เลยแม้แต่น้อยดังนั้นอย่าได้พูดถึงเื่เวทเลย แม้แต่พลังในร่างของเธอก็ยังไม่อาจจะควบคุมมันได้
ในห้องของหลินลั่วหรานนั้นมีคอมพิวเตอร์อยู่เมื่อคิดขึ้นมาได้ว่าได้สั่งกล่องหยกไปเรียบร้อยหมดแล้วแต่ยังไม่รู้เลยว่ามีใครสนใจห่อสิ่วโอวของเธอไหม? เมื่อเห็นว่าท้องฟ้ายังคงสว่างอยู่เธอจึงเปิดคอมพิวเตอร์ขึ้น ก่อนที่จะเข้าไปยัง “กลุ่มผู้พิทักษ์ศาสตร์” อีกครั้ง
เมื่อเข้าไปยังบอร์ดแลกเปลี่ยนกระทู้ทั้งสองของเธอต่างก็ถูกเปลี่ยนเป็สีแดงและปักเอาไว้้าอย่างเกินความคาดหมายของเธอการตอบกลับเองก็มีมากมาย แต่ว่าเธอนั้นไม่ได้เข้าไปดูการตอบกลับในทันที แต่เมาส์ของเธอกลับเคลื่อนไปที่กระทู้ที่ถูกปักเอาไว้้าอีกกระทู้หนึ่งแทน
มันเป็กระทู้ใหม่ที่เพิ่งถูกโพสต์เมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อนดูเหมือนว่า่เวลาในการไร้สาระนั้นจะหมดไปแล้ว จึงมีเพียงสองการตอบกลับเท่านั้นแต่ว่าหลินลั่วหรานกลับอดที่จะกดเข้าไปไม่ได้ เพราะว่าหัวข้อของมันนั้นดึงดูหลินลั่วหรานในตอนนี้มาก “ความสามารถย่ำแย่เกินกว่าจะฝึกไหวขายเทกระจาด ขายหม้อปรุงยาระดับสอง!”
หม้อปรุงยา! หรือว่านี่จะเหมือนกับตอนที่ง่วงขึ้นมาก็มีคนเสนอเอาหมอนมารองให้? หลินลั่วหรานคิดไตร่ตรองในใจแม้ว่าคุณภาพของระดับสองนั้นจะไม่ได้ดีอะไรมาก แต่ว่าเมื่อเทียบกันกับยาที่เธออยากจะทำในตอนนี้แล้วก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
รูปภาพในกระทู้ถูกโหลดออกมาเป็ที่เรียบร้อย มันมีขนาดสูงกว่าสองฟุตหม้อปรุงยาสีทองที่ถูกแกะสลักสวยงามปรากฏขึ้นในสายตาของหลินลั่วหรานแม้ว่าคนที่หม้อปรุงยานั้นจะบอกว่า้าขาย แต่กลับบอกว่า มันคือของสำคัญของอาจารย์ของเขาและเพราะว่าในสำนักนั้นเหลือเขาอยู่เพียงแค่คนเดียวดังนั้นจึงสามารถเอามันออกมาขายได้ และก็ไม่ได้ระบุราคาเอาไว้เพียงบอกว่าใครสนใจก็ให้ทิ้งข้อความเอาไว้เท่านั้น เื่ราคาเอาไว้คุยกันทีหลัง
เมื่อมองไปยังการตอบกลับทั้งสอง หลินลั่วหรานก็เกือบจะหลุดขำออกมาข้อความแรกคือ “ของสำคัญของอาจารย์ก็ยังจะขายนี่มันคนอกตัญญูชัดๆ การประเมินค่าเสร็จสมบูรณ์!” ส่วนอีกข้อความนั้น “ผู้ดูแลบอร์ด รีบมาจัดการแบล็กลิสต์เ้าคนหลอกลวงนี่ด้วยสำนักยาไม่มีมาตั้งนานแล้ว แล้วจะไปมีของสืบทอดอะไรได้ยังไง!”
หลังจากขำเสร็จไปเป็ที่เรียบร้อยแล้วความคิดเห็นที่สองนั้นก็เรียกความสนใจของหลินลั่วหรานขึ้นมา สำนักยา? คือสำนักที่ทำยาโดยเฉพาะเหรอ?
แม้ว่าในทุกวันนี้พลังจะกระจุยกระจายไปทั่ว บางครั้งสมุนไพรวิเศษในป่าเขาก็ยังไม่บริสุทธิ์ หากพวกเขาทำยาเพื่อใช้ชีวิตแบบนี้ก็ไม่น่าจะมีเหลือแล้วนี่นา...ในใจของหลินลั่วหรานเต็มไปด้วยความสงสัยเธอจึงส่งข้อความส่วนตัวไปยังคนที่มีชื่อว่า “ลูกศิษย์ศาสตร์ยาที่ไม่รักดี”
โอเค แม้ว่าจะรู้ว่ามีคนไปตรวจสอบตัวจริงของเื้ัทุกๆ ไอดีอีกทั้งกระทู้นี้ยังถูกผู้ดูแลบอร์ดปักเอาไว้้าหลินลั่วหรานก็ยังคิดว่ามันเป็เื่หลอกลวงอยู่ดี เวลาที่คนคนนี้ลงทะเบียนนั้นก็เพียงแค่สิบนาทีก่อนจะลงกระทู้นี้เอง
ไม่นานนัก “ลูกศิษย์ศาสตร์ยาที่ไม่รักดี” ก็ตอบกลับมา หม้อปรุงยาต้องแลกด้วยของวิเศษเท่านั้น ไม่ขาย!
นี่เป็สิ่งที่หลินลั่วหรานได้คาดเอาไว้แล้วแต่ว่าในตอนที่หลินลั่วหรานตอบกลับไปว่า เขา้าจะแลกกับอะไรนั้น“ลูกศิษย์ศาสตร์ยาที่ไม่รักดี” ก็เงียบไปสักพักจนเมื่อหลินลั่วหรานเริ่มเร่งเข้า เขาถึงได้ถามกลับมาว่า “คุณหาดอกมี่เิเพราะ้าจะทำยาอะไร?”
หลินลั่วหรานกลอกตาขึ้น้า ฉันจะไปบอกว่า ฉันจะทำยาระดับพื้นฐานไหมล่ะฉันไม่ใช่คนโง่สักหน่อย!
หลินลั่วหรานไม่ได้ตอบกลับคำถามของเขา แต่กลับถามออกไปตรงๆว่าใช้ห่อสิ่วโอวร้อยปีแลกได้ไหม หากว่าไม่ได้ ้าสมุนไพรวิเศษระดับไหน
ทางฝั่งด้านนั้นไม่ได้ลังเลเลยแม้แต่น้อยแถมยังส่งสติ๊กเกอร์แสดงอารมณ์เย้ยหยันกลับมา
“แม้แต่หม้อปรุงยาของสำนัก ผมยังขายแล้วเลยแล้วจะเอาสมุนไพรวิเศษของคุณมาทำอะไรล่ะ?”
แม้ว่าหลินลั่วหรานจะเป็คนนิสัยดีมาตลอดแต่ว่าก็ยังคงถูกคนคนนี้ทำเอาไม่รู้จะพูดอย่างไรหรือว่าจะเป็คนสนิทที่ตั้งใจจะมาแกล้งให้เธอเสียเวลาเล่น? หลินลั่วหรานไม่ได้สนใจอยากจะเล่นดึงดันอะไรกับเขาในตอนที่เธอกำลังจะแบล็กลิสต์เขานั้น ข้อความหนึ่งก็ถูกส่งเข้ามา ถือได้ว่าเป็การลากให้กลับไปยังหัวข้อหลักของการสนทนาอีกครั้ง
“ไม่แกล้งคุณแล้วก็ได้ หม้อปรุงยานี้ให้คุณก็ได้ผม้าแค่ยาที่คุณปรุงครั้งแรกทั้งหมด”
ยาที่ปรุงครั้งแรก? คิ้วของหลินลั่วหรานขมวดเข้าหากันแต่ทางฝั่งนั้นกลับบอกให้เธอรีบส่งที่อยู่มาหลินลั่วหรานจึงให้ที่อยู่ของคฤหาสน์ที่ชิงเฉิงไป ในตอนที่กำลังจะถามอย่างอื่นรูปภาพโปรไฟล์ของเขาก็ดับมืดไป เมื่อไปตรวจสอบดู ก็พบว่าเขาไม่ได้ออนไลน์อยู่แล้ว
มือที่จับเม้าท์ของหลินลั่วหรานแข็งทื่อ คนคนนี้แปลกเกินไปแล้วแม้แต่ว่าจะส่งของตอนไหนก็ยังไม่บอก เขา้ายาที่เธอทำขึ้นมาครั้งแรกจริงๆเหรอ?
แม้แต่ตัวหลินลั่วหรานในตอนนี้ เธอยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่ายาที่เธอจะทำออกมาในครั้งแรกนี้ คือยาอะไร!